|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
O แด่ .. อริยะภาวะ .. O
เพลง .. พญาโศก
O แล้วดวงดาวอีกดวงก็ร่วงหล่น ร่วงลงบน .. อนิจจังแห่งสังขาร ให้ผู้คนจดจำเป็นตำนาน- ผู้ล่มลาญวงวัฏฏ์ .. ล้างอัตตา
O อีกภาพการหล่นร่วง ..ใต้ดวงสูรย์ เพรียกโอดอื้นอาดูร .. เพียบพูนหน้า ละภาพผ่านเลื่อนลั่นในสัญญา ล้วนคุณค่าแนบในหัวใจชน
O สิ้นภพชาติ .. บรรดาเคยปรากฎ เพียงกำสรดโศกปวง ..ค่อยร่วงหล่น- ลงทับถมอาลัย .. ของใจคน- ผู้ยังวนเวียนว่าย .. เมื่อปลายวัน
O ภาพรูปองค์บรรทมกลางร่มไม้- พร้อมอาลัยอาดูรเพียบพูนขวัญ- ผู้แวดล้อมโหยไห้กลางไพรวัลย์- ก็ฉับพลัน .. วาบสู่ให้รู้คิด
O ว่า .. ย่อมคืออนิจจังแห่งสังขาร ที่ล่มลาญดับล่วง .. พร้อมดวงจิต ตามกฎเกณฑ์ท่วงทีของชีวิต ด้วยเกินบิดเบือนเบี่ยง .. หรือเลี่ยงพ้น
O จึง .. ภาพธรรมในกาลเมื่อผ่านช่วง คือภาพยามชีพปวง .. นั้นร่วงป่น ภาพ .. ใบไม้ร่วงตกพลิ้ว .. วก-วน ต่างฤๅภาพตัวตน .. เมื่อหล่นคว้าง ?
O ใบไม้หล่นคว้างปลิว .. พลิก .. พลิ้วรูป ลมผ่านวูบ .. เรียวใบร่อนไปห่าง กลางแวดล้อมเปล่าเปลี่ยว .. ในเที่ยวทาง กลาดเกลื่อนใบไม้บาง .. ก็วางตน
O กลางรูปธรรมเงียบเหงา .. ความเปล่าเปลี่ยว- ย่อมกรากเชี่ยวกำลัง .. ทุกครั้งหน ใบไม้ร่วงทับถม .. สายลมบน- ก็พาวนเวียนไหวอยู่ในยาม
O นั่น .. หล่นพลิ้วพลิกคว้าง .. อีกบางใบ หล่นรูปให้น้อมนำสู่คำถาม ที่ .. รอบกาลโหมรุก .. เข้าคุกคาม ใครเล่าอาจหักห้าม .. ได้ตามใจ
O อีกแล้ว-อีกบางใบ .. ร่วงในที่ ด้วยท่วงทีเฉกกัน .. เช่นนั้นได้ อีกหนึ่ง-รอบ .. หล่นคว้าง .. ของบางใบ ทุกหนึ่งนั้น .. เช่นในหัวใจเรา
O หล่นรูปร่วงแผ่ราบ .. ระนาบดิน เพื่อยอกลิ่นสร้อยโศก .. สุมโลกเหงา สิ้นสุดปลายเส้นทาง .. เพียงร่างเงา- เหลืออยู่เฝ้าดินต่ำ .. เป็นธรรมดา
O หล่นร่วงแห่งดวงแก้ว .. ครั้งแล้ว-เล่า จนความเปล่าเปลี่ยวห้อม .. เข้าล้อมหา นานแค่ไหน-หล่นคว้าง .. อาจร้างลา หรือ-กี่กาละจะพ้น .. การหล่นลง ?
O ชั่วเพียงสิ้นโบกบ่ม .. จากลมร่ำ ก็ตอกย้ำ .. ลำดับ .. การรับส่ง มองเห็นไหม .. ช่องว่างที่กลาง-วง หรือมั่นคงก้านขั้ว .. ของตัว-ใบ ?
O ฤๅจะยังหล่นคว้าง .. ณ กลางหน ที่ว่างจน .. ลับล่ม .. แรงลมไหว ที่อาจหล่นร่วมวิถี .. จะมีใด ก็เพียงใจ .. ว่าง-วนของตนเอง
O พญาโศกคร่ำครวญ .. เสียงหวนไห้ แทนอาลัยเศร้าสร้อยที่ค่อยเบ่ง- บานภาวะสุมสั่ง .. กลางวังเวง เพื่อฉุดเร่งอารมณ์ .. สู่ตรมตรอม
O ศัพท์เสียงความคร่ำครวญ .. ก็ล้วนแต่- ตอบรับความผันแปร .. ที่แห่ห้อม กลางสายลมโรยริน .. ผู้ยินยอม- เข้าแวดล้อมอาดูร .. เพียบพูนแล้ว !
O แล้วอีกดาวแสงช่วงกลางห้วงหน- ก็ร่วงหล่นลับล่มกลางลมแผ่ว ตรึงวาท, วัตรผ่องใสอยู่ในแวว- ตาคู่วามผ่องแผ้ว .. ทุกแววตา
O ร้างสิ้นโบสถ์เจดีย์ .. ในที่นั้น- จักเสกสรรค์ปั้นแต่งสำแดงค่า ยินแต่ถ้อย .. แห่งธรรมผู้สัมมา- ประพฤติ .. ปฏิปทา .. ค้ำคาใจ
O แทนเชิงชั้นงามลออ .. ของช่อฟ้า คือศรัทธาปวงชนค่อยล้นไหล- ลงแวดล้อมกาลลา .. ด้วยอาลัย- ครั้งสมัยรูปขันธ์ .. จักอันตรธาน
O ล้วนคือหลักแห่งธรรม .. ชี้นำทาง ให้ยกย่างเหยียบก้าว .. อย่างห้าวหาญ คือองค์ธรรมรั้งฉุด .. แต่พุทธกาล- ฉุดวิญญาณตื่นรู้ .. น้อมสู่ธรรม !
ให้เผาศพในบริเวณเขาพุทธทอง โดยปักเสาสี่มุมและคาดผ้าขาวเป็นเพดานเท่านั้น นี่เป็นเจตนาของท่านที่ต้องการให้งานศพของท่านเป็นแบบอย่างเหมือนสมัยพุทธกาล โดยมุ่งหวังให้สงฆ์รุ่นหลังยึดถือปฏิบัติต่อไปในภายหน้า
ที่มา .. oknation
Create Date : 04 มีนาคม 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 26 มิถุนายน 2561 19:44:19 น. |
Counter : 1931 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ปะหล่อง IP: 10.0.100.29, 61.7.231.77 2 เมษายน 2554 9:35:20 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|
|