Group Blog All Blog
|
Yokoso Japan - Day3 Kawaguchiko Lake
ผมตื่นขึ้นมายามเช้าของคาวากูชิโกะ เปิดหน้าต่างของห้องพักออกไปดูบรรยากาศด้านนอก ฟูจิซังตั้งเด่นอยู่ด้านนอก แต่พอเดินขึ้นเขาไปเริ่มเจอผู้คนมากมายมาออกกำลังกายครับ รวมถึงตากล้องนานาชาติเลยคราวนี้ เหมือนเป็นที่รู้ จากนี้ก็ต้องไต่บันได 400 ขั้นอีกรอบครับ เช้าๆยังพอมีแรงเหลือ ค่อยๆเดินขึ้นไปจนถึง Chureito Pagoda อีกรอบ ก่อนกลับขออีกสักรูปครับ เดินกลับลงมาอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยครับ ระหว่างทางพบกับผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย และตากล้องหลายๆคนถือ ผมกลับมาที่สถานี Kawaguchiko และก่อนกลับเข้าโรงแรมก็แวะจองตั๋ว City Bus ไว้ด้วย เพราะเดี๋ยวเราจะไปนั่งรถ กลับมาโรงแรมเพื่อเก็บของและ Check-out และฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เราจะนั่ง City Busรอบ นั่งมาจนถึงสุดสายเค้าก็ให้ลงให้หมดก่อนครับ วิวที่สุดสายรถก็สวยมากครับ ผมมีจุดที่เล็งไว้ขามาแล้ว เดี๋ยวขากลับ Kawaguchiko Lake เป็นหนึ่งในทะเลสาบทั้ง 5 ที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิอันประกอบด้วย Yamanakako Lake, Saiko หลังจากจากพลาดจากมุมที่ตั้งใจไว้ เราก็นั่งรถกลับมายัง Kawaguchiko Station เพื่อเตรียมตัวกลับโตเกียว ก่อน เรานั่งรถ Kieo Bus จากคาวากูชิโกะกลับมายังชินจูกุอีกครั้ง มาถึงชินจูกุประมาณบ่าย 2 โมง ยังมีเวลาเหลือพอเที่ยว จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟสาย JR Chuo Line ไปลงสถานี Tokyo จากนั้นเดินประมาณ 10 นาทีจะถึง Imperial พระราชวังอิมพีเรียล (โคเคียว ) เป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิมาตั้งแต่สมัยเอโดะ บนพื้นที่ ด้านหน้าทางเข้าเขตพระราชวัง เป็นที่ชมดอกซากุระที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง ที่มีดอกซากุระหลายสายพันธุ์บานให้ จากพระราชวังอิมพีเรียลเรากลับมาที่ชินจูกุเพื่อเข้าพักโรงแรมเดิมคือ Hotel Kent Shinjuku อีกครั้ง หลังจากเช็คอิน เย็นนี้เราได้ร้านราเมนหยอดเหรียญ ไอเดียดีมากครับเห็นแล้วอยากมาเปิดในเมืองไทย หน้าร้านจะมีตัวอย่างอาหาร พรุ่งนี้เราจะไปไหว้พระใหญ่ที่คามาคุระกันครับ
Yokoso Japan - Day2 Kawaguchiko
มาถึงท่ารถก็รอเวลาครับ เค้าจะมีป้ายไฟบอกว่ารถที่มาจอดกำลังจะไปไหน แต่ละคันจอดประมาณสัก 10 นาที การเดินทางไป Kawaguchiko โดยรถบัสเป็นทางที่สะดวกและประหยัดที่สุดครับ หากเดินทางโดยรถไฟจะต้อง ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง Kawaguchiko เวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ อาคารที่เห็นนี่คือ Kawagushiko Station
เราเอากระเป๋าเข้าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อนครับ วันนี้เราจะพักที่ Kawaguchiko Station Inn อยู่ตรงข้ามกับสถานี
ฝากกระเป๋าเสร็จก็หาอะไรใส่ท้องกันก่อนครับ มาเจอร้านอาหารใกล้ๆที่พัก เห็นหน้าร้านแล้วน่าเข้าไปลองมากน่ารัก อิ่มกันแล้วก็เดินทางกันต่อครับ ผมมาที่คาวากูชิโกะนี่จุดหมายหลักคือผมต้องการไปชมภูเขาไฟฟูจิที่อยู่คู่กับเจดีย์
เป็นร้านขายน้ำกระป๋องหยอดเหรียญครับ ตู้หยอดเหรียญที่นี่มีให้เลือกทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็นนะครับ อยากดื่มกาแฟ ถึงสุดถนนจะมีทางเลี้ยวขวาเดินข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้าย เดินเลียบทางรถไฟไปครับทางจะโค้งไปทางขวามือ เดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อยๆครับเห็นทางด่วนอยู่ข้างหน้าเดินลอดทางด่วนไปเลยครับ จะมีทางขึ้นเนินเดินขึ้นเนินไป มาถึงแล้วครับทางขึ้น Chureito pagoda เห็นเด็กญี่ปุ่นกำลังเล่นกันอยู่ เดินขึ้นไปข้างบนเลยครับ แต่ขอบอกว่ากว่า จากนั้นก็เดินไต่บันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านซุ้มซากุระที่บานเต็มต้นตลอดทางเดินครับ เดินขึ้นไปไม่ไกลมากนักก็มาถึง เดินผ่านเสา Torii เข้ามาเราจะเห็นศาลเจ้า Arakura Sengen Shrine อยู่ด้านซ้ายมือครับ ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี เราต้องเดินต่อขึ้นไปยังเจดีย์ 5 ชั้นด้านบนตรับ จะเดินไปตามทางลาดยางด้านข้างศาลาก็ได้ครับ แต่ทางมันจะคดไป เดินขึ้นบันไดที่เห็นขึ้นไปเลยครับ ขอบอกว่าลิ้นห้อยเล็กน้อยครับ แต่ระหว่างทางก็เพลิดเพลินกับดอกซากุระที่ขึ้นริม ในที่สุดก็เดินขึ้นมาถึงครับ Chureito Pagoda เจดีย์ 5 ชั้นสีแดงหลังคาเขียว จากการเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 400 ขั้น มุมนี้แหละครับ มุมสุดฮิตที่ใครต่อใครดั้นด้นมาถึงที่นี่เพื่อมาถ่ายภาพ ฟูจิซัง เจดีย์ 5 ชั้น และดอกซากุระบานสิ่งที่เป็น เรากลับลงมาอย่างผิดหวังและกลับไปยังโรงแรมเพราะเกือบสี่โมงเย็นแล้ว พอมาถึงก็ทำการเช็คอินแล้วขึ้นไปนั่งเล่น ตื่นเต้นกับฟูจิซังได้ไม่นานฟ้าก็เริ่มมืดแล้วครับ มุมเดิมจากเมื่อเช้าที่เราไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิ ตอนนี้เราก็ได้เห็นกันเต็มๆ เย็นนี้เราอาศัยอาหารสำเร็จรูปในร้าน 7-11 เพราะเค้ามีบริการอุ่นให้เหมือนเซเว่นบ้านเรา รสชาติก็โอเคครับ ผมให้ผ่าน
Yokoso Japan - Day1 Hello Tokyo
เมื่อวันเดินทางมาถึงเราก็ได้เวลาเหิรฟ้าสู่แดนปลาดิบโดยสายการบินรักคุณเท่าฟ้า บนเครื่องมีคนไทยมากมาย พอผ่านตม. ออกมาแล้วเราก็ไปรับกระเป๋าที่สายพาน กระเป๋าเราเป็นชุดสุดท้ายที่วิ่งวนอยู่บนสายพานของเที่ยว การเดินทางในญี่ปุ่นจะใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก เราสามารถวางแผนการเดินทางก่อนล่วงหน้าได้ครับโดยวางแผนว่า จาก Kansai Airport ผมต้องขึ้นรถ Limited Express Haruka 10 เวลา 9.16 น. ไปลง Shin-Osaka ชานชลา 11 กว่าผมจะจัดการกับ JR Pass เสร็จ 9 โมง 12 นาที ผมมีเวลาแค่ 4 นาที วิ่งไปขึ้นรถไฟให้ทัน เลยพากันวิ่งหน้าตั้ง
วันแรกที่เดินทางมาถึง รถไฟเที่ยวแรกที่กำลังจะขึ้นแล้วดันตกรถไฟต่อหน้าต่อตา ตอนนั้นสับสนมากว่าจะเอาไง ถึงแล้ว Shin-Osaka ในที่สุดก้าวแรกในแดนปลาดิบก็ผ่านไปได้ ผมมาถึง Shin-Osaka จนได้แต่ปัญหาก็ไม่ได้หมดแค่นั้นเพราะสถานี เมื่อทำการสำรองที่นั่ง เค้าจะออกตั๋วให้เราครับ ตั๋วจะระบุขบวนรถ หมายเลขรถ เลขที่นั่งและรายละเอียดการเดิน เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อย เราก็ไปดูที่ป้ายบอกตารางเวลาครับ เค้าจะแจ้งว่าขบวนรถ Hikari 464 ออกที่ชานชลาไหน จาก ระหว่างทางก็นั่งชมวิวไปเรื่อยๆครับ น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆครับกับวิวที่ดูแปลกตาไปตลอดทางที่รถไฟวิ่งผ่าน ภาพนี้ถ้า และสาเหตุที่เราควรจองที่นั่งด้านซ้าย เพราะเมื่อเข้าใกล้โตเกียว หากวันที่อากาศไม่ปิด เรามีโอกาสได้เห็น Hello Tokyo แล้วเราก็เดินทางมาถึง Tokyo Shinjuku สักที พอขึ้นมาจากสถานีรถไฟ ความงงก็เข้ามาครอบงำอีกครั้งครับ แล้ว เราเดินตรงไปทางตึกโรงแรม Prince และเข้าไปในซอยข้างตึกตามแผนที่บอก ไม่ไกลนักก็มาถึงครับ Hotel Kent เก็บข้าวของเสร็จ ยังพอมีเวลาเที่ยวต่อครับตราบใดที่ฟ้ายังไม่มืด พวกเราจะไปวัด Sensoji หรือที่นักท่องเที่ยวมัก จองตั๋วเสร็จเราก็เดินกลับไปทางห้าง Keio Department Store จะมีทางลงไปยังสถานีรถไฟครับ จาก Shinjuku วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) ตามเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวเค้าเล่าว่า มีพี่น้องชาวประมงคู่หนึ่งไปเจอเทวรูป Kannon ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความ ระหว่างทางเดินเข้าวัด จากประตูด้านนอกถึงประตูด้านใน มีร้านค้าสองข้างทางตลอดทาง มีสินค้ามากมายทั้งของที่ นอกจากร้านค้าสองข้างทางแล้ว ยังมีซากุระกำลังเบ่งบานให้ชมอีกด้วยครับ มัวเดินดูนู่นดูนี่ กว่าจะเดินมาถึงประตูด้านในก็มืดพอดีครับ โบสถ์ปิดไปซะแล้ว เรากลับออกมาหน้าวัดออกมาหาอาหารมื้อเย็นกินก่อนกลับ เจอร้านบะหมี่ก่อนถึงทางลงสถานีรสชาติอร่อยใช้ได้ดีที Yokoso Japan - เปิดบันทึก
บันทึกกันลืมกับการเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก ครั้งแรกกับประสพการณ์ท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองแบบไปกันยาวๆของผมก็คือประเทศญี่ปุ่น ก่อนหน้า กลับมาถึงบ้านก็ถามคุณผู้หญิงและคุณหนูๆว่า อยากไปไหน มติเป็นเอกฉันท์คือไปญี่ปุ่น แต่ด้วยความดีใจที่ซื้อ โชคชะตาหรือฟ้าลิขิต หลังจากได้เที่ยวบิน ผมก็เริ่มศึกษาเส้นทางว่าผมจะไปเที่ยวไหนได้บ้่าง จากฮิโรชิมาอย่างน้อยผมคงนั่งรถไฟ โชคชั้นแรกคือได้ Transfer ไปการบินไทย โชคชั้นที่ 2 คือได้ค่าชิงกันเซ็น 20,000 เยน ผมยังมีโชคชั้นที่ 3 JR Rail Pass เป็นบัตรโดยสารรถไฟในเครือ JR ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว รวมถึงรถชิงกันเซ็นสามารถซื้อได้เฉพาะ การขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นสามารถดูข้อมูลได้ตามลิงค์นี้ครับ
South New Zealand - Day 13 Akaroa - Goodbye NZ
ในที่สุดการเดินทางของเราก็มาถึงวันสุดท้าย ใจหนึ่งก็ยังเสียดายทริปที่สุดประทับใจไม่อยากให้จบลง ใจนึ่งก็ เช้าวันอาทิตย์ที่ไครสต์เชิร์ช ยามเช้าวันอาทิตย์ของไครสต์เชิร์ชเมืองดูเงียบเชียบมากครับถนนแทบไม่มีรถผ่านเลยสักคัน ผิดกับวันธรรมดา ผมกลับมากินมื้อเช้าและเก็บข้าวของขึ้นรถ อาหารแห้งที่เตรียมมาและเหลือเราทิ้งไว้ที่นี่ทั้งหมด เพราะไม่อยาก Banks Penninsula ตั้งแต่เริ่มจัดโปรแกรมเที่ยวนิวซีแลนด์ ผมก็สงสัยตั้งแต่ดูแผนที่เกาะใต้ว่า ไอ้ติ่งกลมๆที่ยื่นออกไปในมหาสมุทร เมื่อ 25,000 ปีก่อน บริเวณ Banks Peninsula มีสภาพเป็นเกาะแต่เกิดการระเบิดของภูเขาไฟลิตเทิลตัน(Lyttelton เส้นทางจากไครสต์เชิร์ชจนถึงเมือง Little River ทางราบขับสบายๆ ผ่านทุ่งหญ้ามาเรื่อยๆจนเลียบทะเลสาบเล็ก อะคาโรอา(Akaroa) อะคาโรอา เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และเก่าแก่ที่สุด ในเขตแคนเทอร์เบอรี่ (Cantherbury Region) ถูก อะคาโรอาเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมในการเข้ามาอยู่อาศัยหลังเกษียณ 70 เปอร์เซนต์ของประชากรที่นี่จึงเป็น สิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ ร้านขายเครื่องประดับที่ทำจากหินสี และเครื่องประดับที่ทำจากเปลือกหอยเป๋าฮื้อ อีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือ การล่องเรือชมเพนกวินสีน้ำเงิน(Blue Penguin) ซึ่งเป็นเพนกวินที่ขนาด เราเดินเล่นใน Akaroa สักพัก เมืองนี้บรรยากาศดูแตกต่างจากทุกๆเมืองที่ผ่านมาจริงๆครับ บ้านน่ารักๆหรือแม้ ลิตเทลตัน(Lyttelton) ขากลับเราไม่ได้ใช้เส้นทางเดิมแต่วนรอบเพนนินซูลาผ่านไปทางลิตเทลตัน(Lyttelton) ก่อนเข้าไครสต์เชิร์ช ลาก่อนนิวซีแลนด์ เรากลับมาถึงไครสต์เชิร์ชราวๆ 4 โมงเย็น ยังเหลือเวลาอีกเยอะ เราเลยไปเดินเล่นกันต่อที่ Riccarton Mall เราออกมาจาก Riccarton Mall ตรงไปสนามบิน แล้วไปนั่งรอเวลาที่สนามบิน เที่ยวบินของ AirAsia X หลังจาก แล้วเราก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพตอนเที่ยงของวันที่ 23 เมษายน รวม 15 วันแห่งการเดินทาง ของทริปสุด |
นักบัญชีขี้บ่น
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Link |