
ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ ไฟล์ทจาก Doha มาถึง Zurich Airport หรือภาษาสวิสเขียนว่า Flughafen Zürich
6.45 น. ตรงเวลา ออกจากเครื่องก็เดินไปตามทางออกลงสู่ชั้นล่างขึ้นรถไฟใต้ดินไปอีกเทอมินัล ผ่านตม. ที่ใช้
เวลารวดเร็วมากครับ แค่เปิดดูวีซ่าสแตมป์ตราแล้วก็เงยหน้ามายิ้มและเอ๋ยคำทักทาย Have a nice trip!
ผ่าน ตม. มาล้างนาแปลงฟันแล้วไปรอรับกระเป๋ากันก่อน พอได้กระเป๋าก็เดินตามป้าย Bahnhof ไปเรื่อยๆจะ
ออกจากอาคารเทอมินัลไปอีกอาคารที่ใกล้ๆกัน พอเข้าอาคารมาก็เลี้ยวซ้ายครับ จะเห็นสำนักงานขายตั๋วรถไฟ
Rial Ticket
เอา Voucher Swiss Pass ที่ซื้อมาจากเมืองไทยมา Validate เลยครับ
ถ้าไม่ได้ซื้อจากเมืองไทยมาซื้อที่นี่ก็ได้นะครับ ยื่นเล่ม Swisspass และ Passport ให้เจ้าหน้าที่เค้าจะถามเราว่าจะ
เริ่มต้นเดินทางวันไหน ของผมเริ่มวันนี้เลย เค้าก็จะเขียนวันเริ่มต้น กับวันสิ้นสุดลงไป แล้วแสตมป์ตรายางวันที่เริ่มต้น
Validate สวิสพาสเสร็จ ก็ไปห้องข้างๆครับ ผมใช้บริการส่งกระเป๋า ไปสถานี Interlaken Ost เพราะจะแบกกระเป๋า
ตะลอนไปด้วย 2 คืน ก็ใช่เรื่อง เลยแบ่งมาจากบ้านเป็นกระเป๋าสำหรับ 2 คืน ส่วนที่เหรือก็ส่งไปรอเราที่สถานี
Interlaken Ost ก่อน อีก 3 วันค่อยไปรับคืนค่าส่งเค้าคิดใบละ 14 CHF ครับ

ฝากกระเป๋าเสร็จก็ลงไปสถานีรถไฟชั้นล่างสุดครับ เรานั่งรถไฟเที่ยว 8.13 น. เป็นขบวน IC หรือ Intercity
วิ่งตรงจาก Zurich Airport ไป Geneva Airport ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนครับ เวลาเราเข้าไปเสิร์ทดูตารางรถไฟ ให้
ใส่สถานีหรือเมืองต้นทางและสถานีหรือเมืองปลายทาง วันและเวลาเดินทาง จะขึ้นตารางรถไฟในช่วงเวลานั้นมา
ให้ครับ แบบตารางข้างล่างนี่ผมเลือก เวลา 8 โมง ไม่มีก็จะขึ้นเวลาแรกคือ 8.13 ขบวนถัดไปคือ 8.43 น. แต่ต้อง
ไปเปลี่ยนขบวนครับ อยากรู้ว่าเปลี่ยนขบวนหรือไม่ที่ไหนให้คลิกดูเครื่องหมาย + ด้านหน้าใต้ตัวเลขครับจะมีราย
ละเอียดบอก แต่จริงๆที่จัดแพลนไว้ก็ไม่เป็นไปตามแผนเท่าไหร่ พลาดรถไฟประจำครับ

ไม่ต้องไปสนใจตัวย่อมันครับว่าจะเป็นรถอะไร ถึงเวลาก็ไปดูตารางที่สถานีเอา จะมีตารางสีขาวกับสีเหลือง
สีขาวเป็นเวลาที่รถมาถึง สีเหลืองเป็นเวลารถออก ไปดูที่ตารางสีเหลืองครับแล้วดูเวลาเช่นตอนนี้ 8.00 เราก็
ไปดูที่ 8.00 จะมีเวลาไล่ลงไปเรื่อยๆจนถึง 8.59 ว่าเวลานี้ รถไฟขบวนไหน ไปไหน Platform ที่เท่าไหร่เราก็
ไปรอตรง Platform ครับ จะมีป้ายสีน้ำเงินด้านบน Platform บอกว่ารถไฟขบวนถัดไปไปไหน เวลาเท่าไหร่ ที่
Platform จะมีป้าย A B C สีน้ำเงินติดอยู่ ตอนเราดูป้ายบอกขบวนรถ จะมีบอกครับว่า ตรงโซนต่างๆเป็นที่นั่งชั้น
อะไรเช่น A เป็นเลข 1 หมายถีง Frist Class เราไม่ขึ้นครับเพราะเราไม่ได้ซื้อสวิสพาสแบบ 1st Class มา ก็ดูว่า
2nd Class อยู่โซนไหน บางทีก็อยู่ตรง B บางทีก็อยู่กลางๆ A แล้วแต่ขบวนครับแต่ที่ตัวตู้จะติดเลข 1 เลข 2 ไว้
ก็ขึ้นให้ตรงกับเลข Class ครับ แต่บางขบวนมีตู้ Restaurant ด้วย ก็จะมีเครื่องหมาย ช้อนกับซ่อมครับ

รถช่วงเช้าจะแน่นหน่อยครับ ด้านหน้าตู้โดยสารจะมีที่วางกระเป๋าก็วางไว้แล้วหาที่นั่ง รถจะไปจอดที่สถานี
Zurich HB ซึ่งเป็นตัวเมือง Zurich คนจะลงเยอะก็ค่อยหาที่นั่งตามอัธยาศัยครับ จากนั้นก็นั่งกันยาวเลยครับ
2 ชั่วโมงกว่าแต่วิวสองข้างทางชวนให้เพลินตาจริงๆ


มาถึง Geneva ก็ไปเดินหา Locker ฝากกระเป๋าก่อน เดินตามป้ายที่่มีรูปกระเป๋ากับลูกกุญแจไปครับ หรือมอง
หาตู้เหล็กสีน้ำเงินใบใหญ่ๆ ดูช่องไหนที่มีกุญแจคาอยู่ก็ฝากได้ครับ ตู้ใหญ่ 9 CHF ฝากเสร็จก็ไปหาอะไรกินก่อน
แล้วเดินลงบันไคเลื่อนไปชั้นใต้ดิน อ้อลืมบอกครับ จะเข้าห้องน้ำก็เข้าซะตั้งแต่บนรถไฟนะครับ ห้องน้ำข้างล่าง
คุณจะโดนเก็บตังค์ครั้งละ 1.5 CHF ก็ประมาณ 50 บาท บ้านเรา 2 บาทเองเนอะ ถึงชั้นใต้ดินเดินตามป้ายรูปเรือ
ไปครับ จะออกมาด้านนอก บรรยากาศ Geneva มาเลยครับ เดิมที Geneva ไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางของผม
ผมเพิ่งมาเปลี่ยนก่อนออกเดินทางเพียงไม่กี่วันครับ โดยตัด Vevey ออกแล้วเอา Geneva เสียบแทน

ไปเดินหาซื้อ Sim Card กันก่อน ร้าน Orage ราคา 10 CHF ใช้ได้ 10 วันครับ โทรได้กี่นาทีไม่รู้ครับเพราะไม่
ค่อยได้โทรแต่ Data ได้ 1GB เอาไว้เช็คตารางรถไฟและอื่นๆครับ ออกจาก Orange เห็นตึกตรงข้ามสวยดี เป็น
ตึก Office de Poste Suisse เห็นมีโรงแรมนอกนั้นเป็นสำนักงานอะไรบ้างก็ไม่ทราบครับ

เดินตรงไปเรื่อยๆผ่านร้านนาฬิกามากมายหลายร้านจนเห็นทะเลสาบเจนีวาข้ามถนนไปจะเจอสะพานข้ามไปอีก
ฝั่งมาเจนีวาแล้วก็ต้องถ่ายภาพ น้ำพุเจ็ทโด (JET DEAU) ไว้สักหน่อยครับเดี๋ยวคิดว่ามาไม่ถึงเจนีวา

เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง จุดที่ 2 ที่ทัวร์ต้องพามาเราก็มาได้โดยไม่ต้องพึ่งทัวร์ นาฬิกาดอกไม้ Jardin Anglais
ครับไม่รู้จะว่าสวยหรือไม่สวยดีแต่ที่แน่ๆทัวร์จีนตรึมครับ เลยถ่ายรูปมาได้แค่นี้ครับแดดร้อนมากขี้เกียจรอกรุ๊ป
ทัวร์สลายตัว
จากนาฬิกาดอกไม้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเดินเข้าซอยตรงไปเรื่อยๆจะมีทางขึ้นไปด้านบนจะเจอโบสถ์
เซนต์ปิแอร์ Geneva Cathedral (St-Pierre) โบสถ์ขนาดใหญ่มาก แต่ผมไม่ได้เข้าไปด้านในครับ

มีรถไฟพานักท่องเที่ยวมาที่โบสถ์แห่งนี้ด้วย แต่ผมไม่รู้ว่าเค้าขึ้นมาจากตรงไหนกันครับเพราะผมเดินขึ้นมาจาก
อีกด้านหนึ่ง คนละด้านกับที่รถไฟขึ้นมา

เดินวนกลับลงมาอีกด้านมาเจอหอนาฬิกาถ่ายไว้สักหน่อยครับ

เลยหอนาฬิกามาก็กลับมาถึงสะพานที่เราข้ามมาเดินข้ามกลับไปสถานีรถไฟกันครับ เพราะเราจะไปเที่ยว
Lausanne กันต่อ
กลับมาเอากระเป๋าที่สถานีก็เริ่มทำความคุ้นเคยกับกระดานเหลืองเลยครับ ดูเวลา ดูจุดหมาย ดูPlatform แล้วก็
เดินไปยืนรอรถได้เลย ทำความคุ้นเคยได้ไม่ยากครับสำหรับกระดานเหลือง พอขึ้นไปนั่งก็คอยฟังประกาศว่าสถานี
ต่อไปคือสถานีที่เราจะลงรึเปล่า แต่รถบางคันก็มีจอให้ดูครับว่าถึงสถานีอะไรและสถานีต่อไปสถานีอะไร

มาถึง Lausanne ก็ฝากกระเป๋าใน Locker อีกรอบครับเดินออกมาด้านหน้าสถานี จะเห็นร้าน Mc Donald อยู่ฝั่ง
ตรงข้ามด้านหน้าร้านมีทางลงรถไฟใต้ดิน Metro ลงไปขึ้นรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Bessières ครับ ไปประมาณ 3
หรือ 4 สถานีก็ถึงครับ ลงรถไฟแล้วขึ้นลิฟท์มาด้านบนจะห็นมหาวิหารแห่งโลซานน์(La Cathedrale de Lausanne)
อยู่บนเนินเขาเดินตามทางไปเลยครับ

ช่วงนี้เค้ากำลังปรับปรุงครับก็เลยเห็นนั่งร้านรุงรังไปหมด เดินขึ้นไปด้านบนมีจุดชมวิวเมืองโลซานน์และทะเล
สาบเจนีวา

เข้าไปดูในโบสถ์กันครับ ตอนแรกคิดว่าเข้าไม่ได้แต่เห็นฝรั่งเข้าไปก็เลยเข้าตามไปบ้าง โบสถ์นี้มีชื่อเสียงเรื่อง
ช่องแสงที่ตกแต่งด้วยกระจกสีสวยงามครับ

อลังการมาก

ออกจากโบสถ์มาจะเห็นบันไดไม้ลงด้านล่าง เดินลงบันไดไม้ไปครับ จะมีทางลอดใต้ถนนเดินลอดไปแล้วลง
ตามบันไดไปเรื่อยๆครับจะถึงจตุรัส Place de la palud

เป็นจตุรัสโบราณกลางเมืองที่สวยที่สุด มีน้ำพุเทพีแห่งความยุติธรรมตั้งประดับกลางจตุรัสมีร้านค้าต่างๆมากมาย
เดินผ่านจตุรัสไปเรื่อยๆจะเห็นสถานี Metro Riponne นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Ouchy ครับ แต่เดี๋ยวก่อนเหตุการณ์
ไม่คาดฝันเกิดขึ้นครับ ยืนรอรถไฟอยู่ก็มีประกาศอะไรสักอย่างเป็นภาษาสวิสฝรั่งเศส ผู้คนที่ยืนรออยู่ทั้งหมดแตกฮือ
กลับขึ้นข้างบนกันหมด เราก็ใบเลยครับยืนเป็นกระเหรี่ยงหลงดอย สักพักมีผู้หญิงคนนึงมากับลูกสาวตัวน้อย เดินมา
ถามเป็นภาษาอังกฤษว่าเราจะไปไหน เค้าบอกเราว่ารถไฟขัดข้องหยุดวิ่งชั่วคราวประมาณ 15 นาที เราเลยบอกว่าจะ
ไป Ouchy เค้าบอกงั้นไปขึ้นรถเมล์กับเค้า เค้าจะไปทางนั้น เราก็เลยเดินตามไปขึ้นรถเมล์ครับ รถเมล์วิ่งไปสักพักก็
มาจอดหน้าสถานี Ouchy
ฝั่งตรงข้ามคือสวนสาธารณะและทะเลสาบเจนีวา จริงๆแผนเราจะเดินไปพิพิธภัณฑ์โอลิมปิกและไปดูศาลาไทย
กันที่สวนสาธารณะถัดไปหน่อย เส้นทางจากสถานีเดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆแต่สมาชิกเริ่ม
งอแงหมดแรงเดินกันแล้ว ก็เลยเปลี่ยนแผนไปถ่ายรูปเล่นในสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามแทน


จากสถานี Metro Ouchy ตอนนี้รถไฟกลับมาให้บริการเหมือนเดิม เรานั่งกลับไปที่สถานี Lausanne เพื่อเอา
กระเป๋าแล้วไปกันต่อครับ คืนนี้เราพักที่ Montreux ตามแผนเราต้องไปลงที่ สถานี Montreux แล้วนั่งรถเมล์สาย
201 ไปลงที่ เทอรริเล่ท์(Terrilet) ประมาณ 3 - 4 ป้ายรถเมล์ แต่โชคดีรถที่เรานั่งเป็นรถขบวนที่ผ่าน Terrlet
พอดี

ลงรถไฟจะมีทางลอดไปริมทะเลสาบเดินตามทางไปเลยครับ มีบันไดลงไปด้านล่างแล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไป
จะเจอสนามเทนนิส เดินเลยสนามเทนนิสไปอีกนิดถึงแล้วครับ Youth Hostel Montreux ห้องที่เราจองเป็นห้อง
4 คน เป็นเตียง 2 ชั้น 2 เตียง ห้องน้ำรวมครับ แต่ห้องน้ำสะอาดดีครับและอยู่ใกล้ห้องพักเลย
ค่าที่พักคืนนี้ 162.40 CHF ต่อห้อง การมาพักที่ Youth Hostel ทั่วโลกควรทำบัตรสมาชิกมาก่อนจากเมืองไทย
ครับ เพราะไม่งั้นคุณต้องมาทำที่นี่ซึ่งแพงกว่า เข้าไปที่เวปไซต์ //tyha.org/tyha/web/home.php ค่าสมาชิก
350 บาทต่อคนต่อปีครับ ตอน Check-In ยื่นบัตรสมาชิกให้เค้าดูเลยครับ เค้าจะให้ Bed Sheets มาคนละชุด
ประกอบด้วยผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนและปลอกผ้านวม เราต้องจัดการปูเองครับ ตอน Check-Out ก็ถอดมาคืน
เค้าครับ ผมลืมถ่ายรูปตอนมาถึงก็เลยมีแต่ตอนดึกแล้วให้ดูครับ

เก็บของเสร็จนั่งรถเมล์กลับมาเดินเที่ยวใน Montreux แต่ปรากฎว่าร้านค้าปิดหมดแล้วครับ แค่ทุ่มเดียวเอง
ไม่มีเปิดสักร้านเลย มีร้านเดียวคือร้าน coop (ผมฟังจากในทีวีที่นั่นเค้าออกเสียงว่า กู๊ป) เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต
ที่มีอยู่ทุกเมืองเหมือนโลตัสเอ็กเพรสบ้านเราครับ กับร้านอาหารพวก Pub Bar และ Casino ครับ แต่ก็ไม่ได้มี
เสียงดังอึกทึกนะครับ เค้านั่งกินกันเงียบๆครับ

ขากลับเดินเลียบทะเลสาบเจนีวาไปเรื่อยๆครับ ดูพระอาทิตย์ตกตอนสองทุ่มกว่า เป็นภาพพระอาทิตย์ตกภาพ
เดียวของทริปครับ

บรรยากาศตอนเกือบจะสามทุ่มครับ

เดินเลยที่พักไปหน่อยเห็นปราสาทชิลง(chateau de chillon) อยู่ไม่ไกลนัก พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกันครับ

บอกลาการเดินทางวันแรกในสวิสด้วยบรรยากาศตอนสามทุ่มครึ่งของ Montreux ครับ อากาศหนาวมากๆ
ถ้าพรุ่งนี้ฟ้าเป็นใจเหมือนวันนี้เราอาจจะได้เจอ toblerone
