Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
O บันทึกแห่งสายน้ำ .. O









เพลง .. Romance De Lamour-Guitar



O เจ้าพระยาเลื่อนผิว แล่นริ้ว-ตื่น
เห็นเกลียวคลื่นฝัดละออง .. เป็นฟองขาว
สายน้ำไหลต่อเนื่อง .. บอกเรื่องราว-
อันยืดยาวหลั่งไหล .. ผ่านใจคน

O เริ่มแต่-นกบินว่อน .. ปีกร่อนคว้าง
เมื่อพันแสงพราวพร่างอยู่กลางหน
ลมต้นหนาวโหมเห่-พร้อมเล่ห์กล,
ความตาย-เลือดคาวข้น .. ก็หล่นรอ
O วาบล้ม .. วาบล้ม .. กลางลมร่ำ
เมื่อความต่ำช้าแรก .. เริ่มแตกช่อ
จิตวิญญาณ, ภพชาติ – หรืออาจพอ-
ถมลงก่อ-สังคมอุดมการณ์ ?
O มโหระทึกครึกโครม .. เลือดโทรมร่าง
อยู่ท่ามกลางแผ่นดินและถิ่นฐาน
ขณะลมรวยริน, จิตวิญญาณ-
ก็ทะยานโลดเต้น .. ไม่เว้นรอย
O ล้มแล้ว .. ล้มเล่า .. ทุกเงารูป-
หล่นร่างจูบจบเรื่องอย่างเงื่องหงอย
บนเสียงโอดอื้นครวญ .. แต่ล้วนคอย-
กำสรวลสร้อยเบิกบทลงรดริน
O โพธิ์ยังคงระบัดใบอยู่ในที่
ท่ามกลางชีวิตหยุด-ลมสุดสิ้น
ครึกโครมการวาบล้มลงถมดิน
เป็นเสี้ยนศึกไพรินทร์กลางถิ่นตน
O ที่ยังเหลือ-เนื้อเลือด .. ย่อมเดือดอยู่
และย่อมรู้ .. เลือดหลั่งว่ายังข้น
กลางคาวเลือดหลั่งริน, การดิ้นรน-
ก็ยังขวนขวายอยู่ .. ไม่รู้วัน
O ความรับรู้สำหรับให้คับแค้น-
ยังตรึงแน่นเกินจิต-อาจบิดผัน
กลางไม้แผ่ร่มเงา, ยังเท่าทัน-
เลศนัย, สันดานเดิม .. แต่เริ่มมี
O รอเถิดปวงกำสรด .. เคยรดหลั่ง
จักสุมสั่งจำหลัก .. รูป, ศักดิ์ศรี
อันจะคอยกล่อมเห่ใจเสรี
เอาต่อตีรูปนิมิต .. ให้บิดเบือน
O รอเถิดรูปนามประดา .. ถูกพร่าผลาญ
ถ้วนสิ้นจิตวิญญาณ, ย่อมผ่านเคลื่อน-
เพื่อเอื้อมปิดแสงวาวของดาวเดือน
ให้มืดเหมือนครั้งครา-เข่นฆ่ากัน
O ภพชาติผู้ปลิดปลง .. ย่อมส่งผ่าน-
นัย-สืบสานแทรกจิตเกินปิดกั้น
เพื่อเปลี่ยนการ-รับรู้ .. เคยรู้กัน-
รับรู้-บัญชาต่ำ .. เคยกล้ำกลืน
O หน้าซบแนบแผ่นดินอย่างสิ้นท่า
ท่ามกลางความปรีดา-แววตารื่น-
ของเหยี่ยวกลางนาคร .. ที่ย้อนคืน-
รอหยิบยื่นทุรกรรมอยู่คล่ำคลา
O ภาพศพนอนกลาดเกลื่อน .. ค่อยเลือนลับ
กาลโถมทับลบเลือนจนเหมือนว่า-
เหลือเพียงภาพมิตรสหาย .. ลอบชายตา
ยิ้มในหน้าสมเพช .. ต่อเหตุการณ์
O ภาพศพไร้คุณค่า .. หล่นคาพื้น
เสียงโอดอื้น, ปวดร้าว, คำกล่าวขาน-
แว่ว, รับรอง-โลกฝันจากวันวาน-
ไว้ต่อต้าน .. เลศสร้าง .. ไว้อ้างอิง
O เส้นทางยังมีปลายให้หมายสู่
หาก-รับรู้, ขวนขวาย-ซัดส่ายยิ่ง
ใจ-อ่อนเยาว์, เบา, กลวง-ถูกช่วงชิง-
ตราบหมุนกลิ้งเกลือกผล .. อยู่อลเวง
O วงรอบจับยึดแห่งพฤติกรรม
ก็ฝึกฝนเคี่ยวกรำ .. กัน-คร่ำเคร่ง
เห็นคล้ายการปรุงปรน-ใจตนเอง-
ก่อน-เร้า, เร่ง-ชาติภพ .. เข้าหลบ-รอ !
O วาบล้ม .. วาบล้ม .. กลางลมร่ำ
เมื่อความต่ำช้าแรก .. เคยแตกช่อ-
ปรับวิญญาณแอบเร้น-ให้เย็นพอ-
ร่วมสร้างก่อ-สังคมด้วยคมคำ
O เจ้าพระยาไหลผ่านอยู่นานเนิ่น
ยั่วหยอกเอินสองฝั่ง .. อยู่ยังค่ำ
หล่อเลี้ยงไทยสองฝั่ง .. พร้อมทั้งบำ-
บัด-ชอกช้ำเร่าร้อนให้ผ่อนคลาย
O กระเพื่อมสายเอื่อยอ่อย .. ค่อยค่อยไหล
ล้างคราบไคลลิ่มเลือดจนเหือดหาย
แต่เมื่อม่านเข่นขับ .. ชีพดับวาย
ยังไม่กลายแรงซัด .. จนบัดนี้ !
O เคยซัดศพลอยฟ่อง - ผู้ป้องเมือง
อย่างต่อเนื่อง, ชลาลัย .. ยังไหลรี่
และทุกศพ - เจ้าพระยาคงปราณี-
รอลูบโลมหน้าผี .. อย่างที่เคย

O เห็นสายน้ำเลื่อนผิวแล่นริ้ว-ตื่น
เป็นริ้วคลื่นเย็นเฉียบ, จากเรียบเฉย-
ค่อยปั่นป่วนรอรับ-ชีพลับเลย-
ล่องลอยเกยริมฝั่ง .. อีกครั้งแล้ว !




Create Date : 04 กรกฎาคม 2556
Last Update : 26 มิถุนายน 2561 19:27:23 น. 0 comments
Counter : 1735 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.