กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
สิงหาคม 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
space
space
13 สิงหาคม 2567
space
space
space

ก้มหน้าผากแตะพื้น VS นั่งสมาธิ
     
     การเอาหน้าผากก้มแตะพื้นดิน  เป็นการกระจายประจุไฟฟ้าจากสมองลงสู่พื้นดิน  ระบบเลือดที่หัวใจที่ค่อยส่งไปยังสมองทำงานได้ดีขึ้นเมื่อหัวใจอยู่สูงกว่าสมอง  วิทยาศาสตร์พิสูจน์มาแล้ว  เช่นเดียวกระแสไฟฟ้าส่วนเกินในบ้านลงสู่พื้นดิน  และ
การที่มุสลิมเจอหน้ากันจะไม่ไหว้กัน  แต่จะกล่าวอัสลามมุอาลัยกุม  พร้อมกับนำมือไปสัมผัสกันก่อนจะมาแตะที่อกซ้าย  มีการพิสูจน์แล้วว่าการสัมผัสมือกันช่วยแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าระหว่างกันให้ร่างกายเกิดความสมดุล  นี่คือวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้  ซึ่งอิสลามค้นพบมานานแล้ว  ใน
ขณะที่การนั่งสมาธิของบางศาสนา  มีพื้นฐานมาจากการทรมานร่างกายจนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆไม่สะดวก  ทำให้สมองเบลอจากอาการขาดเลือดแล้วละเมอไปเองว่าตรัสรู้

 


 
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122110278602447217&set=pcb.989349429654370
 

235 ประเด็นนี้พอเชื่อได้ คล้ายๆกายบริหาร 450

     นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า การละหมาดที่ชาวมุสลิมปฏิบัติกันเป็นกิจวัตรวันละห้าเวลานั้น สามารถบริหารสรีระส่วนหลังของร่างกาย และสามารถรักษาอาการปวดหลังได้ หากปฏิบัติอย่างถูกวิธี ด้วยการจัดวางหัวเข่าและส่วนหลังที่ได้มุมและถูกองศา
 

 

 https://www.halallifemag.com/islamic-prayer-good-for-back/

 



       “ดูกรอัคคิเวสสนะ   เรานั้นแล (ฉันอาหารหยาบ ให้กายได้กำลังแล้ว) สงัดจากกามทั้งหลาย   สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย   บรรลุปฐมฌาน ... บรรลุทุติยฌาน ... บรรลุตติยฌาน ... บรรลุจตุตถฌาน ... อยู่

        “เรานั้น   ครั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ  บริสุทธิ์  ผ่องใส ไม่มีฝ้ามัว  ปราศจากอุปกิเลส  เป็นของนุ่มนวล  ควรแก่งาน  ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้แล้ว  ก็น้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสติญาณ (ญาณที่ให้ระลึกถึงขันธ์อันเคยอาศัยอยู่ในก่อนได้ – ระลึกชาติได้) ... (วิชชาที่ ๑ นี้แล เราบรรลุแล้วในปฐมยามแห่งราตรี  อวิชชาถูกกำจัดแล้ว  วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ความมืดถูกกำจัดแล้ว แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว...)

        “เรานั้น  ครั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ ... อย่างนี้แล้ว ก็น้อมจิตไปเพื่อจุตูปปาตญาณ (ญาณกำหนดรู้จุติและอุบัติแห่งสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปตามกรรม) ... (วิชชาที่ ๒ นี้แล เราบรรลุแล้วในมัชฌิมยามแห่งราตรี อวิชชาถูกกำจัดแล้ว ... แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว ...)

        “เรานั้น  ครั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ ... อย่างนี้แล้ว  ก็น้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ  (ญาณที่ทำให้สิ้นอาสวะ = ตรัสรู้),  เรานั้น  รู้ชัดตามที่มันเป็นว่า  นี้ทุกข์  นี้ทุกขสมุทัย  นี้ทุกขนิโรธ  นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา,  รู้ชัดตามที่มันเป็นว่า  เหล่านี้อาสวะ  นี้อาสวสมุทัย  นี้อาสวนิโรธ  นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา, เรานั้น  เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่อย่างนี้  จิตก็หลุดพ้นแล้ว  แม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ

        “เมื่อหลุดพ้นแล้ว   ก็มีญาณว่าหลุดพ้นแล้ว,  เรารู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว  พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำแล้ว  กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้ ไม่มี;  (วิชชาที่ ๓ นี้แล เราบรรลุแล้วในปัจฉิมยามแห่งราตรี อวิชชาถูกกำจัดแล้ว ... แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว...)”

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=15-11-2023&group=88&gblog=147


235 ข้อนี้  451 ลัทธิศาสนาอื่นไปไม่ถึงจึงไม่อาจรู้เข้าใจได้


- นั่นสูงเกินไป เอาตัวอย่างพื้นๆที่เราๆท่านๆพอนึกออกได้บ้าง มันต้องเริ่มจากจุดนี้ไป  ให้ดู  9


- > ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ ก่อนหน้านี้ไม่เคยปฏิบัติธรรมจริงๆจังๆเลย จนกระทั่งไม่นานมานี้ วาสนาพาให้ได้พบกับพระสงฆ์ไทยรูปหนึ่งที่ญี่ปุ่นนี่ ทราบว่าท่านน่าจะมาโปรดสัตว์

ผมได้ถามท่านว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ ท่านก็ไม่ตอบอะไร ยื่นหนังสือของท่านให้สามเล่ม เป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทางในอานาปานสติสูตร แล้วผมก็กราบลาท่านมา


หลังจากได้หนังสือสามเล่มนั้นมาแล้ว ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรกคือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ
หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ  (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้  ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน  แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถ ๔o วิธีแล้วรู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง)  แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง จากนั้นก็เบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องซ้าย แล้วก็เบื้องขวา พอครบทุกทิศแล้ว  ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย  รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว  กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือ ไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ  มีแต่ความสุขไปหมด

จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า   "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลกมัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้นผมก็สังเกตลมหายใจ  ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้  มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง  ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติ คือปิติเกิดค้างอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย  คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้น   ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้ว คิดไปเรื่อยว่า  "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"   จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ   เริ่มปั่นป่วน

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ ตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น


 



Create Date : 13 สิงหาคม 2567
Last Update : 17 สิงหาคม 2567 5:36:36 น. 0 comments
Counter : 229 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space