Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
O แด่..นายกฯหญิง และ บริวาร...O











เพลง...ลาวเจริญศรี
วงกอไผ่



O จะแต่งโคลงกทู้.......ให้ตรึกนึกดู
เหล่าสูผู้นำ.................จักคอยร้อยเหน็บ
ให้เจ็บให้จำ................หากเลี่ยงเบี่ยงคำ
จักซ้ำให้ซม

O เป็นนักการเมือง........อย่าเซ่ออย่าเซื่อง
ฟุ้งเฟื่องคารม..............อาสารับใช้
อย่าได้ด่ำดม...............ลิ้นเลียอาจม
ถุยถ่มน้ำลาย

O สินบาทสินบน..........อย่าคาดอย่าค้น
เวียนวนสินหมาย..........อ้าปากลิ้นไก่
อย่าได้โผล่ปลาย.........ผกผลุนวุ่นวาย
เหมือนป้ายบอกตน

O อำนาจอาชญา.........ใหญ่เยี่ยมเทียมฟ้า
บอกค่าบอกคน............ปัญญากล้าแกร่ง
ย่อมแต่งเป็นผล...........มีพวกมีพล
สู่บนบัลลังก์

O อย่าแก่งแย่งดี..........เป็นรัฐมนตรี
อัปรีย์น่าชัง.................สามารถเมื่อด้อย
ย่อมน้อยคนฟัง............อย่าปรุงมุ่งหวัง
ให้ตั้งเกินตัว


O จะ...กล่าวความคิดให้.........เห็นกล
แต่ง...ประโยคให้ยล..............อย่างไว้
โคลง...สุภาพประพันธ์รณ........ราญต่อ กลีแล
กทู้...แทรกเปรียบเปรยให้.......ห่วงเชื้อชาติฉล ฯ

O ให้...ตระหนักจิตน้อม..........กำหนด
ตรึก...อย่าสู่ทางคด................เกี่ยวข้อง
นึก...อยู่แต่บริบท..................แบบอย่าง ดีนา
ดู...เรื่องชนเรียกร้อง...............รับรู้ช่วยไข ฯ

O เหล่า...ผลประโยชน์นั้น.........สำเหนียก
สู...อย่าเทียวพร่ำเพรียก...........ผูกถ้อย
ผู้...แทนหากคอยเรียก.............รับเสพ ทรัพย์นา
นำ...ชื่อเพียงให้ร้อย................ร่วมชั้นดิรัจฉาน ฯ

O จะ...จารจารึกให้..................คนเห็น
คอย...เหยียดหยามเช้าเย็น.......ประโยคย้ำ
ร้อย...ความประจานเป็น...........แบบชั่ว ฉะนี้นา
เหน็บ...ก่นให้ทุกข์ล้ำ...............เหล่าชั้นสารเลว ฯ

O ให้...อับอายทั้งโคตร............วงศ์ฉล
เจ็บ...ท่วมทัณฑ์ทุกข์ทน..........ลวกสิ้น
ให้...ฉาวโฉ่ทั่วมณ-.................ฑลภาค ไทเวย
จำ...ตราบชีพด่าวดิ้น...............ดับห้วงโมหันต์ ฯ

O หาก...ฉ้อฉลประจักษ์แจ้ง......จัญไร
เลี่ยง...กฎน้ำลายไหล..............ตลบลิ้น
เบี่ยง...ผิดบิดถูกไป.................เป่าปาก ฉะนั้นนา
คำ...สาปให้สู่สิ้น.....................สบห้วงนรกขุม ฯ

O จัก...จดประวัติด้วย...............หนังหมา
ซ้ำ...แห่ทั่วพารา.....................ร่วมร้อง
ให้...ขมขื่นทรมา.....................เหมือนลวก ไฟแล
ซม...โศกอย่าพบพ้อง..............สุขล้ำสำราญ ฯ

O เป็น...คนให้คลับคล้าย..........คือคน
นัก...ปกครองมณฑล..............สง่าไว้
การ...งานเรื่องหมู่ชน...............ควรตระหนัก
เมือง...ใช่เพื่อกรูใกล้...............ก่อเกื้อประโยชน์ผล ฯ

O อย่า...นบนิ้วกราบก้ม............ก้นกระดก
เซ่อ...ซ่าให้คนยก..................เหยียดได้
อย่า...อ้าเอ่ยเวียนวก...............หวังเสพ ทานนา
เซื่อง...ซื่อก็อย่าให้.................โผล่ให้ใครเห็น ฯ

O ฟุ้ง...น้ำลายหยดย้อย...........ควรระวัง
เฟื่อง...คิดเฟื่องความหวัง.........ว่าแจ้ว
คา...รวะแต่ดีฝัง.....................ฝากสัตย์ เสมอนา
รม...แต่พจน์ผ่องแผ้ว..............ย่อมพร้อมยินเสียง ฯ

O อา...การเย่อหยิ่งนั้น.............อย่าเห็น นาพ่อ
สา...ระแนเช้าเย็น...................หยุดไว้
รับ...รู้ช่วยบำเพ็ญ...................เพื่อประโยชน์ เมืองแล
ใช้...พละโอกาสได้.................ดับไข้ทุกข์ประชา ฯ

O อย่า...สุมหัวเกี่ยวข้อง...........ครหา
ได้...ร่วมรับโภชนา..................ทรัพย์ร้อน
ด่ำ...ดิ่งสู่รัถยา.......................ชนเหยียด หยันเวย
ดม...ดื่มคูถน่าขย้อน...............ขยักลิ้นหยุดเสีย ฯ

O ลิ้น...ย่อมมีไว้เพื่อ...............พิมพ์รส
เลีย...เสพเปรี้ยวหวานหยด.......รับรู้
อา...หารเพื่อกำหนด...............นำสู่ กายพ่อ
จม...จ่อมเพียงไว้สู้.................สืบเชื้อชีวัน ฯ

O ถุย...น้ำลายรดฟ้า................ย้อนกลับ หน้าพ่อ
ถ่ม...สู่พื้นย่อมนับ...................ต่ำช้า
น้ำ...ลายหากกลืนกลับ............สู่ปาก ก็ดี
ลาย...แห่งศักดิ์เลื่อนล้า...........หมดสิ้นนับถือ ฯ

O สิน...หรือทรัพย์มากน้อย......เพียงใด
บาท...ชั่งตำลึงไหน................อย่าน้อม
สิน...ลากศักดิ์ถูไป.................เปรียบแอก เทียมนา
บน...ที่ทางย่อมพร้อม.............พากย์เย้ยเหยียดหยัน ฯ

O อย่า...เสกแสร้งบิดพลิ้ว........พูดจา
คาด...คิดตามศรัทธา...............เชื่อแล้
อย่า...เดาดุ่มสุ่มสา-................ระแนเพื่อ พวกเวย
ค้น...เหตุให้ถ่องแท้................ก่อนเอื้อนออกเสียง ฯ

O เวียน...ประเด็นตอกย้ำ..........บรรยาย อย่าพ่อ
วน...วกสาธกหมาย.................กลับย้อน
สิน...ธูหากหยุดสาย................เสมอเน่า เหม็นนา
หมาย...แต่หลักอย่าขย้อน........ประโยคย้ำอาขยาน ฯ

O อ้า...เอ่ยให้ชัดถ้อย.............ชัดคำ
ปาก...อย่าอุบอมพนำ.............หน่วงไว้
ลิ้น...อย่าแลบเลียทำ..............ทีท่า เลศพ่อ
ไก่...นกเปรียบปานให้.............ห่างพ้องพงศ์พรรณ ฯ

O อย่า...รัวลิ้นบอกเชื้อ............บุพชน
ได้...พูดอย่ายกตน.................อวดโอ้
โผล่...กำพืดอับจน..................กาลก่อน ฉะนั้นนา
ปลาย...สุดหางยกโย้...............ย่อมโค้งบ่อาจขืน ฯ

O ผก...หัวเข้าเกี่ยวข้อง............มากมาย ไยพ่อ
ผลุน...ผงกยกคอหมาย............อวดกล้า
วุ่น...วิ่งพากย์บรรยาย..............ยกประโยชน์ ตนนา
วาย...วอดวุฒิเหว่ว้า................ว่าล้วนแต่หลง ฯ

O เหมือน...เขาปักดอกไม้........บนมูล โคพ่อ
ป้าย...แต่งใช่รับจรูญ..............ร่วมซ้อง
บอก...ให้ตรึกเพิ่มพูน..............พิศคู่ ควรนา
ตน...ย่อมคิดเหมาะพ้อง...........แผกนั้นเป็นไฉน ฯ

O อำ...นวยคุณต่างไว้..............ตรึงจิต ชนนา
นาท...แห่งงดงามคิด...............จักย้อน
อาตม์...เล็กหากคุณฤทธิ์..........เรืองยิ่ง นาพ่อ
ยา...อุดคอยผ่อนร้อน..............หมู่เชื้อย่อมเขษม ฯ

O ใหญ่...ยิ่งจนอาจพ้น.............มรณัง ฤๅมี
เยี่ยม...ยอดยังต้องฝัง.............ต่ำใต้
เทียม...ฟ้าเลี่ยงผุพัง...............ชีพป่น พ้นฤๅ
ฟ้า...หลบสูรย์ฉาบไล้..............ล่วงพ้นมีไฉน ฯ

O บอก...ความคิดบ่งให้............เห็นประจักษ์
ค่า...ย่อมคือความรัก...............ร่วมน้อม
บอก...สามารถชนตระหนัก........นำสื่อ ต่อแล
คน...ย่อมคิดควรค้อม..............กราบก้มประนมกร ฯ

O ปัญ...โญภาสยิ่งล้น..............เลอสถาน
ญา...ติเหล่าผองวงศ์วาน...........สืบเชื้อ
กล้า...ยุทธแต่ร่วมการณ์...........กู้เอก ราชนา
แกร่ง...คิดควรกิจเกื้อ..............ย่อมพร้อมบารมี ฯ

O ย่อม...สำแดงผ่านถ้อย.........ทัศนา แลพ่อ
แต่ง...รูป-นามศักยา...............เยี่ยมล้ำ
เป็น...แบบอย่างสัมมา.............ชนชื่น ชมแล
ผล...ย่อมยินยอย้ำ.................ยกซ้องสรเสริญ ฯ

O มี...บารมีคลับคล้าย.............นายคน
พวก...เหล่าย่อมอลวน.............วิ่งล้อม
มี...ภารกิจใดดล....................ดาลหมู่ พร้อมแฮ
พล...ร่วมมือพรักพร้อม............ผ่านได้ทันใด ฯ

O สู่...อำนาจรัฐล้น..................เลอหมาย
บน...บ่าใช่เบาสบาย................แบกสร้าง
บัน...ไดเกียรติอาจกลาย.........การณ์กลับ นาพ่อ
ลัง...คิอาจเปรียบอ้าง..............เอ่ยไว้ให้สังวร ฯ

O อย่า...บำรุงชาติเชื้อ.............ทรพี นาพ่อ
แก่ง...โขดขวางวารี.................เปรียบไว้
แย่ง...หยุดมิจฉาวิถี.................ทานประทุษ ชาตินา
ดี...ย่อมควรมอบให้................พากย์ร้อยชื่นชม ฯ

O เป็น...เสนาสง่าเงื้อม............เงาตน
รัฐ...กิจเพื่อชาวชน.................สุขถ้วน
มน...ตราอำนาจดล................ดาลสิ่ง ชอบนา
ตรี...โลกยามทราบล้วน...........หลั่งถ้อยสรเสริญ ฯ

O อัป...ยศยามเกี่ยวข้อง..........โฉดฉล
ปรีดิ์...ต่อมิจฉาชน..................ชั่วช้า
น่า...รังเกียจเผ่าพล.................เผยโคตร วงศ์แล
ชัง...ย่อมติดยังหน้า................นึกเย้ยเหยียดหยัน ฯ

O สา...มัญประพฤติให้.............ดีงาม พ่อนา
มาด...มุ่งตรองแต่ความ...........เที่ยงแท้
เมื่อ...ฟังอย่าเชื่อตาม..............เขาบอก เทียวนา
ด้อย...เด่นดีชั่วแล้..................ตรึกด้วยเหตุผล ฯ

O ย่อม...รู้ตนรู้สรรพ................กำลัง
น้อย...เดชไร้คนฟัง.................นอบน้อม
คน...มากทรัพย์เด่นดัง.............เสมอพฤกษ์ ใหญ่นา
ฟัง...นกกาแห่ห้อม..................ห่างสิ้นเสียงไฉน ฯ

O อย่า...พูดจากล่าวแกล้ง........แก้ตัว
ปรุง...พจน์แถกลิ้นรัว..............เสกสร้าง
มุ่ง...เถิดลักษณ์หมองมัว..........มุ่งตัด สิ้นแล
หวัง...ปิดฟ้ามืดร้าง.................หมดสิ้นได้หรือ ฯ

O ให้...สำเหนียกจิตไว้............บัดดล
ตั้ง...ปรารถนาสัมมพล.............แน่นแฟ้น
เกิน...ทรามจักก่อกล..............กลายพ่อ นาพ่อ
ตัว...อย่างหนึ่งในแคว้น...........ไป่สิ้นสรเสริญ ฯ




Create Date : 20 สิงหาคม 2554
Last Update : 26 มิถุนายน 2561 19:40:53 น. 13 comments
Counter : 4545 Pageviews.

 
จะแต่ง โคลงกระทู้
ให้ตรึก นึกดู
เหล่าสู ผู้นำ..

จะคอย ร้อยเหน็บ
ให้เจ็บ ให้จำ
หากเลี่ยง เบี่ยงคำ
จักซ้ำ ให้ซม

เป็นนัก การเมือง
อย่าเซ่อ อย่าเซื่อง
ฟุ้งเฟื่อง คารม
อาสา รับใช้
อย่าได้ ด่ำดม
ลิ้นเลีย อาจม
ถุยถ่ม น้ำลาย

สินบาท สินบน
อย่าคาด อย่าค้น
เวียนวน สินหมาย
อ้าปาก ลิ้นไก่
อย่าได้โผล่ปลาย
ผกผลุน วุ่นวาย
เหมือนป้าย บอกตน

อำนาจ อาตม์ยา
ใหญ่เยี่ยม เทียมฟ้า
บอกค่า บอกคน
ปัญญา กล้าแกร่ง
ย่อมแต่ง เป็นผล
มีพวก มีพล
สู่บน บัลลังก์

อย่าแก่ง แย่งดี
เป็นรัฐ มนตรี
อัปปรีดิ์ น่าชัง
สามารถ เมื่อด้อย
ย่อมน้อย คนฟัง
อย่ามุ่ง อย่าหวัง
ให้ตั้ง เกินตัว

เก็บคำหลักมาวางอย่างนี้เรียกว่ากลอนสี่สุภาพได้ไหมคะ
"หนี่งบทมีสองบาท หนี่งบาทมีสองวรรค วรรคหนึ่งมีสี่คำ"
แต่ก็ไม่ทั้งหมด จัดเป็นอะไรได้อีกคะ


อ่านน้ำหนักคำแล้วเหมือนคำกลอนในใบโพยดวงชะตา
แต่น้ำหนักความให้เป็นคัมภีร์ยุทธเจ้าสำนักเลยค่ะ..
การเมืองไทยวันนี้เหมือนเขย่าเซียมซีอย่างไรก็ไม่รู้..
คิดแล้วเหนื่อยจัง จ้ำพรวดๆ แต่ไม่เห็นจุดหมายประมาณนี้..




โดย: Peakroong วันที่: 21 สิงหาคม 2554 เวลา:19:43:05 น.  

 
สวัสดีครับคุณปีกรุ้ง....
ลองสังเกตุดูที่ต้นกระทู้ครับ...ผมลองยกมาสักบท

O เป็นนักการเมือง........อย่าเซ่ออย่าเซื่อง
ฟุ้งเฟื่องคารม..............อาสารับใช้
อย่าได้ด่ำดม...............ลิ้นเลียอาจม
ถุยถ่มน้ำลาย

บาทละ 4 คำ
บทละ 7 บาท ....4x7=28
นี่คือกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ครับ

กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ นี้ ในหนึ่งบท มี ๒ บาท บาทแรกมี ๓ วรรค บาทที่สอง มี ๔ วรรค วรรคหนึ่ง มี ๔ คำ รวมเป็น ๗ วรรค ในหนึ่งบท ถ้านับคำได้เป็น ๒๘ คำ ด้วยเหตุนี้ จึงเรียก กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

การสัมผัสนั้น มีหลักดังนี้ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๕ และวรรคที่ ๖ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ สัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๕ ส่วนการสัมผัสระหว่างบทนั้น คือ คำสุดท้ายของบทแรกไปสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ ในบทถัดไป และถ้าแต่งไปอีกกี่บทก็ตาม ให้ถือหลักการสัมผัสอย่างนี้ไปจนจบเนื้อความตามต้องการ ดังแผนผังการสัมผัส ดังนี้


0001.... 0001
0002.... 0003
0302.... 0002
0004


0005.... 0005
0004.... 0006
0604.... 0004
0007


เนื่องจากกาพย์สุรางคนางค์ 28 นั้นใน 1 บทมี 7 บาท และในแต่ละบาทมี 4 คำ....ในขณะที่โคลงสี่สุภาพบทหนึ่งมี 4 บาท คำในแต่ละบาทของกาพย์สุรางคนางค์จึงพอดีกับจำนวนบาทของโคลง...จึงเอามาเล่นเป็นโคลงกระทู้ได้...

คือเขียนกาพย์เสร็จ ก็แยกเอาคำมาไว้หน้าโคลงทุกบาท บางคำพอแยกแล้วไม่มีความหมายที่จะสื่อได้...ก็เอาคำพ้องเสียงที่มีความหมายมาใช้แทน...

เช่น อำนาจ....พอแยกแล้วได้...อำ+นาจ ซึ่งตัว นาจ นี้ไม่มีความหมาย...ก็ต้องใช้ นาท ที่แปลว่าความบันลือ; เสียงบันลือ, เสียงร้อง มาใช้แทนเป็นต้น

ดังนี้ขอรับ



โดย: สดายุ... วันที่: 21 สิงหาคม 2554 เวลา:20:13:42 น.  

 
ขออภัยค่ะ..เก็บมาวางไม่หมด
จริงจริงแล้วจะถามว่าบทเกริ่นเป็นคำประพันธ์ชนิดไหนนะคะ
และหากมาวางอีกสักรูปแบบจะเข้ากลุ่มไหน
แค่อยากนอกกรอบบ้าง ตัดต่อผิดเสียได้ ..







โดย: Peakroong วันที่: 21 สิงหาคม 2554 เวลา:20:15:44 น.  

 
บทนี้ชอบมากเลยค่ะ

อ้า...เอ่ยให้ชัดถ้อย.............ชัดคำ
ปาก...อย่าอุบอมพนำ.............หน่วงไว้
ลิ้น...อย่าแลบเลียทำ..............ทีท่า เลศพ่อ
ไก่...นกเปรียบปานให้.............ห่างพ้องพงศ์พรรณ ฯ

O อย่า...รัวลิ้นบอกเชื้อ............บุพชน
ได้...พูดอย่ายกตน.................อวดโอ้
โผล่...กำพืดอับจน..................กาลก่อน ฉะนั้นนา
ปลาย...สุดหางยกโย้...............ย่อมโค้งบ่อาจขืน ฯ


ยังไม่ทันอ้าปาก ปลายจะโผล่ออกมาก่อนไหมหนอ




พี่กายย้ายไปลำปางแล้วหรือคะ สบายดีนะคะ ตอนนี้ม่านก็เดินทางไปพิษณูโลกประจำเหมือนกัน เหนื่อยมาก สนุกพอประมาณ เบื่อบ้างนิดหน่อย ชีวิตเนอะ


โดย: ม่านแพร IP: 223.204.153.45 วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:15:23:15 น.  

 

สวัสดีค่ะ...

แต่งโคลงดักทาง "อย่าทำ" ไว้อย่างนี้... แต่ เชื่อเถอะ ต้องมีบ้าง... แต่อย่าให้มีมากอย่าง รัฐบาลที่ผ่านมา ก็แล้วกัน!! ...

รอดูกันค่ะ ยังไม่วิจารณ์ดีกว่า 23 และ 24 แถลงนโยบายค่ะ แต่คงเหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่า...

ขอบคุณค่ะ


โดย: Witch IP: 118.172.109.49 วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:18:25:09 น.  

 
ม่าน....

บทนี้เขียนไว้นานแล้ว...เอามาลงใหม่ให้ถูกที่ถูกทาง...ถูกกาละและโอกาส...55

นึกย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับยุค "ไทยรักไทย" แล้ว ต้องบอกว่าคุณภาพรัฐมนตรีของน้องสาวด้อยกว่ามากมาย...โดยเฉพาะที่มีนามสกุลเดียวกับ...พี่...พ่อ...ผัว...มันยังเป็นวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยที่ยังไปไม่พ้นจากเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว...

มันไม่มีอะไรใหม่...นอกจากนายกหญิงคนเดียวจริงๆ...
ลองเปรียบมวยหลักๆดูก็ได้

นายก - ทักษิณ....ยิ่งลักษณ์
คลัง - สมคิด จาตุ....ธีระชัย ภูวนาถ
มหาดไทย - ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์....ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์
กลาโหม - พล.อ ชวลิต ยง.....พล.อ ยุทธศักดิ์
คมนาคม - วันมูหะมัดนอร์....พล.อ.อ.สุกำพล
พานิชย์ - อดิศัย โพธารามิก....กิตติรัตน์ ณ ระนอง

อย่าไปหวังอะไรมาก...





แม่มดเฒ่า....
เรื่องแบบนี้ "หัวขบวน" สำคัญที่สุด...เหมือนแม่ปูเดินนั่นแหละ...
มันจะมูมมามมากน้อยแค่ไหนนั้นก็มีบทเรียนกันมาแล้ว...ฉะนั้นหากยังไม่เอาประวัติศาสตร์มาเป็นบทเรียนก็คงต้องเจออีก...

ในบรรดาเสื้อแดงเองก็มีหลายระดับจิตสำนึกทางการเมือง...
นักอุดมคติ
นักเสรีนิยม
นักสังคมนิยม
รากหญ้าที่แบมือรอแจก
กลุ่มทหารอกหัก
กลุ่มไม่เอาอำมาตย์+เจ้า

คนอย่างเหลิม ดาวเทียม จะมีจิตวิญญาณทางการเมืองเป็นอย่างเดียวกับ เหวง โตจิราการได้อย่างไร จริงไหม ?

ตอนนี้เป็นเพียงระยะเปลี่ยนผ่านของกลุ่มคนที่มีภาวะการ "แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง" ชั่วคราวเท่านั้นเอง...

การทุจริต คอรัปชั่น...เป็นปัญหาของปัจเจกชนที่ขาดอุดมคติเพื่อส่วนรวม...หากว่ารัฐบาลนี้เกิดข้อครหา....นักอุดมคติ และนักสังคมนิยม(ที่แท้จริง)จำต้องออกโรงก่อนฝ่ายค้านด้วยซ้ำ...แต่หากฝ่ายเดียวทำแล้วเงียบย่อมแสดงว่าคนพวกนี้ก็เป็นพวกขายจิตวิญญาณแลกข้าวกินไปเรียบร้อย....555

wait & see


โดย: สดายุ... วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:20:57:58 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณสดายุ

สุดยอดจริงๆ ขอชื่นชมจากใจ ในการเรียบเรียง(ไม่ทราบว่าจะเรียกอะไร เป็นคนไม่มีความรู้ เรื่องโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน แต่ชอบอ่าน) กับอีกทั้งเนื้อหาที่อ่าน รู้สึกโดนใจมากๆค่ะ อยากจะให้เป็นคำสาปแช่ง สำหรับพวกโกงบ้านโกงเมืองให้ฉิบหายวายป่วงไปตามๆกัน (ถ้าไม่สุภาพลบได้ค่ะ)


โดย: คนเดินทาง IP: 58.136.1.136 วันที่: 23 สิงหาคม 2554 เวลา:10:59:25 น.  

 

สวัสดีค่ะ... นักกลอนเจ้าเสน่ห์ อิอิ เห็นเค้าเรียกกันแบบนี้นินา...

จริงๆแล้วคนที่ถูกเรียกว่า เสื้อแดง น่ะมีมากที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ที่ผ่านมา ก็เลยโดนเหมาว่าป็นเสื้อแดง นักวิชาการ ทางรัฐศาสตร์หลายท่าน หรือ ทางนิติศาสตร์อีกมากมาย ที่ถูกจัดให้เป็นเสื้อแดง ท่านเหล่านี้ อยู่เฉยๆและแสดงความคิดเห็นตรงๆ อย่างเป็นกลาง แต่ไม่ถูกใจรัฐบาลที่แล้วไงคะ พวกสื่ออีกล่ะ พอความคิดเห็นนั้นๆไม่ถูกใจพวก จารีต นิยม ก็จะโดนเรียกแบบนั้น พวก เสื้อแดง ...

โวหารภาพพจน์ น่าจะใช้ได้กับ รัฐบาลอภิสิทธ์ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เก่งค่ะ แต่ พูดเก่งพูดดี ดูดีในการพูด เหมาะกับสำนวน โวหารภาพพจน์มากที่สุด มีแต่ภาพที่สร้างไงคะ...

รัฐบาลที่แล้ว คอรัปชั่นกันปีละ 2 แสนล้าน ลองคิดดูสิ!! เราเองอยู่ในหน่วยงานที่ พวกนั้นมาขุดเงินไปใช้ เอาไปทีละกี่พันล้าน และเอาไปไหนไม่ได้แถลงบอกไว้... สื่อ หรือพวกชนชั้นนำในประเทศที่มีโอกาสออกสื่อ คือ ชนแค่กลุ่มเดียวคนกลุ่มนี้ทำอะไรก็ไม่ผิด!!! ทำไม เรา ซึ่งเป็นประชาชน มีความคิดเป็นของเราเอง ถึงต้องไปฟัง ฟังก็ได้ค่ะ แต่ฟังแล้วใช้วิจารณญาณในการฟัง แล้วคิดสักนิดที่คนกลุ่มนี้ออกมาทำอะไรให้ประเทศบ้างนอกจากพวกของตัวเอง

ประเทศไทยปกครองโดยระบอบที่เราเรียกว่า ปชต. เราคิดกันเอาเอง จริงๆแล้วเรายังอยู่ในระบอบกึ่งเผด็จการต่างหาก...

ได้ดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลแล้ว อภิสิทธิ์ พูดไปได้ ประมาณ ครึ่งชั่วโมง เราชอบมากค่ะ เชียร์คุณอภิสิทธิ์ค่ะ ขอให้ได้เป็นฝ่ายค้านตลอดไปด้วยเถ๊อะ...

ไม่ได้จะเชียร์ คุณยิ่งลักษณ์ แต่อยากจะให้โอกาสเธอได้ทำงานก่อนเท่านั้น แล้วถ้าเธอทำอะไรไม่ดี คราวหน้าก็อย่าเลือกเข้ามาก็จบ เหมือนกับรัฐบาลชุดก่อนไงคะ ทำอะไรไว้ล่ะ ขนาดช่วยกันทุกวิถีทาง ยังแพ้หลุดลุ่ยเลย... อยากพูดมากกว่านี้อีก แต่ พอดีกว่า...อิอิ ท่านเจ้าของบล๊อคเป็นคน ภาคใต้ กลัวๆ T_T

ขอบคุณค่ะ


โดย: Witch IP: 118.172.109.160 วันที่: 23 สิงหาคม 2554 เวลา:13:07:45 น.  

 
คนเดินทาง....

สวัสดีครับ....
จะลบได้อย่างไรกับถ้อยคำอันเป็นมธุรสวาจาสำหรับผม...ผมมันพวกบ้ายอครับ....55

โคลงกระทู้เป็นการเล่นกับกฏเกณฑ์ที่ยากขึ้นกว่าการเขียนโคลงธรรมดา...มีไว้ให้คนที่ชอบท้าทายตัวเองเล่นกัน..คงทำนองเดียวกับการขับรถเก๋งตะแคงข้างแล้ววิ่งด้วยล้อเพียงสองล้อ ของพวกนักแข่งรถมืออาชีพ...(วิ่ง 4 ล้อดีดีไม่ชอบ)

มีความสุขกับการอ่านร้อยกรองในบล็อคนี้นะครับ...






แม่มดเฒ่า...
โห...พอคุยการเมืองแล้วมายาวแฮะ...555

โวหารภาพพจน์นั้นเหมาะกับประชาธิปัตย์ทั้งพรรคนั่นแหละ ไม่เฉพาะรัฐบาลอภิสิทธิ์...

จากพรรคที่มีสีสันไปทางชมพูอ่อนในยุคที่สุรินทร์ มาศดิตถ์ พ่อของสุพัตรา มาศดิตถ์ เมียปฐมพงศ์ มีบทบาทอยู่และขั้วขวาจัดในพรรคอย่าง สมัคร สุนทรเวช ต้องแยกตัวออกไปตั้งพรรคประชากรไทย...มาวันนี้กลับกลายเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ...

มาว่ากันในภาพ macro ดีกว่า

ประเทศไทยโดยเนื้อแท้แล้วไม่เคยมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง...เนื่องจากเรามี"อภิสิทธิ์ชน"ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานในสังคม...อีกทั้งคติของ"ความเท่าเทียมกันของบุคคลตามกฎหมาย" นั้นเป็นรูปแบบที่ตั้งต้นที่ประเทศตะวันตกของชนผิวขาวแล้วค่อยๆลุกลามออกไปโดยเหตุผลของผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นสำคัญ

สมัยหนึ่ง อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เป็นนักล่าอาณานิคม เขาก็มีเหตุผลสำหรับการไปยึดดินแดนต่างๆแล้วแย่งชิงทรัพยากรกลับไปประเทศตนว่าชอบธรรมอย่างนั้นอย่างนี้...ยุทธวิธี"เรือปืน" กลับชอบธรรมไปได้..สมัยนั้นความเท่าเทียมกันของผู้ปกคองกับผู้ถูกปกครองมีที่ไหนกัน...ชนพื้นเมืองเป็นประชากรชั้นสองแทบทุกประเทศ....

พอยุคสมัยเปลี่ยนไปก็มาเริ่มกฎเกณฑ์ใหม่ ฝรั่งผิวขาวก็เริ่มอีก....คราวนี้เป็นลัทธิความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย

การปกครองระบอบประชาธิปไตยมีหรือไม่ ตรงตามคติตะวันตกหรือไม่ ชอบธรรมหรือไม่...ก็เอาเป็นเงื่อนไขของการคบค้ากันระหว่างประเทศไป....

จีน เป็นเผด็จการทางการเมืองเต็มรูปแบบ ไม่เคยมีการเลือกตั้งเหมือนพม่า...แต่ตะวันตกยังเข้าไปลงทุนกันโครมๆ ไม่เห็นจะร่วมบอยคอตอะไรเลย...เหมือนเวียดนาม ลาว เขมร

ดังนั้นประชาธิปไตยตามรูปแบบตะวันตกไม่ใช่ว่าจะเหมาะกับประเทศทุกประเทศ...ประชากรเราเป็นอย่างไร...การศึกษา จิตสำนึกมีกันแค่ไหน...? จารีต ค่านิยม..?

อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส คนเขายังมีไหว้จอมปลวกกันอยู่ไหม ?
ยังเอาผ้าเหลือง ผ้าแดง ห่มโคนไม้ใหญ่ แล้วยกมือไหว้สิ่งมีชีวิตทีเคลื่อนไหวได้แต่เคลื่อนที่ไม่ได้แล้วลูบหัวเบาๆอย่างบรรจง...อยู่อีกไหม ?...

เห็นแล้วหมดอาลัยตายอยากในความเป็นไทยๆ...555

พอพ้นจากประเด็นลัทธิการปกครอง....ก็มาเป็นประเด็นสิ่งแวดล้อมกันอีกที่ฝรั่งผิวขาวเริ่มก่อนอีกเช่นเคย...การกีดกันทางการค้าโดยการกำหนดคุณภาพสิ่งแวดล้อม...คุณภาพของแรงงาน...คุณภาพของการใช้พลังงานในการผลิต ก็มาเป็นเงื่อนไขทางการค้าอีก...

เรากำลังคิดและทำตามฝรั่งไปทุกเรื่องใช่หรือไม่ ?

หากใช่...แปลว่าอะไร ?

แปลว่าเราไม่ได้อยู่ในระบบกึ่งเผด็จการหรอก...แต่เราเป็นเมืองขึ้นทางความคิดของตะวันตก ในแทบทุกเรื่อง....โดยการที่เขาสร้างค่านิยมใหม่ๆขึ้นมาให้จับยึดกันก่อนผ่านรูปแบบมาตรฐานสังคมของเขา...แล้วยกขึ้นเป็นคุณค่าให้ทั้งโลกท่องจำ..จดจำ...และทำตาม

เมื่อเขาเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยี....
และเทคโนโลยีคือผลผลิตของวิทยาศาสตร์....
และผู้ครอบครองความรู้ทางวิทยาศาสตร์คือผู้ฉลาดทางมันสมอง....อันเป็นเรื่องของเหตุผล
การยอมรับในเหตุผล คือการยอมรับในความถูกต้อง...
ดังนั้นผู้ครอบครองเทคโนโลยี จึงเป็นผู้ครอบครองความถูกต้อง...
และผู้ครอบครองความถูกต้องจึงเป็นผู้กำหนดความถูกต้อง...และกำหนดแนวทางของโลกในที่สุด

ตั้งแต่ เครื่องจักรไอน้ำเริ่มทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัดแล้ว...จนบัดนี้ โลกจึงถูกกำหนดโดยคนผิวขาวมาตลอด...

รวมทั้งระบบประชาธิปไตย...
รวมทั้งความมี ธรรมาภิบาลในสังคม...
รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในสังคม...

ล้วนมาจากฝรั่ง...

จึงมาถึง...
ระบบศักดินาให้กำเนิดอภิสิทธิ์ชน
อภิสิทธิ์ชนให้กำเนิดระบบอุปถัมภ์
และระบบอุปถัมภ์สร้างความอ่อนแอขึ้นในระบบการแข่งขันทุกประเภท
คนในระบบอุปถัมภ์นี้...คือคนไร้สมรรถภาพ ไร้ประสิทธิภาพ แม้สามารถขึ้นมามีบทบาทในสังคมได้...แต่ไม่อาจนำพาสังคมให้เท่าเทียมนานาชาติได้

ธรรมาภิบาลไม่อาจมีได้ในสังคมอุปถัมภ์...

หากต้องการให้มีธรรมาภิบาลในสังคม...ต้อง"แก้ไข"ที่รากเหง้าของเหตุ...

คือที่ใด ?

อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 23 สิงหาคม 2554 เวลา:21:06:41 น.  

 

สวัสดีค่ะ พี่กายขา......... 555+

ลองเรียกดู อิอิ อายอ่ะค่ะ เกิดมาพูดแบบนี้ไม่ค่อยเป็น มีแต่... เฮ๊ยย ว่าไงว๊า!!! อิอิ แต่คำพูดนี้ใช้กับเพื่อนเท่านั้นค่ะ มิกล้าใช้กับ พี่กายขา สรุป คุณชื่อ กาย หรือ พี่กายขา.... คะ? น่ารักนะคะ เวลาได้ยินหรือ อ่านคนพูดจาน่ารักๆแบบนี้ :'D


"โวหารภาพพจน์นั้นเหมาะกับประชาธิปัตย์ทั้งพรรคนั่นแหละ ไม่เฉพาะรัฐบาลอภิสิทธิ์..."

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ เราหมายความแบบนั้นนั่นแหละค่ะ...

คนพรรคนี้พูดจาดี... แต่งตัวสุภาพ ภาพลักษณ์ดี เบื้องหลังภาพเหล่านี้มีความน่าละอายอยู่มาก... เวลาจะพูดอะไร พวกเค้าจะหยิบในส่วนที่ทำให้คนฟังมองเห็นภาพว่า คนที่พวกเค้ากำลังพูดถึง เลว ชั่ว จริงๆ แต่ เค้าไม่ได้เอาทั้งหมดของเรื่องนั้นๆมาพูด เพราะอะไร ถ้าเอาหมดก็จะเห็นว่าคนที่เค้าพูดถึง ไม่มีความผิดอะไรเลย แบบนี้เค้าเรียกว่าอะไรคะ?พรรคนี้โกหกคนอื่น จนคิดว่าที่ตัวโกหกเป็นเรื่องจริงไปแล้วค่ะ 555... การกระทำหลายๆอย่างไม่แมน เหมือนภาพที่แสดงออกกันมาเลย...ไม่มีสักคนเดียวค่ะ คนพรรคนี้ถ้ามองกันเผินๆดูดี เหมือนจะเก่ง แค่ เหมือนจะ เท่านั้นนะคะ เราได้เห็นฝีมือกันมาแล้วนี่นะ...

เรื่องการโกหกจนคิดว่าตัวเป็นอย่างที่โกหกจริงๆนี่ สามารถมองและวิเคราะห์ จิต ของคนอีกหลายๆสถานะได้ค่ะ คนบางคน อยากเป็นอย่างพวก ลุกท่าน หลานเธอหรือพวก นางเอก ก็จะ Present ตัวเองให้เหมือนแบบนั้นโดยการใช้จินตนาการของตัว เหมือนคนเขียนนิยายน่ะค่ะ แล้วคิดว่าตัวเองสวมบทบาทนั้นอยู่... ส่วนใหญ่คนที่จะพบคนพวกนี้จะอยู่ในโลก ออนไลน์ เพราะในโลกออนไลน์คนที่คุยด้วยจะมองไม่เห็นตัวตน แต่... พอคุยกันไปนานๆ มันก็อยากเห็นหน้าใช่มะ? ทีนี้ทำไงล่ะ? ก็เลยต้องเขียนบทเพิ่มต่อไป ประมาณว่า... ป่วยใกล้ตาย แล้วต้องไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ต้องไปศึกษาต่อบ้างล่ะ หรือ เจ้าคุณพ่อ เจ้าคุณปู่ บังคับให้แต่งงานกับชายหนุ่มที่ตัวไม่ได้รัก Drama นะคะ T_T เพื่อนเราตลกกว่านั้น พอนัดเจอตัว บอกว่า ตายไปแล้ว แล้วตอนนี้มาเข้าร่างผู้หญิงอีกคนอยู่แต่เสียงที่ได้ยินก็คือ คนนี้นั่นแหละ ตลกมากๆ 555 เจ้านั่นก็บอกว่าจะทำเป็นไม่รู้ อิอิ ขำอ่ะค่ะเรื่องนี้ เอามาเล่ากัน ฮา..กันแทบจะตกเก้าอี้

นิยายต้องจบแบบนี้เพราะว่า เจ้าตัว ที่บอกว่า เป็นเหมือน นางเอก ไม่มีตัวตนจริง และไม่ได้มีชีวิตอย่างที่ตัวบอกไปจริง... แค่เป็นการล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น และสมอารมณ์ของตัวเท่านั้น...


ที่เล่ามานี้มันเกิดขึ้นจริงค่ะ คุณสดายุ และมีอีกราย เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเรียนปริญญาเอกทางด้าน ชีววิทยา อยู่ คิดดูสิคะ เป็นนักศึกษา ป.เอก ยังหลงเชื่อเลย แล้วอย่างเราๆจะเหลือ!! การกระทำนี้ของ เธอคนนั้นทำให้ ผู้ชายคนนั้นเรียนไม่จบค่ะ... แต่ เธอคนนี้ มาแบบ เป็นลูกสาวเจ้าของร้านเพชรเชียว อิอิ แต่ส่งรูปมาให้ดู 6 รุป ไม่เหมือนกันสักรูปค่ะ และ ดันส่งรูป ของ เจสสิกา วงเกิร์ลเจนฯ และ รูปของ จุ๊ สตอเบอร์รี่ชีสเค๊ก มาอีก อิอิ... แบบนี้วิเคราะห์ได้ว่า... น่าตาดูไม่ได้ หรือไม่น่าดู และไม่มั่นใจในตัวเอง บางคนที่เพื่อนผู้ชายเจอ ส่งรุป ด้านข้างมาค่ะ 555 เวงกรำ... แล้วจะเห็นเป่านิ ว่าหน้าตาส๊วยสวยจริง 555 คนนี้เป็น วิดวะ ที่ Egat ไปเล่นเว็บอะไรไม่ทราบ ลืมไปละ เอามาเล่ากันในหมู่เพื่อนฝูง ขำๆค่ะคนนี้ :)))

ที่เล่ามานี่แค่บอกค่ะ... ว่าในโลกออนไลน์นี้ มีสารพัด คุณสดายุ อยู่ตรงนี้มานานคงเจอมากกว่ารุ่นพี่เราแหงๆเลย แต่นะ คุณเป็นคนฉลาด อะไรไร้สาระพวกนี้ทำอะไรคุณไม่ได้อยู่ละ เนอะ?

แต่ว่าในโลกออนไลน์นี้มีมิตรแท้ด้วยนะคะ เกิดขึ้นแล้วค่ะ และบางคน เจอรักแท้ ทางโลกออนไลน์ค่ะเจอกันทางอนไลน์ แล้วจริงใจต่อกันส่งรูปถ่ายให้ดู ก็นัดเจอตัวเป็นๆกันค่ะ ไม่ได้ร้ายไปเสียหมด... หลังจากนั้นก็พัฒนาการความสัมพันธ์ อยู่ที่ตัวเราเอง ว่าจะมีวิจารณญาณแค่ไหน

ตัวเราเอง เคยเล่นเว็บการเมือง อิอิ เจอพี่ๆบางคนที่คบกันมาถึงทุกวันนี้ หลายคนค่ะ บางคนแวะมาหาที่บ้านเมื่อมาเที่ยวทางบ้านเรา นี่คือสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นได้ค่ะ...

อ้าว... ไมมาพูดถึงเรื่องนี้ได้นิ คงไม่เป็นไรนะคะ ลองคิดๆดูถ้าใครกำลังคบกับใครแบบที่ว่านี้อยู่

ขอบคุณนะคะ ที่คุยด้วย และ ให้คุย

มีความสุขมากๆค่ะ



โดย: Witch IP: 118.172.104.231 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:11:08:08 น.  

 

ลืมไปๆ อีกนิด...

"หากต้องการให้มีธรรมาภิบาลในสังคม...ต้อง"แก้ไข"ที่รากเหง้าของเหตุ...

คือที่ใด ?"

ที่ไหนอะคะ? บอกหน่อยสิ เราสมองไม่ค่อยดีคิดไม่ออก :')))



โดย: Witch IP: 118.172.104.231 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:11:16:11 น.  

 
แม่มดเฒ่า...

พูดอะไรเยอะแยะนี่...ไม่เห็นเกี่ยวกับกระทู้เลย...เป็น งง
ใครอยากเป็นคุณหนู...จ้าคุณปู่...เจ้าคุณย่าอะไรกัน...คนอยากเป็นนั่นเป็นนี่คงดูละคอนพีเรียดมากไป...ไม่มีอะไรหรอก...555

ท่าทางจะพูดไพเราะอ่อนหวานไม่เป็นสินะเราน่ะ...ถึงมาเที่ยวพูดล้อคนอื่น...นี่คงไปอ่านคอมเมนต์ในหน้าฉันท์มาสินะ

มันเป็นเรื่องที่ม่มีใครห้ามได้กับจินตนาการสวนตัวของแต่ละคน...หากเขาไม่ได้ทำร้ายใคร...หรือเขาไม่ได้มาทำอย่างนั้นกับเรา...

คนเรามีความชอบชังแตกต่างกันไป...เหมือนกรุ๊ฟเลือดที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน...ดังนั้นจริตส่วนตนก็ย่อมสำแดงออกมารับใช้จินตนาการในส่วนลึกของคนนั้นๆ...สำคัญว่าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน...ก็โอเค

การตามสอดส่องหรือสนใจบริบทของโลกนอกกายตนเอง...มันเริ่มน้อยลงแล้ว...ไม่ค่อยน่าสนใจอีกต่อไป...เพราะไม่ได้เงิน 555




โดย: สดายุ... วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:19:35:17 น.  

 

เปล่าเลยค่ะ ไม่ได้ไปอ่าน ฉันท์ ... และสิ่งที่เล่าไป คือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริง...บางคนอาจจะไม่ยอมรับ เพราะเสียดายความรู้สึกที่ตัวเองมี...

ไม่เกี่ยวกับกระทู้ตรงๆ แต่เกี่ยวในเรื่องของ โวหารภาพพจน์ ไงคะ คุณเองเคยด่าคนประเภทสร้างโวหารไม่ใช่เหรอ? คุณเอง เคยดูถูกคนที่มาพูดคุยบางคน ว่ามาสร้วงโวหารมิใช่เหรอ แต่... บางที คุณอาจจะมองไม่เห็น สิ่งใกล้ตัว ที่โวหารสร้างภาพล้วนๆก็ได้นะคะ ใครจะรู้ จริงมะ?

"มันเป็นเรื่องที่ม่มีใครห้ามได้กับจินตนาการสวนตัวของแต่ละคน...หากเขาไม่ได้ทำร้ายใคร...หรือเขาไม่ได้มาทำอย่างนั้นกับเรา..."

กับเราน่ะไม่เจอแน่ค่ะ เพราะมิใช่เป้าหมาย เป้าหมายที่เจอส่วนใหญ่จะเป็นชายหนุ่ม เพราะอะไร ? ผู้ชายแบบนั้น ไม่ทุกคนนะคะ บางคนเท่านั้น หลอกง่ายมาก...

"ดังนั้นจริตส่วนตนก็ย่อมสำแดงออกมารับใช้จินตนาการในส่วนลึกของคนนั้นๆ...สำคัญว่าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน...ก็โอเค"

ค่ะ ความคิดเห็นแบบนี้ก็จริงอยู่ แต่ที่เล่าให้ฟัง เพราะมีคนเดือดร้อนจากการกระทำนั้นไงคะ บางคน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เฝ้าแต่ละห้อยตอยหา นางในนิยายไงคะ บางคนอีกเหมือนกัน ที่ ปิดรับการพูดตักเตือนทุกอย่างของเพื่อนฝูงคนรอบตัว...เพราะเชื่อในนิยาย ที่มีคนเจตนาหลอกลวงให้เชื่อ เราถือว่า คนประเภทนี้ เป็นโรค จิต ประเภทหนึ่งค่ะ เค้าไม่ได้มาหลอกเอาเงินหรืออะไรค่ะ ส่วนใหญ่จะมาหลอกให้รัก และหลอกให้หลง จะเป็นกับคนที่ คนพวกนี้ในชีวิตจริง น่าจะไม่มีโอกาสทำให้ใครรักแบบนี้ ก็เลยอยากมี แล้วที่ที่ทำได้เพราะไม่เห็นหน้าตากัน ก็คือ ในอินเตอร์เน็ต เพราะไม่เห็นหน้าไง ถึงแม้ว่าจะขอดูรูป ก็ไม่ให้ดู ทางออกก็คือ ไม่ได้ค่ะ พ่อ หรือ แม่ จะด่าเอา หุ๊ยยยย ดูดีนะคะ ไม่น่าเชื่อ 555 เพราะอะไร เพราะว่า ดูไม่ได้ไงล่ะคะ...

ขอโทษนะคะ เรามันประเภท ความคิดเห็นของใครไม่เคยบอกว่าไม่ถูก แต่ความคิดของเรา เราก็คิดว่า ถูกบ้างน่า เท่านี้ค่ะ

เราว่าคนฉลาดๆอย่างคุณไม่เจอหรอกค่ะเรื่องแบบนี้... แต่ก็ไม่แน่...

ไปละ ไม่ได้มาชวนทะเลาะ แต่มาเล่าให้ฟัง ดูเหมือนคุณจะไม่พอใจ ประมาณว่า จะไปตรงกับใครบางคนนะ รู้สึกแบบนั้น...

ขอบคุณค่ะ



โดย: Witch IP: 118.172.104.231 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:20:09:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.