All Blog
South New Zealand - Day 7 Te Anau - Milford Sound - Queenstown




 Lake Te Anau 

     ยามเช้าที่อากาศค่อนข้างหนาวผมเดินจากโมเต็ลไปยังทะเลสาบ เต อะนาว สมาชิกที่เหลือไม่ยอมออกไปด้วยเพราะยังอยาก
อยู่กับอากาศอุ่นๆในห้องพัก ผมเดินดูสวนดูต้นไม้ตามหน้าบ้าน มีเมเบิ้ลกำลังผลัดใบสีแดงสดใสหลายต้นริมทะเลสาบแทบไม่มี
คนมาเดินเล่น แสงอาทิตย์กำลังเริ่มจับยอดเขาฝั่งตรงข้ามทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบตอนนี้คงเย็นยะเยือกเลยครับ ผมเก็บภาพ
ริมทะเลสาบ เต อะนาว ก่อนจะเดินกลับที่พักเพื่อเก็บข้าวของขึ้นรถ



 Fiordland National Park 

     จาก Te Anau ไป Milford Sound ระยะทางประมาณ 120 กม. เส้นทางตัดผ่านอุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ (Fiordland
National Park) เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่สวยมากครับแต่เป็นเส้นทางที่สูงชันและคดเคี้ยวพอสมควร ปลายฤดูใบไม้ร่วงอาจ
มีหิมะตกควรเช็คสภาพเส้นทางก่อนเดินทางครับว่าเส้นทางปิดหรือไม่ หรือหากหิมะตกไม่มากการขับรถเข้าไปเองควรมีโซ่รัดล้อ
กันลื่นด้วยครับ หรืออาจใช้บริการรภรับส่งของบริษัทเรือได้ครับ



     ฟยอร์ดแลนด์เป็นอุทยานแห่งชาติของนิวซีแลนด์ที่มีพื้นที่มากที่สุด นับว่าเป็นฟยอร์ดแห่งเดียวของซีกโลกใต้ พื้นที่ชายฝั่ง
ทะเลทาสมันถูกกัดเซาะโดยธารน้ำแข็ง
ชายฝั่งที่เว้าแหว่ง ที่ถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะเข้าไปในหุบเขาในระดับที่ลึกบริเวณตอนใน
ของแผ่นดิน เมื่อธารน้ำแข็งละลาย น้ำทะเลก็เข้ามาแทนที่ เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์เรียกได้ว่า ผืนน้ำใน
Fiordland ถูกจัดว่าสวยที่สุดในนิวซีแลนด์เลยก็ว่าได้




     ถนนสู่ มิลฟอร์ด ซาวด์ ตัดเลียบทะเลสาบ เต อะนาว ผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ก่อนจะเข้าสู่แนวป่าสนและไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อผ่านแนวป่าจะพบกับจุดแวะพักจุดแรก คือ Mirror Lake รถส่วนใหญ่จะจอดชมกัน มีสะพานไม้จากที่จอดรถลงไปสู่ Lake เดิน
สะดวกและไม่ไกลครับ



     จาก Mirror Lake ถนนจะเริ่มเข้าสู่แนวป่าและสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าเป็นถนนที่สวยมากเส้นหนึ่งในโลกเลยครับ แต่เสียดายที่
ทางแคบและไม่มีจุดจอดพักให้ได้เก็บภาพบรรยากาศ แต่พอสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็เมือนเรากำลังขับรถเข้าไปในกลุ่มเมฆ เริ่มมองไม่
เห็นทางและฝนตกปรอยๆตลอดทางเลยครับจนเราขับมาถึงหน้าผาสูงชันกั้นไว้ แล้วเราจะข้ามไปยังไงหล่ะนี่

      แต่ไม่ต้องห่วงครับ เค้าขุดอุโมงให้เราลอดไปได้ อุโมงนี้มีชื่อว่า Homer Tunnel  เป็นอุโมงที่มีความยาว 1.2 กม. แต่ต้อง
สลับกันวิ่งครับ ก่อนเข้าอุโมงสังเกตุสัญญานไฟจราจรด้วยครับถ้าไฟแดงต้องจอดรอให้รถทางด้านตรงข้ามออกมาให้หมดก่อน
เมื่อสัญญานไฟเขียวรถทางเราถึงจะไปได้ครับ

      ก่อนเข้าอุโมงด้านนี้มีลานจอดรถให้ได้จอดพักผ่อนชมวิว เราก็ได้พบกับเจ้าถิ่นที่นี่นั่นคือ Kea นกแก้วขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่
ตามหน้าผาบนเทือกเขา South Alps ของนิวซีแลนด์ เจ้านกพวกนี้ชอบมาเกาะกระจกรถของนักท่องเที่ยวเพื่อขออาหารกินและ
ของโปรดของมันก็คือถั่วครับ

       อุโมง Homer สร้างเสร็จในปี 1954 มีลักษณะเอียงลาดลงจากปากทางเข้าถึงทางออก ฝั่งตะวันออกหรือทางเข้า
มีความสูง 920 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทางออกหรือฝั่งตะวันตกมีความสูง 850 เมตรจากระดับน้ำทะเล

      เมื่อผ่านอุโมง Homer เราก็ใกล้ถึงจุดหมายแล้วครับ แต่เส้นทางจากปากอุโมงด้านตะวันตก ขับรถยากมากเพราะเป็นทางลง
ลาดชันและคดโค้งมากต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากครับ  ถ้ามาฤดูหนาวแล้วผิวทางมีน้ำแข็งเกาะนึกสภาพไม่ออกเลยครับว่า
จะขับไปยังไง แต่ในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายจนได้

 Milford Sound 

      มาถึงแล้วครับ Milford Sound หรือ Piopiotahi ในภาษาเมาลี จากลานจอดรถเราก็เห็น Mitre Peak ยอดเขาเที่เป็นสัญลักษณ์
ของ Milford Sound เป็นยอดเขาที่โด่งดังมาก เพราะแทบจะเป็นสัญลักษณ์ของนิวซีแลนด์เกาะใต้เลยก็ว่าได้  มีลักษณะเหมือน
หมวกนักบวช มีความสูง 1692 เมตรจากระดับน้ำทะเล และนับเป็นยอดเขา 1 ใน 5 อันดับต้นที่สูงที่สุดของโลกที่โผล่มาจากทะเล

      เกือบ 11 โมงแล้ว ฉิวเฉียดจริงๆครับ เพราะเวลาลงเรือคือ 11 โมง จากลานจอดรถเราต้องเดินไปขึ้นเรือที่ Milford Sound
Center ประมาณ 200 เมตร เราจองเรืิอผ่านทางเน็ทมา พอมาถึงก็เอา Voucher ไปยื่นเค้าจะให้บัตรขึ้นเรือและบัตรรัปประทาน
อาหารกลางวันมาให้ ผมจองอาหารกลางวันมาด้วย เพราะคิดว่ามาถึงคงไม่ทันได้กินอะไรก่อนแน่ไปกินบนเรือดีกว่า ที่นี่มีบริษัท
เรืออยู่หลายบริษัทแต่ที่ผมจองมาคือ Real Journey Cruise ครับ มีเรือหลายแบบให้เลือก ผมเลือก Scenic Cruise ใช้เวลา 1
ชั่วโมง 40 นาที ในการล่องเรือง ราคารวมอาหารกลางวัน ผู้ใหญ่ 70 NZD เด็กต่ำกว่า 14 ปี 22 NZD ครับ

      ได้เวลาเรียกขึ้นเรือ เค้าจะมีเจ้าหน้าที่มาถ่ายรูปคุณคู่กับเรือแล้วสักพัก       รูปคุณก็จะไปอยู่บนจานเอามาขายเรา                
เหมือนตามแหล่งท่องเที่ยวบ้านเราเลยเนอะ แต่ไม่ได้กินคนไทยอย่างเราหรอก เพราะเราคือต้นตำรับ พอขึ้นเรือเลือก
ที่นั่งเสร็จก็ลงไปตักอาหารชั้นล่างมาทานได้เลยครับไม่ต้องรอ เพราะเดี๋ยวเรือออกไปแล้วคุณจะมัวตื่นเต้นกับวิวสวยๆ
ไม่มีเวลากินครับ

      เรือจะพาเราชมวิวไปเรื่อยๆจะถึงน้ำตกใหญ่ ไม่รู้ว่าชื่อน้ำตกอะไรครับ เพราะน้ำตกที่นี่เยอะมากครับ ถึงตอนนี้ทุก
คนก็เฮโลกันขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าเรือ เรือก็จะพาหัวเรือเข้าไปใกล้ตัวน้ำตก จนละอองเปียกไปหมด ฝรั่งก็สนุกสนานกัน
ใหญ่ แต่กระหม่อมบางอย่างเราก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ เพราะอากาศก็หนาวอยู่แล้วฝนก็ตกปรอยๆ ยังมาโดนละอองน้ำ
ที่มาจากการละลายของน้ำแข็งอีก ขอดูอยู่ด้านท้ายเรือดีกว่าครับ

       จากนั้นเค้าก็จะพาเราล่องเรือต่อ ไปดูน้ำตกอีก 2-3 ที่ ระหว่างนั้นก็พาดูแมวน้ำขึ้นมานอนผึ่งกันตามโขดหิน จน
มาออกสู่ปากทางของฟยอร์ดซึ่งเป็นจุดที่เป็นทางออกสู่ทะเลทาสมัน หลังจากนั้นเรือก็วกกลับเส้นทางเดิมครับ ฝนก็
ไล่หลังมาครับ

      วนกลับมาใกล้ถึงท่าเรือ มีน้ำตกใหญ่อีกแห่งอยู่ใกล้ๆ Milford Sound Center ผมถ่ายรูปจากในเรือแต่หากต้องการ
เดินเข้าไปเที่ยว มีทางเดินจาก Milford Sound Center เข้าไปยังตัวน้ำตกได้

      เมื่อขึ้นจากเรือ เข้าห้องน้ำห้องท่าเสร็จก็เตรียมเดินทางกันต่อ เราจะย้อนกลับไปยัง Te Anau แล้วเลยต่อไปพักที่
Queenstown สำหรับคืนนี้ระยะทางจาก Milford Sound ถึง Queenstown  ประมาณ 300 กิโลเมตร ตอนนี้เวลาเกือบ
บ่ายสองแล้วผมกะเวลาคงไปถึงที่นั่นเย็นมากเลยครับ

      จาก Milford Sound ผ่านอุโมง Homer มาสักเล็กน้อยมีทางเข้าหมู่บ้านเล็กที่ชื่อ Pyke Valley ลองขับรถเข้าไป
ดูแต่สภาพทางค่อนข้างลำบากเลยเข้าไปได้ไม่ไกล เส้นทางเลียบ Hollyford River มีสะพานแขวนข้ามไปฝั่งตรงข้าม
มีทางเดิน Hiking ไปยัง Lake Marian เด็กวัยรุ่นฝรั่งเดินเข้าไป 3 คนแต่ผมเห็นป้ายด้านหน้า Lake Marian 3 Hours
Tracking  ก็ถอดใจแล้วครับ เข้าไปคงเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ Hollyford River ไหลไปสิ้นสุดที่ Lake Alabaster แต่เส้น
ทางสายนี้ไม่สิ้นสุดแค่นั้น เพราะเส้นทางจะต่อไปยัง Lake Wilmot คือจุดที่ตั้งของ Pyke Valley

      ช่วงที่เราขับรถออกจาก Milford Sound ฝนตกปรอยๆสลับกับเมฆหมอก จนถนนลดระดับลงมาฟ้าจึงสว่างสดใสขึ้นมีรถขับ
สวนขึ้นไปตลอดเวลา ผมคิดว่ารถพวกนี้คงไปค้างที่ Milford Sound เพราะเรือเที่ยวสุดท้ายในฤดูนี้คือรอบบ่าย 3 จาก Te Anau
สู่ Queenstown เป็นเส้นทางที่โล่งๆ มีแต่ภูเขากับฟาร์ม ทั้งฟาร์มแกะและฟาร์มกวาง ขับยาวๆนานๆทำให้ง่วงบ้างเป็นช่วงๆครับ

       ก่อนถึง Queenstown ต้องผ่านเมือง Kingston ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ปลายสุดของ Lake Wakatipu จากนั้นเส้นทาง
จะเลียบทะเลสาบไปจนถึง Queenstown ซึ่งอยู่ตอนกลางของทำเลสาบตอนนี้เราผ่าน Kingston มาแล้ว จุดหมายเรา
อยู่อีกไม่ไกลแล้วครับ

 Queenstown 

       เรามาถึง Queenstown เกือบค่ำแล้วและ GPS ดันพามาเลยที่พัก จริงๆแล้วก็ไม่ถึงกับเลยครับ แต่เพราะที่พักอยู่
ด้านบนภูเขาและมีทางแยกขึ้นไปก่อนถึงจุดที่ GPS บอกนิดนึง แต่ GPS มันไม่บอกให้เลี้ยวและมันก็มาบอกว่าถึงจุด
หมาย ตรงกลางถนนและตรงนั้นมีแยกซ้ายมือ ลงไปที่ทะเลสาบ ผมเลยเข้าใจว่าที่พักอยู่ด้านล่างพอเลี้ยวเข้าไปปรากฎ
ว่าไม่ใช่ เลยเสียเวลาวนหากันอีก แล้วเราก็หาจนเจอครับ เราจะพักที่นี่ 3 คืน เช็คอินเสร็จฟ้าก็เริ่มมืดมาเที่ยวฤดูแบบนี้
ขาดทุนเรื่องเวลามากครับ ห้อง Family Room ที่นี่ใหญ่มากครับมี 2 ชั้น ชั้นล่างมีห้องนั่งเล่นครัวและห้องน้ำ ชั้นบนมี
2 ห้องนอน ห้องใหญ่เป็นเตียงเดี่ยว 3 เตียงและห้องเล็กเป็นเตียงควีนส์ไซส์ 1 เตียง

     เก็บของเสร็จก็ต้องออกไปหามื้อเย็นกินครับ เพราะวันนี้เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางคงไม่ทำอาหารเองเราขับรถเ
ข้าไปที่กลางเมืองควีนส์ทาวน์ ซึ่งก็ไม่ไกลจากที่พักมากนัก บริเวณนี้คือ The Mall เป็น ShopingStreet ของควีนส์ทาวน์
มีร้านอาหารมากมายรวมทั้งร้านอาหารไทยครับ แต่เราไปกินกันใน Food Court ใน O'Connells Pavillion ซึ่งมีทั้งร้าน
อาหารฝรั่ง ไทย จีน ญี่ปุ่น ให้เลือกในราคาไม่แพงมากนัก จากรูปคือตึกทางซ้ายมือที่มี Mc Donald ครับเข้าไปด้านใน
Food Court จะอยู่ชั้นล่างครับ

      บริเวณ The Mall นี้เป็นที่ชื่นชอบของคุณผู้หญิงเลยครับ เพราะมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์จากรกแกะให้เลือกซื้อ
รวมถึงเสื้อผ้าและของที่ระลึกต่างๆ ผมว่าที่นี่ราคาน่าจะถูกที่สุดและมีให้เลือกมากที่สุดในเกาะใต้นะครับ ปล่อยให้คุณ
ผู้หญิงเดินช็อปปิ้งแก้เหนื่อยจากการนั่งรถจนพอใจ ก็ได้เวลากลับไปพักผ่อน

      พรุ่งนี้เราจะอยู่ใน Queenstown ทั้งวันครับ เพราะเมืองนี้มีกิจกรรมความสนุกให้ได้เที่ยว ได้ชม ได้เล่น เยอะจริงๆ




Create Date : 30 สิงหาคม 2555
Last Update : 27 กันยายน 2556 9:08:02 น.
Counter : 2269 Pageviews.

2 comments
  
รอ...ตามอยู่ค่ะ
โดย: deedy IP: 110.169.252.161 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:15:09:42 น.
  
ติตตามมาตลอดค่ะ ถ่ายทอดเรื่องและรูปได้ดีมากเลยค่ะ
โดย: contact242p IP: 182.52.115.228 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:34:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นักบัญชีขี้บ่น
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]