All Blog
Yokoso Japan - Day4 Kamakura



      ฝนที่ตกพรำทั้งคืน ทำให้อากาศเช้าวันนี้ต่างจากเมื่อวานอย่างมาก เมื่อวานฟ้าใสแดดแรงแต่พอตกดึกเริ่มมีฝนตก
และตกต่อเนื่องจนถึงเช้า พยากรณ์อากาศที่นี่แม่นมากครับ   ผมดูพยากรณ์อากาศตั้งแต่วันศุกร์เค้าบอกวันจันทร์ฝนจะ
ตก ตอนที่ไปเดินเล่นพระราชวังอิมพีเรียลผมยังคิดอยู่เลยว่าฟ้าใสขนาดนี้พรุ่งนี้ฝนจะตกเหรอแล้วก็ตกจริงๆ  แล้วสิ่งที่
ตามมากับสายฝนก็คืออุณหภูมิที่ลดลงจนถึงขั้นหนาวจัด และปัญหาก็คือเราไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวมากมา

     โชคดีที่มีทางเดินใต้ดินเชื่อมระหว่างหน้าโรงแรม Prince ไปยังสถานีรถไฟชินจูกุ ทำให้อาศัยหลบฝนหลบหนาวได้
บ้างครับ วันนี้คงเป็นวันลำบากอีกหนึ่งวันแน่ๆ

      จุดหมายของเราวันนี้คือพระใหญ่ Daibutsu ที่ Kamakura จากสถานีชินจูกุ เราต้องนั่งรถ JR Shonan-Shinjuku Line
ไปลงที่ โอฟูนะ(Ofuna) แล้วต่อ JR Yokosuka Line ไปลงคามาคุระ(Kamakura) ใช้ JR Pass ได้นะครับแต่ถึง  คามาคุระ
ยังต้องต่อรถไฟสาย Enoshima Electric Railway หรืออีกชื่อคือ Enoden เพื่อไปลงสถานีฮาเสะ(HASE) ต้องเสียค่ารถนะ
ครับ 190 เยน รถสายนี้หน้าตาจะดูคลาสสิคครับ

      มาถึงสถานีฮาเสะ เจอร้าน 100 เยน อยู่หน้าสถานีต้องเดินเข้าไปดูกันสักหน่อยครับ หลบอากาศหนาวสักนิด ของ
ขายก็เหมือนร้าน Daiso บ้านเรา จริงๆต้องพูดว่า Daiso บ้านเราเหมือนเค้าถึงจะถูก เราแวะซื้อร่มเพิ่มอีก 2 คัน    เพราะ
เอามาจากบ้านแค่ 2 คัน

      จากสถานีเดินต่อไปอีกประมาณสัก 500 เมตร ผ่านร้านต่างๆริมทางแต่ปัญหาก็คือฝนที่ตกลงมาอีกแล้ว อากาศก็เย็น
ขึ้นจับใจจริงๆครับ

      เดินตากฝนกันมาสักพักก็มาถึงแล้วครับ วัดโคโตกุอิน (Kotokuin Temple) เป็ววัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาของเมืองคามาคุระ
เป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่แห่งเมืองคามาคุระ (Kamakura Dibutsu) มาถึงบันไดขึ้นฝนยังตกอยู่ครับ   แต่พอเดินขึ้นไปด้าน
บนฝนก็หยุด แต่พักเดียวก็ตกอีก ตกๆหยุดๆแบบนี้ทั้งวันครับ

      พระใหญ่แห่งคามาคุระ (Kamakura Daibutsu) หรือชื่อจริงคือ พระอมิตตาพุทธ นิโอยุราอิ (Amida Nyoyurai)  องค์ที่
เห็นในปัจจุบันสร้างจากสำริด เสร็จเมื่อปี พ.ศ.1795 ความสูงรวมฐานอยู่ที่ 13.35 เมตร เฉพาะตัวองค์พระนั้นสูง 11 เมตร
น้ำหนักราว 122 ตัน ถ้ามองไกลๆจะเห็นองค์พระที่ไม่สมส่วน ดูจากพระหัตถ์นั้นดูเล็กนิดเดียว  หากอยากดูองค์พระนี้ให้สม
ส่วนต้องเข้าไปยืนใกล้ๆ ห่างจากองค์พระ 4-5 เมตรแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปจะเห็นองค์พระดูสมส่วนรับกันทั้งองค์สวยงาม
ขึ้น ส่วนองค์พระที่มองเห็นเป็นสีเขียวนั้น เกิดจากการที่สำริดทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับสภาพอากาศทั้งฝนและหิมะมายาว
นานจนกลายเป็นสีเขียว หากสังเกตให้ดีจะเห็นรอยเชื่อมต่อโลหะ   เชื่อมพระพุทธรูปองค์นี้ให้เป็นรูปร่างซ้อนกันขึ้นไปรวม
ทั้งหมด 8 ชิ้น

      เดิมพระใหญ่แห่งคามาคุระแกะสลักด้วยไม้มีขนาดความสูงถึง 24 เมตร ประดิษฐานในวิหาร สร้างเสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ.
1243 โดย โชกุน โยริโมโตะ มินาโมโตะ ได้เดินทางไปร่วมงานบูรณะ Daibutsu แห่งเมือง Nara   เมื่อกลับมาจึงคิดสร้างพระ
ใหญ่ที่คามาคุระแต่เสียชีวิตลงก่อน   นาง Inada Notsubone สตรีที่เคยรับใช้โชกุน โยริโมโตะ ต้องการที่จะสานต่อการสร้าง
Daibutsu โดยได้รับความช่วยเหลือจากหลวงพ่อโจโคะ (Joko) ที่ได้ร่วมเดินทางไปทั่วญี่ปุ่นเพื่อรับบริจาคเงินจากพุทธศาส
นิกชนสำหรับใช้ในการสร้างองค์พระใหญ่ จนสร้างได้สำเร็จ

      น่าเสียดายที่อีก 4 ปี ต่อมาเกิดพายุไต้ฝุ่นพัดผ่านคามาคุระ สร้างความเสียหายให้กับ พระองค์ใหญ่ Daibutsu และวิหาร
ซึ่งตกลงมาแตกหักเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ ทำให้ Inada Notsubone และหลวงพ่อโจโคะ   ต้องออกเดินทางอีกครั้งเพื่อบอก
บุญสำหรับการสร้าง Daibutsu องค์ใหม่   เมื่อรวบรวมปัจจัยครบหมดแล้ว  ครั้งนี้จึงเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่คงทนถาวรอย่างสำริด
เหมือน กับองค์ที่ Nara ถึงกระนั้นก็ตามการหล่อ Daibutsu องค์ใหม่นี้ก็ประสบความล้มเหลวหลายครั้ง จนกระทั่งได้ช่างฝีมือ
ดี 2 คนชื่อ ทันจิ ฮิซาโตโมะ (Tanji Hisatomo) และ โกโรอิมง โอโนะ (Goroe-mon Ono) มาช่วยหล่อองค์พระได้สำเร็จใน
ปี พ.ศ. 1795 ประดิษฐานในวิหารของวัดโคโตกุอิน (Kotoku-in Temple)     
      วิหารวัดโคโตกุอิน ได้โดนพายุพัดและแผ่นดินไหวเสียหายและมีการสร้างใหม่อีกหลายครั้งจนถึงปี พ.ศ. 2041 เกิดคลื่น
ยักษ์ซึนามิถล่มเมืองคามาคุระ จนวิหารพังเสียหายทั้งหลังเหลือแต่องค์พระที่ยังคงอยู่   พระใหญ่แห่งคามาคุระจึงประดิษฐาน
อยู่กลางแจ้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

      ฝนเทกระหน่ำลงมาอีกรอบก่อนที่เราจะออกจากวัดโคโตโกะอิน คราวนี้หนักมากจนเราต้องยืนหลบฝนอยู่ใต้ซุ้มประตูวัด
รอจนฝนหยุดพร้อมกับความหนาวเย็นที่แทรกเข้ามาทุกอณู พอฝนหยุดเราเลยต้องเข้าไปหาไออุ่นในร้านขายขนมโมจิ จนรู้
สึกร่างกายอุ่นขึ้นจึงเดินกลับมาเส้นทางสถานีฮาเสะ ก่อนถึงสถานีทางขวามือมีวัดฮาเสะเดระ (Hasedera Temple) เราแวะ
เข้าไปเที่ยวก่อนไปต่อ

      วัดฮะเซ (Hasedera หรือ Hase Kannon Temple) วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.721 โดยพระภิกษุชื่อโทคุโด(Tokudo)
ท่านได้พบต้นการบูร (Camphor) ต้นใหญ่ในป่าแห่งหนึ่ง จึงได้นำมาแกะสลักเป็นรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(Kannon)
2 องค์ โดยแต่ละองค์จะมีพระพักตร์ 11 พระพักตร์ สำหรับรูปพระโพธิสัตว์ที่แกะจากไม้ส่วนล่างนั้น ได้ประดิษฐานไว้ที่
วัดฮะเซ ในจังหวัดยาโมโต ซึ่งปัจจุบันคือนารา (Nara) ส่วนรูปที่แกะสลักจากไม้ส่วนบน ท่านได้นำไปลอยทะเล พร้อม
กับเสี่ยงทาย อธิษฐานถึงสถานที่สมควรประดิษฐาน เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ
      16 ปีให้หลัง รูปสลักดังกล่าวได้ลอยขึ้นฝั่ง ในวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ.736 ที่นาไก (Nagai) ในแหลมมิอุรา (Miura)
โดยเปล่งรัศมีส่องสว่างไปทั่วท้องทะเล รูปสลักจึงได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานยังคามาคุระ ต่อมาท่านโทคุโดได้รับเชิญ
ให้มาสร้างวัดใหม่ คือวัดฮะเซในปัจจุบัน รูปสลักพระโพธิสัตว์จึงถูกอัญเชิญมาประดิษฐานยังวัดฮะเซจนถึงบัดนี้

      พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(Bodhidasattva หรือ Avalokitesavara Juichimen Kannon) มีพระพักตร์ 11 พระพักตร์
สูง 9.18 เมตร ถือเป็นรูปแกะสลักไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น รู้จักกันดีในนามพระโพธิสัตว์แห่งฮะเซ(Hase Kannon) สำหรับ
พระพักตร์ทั้ง 11 นั้น จะแทนลักษณะ 11 ลักษณะของพระโพธิสัตว์  โดยมีพระพักตร์ใหญ่ 1 พระพักตร์  มีพระพักตร์เล็ก
อยู่เหนือพระพักตร์ใหญ่หันไปด้านซ้าย ด้านขวา และตรงกลาง ด้านละ 3 พระพักตร์และมีพระพักตร์เล็กอยู่บนยอดมงกุฎ
อีก 1 พระพักตร์ ซึ่งให้ความหมายว่าพระโพธิสัตว์สามารถรับฟังความทุกข์ยากของคนและปัดเป่าความทุกข์ยากได้ทั่วสาร
ทิศ สำหรับพระโพธิสัตว์นี้มีลักษณะเฉพาะคือพระหัตถ์ขวาถือธารพระกร(ไม้เท้า)แบบพระ มีห่วงโลหะอยู่บนยอดพระหัตถ์
ซ้ายถือดอกบัว กล่าวกันว่าเป็นการผสมผสานลักษณะของพระโพธิสัตว์จิโซ (Jizou)   เข้าไว้กับลักษณะของพระโพธิสัตว์
อวโลกิเตศวรเพื่อเป็นการผสานพลังของพระโพธิสัตว์ทั้งสองให้สามารถช่วยเหลือ มวลมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น

      พระอมิตดาพุทธเจ้า (Amida Buddha หรือ Amitabha) ประดิษฐานในวิหารด้านซ้ายของวิหารที่ประดิษฐานพระ
โพธิสัตว์อวโลกิเตศวร รูปพระอมิตดาพุทธเจ้าสูง 2.8 เมตร ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร สร้างขึ้นโดยมินาโมโต โยริโตโม
(Minamoto Yoritomo, 1147-1199) ซึ่งเป็นโชกุนคนแรกของสมัยคามาคุระ เพื่อสะเดาะเคราะห์ในปีที่ท่านมีอายุครบ
42 ปี ในครั้งแรกรูปพระอมิตดาพุทธเจ้านี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดเซกังจิ (Seigan-ji) ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในคามาคุระ ต่อมา
ในราวศตวรรษที่ 17 ได้มีการย้ายมาประดิษฐานที่วัดฮะเซ รู้จักกันในนามพระอมิตดาแห่งความโชคดี(Good luck Amida)

      พระโพธิสัตว์จิโซเป็นพระโพธิสัตว์ที่ช่วยนำดวงวิญญาณของสรรพสัตว์ให้พ้นจาก ความทุกข์ยากทั้งปวง โดยเฉพาะ
ช่วยนำดวงวิญญานของเด็กที่เสียชีวิต หรือเสียชีวิตจากการแท้งให้ไปสู่สวรรค์ พลังของพระโพธิสัตว์จิโซนั้นสามารถแผ่
ไปได้อย่างกว้างขวาง จึงนิยมสร้างรูปพระโพธิสัตว์จิโซไว้บูชาในวัดต่าง ๆ   โดยสร้างเป็นรูปพระที่มีพระพักตร์คล้ายเด็ก
ประทับยืนบนดอกบัว พระหัตถ์ขวาถืออธารพระกร พระหัตถ์ซ้ายถือแก้วมณี

      นอกจากนี้ในวัดยังมีศาลเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติไปขอพรโดยนำแผ่นไม้เขียนคำอธิษฐานไปแขวนไว้ แต่
ผมดูจากรูปบนแผ่นไม้น่าจะไปขอลูกมากกว่านะครับ เพราะเป็นรูปเด็ก แต่มีบางแผ่นเป็นรูปม้า   เลยไม่รู้ว่าแต่ละรูปมี
ความหมายอะไรบ้าง

      เนื่องจากวัดฮาเสะเดระตั้งอยู่บนภูเขา ทำให้ที่นี่มองเห็นหมู่บ้านฮาเสะและเมืองคามาคุระได้ทั้งเมือง แต่เนื่องจาก
วันที่เรามาฝนตกหนักก็เลยมองไม่ค่อยเห็นอะไรครับ

      นอกจากพระและเทพเจ้าต่างๆแล้ว วัดนี้ยังมีการจัดสวนแบบญี่ปุ่น ทางขึ้นวัดมีใบไม้แดงให้ดูนอกฤดูด้วยครับและ
หากอากาศดี ด้านบนมีทางเดินขึ้นเขาซึ่งเป็นจุดชมซากุระสวยงามอีกที่หนึ่งครับ

      ด้วยอากาศที่หนาวจัดและละอองฝนทำให้เด็กรู้สึกไม่ค่อยสบาย ผมจึงตัดสินใจกลับเข้าโตเกียวและกลับไปพักที่
โรงแรมโดยตัดโปรแกรมตอนบ่ายออก เดิมทีแพลนไว้ว่าจะไปสวนฮูเอโนะ เพื่อชมซากุระ  แต่ฝนตกแบบนี้คงไม่สวย
เท่าไหร่ครับ อีกที่หนึ่งที่ผมตัดออกจากโปรแกรม เป็นที่ที่ผมตั้งใจจะไปก่อนที่จะเดินทางมาญี่ปุ่น    ผมเห็นภาพเขียน
ภาพหนึ่งและสงสัยว่าสถานที่นี้มันมีอยู่จริงหรือเปล่า พยายามค้นหาข้อมูลจนรู้ว่ามันอยู่ในคามาคุระนี่เอง

      สถานที่แห่งนี้ก็คือ shichirigahama เสียดายจริงๆครับที่ฝนตก เพราะถ้าไปก็คงมองไม่เห็นอะไร ต้องไปวันที่ฟ้าใสๆ
เท่านั้นครับ แต่ไม่เป็นไรเพราะผมคงมีโอกาสได้ไปเยือนอีกครั้ง (ขอบคุณรูปจาก //mohsho.image.coocan.jp/enoshima01.jpg)

      เรากลับมาขึ้นรถที่สถานีฮาเสะ เพื่อไปลงสถานีคามาคุระ เพื่อต่อรถกลับโตเกียว แต่ก่อนจะขึ้นรถกลับคงต้องหาอะไร
กินกันก่อน เราเข้าไปใน komachi dori street ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานี เป็น Shopping Street ของเมืองคามาคุระ  จุดสังเกตุ
คือมีเสาโทเรอิตั้งอยู่ทางเข้าถนน เดินเข้าไปด้านในมีร้านค้าร้านอาหารมากมายครับ แต่เสียดายที่ฝนยังไม่เลิกตก   ก็เลย
กินข้าวเสร็จแล้วกลับโตเกียวครับ

      เรากลับเข้าโรงแรมพักผ่อนร่างกายให้อบอุ่นขึ้น   จนค่ำจึงออกมาเดินหาอาหารค่ำกินและส่งท้ายนครโตเกียวก่อนที่จะ
อำลาไปในวันพรุ่งนี้ เราเดินเล่นจนมาเจอศาลเจ้า Hanazono Shrine ซึ่งมีทางเข้าอยู่ซอกตึก แต่เข้าไปข้างในใหญ่โตมาก
ครับ ศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุกว่า 300 ปีประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปีจะมีงานประจำปีเรียกว่าเทศการโตริโน-อิชิ (Torino
Ichi) จะมีการแห่เจ้าไปตามถนนในชินจุกุ

      น่าเสียดายที่วันสุดท้ายของเราในโตเกียวโดนฝนหนักทั้งวันทำให้พลาดโปรแกรมไปหลายที่ เราออกจากศาลเจ้า
เพื่อเดินชมบรรยากาศยามค่ำของโตเกียวก่อนกลับเข้าที่พัก สำหรับพรุ่งนี้เราจะอำลาโตเกียว กลับสู่โอซากาครับ




Create Date : 18 ตุลาคม 2555
Last Update : 17 กันยายน 2556 20:38:48 น.
Counter : 4174 Pageviews.

6 comments
  
ภาพสวยมากๆเลยค่ะ ขอเก็บข้อมูลหน่อยนะ
โดย: yuechan IP: 203.209.39.84 วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:12:23:38 น.
  
ข้อมูลดี ภาพสวย ไม่โหวตให้ได้ยังไงคะนี่ ชอบมากๆ เลยค่ะ

ถ้าทำอันใหม่แล้ว วานไปบอกกันบ้างนะคะ กลัวพลาด แหะๆ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:14:32:06 น.
  
ขอบคุณมากครับ คุณ Yuechan / คุณสาวไกด์ใจซื่อ

ดีใจครับที่มีคนเข้ามาอ่าน

โดย: ลุงฅิต (Zurg ) วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:17:10:24 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Zurg Travel Blog


ข้อมูลและภาพ ทำให้อดใจไม่ไหว ต้องโหวตให้อีกแล้วค่ะ
โดย: Maeboon วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:17:16:03 น.
  
ภาพแรก และภาพใบไม้แดงสวยมากค่ะ
โดย: mariabamboo วันที่: 19 ตุลาคม 2555 เวลา:16:05:50 น.
  
เข้ามาอ่านพร้อมเก็บข้อมูลค่ะ จะไปปีหน้าช่วงเดียวกัน ตั๋วก็จองไปแล้ว ยังไม่ได้ทำ visa เลยค่ะ จะเสี่ยงเกินไปไม๊เนี่ย มุมเจดีย์ 5 ชั้น กับซากุระ เป็นมุมในฝันเหมือนกันค่ะ แต่พอเห็นว่าขึ้นบันได 400 ขั้น สงสัยจะขอบาย ดูอยู่ด้านล่างก็พอ
ว่าจะเที่ยวแถบคันโตอย่างเดียว เพราะมีเวลาไม่มากค่ะ 7-8 วัน ไว้รอบหน้าค่อยไปดูใบไม้แดงแถบ โอซาก้า กับเกียวโต ก็เลยว่าจะไม่ซื้อ jr pass
ยังงง ๆ ถึง งงมาก กับ pass ต่างๆ ค่ารถ ค่าเรือ
ถ่านภาพสวยมาก รอชมตอนต่อไปนะคะ
โดย: Jarunee IP: 180.183.210.85 วันที่: 22 ตุลาคม 2555 เวลา:13:26:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นักบัญชีขี้บ่น
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]