@... บันทึกถึงวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ...@
.
นับตั้งแต่เกิดมาจนอายุได้ 24 กว่าๆ (???) ตัว จขบ. มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเป็นทางการ 3 ครั้ง (รับพระราชทานทุนการศึกษาและปริญญาบัตร) และมีโอกาสชื่นชมพระบารมีเวลาท่านเสด็จไปที่ต่างๆ อยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่ยังเรียนอยู่ที่ธรรมศาสตร์ และที่จำได้แม่นคือเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้พาแม่ไปจุดเทียนชัยถวายพระพรที่สนามหลวง ระหว่างเดินจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไป (ต้องเดินเพราะรถติดมาก) จู่ๆ ก็มีเสียงรถตำรวจนำเป็นสัญญาณว่าในหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จผ่าน แม่ที่ชอบเล่าอยู่เรื่อยว่าสมัยเด็กๆ เห็นในหลวงบ่อยมาก รีบวิ่งนำไปยึดริมถนน หาที่เหมาะๆ ทันที รอไม่นาน รถพระที่นั่งของพระองค์ท่านก็เสด็จผ่านช้าๆ ให้ประชาชนชื่นชมพระบารมีอย่างจุใจ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยมีความคิดว่าจะต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืดไปเบียดเสียดกับฝูงชนเพื่อเข้าเฝ้าเลย จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2549 ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ตัว จขบ. วางแผนกับแม่ว่าจะไปร่วมงานทุกงานที่จัดขึ้นเท่าที่จะทำได้ ยกเว้นการไปที่ลานพระบรมรูปทรงม้า หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ขอชื่นชมผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ก็แล้วกัน แล้วความคิดก็เปลี่ยนไปเมื่อได้คุยกับเพื่อนสองคน (ป้าหนอนกับบุษบามินตรา) ที่ไปร่วมเข้าเฝ้าในคราวเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ป้าหนอนกับเพื่อนบุดบอกแนวๆ ว่า การได้เข้าเฝ้าไม่ได้หมายความว่าเราต้องได้เห็นพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิดและชัดเจนเท่านั้น หากแต่เป็นการแสดงให้พระองค์ท่านทอดพระเนตรเห็นถึงความจงรักภักดีจากเราอีกด้วย ได้ไปอยู่ท่ามกลางคนที่คิดเหมือนๆ กันนั้นแสนจะมีความสุข ซึ่งก็ตรงกับผู้ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ ในเวลานั้นจึงเกิดความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าต้องมีสักครั้งในชีวิตที่เราได้แสดงออกเช่นนี้บ้าง ก็เฝ้ารอมาตลอด กว่าจะสมหวังก็ผ่านไปหกปีกว่า
ทันทีที่รู้ข่าวก็ชวนเพื่อนทันที คิดไว้แล้วว่าถ้าเพื่อนไม่สะดวกก็จะไปคนเดียว ป้าหนอนกับแม่มณีตอบตกลง เพื่อนคนอื่นๆ ไม่สะดวกติดงาน ติดเดินทาง นัดหมายเวลาและสถานที่เจอกันเสร็จสรรพ แต่เมื่อถึงวันจริง ป้าหนอนเกิดอาหารเป็นพิษไปไม่ได้ ไม่เป็นไรเหลือสองสาวก็ลุยได้
เราสองตกลงกันว่าจะใช้บริการรถเมล์ฟรีค่ะ เพราะวันงานคนคงมหาศาล แม่มณีบอกว่าสถานที่ที่รัฐบาลเตรียมไว้ใช้จอดรถคือบริเวณบ้านของเธอเอง แล้วเช่นนี้จะขับรถข้ามมาฝั่งพระนครทำไมกัน
จขบ. ไปขึ้นรถฟรีที่ตลาดบางกะปิตอนหกโมงเช้า ตั้งใจจะขึ้นรถคันแรกเลย มีคนไปรอรถเยอะมาก ทำให้รู้สึกอิ่มใจ ได้คุยกับคุณยายคนหนึ่ง คุณยายบอกว่าเมื่อหกปีก่อนก็ไป ไปคนเดียวนี่แหล่ะ ไม่เอาลูกหลานเพื่อนฝูงไปให้เป็นภาระ ไปถึงก็หาที่นั่งไปเรื่อย จนกระทั่งไปรอที่หน้าพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ได้เห็นพระองค์ท่านชัดๆ สุดยอดเลยค่ะ
จริงๆ รถเส้นนี้จะต้องไปส่งพวกเราที่แยกมัฆวานรังสรรค์ แต่รถติดมาก เขาเลยปล่อยลงที่ตรงแยกพาณิชยการ สะพานชมัยมรุเชษฐ์ เทียบระยะทางก็พอๆ กัน ยังไงก็ต้องเดินต่อนะจ๊ะ
บรรยากาศตอนเจ็ดโมงเช้า ดูสบายๆ คนยังไม่เยอะเท่าไร ได้ถามทหารคนหนึ่งถึงเส้นทางนั่นนี่ อะไรอยู่ตรงไหน ยังไง คุณทหารใจดีบอกว่า จริงๆ รอรับเสด็จที่นี่ก็ได้ ท่านจะผ่านแถวนี้ แต่น่าเสียดายที่ตรงนี้ไม่ได้กางจอใหญ่ให้ดู เลยคิดว่าเดินไปแถวถนนราชดำเนินนอกจะดีกว่า
ระหว่างทาง มีร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม จุดบริการน้ำดื่ม และจุดแจกมาม่าอยู่ (ขอบคุณมาม่าด้วยค่ะ ได้กินหลังจากเลิกงานแล้ว อิ่มท้องไปหนึ่งมื้อ)
ถนนราชดำเนินนอก เห็นพระที่นั่งอนันตสมาคมอยู่ไกลๆ คนเยอะนะคะ แต่ยังไม่แน่น สามารถเดินเข้าไปใกล้ๆ ได้อีก
เจอแม่มณีแถววังปารุสก์แล้ว เราก็เลือกที่นั่งได้แถวๆ นั้น เลยจากแยกสวนมิสกวันมาประมาณสองช่วงเสาไฟฟ้า ใกล้โปรเจ็กเตอร์จอใหญ่
นั่งคุยกันได้สักพัก ก็แปดโมงเช้า ลุกขึ้นยืนเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติและซ้อมเปล่งเสียงไชโยไปพลางๆ
หันกลับไปทางดัานหลัง ต้องร้อง "อั๊ยย่ะ เผลอแป๊บเดียว คนมานั่งต่อจากเราเยอะมว้ากกกกกกก"
แล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย
มีความสุขมากค่ะที่ได้มีโอกาสร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" แด่พระองค์ท่านไปพร้อมๆ กับทุกคนในที่นั้น
"ขอแค่เป็นจุดสีเหลืองเล็กๆ ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรเห็นก็ภูมิใจที่สุดแล้ว" ได้ยินครั้งแรกจากผู้บรรยาย คุณสายสวรรค์ ขยันยิ่ง แล้วรู้สึกจริงอย่างที่สุด และหากมีโอกาสสำคัญเช่นนี้ ก็จะพยายามไม่พลาดที่จะไปร่วมงานอีก
Create Date : 08 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 8 ธันวาคม 2555 18:24:45 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1541 Pageviews. |
|
|