All Blog
Yokoso Japan - Day5 Himeji

      ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อวานฝนตกตั้งแต่เช้ายันค่ำแต่เช้าวันนี้อากาศจะสดใสไม่มีเมฆฝนเลย เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
แต่เช้าเพราะวันนี้จะกลับไปนอนที่โอซากา แต่ก็มีเรื่องให้ขำกันแต่เช้า เพราะเราเดินลากกระเป๋าจากโรงแรมจะไปขึ้นรถ
ไฟฟ้า แต่เดินวนไปวนมากลับมาอยู่ที่เดิมก็เลยหันกลับมาหัวเราะกันว่ามาตั้งหลายวันแล้วยังเดินหลงกันอีก

      เรามาที่สถานีชินจุกุเพื่อขึ้นรถ JR Chuo Line ไปลงสถานีโตเกียวเพื่อต่อรถ Shinkansen ไป Himeji  ซึ่งอยู่เลย
Osaka ไป เพราะเราจะไปที่นั่นกันก่อน รถชินกันเซนที่ไปถึง Himeji ออกจากสถานี Tokyo ประมาณ 9 โมงเช้า เป็น
ขบวนที่ตรงไป Himeji โดยไม่ต้องไปเปลี่ยนขบวนที่ Kyoto หรือ Shin-Osaka
      เช้าวันธรรมดาแบบนี้ ผู้คนออกมาทำงานกันจนสถานีรถไฟดูวุ่นวายไปหมด แต่จากประสพการณ์ที่เราเคยตกรถไฟ
ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่น ทำให้วันนี้เราวางแผนได้ดีไปทันรถไฟ

      และเหมือนกับขามาที่เรานั่งจาก Osaka มาโตเกียว คือต้องแวะเข้าไปสำรองตั๋วก่อนเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการไม่มี
ที่นั่ง เพราะรถขบวนที่วิ่งไกลขนาดนี้และเป็นเช้าวันธรรมดาคนใช้บริการกันเยอะมาก และอีกข้อคือควรนั่งด้านขวาของตัว
รถในวันที่อากาศสดใสแบบนี้เพราะเราจะได้บอกลากับฟูจิซัง.....ลาก่อนฟูจิซัง คงได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

      ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงด้วยรถชินกันเซ็นเราก็มาถึงสถานี Himeji แต่ก่อนอื่นต้องหาที่ฝากกระเป๋าก่อนครับ เพราะ
ลากของพะรุงพะรังแบบนี้คงไม่สนุกแน่ๆ เดินหาไม่ยากเราก็เจอ Locker ฝากกระเป๋าครับ

      ฝากกระเป๋าเสร็จก็เดินตามป้ายทางออกที่เขียนว่า Himeji Castle พอขึ้นมาจากสถานีก็จะเห็นทางเดินไปปราสาทฮิเมจิ
เดินไปตามเส้นทางนี้ประมาณสัก 800 เมตรครับ เมื่อเช้าเราออกจากโตเกียวอากาศแจ่มใส แต่ที่ฮิเมจินี่ออกจะครึ้มๆและลม
แรงครับทำให้อากาศหนาวสำหรับเรา เดินไป-กลับจึงไม่เหนื่อยเท่าไหร่

      แต่ตอนนี้เที่ยงกว่าแล้วหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่าครับ มีป้ายแนะนำร้านอาหารอยู่ตามริมทางอยู่หลายร้าน มีร้านนึง
ดูรูปแล้วหน้าตาน่ากินร้านอยู่ในซอยครับ เดินตามป้ายไปไม่ไกลก็พบกับร้านอาหารญี่ปุ่น เข้าไปสั่งอะไรไม่ถูกก็บูตะไว้ก่อน
ครับอย่างน้อยก็ได้หมูมากิน เพราะบ้านเราไม่กินเนื้อวัวครับ

      อิ่มแล้วก็เดินกันต่อครับ มาถึงด้านหน้าทางเข้าปราสาทแล้วครับ เดินข้ามสะพานนี้ไปก็จะเป็นประตูทางเข้า ซื้อบัตร
แล้วก็เข้าไปได้เลย ที่เห็นเครนนั่นก็เพราะว่าเค้ากำลังจะปิดซ่อมแซมปราสาทครับ และโชคดีทื่วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เค้า
เปิดให้เข้าไปชม และจะปิด 1 ปีเพื่อสร้างอาคารครอบตัวปราสาท

      หลังจากสร้างอาคารครอบตัวปราสาทเสร็จ จะเปิดให้เข้าชมอีกครั้ง สามารถเข้าไปชมในตัวอาคารครอบได้ เพื่อดูขั้น
ตอนการบำรุงรักษาตัวอาคารเริ่มจากหลังคาจนถึงฐานล่าง

ปัจจุบันสร้างอาคารครอบเสร็จแล้ว สภาพจะเป็นแบบนี้ครับ (ภาพจาก //www.japan-guide.com)

ปราสาทฮิเมะจิ (姫路城 Himeji-jo, Himeji Castle) เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง  ที่เหลือรอดมาจากการทิ้ง
ระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง พ.ศ. 2538      ปราสาทฮิเมะจิได้รับการยกย่องจาก
ยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2536 ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงาม
ที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ ปราสาทมะสึโมะโตะ และปราสาทคุมะโมะโตะ และยังเป็นปราสาทที่มีผู้มาเยี่ยมชมมาก
ที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกในชื่อว่า ปราสาทนกกระสาขาว ซึ่งมีที่มาจากพื้นผิวปราสาทภายนอกซึ่งมีสีขาวสว่าง

      ปราสาทฮิเมะจิเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทญี่ปุ่น ด้วยมีลักษณะสถาปัตยกรรมและยุทโธปกรณ์ครบตามแบบ
ของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว    และอาคารต่างๆในบริเวณปราสาทถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของ
ปราสาทญี่ปุ่น และรอบๆปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่   รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท

      จุดเด่นของปราสาทอย่างหนึ่งคือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต   ทั้งประตูและกำแพงต่างๆ
ในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรู ไม่ให้บุกรุกเข้าถึงโดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอย
รอบๆอาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย   ระหว่างที่ศัตรูกำลังหลงทางอยู่นี้ก็จะถูกโจมตีจากข้างบน
อาคารหลักได้โดย สะดวก แต่อย่างไรก็ตาม  ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีในลักษณะนี้เลย ระบบการป้องกันต่างๆ
จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน

      ตามแผน Renovate เค้าบอกว่าจะเสร็จในปี 2015 หลังจากนั้นก็จะรื้ออาคารครอบออก เราคงได้กลับมาเห็นความ
งดงามของปราสาทฮิเมจิ ท่ามกลางสีสันของธรรมชาติกันอีกครั้งครับ

      เดินเที่ยวเพลินจนลืมเวลา นี่ก็เย็นมากแล้วได้เวลาที่เราต้องกลับไปยังโอซาก้าแล้วครับ ต้องเผื่อเวลาไว้สักนิดไม่ให้
ไปถึงค่ำเกินไป เพราะเราต้องไปเดินหาโรงแรมกันอีก ไม่รูว่าจะหลงเหมือนโตเกียวรึเปล่าครับ

      เรากลับมาสถานี Himaji เพื่อเอากระเป๋าและขึ้นรถ Shinkansen กลับมายัง Shin-Osaka อย่าลืมว่า JR Pass ใช้กับ
รถขบวน Nozomi ไม่ได้นะครับ เวลาดูตารางเวลารถไฟบนบอร์ดอิเลคโทรนิคว่าขบวนรถไหนที่เราสามารถไปได้เร็วที่สุด
สังเกตุจากสีของตัวอักษรครับ สีแดง คือ Hikari สีน้ำเงิน Kodama สองขบวนนี้ใช้ JR Pass ได้   ส่วน Nozomi จะเป็นสี
เหลืองครับ

      มาถึง Shin-Osaka แล้วก็ต้องไปต่อรถไฟใต้ดิน Osaka City Subway Midosuji Line ไปลง Shinsaibashi ต้องเสีย
ตังค์นะครับเพราะ JR Pass ใช้ไม่ได้ครับ เรามาถึงสถานี Shinsaibashi ราวๆ 5 โมงกว่าครับ

      เราจองโรงแรม Hearton Hotel Shinsaibashi ไว้ จากสถานีออกทางออก 7 เดินตรงไปเจอสี่แยกเลี้ยวซ้าย เดินตรง
ไปเจอสี่แยกอีกทีจะเห็นโรงแรมอยู่ฝั่งตรงข้าม เดินข้ามถนนไปเลยครับ จากสถานีมาโรงแรมราวๆ 5 นาทีครับ

      เก็บของเสร็จยังมีพลังเหลือ เลยออกไปเดินเล่น Shinsaibashi Shopping Street ครับ หรือถนนคนเดินของ Osaka
จสกตรงนี้เดินทะลุไปได้เรื่อยๆครับ เหมือนบ้านเราเดินจากสำเพ็งไปพาหุรัดยังไงอย่างนั้นเลยครับ สินค้าก็สารพัดเลยทั้ง
เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ ขนม ร้านอาหาร ของเล่น ถ้าแรงเหลือก็เดินกันตามอัธยาศัยเลยครับ  ร้านค้าจะปิดประมาณ 3 ทุ่ม
ครับส่วนร้านอาหารดึกกว่านั้นครับ

      เราจะเดินเล่นกันเพลินจนร้านรวงเริ่มปิด จึงเดินกลับโรงแรม จากโรงแรมเดินมา Shisaibashi street ประมาณ3 นาที
ครับสะดวกมาก เราจบทริปวันที่ 5 ไว้ที่แหล่ง Shopping ของโอซาก้า พรุ่งนี้เราจะไปเยือนเมืองหลวงเก่า Kyoto กันครับ




Create Date : 22 ตุลาคม 2555
Last Update : 18 กันยายน 2556 8:45:01 น.
Counter : 4822 Pageviews.

5 comments
  
ปราสาทสวยจัง แต่เสียดายถ้าไปเจออาคารครอบ ต้องรออีก สามปีแน่ะ
โดย: yuechan IP: 203.209.39.84 วันที่: 22 ตุลาคม 2555 เวลา:11:30:09 น.
  
โหวตหมวดท่องเที่ยวให้แล้วก็ขอเอาไปแชร์ที่หน้าแฟนเพจเหมือนเดิมนะคะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 22 ตุลาคม 2555 เวลา:14:05:03 น.
  
ขอบคุณครับ คุณyuechan / คุณสาวไกด์ใจซื่อ

โดย: ลุงฅิต (Zurg ) วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:20:04:28 น.
  
สวยงาม
โดย: chibifachan วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:20:46:58 น.
  
เรียนุามนิดนึงนะคะว่าจะสถานี Numba จะเดินไปที่โรงแรม Hearton ได้มั้ยคะ
โดย: พี่สาวถุงเงิน IP: 101.108.7.49 วันที่: 27 มกราคม 2556 เวลา:21:06:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นักบัญชีขี้บ่น
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]