Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
กุมภาพันธ์ 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
1 กุมภาพันธ์ 2553
O ปรารมภะบท....O
All Blogs
O ฝนตกขี้หมูไหล O
O การยุทธและบุษบัน .. O
O แสงสุดท้ายที่ปลายสมัย .. O
O ทาสด้วยใจ .. O
O จุดไฟในสายลม .. O
O ในเส้นทาง .. O
O โมฆะกรรม .. O
O อวดร่ำอวดรวย .. O
O อุปถัมภ์ค้ำชู .. O
O โวหารภาพพจน์ .. O
O กาก-กวี .. O
O สุนทรภู่ .. O
O เมื่อปีกผีเสื้อกระหยับ .. O
O ปลายทางที่เลอะเลือน .. O
O วาทกรรมซ้ำซาก .. O
O กลางริ้วลมร่ำ .. O
O ค่ำนี้ .. O
O ระยะเปลี่ยนผ่าน .. O
O ลำไผ่แห่งใจสยาม .. O
O แม่ .. O
O เรา .. ทั้งสอง O
O ลมหายใจ .. แห่งอำนาจนิยม .. O
O ฉันคือประชาชน .. O
O สามานยะสมัย .. O
O บันทึกแห่งสายน้ำ .. O
O ริมฝั่งเจ้าพระยา .. O
O โอ - อึกทึก .. ! O
O สายน้ำ .. จำนรรจ์ .. O
O วาทกรรมแห่งความดี .. ? O
O ดาวต่างดวง .. ? O
O ความเปลี่ยนแปลง .. O
O เสียงฝน .. และสาบควาย ! .. O
O ลอกคราบ .. สังคมไทย ! O
O สีซอให้ .. ควายฟัง O
O บัวดอกนั้น...O
O แด่..นายกฯหญิง และ บริวาร...O
O องค์ธรรมแห่งวิสาขะมาส...O
O ลมยามเช้า....O
O แด่ .. อริยะภาวะ .. O
O น้ำหลากสาย... O
O ตรู่เช้าเดือน ๑๒...O
O แด่..เธอผู้พายเรือ...O
O นามธรรม - หลอน...! O
O ช่อมาลัย...O
O เปลวไฟแห่งฝัน..? O
O คือ..ฝันที่ลอยฟ่อง..! O
O ปรารมภะบท....O
O ปรารมภะบท....O
เพลง.....Romance De Lamour - Guitar
ขึ้นบล็อคใหม่....เพราะต้องการเขียนงานในท่วงทำนองใหม่ที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม...และชี้นำคนอ่าน...เรียกได้ว่าเป็นท่วงทำนองแบบ...โวหารภาพพจน์...ที่จะเขียนในยามที่มีอารมณ์ดัดจริตอยู่สักหน่อย....
กลอนลักษณะนี้จะต้องเชิดชู...อุดมคติ...อุดมการณ์...ที่มีต่อคนส่วนใหญ่ หรือ สังคมส่วนรวม...ทั้งทางการเมือง..ศาสนา...และสังคม
เป็นกลอนที่เขียนความดีงามทั้งหลายที่จำต้องคงอยู่เป็นหลักยึดจิตใจให้คนผ่านตาได้คิด..ใคร่ครวญ...แม้ว่าตัวคนเขียนทั้งหลายนั้นหาได้มีคุณวิเศษแบบที่ตัวเองพยายามชี้นำคนอ่านนั้นก็ตาม
จึงเรียกว่า....โวหารภาพพจน์...คือโวหารที่สร้างภาพของคนเขียนให้ดูดี..มีอุดมคติ..อุดมการณ์ต่อส่วนรวมนั่นเอง...
ดังนั้นเมื่ออ่านกลอนแนวนี้ที่คนมักยกย่องกันว่าเป็น"บทกวี" จำต้องแยกให้ออกระหว่างบทบาทที่แสดงออกทางตัวหนังสือ กับ ความเป็นจริงของจิตวิญญาณคนเขียนว่า ไม่จำเป็นต้องไปในทางเดียวกัน
คือคนเขียน...ไม่จำเป็นต้องมีจิตอาสา...จิตสาธารณะ...จิตเสียสละ...จิตประชาธิปไตย...และสารพัดจิตที่สรรหากันมาพูดให้เท่ๆ...แต่อย่างใด
ให้มองเหมือนดารานักแสดงที่เล่นบทบาทในหนังแต่ละเรื่อง...ดีบ้าง...ชั่วบ้าง...ซึ่งจะแตกต่างกับตัวตนจริงที่อาจดีมาก...จนถึงเลวสุด
โวหารภาพพจน์...จะเห็น ได้ยิน ได้สัมผัสกันมากในวาระทางการเมืองและทางศาสนา...และตั้งใจจะเขียนในสองประเด็นนี้เป็นหลัก...รวมทั้งประเด็นของจารีตประเพณี เป็นสำคัญ....
อาการดัดจริตขึ้นเมื่อไร...ก็จะเขียนเมื่อนั้น...!
ส่วนรูปนี้เป็น...อาการภาพพจน์...ไม่ใช่...โวหารภาพพจน์...ดูกันไว้
๐ โวหารภาพพจน์....๐
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๐ ความ-คำเพราะคัมภิระประพจน์
ระบุบทะบาทมี
เหมือนคอยจะปล่อยทิฐิวิถี
บทะธีระหนักหนา
๐ ยั่วแย้งแสดงวุฒิวิภาษ
ผิวะปราศก็แต่ปรา-
รมภ์ตนจะป่นอัตะสถา-
นะสภาวะรูปรอย
๐ จึงคำเพราะคำระบุระบือ
ก็กระพือซะเลิศลอย
เชื่องเชื่อก็เหลือจะผละจะถอย
จิตะคล้อยบ่อาจขืน
๐ พากย์ชี้วิถีวัตระประพฤติ
อัตะยึดก็หยัดยืน
นำทางระหว่างนิละทะมื่น
จะลุตื่น ณ ในตน ?
๐ แว่วเสียงก็เพียง..อุระระรัว
นิระกลัวจะหลงกล
แห่ห้อมตะล่อมสัทะระคน
นยะล้นพิมลหลาย
๐ สรรสรรพะศัพท์ธิระประดิษฐ์
ตละคิดก็คมคาย
ว่อนวางพยางคะอภิปราย
จิตะคล้ายจะเคลิ้มฝัน
๐ หวั่นไหวกระไร..สุภะประพจน์
มธุรสะโรมรัน
หลักการก็ควานและเสาะกระสัน
อภินันทนาไทย
๐ การเมือง ณ เบื้องปุระสยาม
ขณะทรามละลามนัย
เสียงสู่ก็รู้มุสะสมัย
สุตะใด-ประดาเดียว
๐ เมื่อทราม..ละลามระยะประเทศ
นยะเลศะกรูเกรียว
คมคำกระหน่ำ..ฤจะเฉลียว
ผิวะเขี้ยวจะขบลง
๐ พรรณนาประดานยะประดุจ-
บริสุทธิแผ่วง
ไหนเลยจะเคยจะพิสวง-
อุปสงคะดั้งเดิม
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๐ ลมตื่นระผืนน้ำ...........ภพะต่ำก็ตวงเติม-
คำหวานประสารเสริม.....ฤดิเริ่มก็ปรารมภ์
๐ โกสุมปทุมา..............ดละภาวะหอมพรม
ผึ้งภู่ ฤ รู้สม-................มุติห่มจะร้างหาย
๐ ดอกขาวอะคร้าวรูป....วตะลูบก็รำบาย-
หอมฟุ้งจรุงหมาย..........ผิวะตายจะยอมตน
๐ อำนาจและอาชญา.....เสาะสภาวะเพื่อพล-
อวยเดชวิเศษผล..........จะผละพ้น ฤ แผดเผา ?
๐ เนานันทะสรรเสริญ....ขณะเพลิน ฤ ผ่อนเพลา
ยศศักดิ์ฉลักเขลา.........ก็ระเร้าฤดีรมย์
๐ ขัดแย้งเพราะแย่งยำ-..สัทะธรรมะติดตม
เคลิ้มขำกะคำคม..........ขณะถ่มเลอะดินแดน
๐ แบ่งข้างระหว่างข้า.....คุณะค่าก็คลอนแคลน
จึงอานุภาพแสน-..........ยะจะแม้นจะมอดลง
๐ อำนาจและอาชญา.....ดละทาสะรูปทรง
การเลศะเจตมง-...........คละคงจะมีหรือ
๐ ร่มบุญ..สกุลคน.........ธนะผละร่วมมือ
เล่ห์ฉันทะบันลือ-..........ก็กระพือกระเพื่อมหาง
๐ เก่งกาจกระไรคน.......คติวนและว่อนวาง
เชื่องเชื่อ..ก็เหลือง้าง-..จะเสาะอ้างกะเหตุผล
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
๐ อึ้มแอ้มออกเสียง.......นั้นเพียงเพื่อชน
เหลียวมองจ้องตน........คำรนโวหาร
๐ ฟังเถิดฟังคำ.............ลึกล้ำหลักการ
อักโขโอฬาร................เพื่อบ้านเพื่อเมือง
๐ รับใช้อำนวย.............ย่อมด้วยศรัทธา
หลงรักนักหนา.............บอดบ้าเปล่าเปลือง
๐ ตอกลิ่มทิ่มแทง.........พวกแดงพวกเหลือง
อกกรุ่นขุ่นเคือง............เชื่อเชื่องพอกัน
๐ เป็นไทด้วยชาติ.........เป็นทาสด้วยใจ
ตื้นเขินเกินไหว-............ทันไขรำพัน
๐ เรื่องนึกตรึกตรอง.......บกพร่องเกินฝัน
แว่วโจษโทษทัณฑ์.......หูหันรอเสียง
๐ ปรุงแต่งภาพพจน์......งามรสวาที
ออกสื่อช่วยชี้..............วาดวีสำเนียง
๐ นั้นถูกนี้ผิด...............รอพิศรอเพียง-
ความถ้อยร้อยเรียง.......อยู่เคียงหน้าตน
๐ จับโยงเรื่องราว.........รู้กล่าวรู้คาด
เพื่อชนทั้งชาติ.............รู้ภาษรู้พล
๐ ตราบน้อมใจนับ........ตอบรับลุกลน
กี่ครั้งกี่หน..................ทุกหนทุกครั้ง
๐ คือปราชญ์คอยปราม..ป้องทรามเข้าแทรก
จำนรรจ์จำแนก............ความแจกให้ฟัง
๐ จงร่ำจงเรียน............ถ้อยเธียรเพียรฝัง
อย่าหยุดอย่ายั้ง...........ตอบตั้งศรัทธา
๐ เยี่ยงนี้คือชน............พล่ามบ่นรักชาติ
เยี่ยงนั้นคือทาส...........ปลอดปราศอัตตา
๐ เยี่ยงนี้คือไท............ผู้ไร้บัญชา-
จัดตั้งสั่งหา.................ด้วยค่าของเงิน
๐ ภาพนั้นดูดี...............แต้มสีแต่งตัว
จากเท้าจดหัว..............ถ้วนทั่วมองเพลิน
๐ ภาพงามเร้ารุม..........ให้อุ้มหยอกเอิน
อิ่มร่ำจำเริญ................ปานเหินเวหา
๐ ผ่านหัวผ่านหู............รับรู้รับฟัง
ลึกล้ำกำลัง.................ฝากฝังปัญญา
๐ ผ่านหูผ่านหัว............เร้ารัวศรัทธา
อาทรอ่อนล้า...............ให้บ้าเข้าเบียน
๐ ความคำทำว่า...........คิดข้าควรการ
สามารถสามานย์..........ควรอ่านข้าเขียน
๐ ความจูงฝูงชน...........หวังผลต้องเพียร
ทอทาบภาพเธียร.........วกเวียนตราบวาย
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 26 มิถุนายน 2561 19:52:18 น.
3 comments
Counter : 1617 Pageviews.
Share
Tweet
เกลียดคนในรูปค่ะ
โดย:
medkhanun
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:03:39 น.
อ้าว....เม็ดขนุนนี่เอง
นึกว่าใคร....จะมาเจิมบล็อคใหม่เอี่ยมนี่...555
สาวน้อยใจเด็ดใช้ได้....
มุสลิมแถวกรือเซะ...เขาคงรู้สึกไม่ต่างกับเม็ดขนุน
.
.
ใครฆ่าประชาชน
ใครปล้นประชาธรรม
ใครหยามและเหยียบย่ำ
เราย่อมรู้อยู่แก่ใจ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:53:43 น.
เกิดขึ้น คงอยู่ และ ดับไป
ทุกท่าน ย่อมเข้าถึง อย่างแน่นอน
ปล่อย ปล่อย วาง วาง บ้างเถอะทุกท่าน
เจ้าเกิดมามีอะไรมากับเจ้า
จะมัวเมาโลภมากไปถึงไหน
เจ้ากลับไปเจ้าก็ไม่ได้ อะไรไป
เจ้าก็ไป ดั่ง ...เจ้ามา
โดย: เต๊ะ ท่าช้าง IP: 182.232.87.1 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:11:23:04 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.