กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
จงกรม
หลักปฏิบัติ
สภาวธรรม
ปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง
ข้อธัมม์ที่ถาม-เถียงกันบ่อย
บุญ
ผู้พิพากษาตั้งตุลา ใ ห้ สั ง ค ม ส ม ดุ ล
คติธรรมสั้นๆ
ภาษาธรรมวันละคำ
รู้เขา รู้เรา
พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน,
ความเป็นมาของการบวช
การทำวัตรสวดมนต์
ทำยังไงจึงจะมีอายุยืนและมีความสุข
พลังดันคน
ที่ทำงานของจิต
บรรลุธรรมอะไร?
พุทธปรัชญาในสุตตันตปิฎก
ธัมมาธิบาย
สวดมนต์
ความจน เ ป็ น ทุ ก ข์ ใ น โ ล ก
เรียนบาลีเพื่อรักษาพุทธพจน์
ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะพินาศ
หลักธรรมสำหรับผู้ยังไม่นับถือศาสนาใดๆ
ก่อนศึกษาพุทธธรรม
ภาค ๑. มัชเฌนธรรมเทศนา
ภาค ๒. มัชฌิมาปฏิปทา
ภาค ๓. อารยธรรมวิถี
วัฒนธรรมประเพณี
จาริกบุญ จารึกธรรม
สมาธิ,ฌาน
เขาว่า ถ้าพุทธมีหลักธรรมดีจริง คงไม่ 0 สิ้นจากถิ่นเกิด
ศีลกับเจตนารมณ์ทางสังคม
คุณค่าทางจริยธรรมของไตรลักษณ์
กรรมฐาน
สติปัฏฐาน
ศีลสำหรับประชาชน
วิธีการแห่งศรัทธา (ปรโตโฆสะที่ดี)
วิธีการแห่งปัญญา (โยนิโสมนสิการ)
ทางดำเนินชีวิตสายกลาง
คุณสมบัติบุคคลโสดาบัน
กาม
ความสุข
อริยสัจ ๔
ธรรมฉันทะ - ตัณหาฉันทะ
กรรม
ฅนไทย ใช่กบเฒ่า ?
พระไทย ใช่เขาใช่เรา?
สมถะ,วิปัสสนา,เจโตวิมุตติ,ปัญญาวิมุตติ
อนัตตา
สมมุติบัญญัติ
ศีล-สีลัพพตปรามาส
นรก สวรรค์ ในพระไตรปิฎก
วันสำคัญของชาวพุทธไทย
วิธีฝึกหูทิพย์ ตาทิพย์
ลำดับญาณ,ทวนญาณ
ความสำคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะ ศ.ประจำชาติ
ภาวะแห่งนิพพาน
ระดับของผู้บรรลุนิพพาน
ภาวะของผู้บรรลุนิพพาน
อิทธิบาท ๔
รู้ทุกอย่างแต่ปล่อยวางไม่ได้
สติ
<<
มิถุนายน 2567
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
2 มิถุนายน 2567
จุดสำคัญที่เข้าใจไขว้เขวและหลงผิด
สถานีสุดท้ายพุทธเลยพระเจ้า (GOD)
พระเจ้ายุ่งนุงนัง
นายกอินเดียเยี่ยมชมวัดไทย
โยนก
ระเบิdทุกวัน
สันติภาพอีก
ปิด USAID
บันตะไท
ญ.คู่ปรับตาลีบัน
ไทยพุทธทิ้งถิ่น
กฎหมายว่าด้วยเรื่องหน้าต่าง
ร่องรอยพุทธสถานถิ่นพุทธภูมิ
GOD ส่ง M ถึงกวนอิม
พบเมืองสาบ 0 บนเส้นทางสายไหม
พุทธในอินโดฯ
สงครามครูเสด
ทุพภิกขภัย
เรื่องปัจจัย
เชื่อไม่เหมือนกัน
ตรรกะป่วย
แผ่นดินปัจจุบัน
มนุษย์ต้องช่วยพระเจ้า
อับราฮัม
ประวัติพุทธศาสนา อ.เสถียร โพธินันทะ
ก้มหน้าผากแตะพื้น VS นั่งสมาธิ
ตัวอย่าง พุทธศาสนิกชน กับ อิสลามิกชนที่เอื้อเฟื้อกัน
ศาสนาเปรียบเทียบ
ในบรรดาศาสดาโลกใครมีเมียมากกว่ากัน
ความเชื่อคือทางทางแห่งความคิด
เมื่อมีคนภายนอกมากล่าวติเตียน / ชมพระพุทธศาสนา
วิถีเชน
จริงอย่างว่าจริงๆ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้อย่างไร พบเห็นอะไรถึงตรัสรู้
พระเยซูของมุสลิมต่าง กับ ของคริสต์อย่างไร
ยิวคือใคร เกี่ยวอะไรกับอิสราเอล
เล่าเรื่องพระเยซู
เส้นทางสายไหม
หากย้อนเวลากลับได้ก็ดี
หย่าแบบมุสลิม
กฎมนุษย์แก้ไขได้ ยกเลิกได้
เทียบศรัทธากัน
ห้ามทำ ถ้าทำจะถูกสาปแช่งไม่ให้เข้าสวรรค์
ทิฏฐิทำให้แ ย ก ตั ว
หญิงมุสลิมะฮ์ฟ้องทางการเยอรมัน ห้ามขับรถในชุดนิกอบ
สองคนยลศาสนาตามช่อง
ปุถุชนมีปกติเป็นทาสความคิด (จิต)
อัฟกานิสถาน
ใช้งบผิดวัตถุประสงค์
ยุคคันธาระ
แค่ความเชื่อทำให้เปลี่ยน
ตรัสรู้ธรรม คือรู้เรื่องธรรมดา
มนุษย์ได้ทำสัญญากับพระเจ้าไว้ก่อนมาเกิด
ตัณหา = สมุทัย
จุดสำคัญที่เข้าใจไขว้เขวและหลงผิด
สถานีสุดท้ายพุทธเลยพระเจ้า (GOD)
พระเจ้ายุ่งนุงนัง
สวรรค์
ศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญา
ภาวิตปัญญา
ภาวิตจิต
สุขใจเมื่อใกล้ท่าน
ภาวิตศีล
อินทรียภาวนา
ใช้ภาคปฏิบัติเทียบ
ภาวิตกาย
ศัพท์สำคัญและความหมาย กายภาวนา เป็นต้น
ชีวิตด้านสมมติท่านว่าเราต้องพัฒนา
เริ่มจากที่เขาว่า
จุดสำคัญที่เข้าใจไขว้เขวและหลงผิด
จุดสำคัญ
ที่มีความเข้าใจไขว้เขว
และหลงผิดกันมาก
ก็คือ
ความ
รู้สึกว่า มีตัวผู้คิด ต่างหากจากความคิด
(= ผู้คิดความคิด)
มีผู้จงใจ
หรือเจตนาต่างหากจากเจตนา
มีผู้เสวย
เสวยเวทนา ต่างหากจากเวทนา ตลอดจน
มีตัว
ผู้ทำกรรม
ต่างหากจากกรรม หรือต่างหากจากการกระทำ
แม้แต่
นักปราชญ์ใหญ่ๆ
มากมาย ก็พากันติดอยู่ใน
กับดัก
ของความหลงผิดอันนี้ จึงไม่สามารถเข้าถึงความจริงที่ล้วนๆ บริสุทธิ์ปราศจากการเคลือบคลุมของความรู้สึกที่เป็น
อัตตวิสัย
ดังเช่น
นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส
ผู้มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่ง พิจารณาไตร่ตรองเป็นนักหนาเกี่ยวกับความสงสัย ครุ่นคิดไปมาแล้ว ก็ลงข้อสรุปว่า “
ฉันคิด เพราะฉะนั้น ฉันจึงมี
”
ความรู้สึกในตัวตน คือ
อัตตา
หรือ
อาตมัน
ที่แยกออกมาอย่างนี้ เป็นความรู้สึกสามัญของปุถุชนโดยทั่วไป เป็นความรู้สึกที่นึกน่าสมจริงและคล้ายจะสมเหตุสมผลโดยสามัญสำนึก แต่เมื่อสืบสาวลึกลงไปให้ตลอดสาย จะมีความขัดแย้งในตัวเอง
คำถามทำนองนี้ได้มีผู้ยกขึ้นทูล
ถาม
พระพุทธเจ้ามาแล้วตั้งแต่ครั้งพุทธกาล เช่นว่า “
ใคร
หนอผัสสะ (ใครรับรู้) ?
ใคร
เสวยเวทนา ?
ใคร
อยาก ?
ใคร
ยึด ?” พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า คำถามเช่นนั้นใช้ไม่ได้ เป็นคำถามที่
ตั้งขึ้นตามความรู้สึก ไม่สอดคล้องกับสภาวะ
เข้ากับสภาพความเป็นจริงที่แท้ไม่ได้ ถ้าจะให้ถูก ต้องถามว่า
อะไรเป็นปัจจัย
ให้มีการรับรู้ ?
อะไรเป็นปัจจัย
ให้มีเวทนา ?
อะไรเป็นปัจจัย
ให้มีการอยาก การยึด ?
(เนื่องกับข้อข้างบนอีก)
อธิบายว่า
การคิด ก็ดี ความจงใจเจตนา ก็ดี การอยากการปรารถนา ก็ดี การเสวยเวทนา ก็ดี เป็น
องค์ประกอบ
อยู่ในกระบวนการแห่งรูปธรรมและนามธรรม ฉันใด
ความรู้สึก
ถึงตัวผู้คิด หรือตัวผู้เจตนา เป็นต้น ก็เป็น
องค์ประกอบ
อยู่ในกระบวนธรรมนั้น ฉันนั้น และองค์ประกอบเหล่านั้นก็
สัมพันธ์
โดยอาการเป็นเหตุเป็นปัจจัยสืบทอดต่อกัน มีแต่การคิดและความรู้สึกถึงตัวผู้คิด (คือความหลงผิดว่า
มีตัวผู้คิด
ไม่ใช่มีตัวผู้คิดเอง) เป็นต้น ที่เกิดสืบต่อกันอยู่ในกระบวนธรรมเดียวกัน
ว่าที่จริง
ความรู้สึกว่ามีตัวผู้คิด ก็เป็นอาการคิดอย่างหนึ่ง
พูดอย่างง่ายๆ ว่า
เป็นขณะหนึ่งใ
นกระบวนการคิด การที่เกิดความหลงผิด (คิดผิด) รู้สึกว่ามีตัวผู้คิด ก็เพราะไม่รู้จักแยกองค์ประกอบต่างๆ ที่สัมพันธ์สืบต่อกันอยู่ในกระบวนธรรม และไม่สามารถกำหนดแยกความเป็นไปในแต่ละขณะๆ
ใน
ขณะกำลังคิด
ย่อม
ไม่มีความรู้สึกถึงตัวผู้คิด
และในขณะกำลังรู้สึกถึงตัวผู้คิด ก็ไม่มีการคิด กล่าวคือ ในขณะกำลังคิดเรื่องที่พิจารณา ย่อมไม่มีการคิดถึงตัวผู้คิด และในขณะกำลังคิดถึงตัวผู้คิด ก็ย่อมไม่มีการคิดเรื่องที่กำลังพิจารณา
แท้จริงแล้ว การคิดเรื่อง ก็ดี ความรู้สึกถึงตัวผู้คิดหรือความคิดว่ามีตัวผู้คิด ก็ดี ต่างก็
เป็นความคิดต่างขณะกัน
ที่อยู่ในกระบวนธรรมเดียวกัน ส่วนตัวผู้คิด ก็เป็นเพียง (ภาพ) ความคิดปรุงแต่ง ที่กลับมาเป็นอารมณ์ (ส่วนประกอบอย่างหนึ่ง) ของความคิดอีกขณะหนึ่งเท่านั้นเอง
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=04-11-2023&group=88&gblog=39
ตัวอย่างเทียบ
ดังว่าข้างบน
- > มีคนนึง
เขาโพสต์ปรึกษาในกลุ่มเกี่ยวกับปรึกษา
ปัญหาชีวิต
ที่ผมอยู่ เขาเล่าว่าเขาเคย
ติดคุก
ในคดีที่ร้ายแรงมากๆมากจน
สังคม
ไม่อาจให้อภัยได้ เพราะเป็นคดีที่
ละเมิดหลักมนุษยธรรมร้ายแรง
แต่ตอนนี้เขาออกจากคุกมาแล้วต้องการเริ่มต้นใหม่
ผมโกรธมากๆ
เพราะความผิดที่เขาเคยทำจน
ด่าว่าเขาเป็นเดนมนุษย์ลงในคอมเม้นท์
มีคนมากมายเห็นคอมเม้นนั้น ผม
ปล่อยคอมเม้นนั้นไว้เป็นชั่วโมง
จนรู้สึกว่าพระเจ้าทำงานในใจ
ให้ผมกลับไปลบ
แต่
ผมเลือกจะไม่สนใจ
แล้วปล่อยไว้อีก
สักพักนึงพระเจ้าทำงานในใจผมอีกครั้ง
ให้ผมกลับไปลบ
ผมรู้สึกว่าผมทำผิดที่ไปพูดแบบนั้น
แต่พอจะกลับไปลบ
โพสต์นั้นก็หายไปแล้ว
ผม
สามารถอธิษฐานสารภาพบาปผิดต่อพระเจ้า
เมื่อไหร่ก็ได้
แต่
กับคนคนนั้นที่ผมไปว่าเขา ผมคงไม่มีโอกาสได้ขอโทษเขาอีกแล้ว
เพราะ
เขาใช้โหมดไม่ระบุตัวตนผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร
ตอนนี้ยังรู้สึกผิดอยู่เลยครับ
Create Date : 02 มิถุนายน 2567
Last Update : 9 มิถุนายน 2567 13:46:56 น.
0 comments
Counter : 174 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
Bloggang.com