" โรแมนติก-แฟนตาซี " เพชรพระอุมา (พระเอก-นางเอก)
สวัสดีตอนค่ำๆครับ
ขออนุญาตบ่นหน่อยครับ ช่วงนี้เข้าใจครับว่า sever ที่พันทิปไม่ค่อยดี แต่วันนี้เป็นเอามากมายครับ กว่าจะเข้ามาเขียนได้รอเกือบยี่สิบนาที ใครเป็นแบบผมบ้าง
เข้าเรื่องเลยดีกว่า ไม่เสียเวลาดีครับ
ตอนที่หนึ่ง ไพรมหากาฬ
กลางบ่ายที่ร้อนอบอ้าววันหนึ่งกลางเดือนมีนาคม เป็นวันธรรมดาที่สุดวันหนึ่งของพรานใหญ่รพินทร์ แต่เป็นวันที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
บนสถานีกักสัตว์ของนายอำพล มีแขกพิเศษสามท่านรอพบนายรพินทร์อยู่ นั่นคือ พ.ท.หม่อมราชวงศ์ เชษฐา วราฤทธิ์ อดีตทูตทหารบกประจำสหรัฐอเมริกา ท่าทางสุขุมเยือกเย็น พ.ต.ไชยยันต์ อนันตรัย นายทหารนอกราชการ ผู้เป็นมิตรสนิทกับครอบครัว วราฤทธิ์และคนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้ พ.ญ.หม่อมราชวงศ์ ดาริน วราฤทธิ์ ผู้หญิงที่รพินทร์ สงสัยว่า " นี่หรือคือ นายแพทย์ และนักศึกษามนุษย์วิทยา ผู้กำลังจะทำปริญญาเอก หล่อนน่าจะเป็นนางแบบแฟชั่น จะเหมาะกว่า " คงเป็นเพราะ หญิงสาวผู้นั้น มีอะไรสะดุดตามากมาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หรือ ทรวดทรงหล่อนซ่อนร่างโปร่งไว้ใต้แสลคอันเป็นยีนขาว และเชิ้ตสปอตสีนำเงินเข้มตัดผิวสีมะปรางดูเด่น
อะไร ไม่สำคัญเท่ากับว่าเจ้าหล่อนดูเย่อหยิ่งไว้ตัว เหลือประมาณ... นั่นเป็นความคิดแรกของรพินทร์ทีเดียวครับ เพราะฉะนั้นเราเห็นกันได้ว่า ต่อให้รพินทร์แกปิ๊งยังไง คนผู้เป็นสุภาพบุรุษที่ไม่มีอะไร หรือจะกล้า...
แต่จะเป็นอะไรก็ตาม สำหรับสายตาของรพินทร์ขณะนี้ เขามองเห็นหล่อนเป็นเด็ก ที่ได้รับการพะนอเอาอกเอาใจ เสียจนเคยตัว
หลังจากรพินทร์ได้รับทราบจุดประสงค์ที่จะไปตาม คุณชายกลาง ที่เดินทางดั้นด้นหายไป ณ ขุนเขา พระศิวะแล้ว รพินทร์ก็ได้เล่าถึงลายแทงโบราณที่เขามีอยู่ ยิ่งเป็นเหตุให้คุณหญิงของเรา นึกดูถูกในความพิศดารของเขามากขึ้น ถึงกับแสดงออกทั้งทางแววตาและยิ้มเยาะกันเลย เล่นเอาพรานรพินทร์เกือบจะกลับบ้านเอาทีเดียว
จนมารู้ประวัติความเป็นมาของรพินทร์ ว่าได้รับการศึกษาอย่างดีเลิศมาแล้วในโลกศิวิไลซ์เช่นเดียวกับเธอ จนถึงกับพูดว่า " ไม่น่าเชื่อเลย มิน่าละ ถึงพูดจาเลี้ยวลดสำคัญนัก แต่ตีหน้าเซ่อ ทึ่มอย่างสนิท " หล่อนบ่นออกมาอย่างครึ่งหัวเราะ ครึ่งบึ้ง อย่างฉุนๆ
เมื่อเจอกันเป็นครั้งที่สองในวันรุ่งขึ้น หล่อนอยู่ในเชิ้ตโปโล และกางเกงผ้ายืดรัดรูปทรง สีดอกตะแบก (ใครช่วยบอกผมทีว่าสีอะไร )แจ่มเจริด เจิศลักษณ์ น่าพิศวง
แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะดูเหมือนพรานไพรใจฉกาจที่หล่อนว่า ไม่เห็นแสดงความตื่นเต้น สนใจอะไรเลยสักนิด ผิดกับผู้ชายสามัญ ธรรมดาที่หล่อนพบเห็นมานักต่อนัก เรียกว่าผิดหวังกันเป็นคำรบที่สอง สำหรับคุณหญิงคนสวยของเรา ที่พ่อพระเอกยังคงแสดงท่าไม่สนใจเธออีกตามเคย เรียกว่า อีโก้คงกระจายไปเลยครับ
เมื่อรพินทร์ตกลงใจรับนำทาง ให้กับคณะของคุณชายเชษฐา ก็เกิดปัญหาเกี่ยวกับนางเอกของเราอีกแล้ว เมื่อสัมภาระส่วนหนึ่งในการเข้าป่า คือ เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องเล่นจานเสียง เสตอริโอแบบกระเป๋า พร้อมจานเสียง เป็นเหตุให้เขาถึงกับ ประชดว่า " ถ้าเราได้โทรทัศน์อีกสักเครื่อง และตู้เย็นอีกสักตู้ไปในการบุกดงดิบกันดารในครั้งนี้ คณะของเราคงมีความสุขมิใช่น้อยครับผม " พร้อมทั้งชิดเท้าตรง ก้มศรีษะให้ ราวกับรายงานต่อผู้บังคับบัญชา
เล่นเอานางเอกของเราหน้าแดงก่ำจ้องตาเขาแบบจะกินเลือดกินเนื้อกัน แล้วก็อุทานออกมาคำหนึ่ง (เดาว่าคงด่าแหง) กระทืบเท้าสะบัดหน้าเดินผละขึ้นไปบนบ้านพักโดยเร็ว...
ในตอนเย็น คุณหญิงเธอก็จัดงานเลี้ยงให้กับการเดินทางของคณะและเปิดเพลงเซเรเนด จากแผ่นเสียงคลอไปกับการฟังเรื่องเล่าจากปากของพรานใหญ่ ซึ่งมีการคุยทับกันอีก ตามฟอร์มซึ่งดูเหมือนจะเป็นฝ่ายหญิงเจ้าเดียวที่หาเรื่องบลัฟ พระเอกของเราตามแต่จะมีโอกาส อย่างที่เจ้าตัวเองก็ยอมรับ พร้อมบ่นอุบอิบและชำเลืองค้อนรพินทร์ไปอีกด้วยซ้ำ...
รุ่งขึ้นเป็นวันออกเดินทาง ก่อนฟ้าสางเล็กน้อย นางเอกของเราก็แต่งตัวราวกับ จะไปแสดงหนังกลางป่า แต่ครั้งนี้รพินทร์มองด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ จนอดถามไม่ได้...
" คุณหญิงเห็นจะเตรียมชุดเดินป่ามาหลายชุดกระมังครับ " " อ๋อ ไม่ต้องมาประชด เจ็ดวัน เจ็ดสีเลยไม่มีซ้ำ" " น้อยไปหน่อยครับ ควรเป็น30 วัน 30 สีไปเลย ตลอดทั้งเดือนจะได้ไม่ซ้ำ ลูกหาบเรามีตั้งสิบหกคน " แล้วจอมพรานก็ยิ้มพราย...
เป็นไงครับลีลาการปะทะคารมของคู่นี้ โต้กันอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มเลยละครับ แต่ถึงยังไงรพินทร์เองก็รู้สึกว่า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในคณะที่ไม่น่าเหลือบ่ากว่าแรง ในการพิทักษ์คุ้มครองอะไรนัก (ยัง... นะสิครับ)
สนุกกันไหมครับ พรุ่งนี้มาต่อกันถึงเรื่องการเดินทางในช่วงแรกนะครับว่ามีอะไร เกิดขึ้นบ้าง สนุกแน่ครับ
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2549 |
|
7 comments |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2549 22:55:44 น. |
Counter : 716 Pageviews. |
|
|
|
คงต้องรีบกลับไปอ่านต่อให้จบแล้วล่ะ