Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
1 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
O ปรารมภะบท....O






เพลง.....Romance De Lamour - Guitar


ขึ้นบล็อคใหม่....เพราะต้องการเขียนงานในท่วงทำนองใหม่ที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม...และชี้นำคนอ่าน...เรียกได้ว่าเป็นท่วงทำนองแบบ...โวหารภาพพจน์...ที่จะเขียนในยามที่มีอารมณ์ดัดจริตอยู่สักหน่อย....

กลอนลักษณะนี้จะต้องเชิดชู...อุดมคติ...อุดมการณ์...ที่มีต่อคนส่วนใหญ่ หรือ สังคมส่วนรวม...ทั้งทางการเมือง..ศาสนา...และสังคม

เป็นกลอนที่เขียนความดีงามทั้งหลายที่จำต้องคงอยู่เป็นหลักยึดจิตใจให้คนผ่านตาได้คิด..ใคร่ครวญ...แม้ว่าตัวคนเขียนทั้งหลายนั้นหาได้มีคุณวิเศษแบบที่ตัวเองพยายามชี้นำคนอ่านนั้นก็ตาม

จึงเรียกว่า....โวหารภาพพจน์...คือโวหารที่สร้างภาพของคนเขียนให้ดูดี..มีอุดมคติ..อุดมการณ์ต่อส่วนรวมนั่นเอง...

ดังนั้นเมื่ออ่านกลอนแนวนี้ที่คนมักยกย่องกันว่าเป็น"บทกวี" จำต้องแยกให้ออกระหว่างบทบาทที่แสดงออกทางตัวหนังสือ กับ ความเป็นจริงของจิตวิญญาณคนเขียนว่า ไม่จำเป็นต้องไปในทางเดียวกัน

คือคนเขียน...ไม่จำเป็นต้องมีจิตอาสา...จิตสาธารณะ...จิตเสียสละ...จิตประชาธิปไตย...และสารพัดจิตที่สรรหากันมาพูดให้เท่ๆ...แต่อย่างใด

ให้มองเหมือนดารานักแสดงที่เล่นบทบาทในหนังแต่ละเรื่อง...ดีบ้าง...ชั่วบ้าง...ซึ่งจะแตกต่างกับตัวตนจริงที่อาจดีมาก...จนถึงเลวสุด

โวหารภาพพจน์...จะเห็น ได้ยิน ได้สัมผัสกันมากในวาระทางการเมืองและทางศาสนา...และตั้งใจจะเขียนในสองประเด็นนี้เป็นหลัก...รวมทั้งประเด็นของจารีตประเพณี เป็นสำคัญ....

อาการดัดจริตขึ้นเมื่อไร...ก็จะเขียนเมื่อนั้น...!





ส่วนรูปนี้เป็น...อาการภาพพจน์...ไม่ใช่...โวหารภาพพจน์...ดูกันไว้


๐ โวหารภาพพจน์....๐


วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

๐ ความ-คำเพราะคัมภิระประพจน์
ระบุบทะบาทมี
เหมือนคอยจะปล่อยทิฐิวิถี
บทะธีระหนักหนา

๐ ยั่วแย้งแสดงวุฒิวิภาษ
ผิวะปราศก็แต่ปรา-
รมภ์ตนจะป่นอัตะสถา-
นะสภาวะรูปรอย

๐ จึงคำเพราะคำระบุระบือ
ก็กระพือซะเลิศลอย
เชื่องเชื่อก็เหลือจะผละจะถอย
จิตะคล้อยบ่อาจขืน

๐ พากย์ชี้วิถีวัตระประพฤติ
อัตะยึดก็หยัดยืน
นำทางระหว่างนิละทะมื่น
จะลุตื่น ณ ในตน ?

๐ แว่วเสียงก็เพียง..อุระระรัว
นิระกลัวจะหลงกล
แห่ห้อมตะล่อมสัทะระคน
นยะล้นพิมลหลาย

๐ สรรสรรพะศัพท์ธิระประดิษฐ์
ตละคิดก็คมคาย
ว่อนวางพยางคะอภิปราย
จิตะคล้ายจะเคลิ้มฝัน

๐ หวั่นไหวกระไร..สุภะประพจน์
มธุรสะโรมรัน
หลักการก็ควานและเสาะกระสัน
อภินันทนาไทย

๐ การเมือง ณ เบื้องปุระสยาม
ขณะทรามละลามนัย
เสียงสู่ก็รู้มุสะสมัย
สุตะใด-ประดาเดียว

๐ เมื่อทราม..ละลามระยะประเทศ
นยะเลศะกรูเกรียว
คมคำกระหน่ำ..ฤจะเฉลียว
ผิวะเขี้ยวจะขบลง

๐ พรรณนาประดานยะประดุจ-
บริสุทธิแผ่วง
ไหนเลยจะเคยจะพิสวง-
อุปสงคะดั้งเดิม



อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

๐ ลมตื่นระผืนน้ำ...........ภพะต่ำก็ตวงเติม-
คำหวานประสารเสริม.....ฤดิเริ่มก็ปรารมภ์

๐ โกสุมปทุมา..............ดละภาวะหอมพรม
ผึ้งภู่ ฤ รู้สม-................มุติห่มจะร้างหาย

๐ ดอกขาวอะคร้าวรูป....วตะลูบก็รำบาย-
หอมฟุ้งจรุงหมาย..........ผิวะตายจะยอมตน

๐ อำนาจและอาชญา.....เสาะสภาวะเพื่อพล-
อวยเดชวิเศษผล..........จะผละพ้น ฤ แผดเผา ?

๐ เนานันทะสรรเสริญ....ขณะเพลิน ฤ ผ่อนเพลา
ยศศักดิ์ฉลักเขลา.........ก็ระเร้าฤดีรมย์

๐ ขัดแย้งเพราะแย่งยำ-..สัทะธรรมะติดตม
เคลิ้มขำกะคำคม..........ขณะถ่มเลอะดินแดน

๐ แบ่งข้างระหว่างข้า.....คุณะค่าก็คลอนแคลน
จึงอานุภาพแสน-..........ยะจะแม้นจะมอดลง

๐ อำนาจและอาชญา.....ดละทาสะรูปทรง
การเลศะเจตมง-...........คละคงจะมีหรือ

๐ ร่มบุญ..สกุลคน.........ธนะผละร่วมมือ
เล่ห์ฉันทะบันลือ-..........ก็กระพือกระเพื่อมหาง

๐ เก่งกาจกระไรคน.......คติวนและว่อนวาง
เชื่องเชื่อ..ก็เหลือง้าง-..จะเสาะอ้างกะเหตุผล



วิชชุมมาลาฉันท์ ๘

๐ อึ้มแอ้มออกเสียง.......นั้นเพียงเพื่อชน
เหลียวมองจ้องตน........คำรนโวหาร
๐ ฟังเถิดฟังคำ.............ลึกล้ำหลักการ
อักโขโอฬาร................เพื่อบ้านเพื่อเมือง

๐ รับใช้อำนวย.............ย่อมด้วยศรัทธา
หลงรักนักหนา.............บอดบ้าเปล่าเปลือง
๐ ตอกลิ่มทิ่มแทง.........พวกแดงพวกเหลือง
อกกรุ่นขุ่นเคือง............เชื่อเชื่องพอกัน

๐ เป็นไทด้วยชาติ.........เป็นทาสด้วยใจ
ตื้นเขินเกินไหว-............ทันไขรำพัน
๐ เรื่องนึกตรึกตรอง.......บกพร่องเกินฝัน
แว่วโจษโทษทัณฑ์.......หูหันรอเสียง

๐ ปรุงแต่งภาพพจน์......งามรสวาที
ออกสื่อช่วยชี้..............วาดวีสำเนียง
๐ นั้นถูกนี้ผิด...............รอพิศรอเพียง-
ความถ้อยร้อยเรียง.......อยู่เคียงหน้าตน

๐ จับโยงเรื่องราว.........รู้กล่าวรู้คาด
เพื่อชนทั้งชาติ.............รู้ภาษรู้พล
๐ ตราบน้อมใจนับ........ตอบรับลุกลน
กี่ครั้งกี่หน..................ทุกหนทุกครั้ง

๐ คือปราชญ์คอยปราม..ป้องทรามเข้าแทรก
จำนรรจ์จำแนก............ความแจกให้ฟัง
๐ จงร่ำจงเรียน............ถ้อยเธียรเพียรฝัง
อย่าหยุดอย่ายั้ง...........ตอบตั้งศรัทธา

๐ เยี่ยงนี้คือชน............พล่ามบ่นรักชาติ
เยี่ยงนั้นคือทาส...........ปลอดปราศอัตตา
๐ เยี่ยงนี้คือไท............ผู้ไร้บัญชา-
จัดตั้งสั่งหา.................ด้วยค่าของเงิน

๐ ภาพนั้นดูดี...............แต้มสีแต่งตัว
จากเท้าจดหัว..............ถ้วนทั่วมองเพลิน
๐ ภาพงามเร้ารุม..........ให้อุ้มหยอกเอิน
อิ่มร่ำจำเริญ................ปานเหินเวหา

๐ ผ่านหัวผ่านหู............รับรู้รับฟัง
ลึกล้ำกำลัง.................ฝากฝังปัญญา
๐ ผ่านหูผ่านหัว............เร้ารัวศรัทธา
อาทรอ่อนล้า...............ให้บ้าเข้าเบียน

๐ ความคำทำว่า...........คิดข้าควรการ
สามารถสามานย์..........ควรอ่านข้าเขียน
๐ ความจูงฝูงชน...........หวังผลต้องเพียร
ทอทาบภาพเธียร.........วกเวียนตราบวาย


Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 26 มิถุนายน 2561 19:52:18 น. 3 comments
Counter : 1617 Pageviews.

 
เกลียดคนในรูปค่ะ


โดย: medkhanun วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:03:39 น.  

 
อ้าว....เม็ดขนุนนี่เอง
นึกว่าใคร....จะมาเจิมบล็อคใหม่เอี่ยมนี่...555

สาวน้อยใจเด็ดใช้ได้....
มุสลิมแถวกรือเซะ...เขาคงรู้สึกไม่ต่างกับเม็ดขนุน
.
.
ใครฆ่าประชาชน
ใครปล้นประชาธรรม
ใครหยามและเหยียบย่ำ
เราย่อมรู้อยู่แก่ใจ


โดย: สดายุ... วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:53:43 น.  

 
เกิดขึ้น คงอยู่ และ ดับไป

ทุกท่าน ย่อมเข้าถึง อย่างแน่นอน

ปล่อย ปล่อย วาง วาง บ้างเถอะทุกท่าน


เจ้าเกิดมามีอะไรมากับเจ้า
จะมัวเมาโลภมากไปถึงไหน
เจ้ากลับไปเจ้าก็ไม่ได้ อะไรไป
เจ้าก็ไป ดั่ง ...เจ้ามา


โดย: เต๊ะ ท่าช้าง IP: 182.232.87.1 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:11:23:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.