รู้ได้อย่างไรว่าแฟนเป็นคนดี
ปัญหาใหญ่ของผู้หญิงก็คือ ไม่รู้ว่าผู้ชายที่มาสนใจเราเป็นคนอย่างไร เขาจะเป็นคนดีจริงหรือไม่ เขาจะสนใจเราหรือเปล่า เราจะทำให้เขาสนใจอย่างไร จึงจะไม่น่าเกลียด และจะมีหลักในการสังเกตเพื่อนต่างเพศอย่างไรดีไม่ให้เกิดความผิดหวังในอนาคต
ก่อนอื่นคงต้องสำรวจใจตัวเองดูก่อนว่าสนใจเขามากน้อยแค่ไหน ถ้าสนใจเขามาก อยากรู้จักกับเขาจริง ๆ ด้วยความที่เขาเป็นคนหน้าตาดี สุภาพเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน เหมือนคนที่ใฝ่ฝันถึงอยู่ จิตใจอาจจะไขว้เขวเอนเอียง มีโอกาสให้คะแนนเขาง่าย ๆ และมองข้ามข้อเสียข้อบกพร่องของเขาไปหมด เข้าทำนอง “ความรักทำให้ตาบอด” โอกาสที่จะเห็นตัวจริงของเขาก็จะยาก ถ้าเรามีใจให้กับเขาอยู่แล้ว ต้องพยายามปรับใจให้เป็นกลาง พยายามคิดไว้เสมอว่า คนเราทุกคนย่อมต้องมีข้อดีข้อเสีย ไม่มีใครที่สมบูรณ์พร้อม คนที่ดีคือคนที่มีข้อเสียน้อย และมีความพร้อมที่จะแก้ไขปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ การพยายามหาข้อดีข้อเสียของคนเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน และเรียนรู้จากการคบเพื่อน จากการรู้จักเพื่อนต่างเพศ แล้วหัดสังเกต วิเคราะห์ หากมีการพูดคุยปรึกษาหารือกันในหมู่เพื่อน หรือปรึกษากับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ ได้ฟังความคิดเห็นของหลาย ๆ คน จะเกิดการเรียนรู้ที่จะแยกแยะคนได้แม่นยำขึ้น
เมื่อสนใจเพื่อนต่างเพศ อาจจะมองเห็นแต่ข้อดีของเขา เนื่องจากอารมณ์ของเราเป็นอารมณ์ดี มีความสุข การมองโลกในขณะนั้นก็จะเป็นสุข เป็นเรื่องดีไปหมดเหมือนกัน บางคนมองเขาดีเลิศจนเกินความเป็นจริง เลยมองข้ามข้อเสียของเขาไป เมื่อแต่งงานอยู่ด้วยกันไปก็จะเห็นข้อเสียของเขามากขึ้น ๆ จนในที่สุดเกิดปัญหาขัดแย้งกัน และลงเอยด้วยการแยกทาง หรือหย่าร้างกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่ได้มีการศึกษากันให้ดี ให้เห็นถึงความเป็นตัวของตัวเองของเขาจริง ๆ อีกประการหนึ่งก็คือ ในขณะที่สนใจกันใหม่ ๆ นั้นต่างฝ่ายต่างก็พยายามทำตัวดี เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งสนใจและ พอใจมีการปิดบังซ่อนเร้นข้อเสียของตนเองไว้ เมื่อคบกันไปนาน ๆ เวลาเผลอตัวก็อาจแสดงตัวตนจริง ๆ ออกมาให้เห็นได้ และเมื่ออยู่กันด้วยกันเกิดความชินชาเป็นกันเองมาก ๆ ก็ค่อยแสดงนิสัยดั้งเดิมที่ปกปิดไว้ออกมา ส่วนใหญ่สิ่งที่ซ่อนไว้มักจะเป็นเรื่องไม่ดีเช่น ดื่มเหล้า เจ้าชู้ เล่นการพนัน เอาแต่ใจ เวลาโมโหชอบทำร้าย เป็นต้น
การที่จะรู้ว่าเพื่อนต่างเพศที่เราสนใจนั้นมีธาตุแท้เป็นอย่างไร เป็นเรื่องยากแต่ก็มีหลักการใช้ในการพิจารณา ดังนี้ 1. ลักษณะนิสัยของเขา เริ่มต้นตั้งแต่รู้จักกันใหม่ ๆ วิธีที่เขาเริ่มติดต่อกับเรานั้นเหมาะสมอย่างไร สุภาพเรียบร้อยและให้เกียรติเรามากน้อยแค่ไหน ควรต้องหัดสังเกตเขาในหลาย ๆ สถานการณ์ ทั้งที่เขาแสดงออกต่อตัวเราและที่เขาแสดงออกต่อเพื่อน ๆ ของเขา หรือเพื่อน ๆ ของเราด้วย ถ้ามีโอกาสได้ไปทำความรู้จักกับเขาที่บ้าน ก็อาจได้เห็นนิสัยของเขาที่บ้านด้วย กลุ่มเพื่อนของเขาก็พอจะบอกนิสัยเขาด้วยทางอ้อม เพราะคนที่คบเป็นเพื่อนกันนั้น มักจะมีอะไรคล้าย ๆ กัน เช่น รักเรียนเหมือนกัน หรือชอบกีฬาเหมือนกัน 2. พื้นอารมณ์ของเขาเป็นอย่างไร เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน อารมณ์เย็น โกรธง่าย หายเร็ว หรือโกรธลึก ฝังใจ ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย ใจน้อย ขี้งอน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องสังเกตเอง โดยดูจากปฏิกิริยาเวลาคบกันไปนาน ๆ ดูการแสดงออกของเขาในสถานการณ์ต่างๆ เช่น ภายในครอบครัว กับเพื่อน ๆ ของเขาเอง หรือเวลาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบางอย่าง เช่น ถ้าเราจำเป็นต้องเลื่อนนัดของเขาอย่างกะทันหัน เขามีปฏิกิริยาอย่างไร หรือจำเป็นต้องปฏิเสธการขอร้องบางอย่างของเขา เขามีการแสดงออกอย่างไร
ถ้าเพื่อนของเรา แสดงอารมณ์หรือรู้สึกรุนแรง ขาดการยับยั้ง ขาดการไตร่ตรอง หรือเรียกร้องจะเอาให้ได้ตามใจ ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฟังเหตุผลของเราเลย แบบนี้ควรคบกันห่าง ๆ ดีกว่า เพราะถ้ายิ่งสนิทกันมากขึ้น เราจะต้องเป็นฝ่ายเดือดร้อนเอาใจเขาฝ่ายเดียว ในที่สุดเราเองจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหว
3. ความคิดของเขา เราคงพอใจที่จะสนิทสนมกับเพื่อนที่รู้จักคิด มีความคิดในทางที่ดี มองโลกในแง่ดี มีความรอบคอบ รู้จักไตร่ตรอง รู้จักพิจารณาก่อนจะทำอะไรลงไป สังเกตได้จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไปของเขา การคิดของเขา คนที่ทำอะไรขาดการยั้งคิด หรือคิดไม่ดี ก็มักจะทำไม่ดี ผลก็มักจะไม่ดีไปด้วย จึงควรเลือกคบสนิทกับคนที่มีความคิดในทางที่ดี บางทีเขาก็อาจชักจูงให้เราคิดดีด้วยเหมือนกัน ก็จะได้ประโยชน์จากการคบเขาในการพัฒนาตัวเอง
4. คุณธรรมของเขา เราสามารถประเมินได้จากพฤติกรรมของเขาเช่นกัน ดูว่าเขามีความรู้จักผิดชอบชั่วดีมากน้อยแค่ไหน เห็นอกเห็นใจคนอื่นเพียงใด มีพฤติกรรมก้าวร้าวเอาแต่ใจตัวเอง โดยไม่คิดถึงหัวอกคนอื่น หรือทำผิดศีลธรรมกับคนอื่น ๆ หรือไม่ เขาอาจไม่แสดงออกในเรื่องนี้กับเราเพราะเขาต้องการให้เราชอบเขา แต่เขาไม่สามารถปิดบังความไร้ศีลธรรม ไร้คุณธรรม ไร้มนุษยธรรม ที่เขาจะแสดงออกต่อบุคคลอื่น ๆ ได้หมด เราจะสังเกตได้เสมอ 5. ความเป็นตัวของตัวเอง สมัยนี้ไม่ว่าหญิงชายมักจะต้องมีบทบาทในสังคมพอ ๆ กัน ทั้งการเรียน การทำงาน และการรับผิดชอบต่อลูกต่อ ครอบครัว ผู้หญิงก็ต้องทำงานด้วย สามีภรรยาจะมีบทบาทพอ ๆ กัน ซึ่งต้องอาศัยความเป็นตัวของตัวเองสูง สภาพความเป็นผู้นำผู้ตามอาจมีพอ ๆ กัน เราต้องรู้จักนำและตามให้เหมาะสม ต้องพึ่งตัวเองได้ด้วย และสามารถเกื้อกูลกันได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน คงต้องสังเกตลักษณะบุคลิกภาพของเขาว่า เขามีความเป็นตัวของตัวเองมากน้อยแค่ไหน พึ่งตัวเองได้หรือไม่ เขาสามารถจะเป็นผู้นำในบางสถานการณ์ได้หรือไม่ และในบางครั้งเขาเปิดโอกาสให้เราเป็นตัวของตัวเองมากน้อยขนาดไหน ความพอเหมาะในข้อนี้เป็นเรื่องยาก ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งสองฝ่าย ผู้ชายบางคนชอบเป็นผู้นำมาก ต้องการแฟนเป็นผู้ตาม ถ้าผู้หญิงมีความเป็นผู้นำมากเกินไปเขาก็คงไม่ชอบ
6. การรู้จักวางแผนการ ลองสังเกตดูว่าเขาเป็นคนมีหลักการแค่ไหน มีการรู้จักวางแผน เตรียมการล่วงหน้าอย่างรัดกุม ป้องกันปัญหาต่าง ๆ ไว้บ้าง และรู้จักคิดถึงอนาคตระยะสั้นระยะยาว ทั้งต่อตัวเอง และต่อคนที่เขารักด้วย ถ้าเราคบคนแบบนี้ก็หายห่วงได้ คนที่รู้จักวางแผน รู้จักคิดและสามารถทำได้อย่างที่คิดนั้น เป็นคนที่มีหลักน่าคบกัน
คงต้องดูต่อไปด้วยว่า นอกจากเขาจะคิดวางแผนเป็นแล้ว เขามีความพยายามที่จะทำให้สำเร็จผลตามแผนที่เขา วางไว้หรือไม่ บางคนเก่งแต่คิดพอทำแล้วไม่ได้เรื่องแบบนี้ต้องคบห่าง ๆ จะดีกว่า คนบางคนเป็นคนขี้คุย เวลาให้ทำจริง ๆ อาจทำไม่ได้ การที่เขาทำได้จริงตามคำพูด แสดงถึงความรับผิดชอบ ความหนักแน่น และความอุตสาหะ อดทนหลายอย่าง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของคนที่เราต้องการจะเป็นแฟนด้วย เรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการสังเกตด้วยเหมือนกัน
7. ความสม่ำเสมอ เวลาเราคบใครคงชอบที่จะให้เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย คงเส้นคงวา ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ ความสม่ำเสมอแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง หนักแน่น มั่นคง อดทนและมีระเบียบวินัยของตัวเอง คนที่แสดงความเสมอต้นเสมอปลายได้ เมื่อคบไปนาน ๆ ก็จะสามารถประเมินได้ง่าย ๆ ว่าเขาเป็นคนอย่างไร เพราะเขามักจะไม่มีอะไรปิดบัง ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่สม่ำเสมอแสดงว่าเขาปิดบังอะไรอยู่ แต่เขาไม่สามารถปิดบังได้ตลอด 8. ความใจกว้าง เราจะโชคดีมาก ถ้าได้รู้จักคนที่ใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น (และของเราด้วย) คนใจกว้างจะเรียนรู้ได้สูง และประสบผลสำเร็จในการเรียนและการงานได้มาก การยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กจนติดเป็นนิสัย คนใจกว้างจะมีคนนิยมชมชอบเยอะ มีเพื่อนมาก เพราะเขาไม่เอาแต่ใจตัวเองฝ่ายเดียว และรู้จักมองในแง่ดีของคนอื่น เป็นคุณสมบัติของคนที่ดี
9. ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนที่เป็นที่รักของใคร ๆ มักมีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีการ “ให้” ได้เหมาะสม ไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน โดยไม่คำนึงถึงใจของคนอื่น เวลาคบกันใหม่ ๆ เขาอาจแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับเรา แต่พอรู้จักกันนาน ๆ เขาอาจเป็นฝ่าย “รับ” จากเรา และเรียกร้อง แบบนี้ต้องระวังให้จงดี อย่าคิดว่าการที่เรารักเขา จะต้องเป็นฝ่ายให้เขาฝ่ายเดียว การคบกันต้องเป็นฝ่าย “ให้” และ “รับ” อย่างเหมาะสม ถ้าเขาไม่รู้จักให้เลยแสดงว่าเขาไม่ได้มีลักษณะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยธรรมชาติแต่อาจเสแสร้งทำในระยะแรก ๆ 10. ความเข้มแข็งของจิตใจ การจะรู้จักความเข้มแข็งของจิตใจเป็นเพื่อนเราได้ ต้องคอยสังเกตเวลามีสถานการณ์ที่ทำให้เขาไม่สบายใจ เครียดหรือวิตกกังวล แล้วดูว่าเขาคิดและตัดสินใจอย่างไร คนเรามีการแสดงออกไม่เหมือนกัน คนที่มีความเข้มแข็งของจิตใจจะสู้ปัญหา มองปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย ใช้สติปัญญาไตร่ตรองหาหนทางแก้ไขอย่างรอบคอบ มองถึงข้อดีข้อเสีย รู้จักปรึกษาผู้อื่น รู้จักเอาความคิดเห็นผู้อื่นมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา และเมื่อปัญหาผ่านพ้นไปแล้ว ก็สามารถทบทวนเรียนรู้ จากประสบการณ์ในอดีต เพื่อป้องกันกับปัญหาต่อไปในอนาคต
ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิดความแตกร้าวในครอบครัว เกิดจากสามีหรือภรรยา ที่มีสภาพ 4 ประการคือ * ติดเหล้า (หรือยาเสพติด) * เจ้าชู้ * เล่นการพนัน * ทัศนคติไม่ตรงกัน ซึ่งลักษณะ 4 ประการนี้ สามารถสังเกตได้ในตัวเพื่อนที่คบกัน ลองดูว่าเขามีแนวโน้มจะเป็นประการใดบ้าง เขาชอบใช้บุหรี่ เหล้า หรือยากล่อมประสาทตัวใดหรือไม่ เขาชอบจีบผู้หญิง หรือแสดงความสนใจให้ความหวังกับคนอื่น ๆ ในฐานะแฟนพร้อม ๆ กันหลายคนหรือไม่ เขาสนใจการพนันบ้างหรือไม่ บางครั้งลองถามถึงทัศนคติที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ก็จะได้แนวคิดของเขาเช่นกัน
ปัญหาเรื่องทัศนคติที่ไม่ตรงกัน เป็นเรื่องที่พบได้เสมอเนื่องจากคนเรานั้นไม่เหมือนกัน จึงควรรู้จักเขาให้ดีว่า เขาเป็นคนอย่างไร ความไม่เหมือนกันนั้นเป็นอุปสรรคมากน้อยเพียงใด จะปรับเข้าหากันได้หรือไม่ และจะอดทนกับสิ่งที่ไม่เหมือนกันนี้ได้หรือไม่ คุณสมบัติ 10 ประการนี้ ลองฝึกสังเกตในหมู่เพื่อน ๆ บ่อย ๆ ก็จะเก่งในการวิเคราะห์คน คนที่มีลักษณะเพียบพร้อมดีไปหมดนั้นอาจพบไม่มาก แต่ถ้าได้พบและรู้จักคบด้วย จะได้ประโยชน์ต่อตัวเอง เพราะจะได้เรียนรู้และถ่ายทอดสิ่งดี ๆ มาจากเขา ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น
การจะมองให้เห็นนิสัยใจคอคนได้ดีนั้น มีหลักดังนี้
ประการแรก เพื่อน ลองสังเกตเพื่อน ๆ ของเขาดู คนเรามีลักษณะอย่างไร ดูได้จากเพื่อน ดังนี้ * เพื่อนมักมีลักษณะคล้าย ๆ เขา คนเรามักจะคบคนที่มีอะไรคล้าย ๆ กัน
* เพื่อนมักจะเรียนรู้และเลียนแบบกัน ในหมู่เพื่อนจะมีการถ่ายทอดแบบอย่างทั้งนิสัยใจคอ ความคิดและการกระทำจากกันและกันเสมอ จะสังเกตได้ว่าเพื่อน ๆ เขาคิดคล้าย ๆ เขา การแสดงออกของเพื่อนเขาก็จะสะท้อนถึงตัวเขาด้วยเหมือนกัน ถ้าเพื่อนเขาติดเหล้าติดยาเสพติด เกเรชอบเที่ยว ไม่รักเรียน ตัวเขาก็จะมีแนวโน้มเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน
* เพื่อนเขาจะช่วยบอกลักษณะนิสัยที่แท้จริงของเขาได้ การที่เราได้รู้จักเพื่อนของเขาก็จะได้ข้อมูลรายละเอียดส่วนตัวจากเพื่อน ๆ เขาด้วยเช่นกัน
ประการที่สอง พ่อแม่ ถ้าได้มีโอกาสรู้จักครอบครัวของเขา ก็จะได้เรียนรู้ รู้จักเขามากขึ้น นั่นคือจะได้ทราบว่า เขาได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมาอย่างไร มีความอบอุ่นในชีวิตคอรบครัวดีหรือไม่ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสุขภาพจิต และพัฒนาการบุคลิกภาพของเขามาตั้งแต่เด็ก ลักษณะนิสัยใจคอและพฤติกรรมบางอย่างถ่ายทอดกันได้จากพันธุกรรม และการเรียนรู้ เข้าลักษณะ “ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น” ยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้ชายที่มีพ่อแม่ติดเหล้า มักจะติดเหล้าและยาเสพติดด้วย เด็กที่มีพ่อแม่ชอบดุด่า เฆี่ยนตีรุนแรง เวลามีลูกตัวเองก็อาจทำโทษลูกรุนแรงเหมือนกัน เด็กที่ชีวิตขาดความอบอุ่น มักจะแสวงหาความรัก ความอบอุ่นจากภายนอก เมื่อถึงวัยรุ่นอาจจะขาดความยั้งคิดพิจารณาที่ดี ได้แฟนไม่เหมาะสมได้ง่าย ถ้าจะมีแฟนคงต้องหาโอกาสไปทำความรู้จักกับครอบครัวเขาด้วย นอกจากจะได้ประโยชน์จากการเรียนรู้นิสัยใจคอเขามากขึ้นแล้ว ยังทำให้เป็นที่รู้จักของครอบครัวเขาด้วย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นที่เปิดเผย และควรเปิดโอกาสให้เขาได้รู้จักครอบครัวของเราด้วยเหมือนกัน การที่ผู้ใหญ่ได้รู้จักเขา ก็จะช่วยให้ข้อคิดเห็น ช่วยมองเขาในสายตาของผู้ใหญ่ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า ท่านอาจให้คำแนะนำตักเตือนหรือข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อเราด้วย
ประการที่สาม เวลาในการคบกันให้รู้จักเขามากนั้น คงต้องใช้เวลาเพื่อศึกษาเขาพอสมควร เพราะในระยะแรก ๆ นั้น คนเราอาจพยายามจะทำดีต่อกัน พยายามปกปิดข้อเสียและจุดอ่อนของตน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ธรรมชาติ และธาตุแท้ของเขาจะค่อยโผล่ออกมาให้เห็นทีละน้อย โดยปกติ 1-2 ปีแรกของการคบกันนั้น มักจะเห็นแต่สิ่งที่ดีในตัวเขา ปีที่ 3 - 5 จะเห็นข้อเสียเขาบ้าง และถ้าเลย 5 ปีขึ้นไป ก็จะเห็น “ตัวจริง” ของเขามากขึ้น ดังนั้นจึงควรคบกันนาน ๆ อย่างน้อย 5 ปี เพื่อจะได้ “รู้จัก” เขาจริง ๆ ถ้าจะตกลงใจร่วมชีวิตกับใคร เราคงต้องการความมั่นใจว่ารู้จักเขาดีพอแล้ว เวลา 5 ปี ที่รู้จักกันก่อนก็มีความเหมาะสมมาก เพราะจะได้เตรียมตัวเตรียมใจได้ล่วงหน้า ถ้าพบข้อบกพร่อง ข้อที่ไม่ถูกใจก่อน ลองสำรวจใจตัวเองดูว่าจะสามารถยอมรับข้อเสียนั้น ๆ ได้หรือไม่ อย่าคิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยของเขาได้เพราะเป็นไปได้ยาก ถึงแม้เขาจะพยายามเปลี่ยนก็จริงแต่ก็เปลี่ยนได้ไม่นาน
ถึงแม้จะคบกันเป็นเวลาหลาย ๆ ปี นิสัยบางอย่างก็ยังอาจถูกปกปิดไว้ได้ สังเกตจากในชีวิตจริงของครอบครัว สามีภรรยาที่แต่งงานกัน มักจะมีปัญหาในปีที่ 7 หลังจากแต่งงาน เรียกว่า ระยะพ้นปีที่ 7 นั่นคือส่วนมากพอถึงปีที่ 7 ต่างก็จะเห็น “ธาตุแท้” ของกันและกัน จะทนกันได้หรือไม่ จะยอมรับข้อบกพร่องของกันได้หรือไม่ก็จะเห็นได้ในปีนี้ ถ้าผ่านพ้นปีนี้ไปได้ด้วยดีแสดงว่ามีการปรับตัวเข้าหากันได้ ชีวิตคู่ก็มักจะยืดยาวต่อไป
สำหรับวัยรุ่นคิดว่า ถ้าจะใช้เวลา 7 ปี สำหรับการศึกษากัน ก่อนจะตกลงปลงใจแต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ก็มีเหตุผลดี อย่างน้อยก็อาจได้เห็นนิสัยใจคอที่แท้จริงของเขา และเมื่อถึงตอนนั้น คงจะมีอายุมากพอที่จะใช้วิจารณญาณได้ดี นั่นคือ อายุ 20 ปี ขึ้นไปนั่นเอง
ที่มา //fc.anamai.moph.go.th
Create Date : 23 พฤษภาคม 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2552 19:00:33 น. |
Counter : 605 Pageviews. |
|
|
|