Breaking Dawn (Twilight Saga IV) Copyright for non-commercial use ONLY
 
 

Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 5.2

แสงอาทิตย์พาดผ่านมาบนหลังที่เปล่าเปลือยของฉัน ปลุกให้ฉันตื่นขึ้นในตอนเช้า ...​อาจจะเป็นเวลาสายมากแล้วมากกว่า เอ๊ะ หรือว่าบางทีจะเป็นตอนกลางวันแล้วนะ ทุกอย่างนอกเหนือจากเวลาดูชัดเจนไปซะหมด ฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ห้องที่แสนจะสว่างสดใสนี้ กับเตียงสีขาว และแสงแดดจ้าที่ส่องผ่านประตูเข้ามา แต่อย่างน้อยก็ยังมีมุ้งคอยกรองแสงอาทิตย์ออกไปบ้าง


 


 


ฉันไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้น ฉันมีความสุขเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เสียงเดียวที่ฉันได้ยินก็คือเสียงคลื่นกระทบฝั่งจากด้านนอก เสียงลมหายใจของเรา เสียงหัวใจของฉันเต้น


 


 


ฉันรู้สึกสบายเหลือเกิน ถึงแม้ว่าจะนอนตากแดดอยู่ ผิวที่แสนจะเย็นยะเยือกของเขาเป็นสิ่งที่ต้านความร้อนในอย่างดี ฉันนอนลงบนแผ่นอกของเขา เขาโอบกอดฉันไว้ ฉันรู้สึกผ่อนคลายเหลือเกิน และสงสัยว่าเมื่อคืนฉันงี่เง่าขนาดไหนที่หวาดกลัวต่อสิ่งนี้


 


นิ้วของเขาไล้ลงมาตามแนวกระดูกสันหลังของฉัน และฉันรู้ดีว่าเขารู้ว่าฉันตื่นแล้ว ฉันยังคงไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมา และโอบรัดที่คอของเขา กอดเขาแน่นมากขึ้นเพื่อให้ฉันได้ใกล้กับเขามากกว่านี้


 


เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย แต่นิ้วของเขาก็ยังคงลูบไล้ขึ้นลงที่หลัง สัมผัสผิวหนังที่เปล่าเปลือยของฉัน


 


ฉันยอมที่จะนอนอยู่แบบนี้ไปชั่วกาล ไม่ต้องการที่จะรบกวนช่วงเวลานี้ แต่ร่างกายของฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น ฉันหัวเราะขึ้นมาเมื่อท้องของฉันร้องออกมาเสียงดัง แน่สิ เพราะฉันไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืน


 


 


"มีอะไรน่าขันนักเหรอ" เขาพึมพำ ยังคงลูบไล้แผ่นหลังของฉัน เสียงของเขาดูจริงจังมาก ทำให้ฉันรู้สึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และฉันก็รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าและลำคอ


 


ท้องของฉันส่งเสียงร้องขึ้นมา ทำให้ฉันหัวเราะอีกครั้ง "เธอแค่หนีความเป็นมนุษย์ไม่ได้นานก็เท่านั้นเอง"


 


 


ฉันรอฟังปฏิกริยาของเขา แต่เขากลับไม่ได้หัวเราะขึ้นมา และแล้วฉันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอื่น นอกเหนือจากบรรยากาศแห่งความสุขที่ฉันได้รับจากเมื่อคืน


 


ฉันลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือผิวหนังที่ขาวซีดของเขา คางของเขาอยู่เหนือใบหน้าของตัวเอง ฉันจึงใช้ศอกดันตัวขึ้นเพื่อจะได้มองหน้าเขา


 


 


เขากำลังจ้องไปที่มุ้งเหนือศีรษะ ไม่ได้มองมาที่ฉัน แต่ยังไงก็แล้วแต่ เขาดูท่าทางช๊อคมาก


 


"Edward" ฉันเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้นเหรอ มีอะไรผิดปกติเหรอ"


 


 


"เธอต้องถามด้วยเหรอ" เสียงของเขาดูเศร้าเหลือเกิน


 


 


สัญชาตญาณแรกบอกกับฉันว่า จะต้องเป็นอะไรที่ฉันทำผิดไปแน่นอน ฉันคิดทบทวนดูถึงทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ก็ไม่พบเลยว่ามีอะไรที่ไม่ดี มันง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้มาก เราเหมาะสมกันราวกับชิ้นส่วนที่ต่อกัน และยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังทำให้ฉันรู้สึกพึงพอใจได้ว่า เราเข้ากันได้ในทางกายภาพเช่นเดียวกับทางด้านอื่นๆ ไฟกับน้ำแข็งสามารถอยู่คู่กันได้โดยไม่ต้องทำลายซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้แล้ว นี่เป็นหลักฐานว่า ฉันเหมาะสมกับเขาเหลือเกิน


 


 


ฉันไม่อยากคิดถึงบางอย่างที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ...​ช่างดูเย็นชาอย่างประหลาด ... เอ๊ะ หรือว่าฉันพลาดอะไรไป


 


 


 


นิ้วของเขาลูบไล้หน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน


 


"เธอคิดอะไรอยู่เหรอ" เขากระซิบ


 


"เธอดูเซ็งมาก ฉันไม่เข้าใจ ฉัน..."


 


 สายตาของเขาช่างดูเจ็บปวดเหลือเกิน "เธอเจ็บมากมั้ย Bella บอกความจริงมาเถอะ ไม่ต้องทำให้มันดูแย่น้อยลงด้วย"


 


 


"เจ็บเหรอ" ฉันทวนคำพูดของเขา ฉันทำเสียงสูงมากกว่าปกติ เพราะว่าฉันกำลังประหลาดใจอย่างมาก


 


 


เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ปากเม้มแน่น


 


 


ฉันทำการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ยืดตัวสุดๆโดยอัตโนมัติ ลองขยับแขนขาดู มันอาจจะมีเมื่อยบ้าง กระดูกขยับได้ติดขัด แต่มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ฉันไม่ไดพึงพอใจต่ออะไรสักหน่อย


 


และแล้วฉันก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา เขาทำลายเช้าที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คของฉันด้วยสมมติฐานที่แลดูมองโลกในแง่ร้ายเหลือเกิน


 


 


"ทำไมเธอถึงสรุปอย่างนั้นกันล่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต"


 


เขาหลับตาลง "หยุดเถอะ Bella"


 


"หยุดอะไรกันล่ะ"


 


 


"อย่าทำเหมือนว่าฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ยอมตกลงเรื่องอะไรแบบนี้เลยเถอะ"


 


 


"Edward!!!!!!" ฉันกระซิบ เริ่มรู้สึกเซ็งมากๆแล้วตอนนี้ เขาหาว่า "ความทรงจำที่แสนจะวิเศษของฉัน" เป็นสิ่งที่เลวร้ายงั้นเหรอ "อย่าพูดแบบนั้นนะ"


 


"ดูตัวเธอเองสิ Bella แล้วบอกฉันสิว่าฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาด"


 


 


ฉันรู้สึกช๊อค และทำตามที่เขาบอกทันที


 


เกิดอะไรขึ้นกับฉันงั้นเหรอ ฉันเริ่มสังเกตเห็นขนนกสีขาวอยู่บนตัวฉัน ฉันสั่นหัวและก็เห็นว่าขนนกเหล่านั้นร่วงหล่นมาจากผมของฉันเหมือนกัน


 


"ทำไมตัวฉันเต็มไปด้วยขนนกล่ะเนี่ย" ฉันถามด้วยความสงสัย


 


เขาถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ "ฉันกัดหมอน อาจจะสองใบด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกเธอหรอกนะ"


 


 


"เธอกัดหมอนเหรอ ...​ ทำไมล่ะ"


 


 


"ดูสิ Bella" เขาเกือบคำรามออกมา เขาจับมือฉัันกางออกไป "ดูนี่สิ"


 


 


และแล้วฉันก็เห็นในสิ่งที่เขาหมายถึง


 


 


ภายใต้ขนนกจำนวนมาก มีรอยจ้ำๆสีม่วงอยู่บนแขนของฉันเต็มไปหมด ฉันตามร่องรอยของมันไปที่ไหล่ ลงมาที่สะโพก ฉันกดไปตรงนั้นเบาๆ และก็เห็นว่ามันจางไปเมื่อฉันแตะ แต่แล้วก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง


 


 


เขาแทบจะไม่โดนตัวฉันเลย แต่เขาค่อยๆวางนิ้วของตัวเองลงที่รอยช้ำบนแขนของฉัน เพื่อให้เห็นว่ารอยเหล่านั้นตรงกับรอยนิ้วมือของเขาพอดิบพอดี


 


 


"โอ้"


 


ฉันพยายามที่จะนึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจจำมันได้เลย ฉันไม่สามารถนึกอะไรได้เมื่อเขากอดฉันไว้แน่น ฉันจำได้แต่ว่าฉันอยากให้เขากอดฉันให้แน่นกว่านี้ และรู้สึกยินดีเมื่อเขาทำเช่นนั้น


 


"ฉันขอโทษเธอเหลือเกินนะ Bella" เขากระซิบบอกฉันเมื่อมองไปที่รอยช้ำเหล่านั้น "ฉันรู้ดีว่า ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ฉันไม่ควรที่จะ..." เขาพูดอยู่ในลำคอ "ฉันรู้สึกเสียใจเกินกว่าที่บอกเธอได้"


 


 


ฉันนั่งนิ่งอยู่นานสักพักด้วยความประหลาดใจ พยายามที่จะทำความเข้าใจกับท่าทีของเขา ...​มันคือความโศกเศร้าเสียใจ ช่างแตกต่างกับสิ่งที่ฉันรู้สึกเหลือเกิน


 


ความรู้สึกตกใจค่อยๆเลือนรางหายไป เหลือแต่ความว่างเปล่า ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ฉันจะอธิบายให้เขาเข้าใจให้ถูกต้องยังไงดีนะ จะทำยังไงถึงจะทำให้เขารู้สึกมีความสุขเหมือนที่ฉันเป็นเมื่อช่วงเวลาที่ผ่านมา


 


 


ฉันแตะแขนเขา และเขาไม่ตอบสนอง ฉันรวบข้อมือเขา พยายามดึงแขนที่ซบอยู่ที่หน้าของเขาออก แต่ฉันไม่มีแรงพอที่จะทำได้


 


"Edward"


 


เขาไม่ขยับ


 


"Edward??"


 


ไม่มีอะไรเกิดขึ้น งั้นฉันก็คงต้องพูดอยู่ฝ่ายเดียว


 


"ฉันไม่รู้สึกเสียใจเลยนะ Edward ฉันมีความสุขเหลือเกิน อย่าโกรธไปเลยนะ ฉันสบ...."


 


 


"อย่าบอกเลยว่าเธอสบายดี" น้ำเสียงของเขาช่างดูเย็นชา "ถ้าเธอยังเห็นว่าฉันเป็นคนสติดีอยู่ล่ะก็ อย่าบอกว่าเธอสบายดีอีกเป็นอันขาด"


 


"แต่ฉันสบายดีจริงๆนะ" ฉันกระซิบบอกเขา


 


"Bella" น้ำเสียงของเขาแลดูคร่ำครวญ "อย่า"


 


 


"ไม่ เธอต้องไม่นะ Edward"


 


เขาเอาแขนออกไป และจ้องมองมาที่ฉันอย่างเป็นกังวล


 


 


"อย่าทำลายมันนะ" ฉันบอกเขา "ฉันมีความสุขมาก"


 


"ฉันพึ่งจะทำลายมันไปเอง" เขากระซิบ


 


"อย่าไปคิดถึงมันสิ"


 


ฉันได้ยินเสียงเขากัดฟันกรอด


 


 


"อ้ากส์" ฉันคำราม "ทำไมเธอถึงอ่านใจฉันไม่ได้กันนะ มันช่างไม่สะดวกเอาซะเลย" 


 


 


ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย


 


"นั่นมันแปลกนะ เธอชอบที่ฉันอ่านใจเธอไม่ได้นี่นา"


 


"ไม่ใช่วันนี้"


 


เขาจ้องมองฉัน "ทำไมกันล่ะ"


 


ฉันสะบัดตัวไปมาด้วยความรำคาญ เริ่มรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณไหล่แต่ฉันไม่สนใจมัน ฉันวางฝ่ามือลงบนแผ่นอกของเขา "เพราะว่าเรื่องงี่เง่าแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเธอสามารถอ่านใจฉันได้ในตอนนี้นะสิ หรือว่าเมื่อห้านาทีที่แล้วที่ฉันมีความสุขเหลือเกิน แต่นี่มันหายไปหมดแล้ว ฉันเริ่มโกรธจริงๆแล้วนะ"


 


 


"เธอสมควรแล้วที่จะโกรธฉัน"


 


"อ๋อ ใช่สิ แล้วเธอรู้สึกดีขึ้นมั้ยล่ะ"


 


เขาถอนหายใจ "ไม่ ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นได้ในตอนนี้เลย"


 


 


"นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมฉันถึงโกรธมากๆ เธอทำมันพังหมดเลย Edward"


 


เขาส่ายหัวเบาๆ


 


 


ฉันสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ฉันเริ่มรู้สึกเมื่อยล้ามากขึ้น แต่มันก็ไม่แย่ขนาดนั้น มันก็แค่เหมือนยกเวทมาทั้งวันเท่านั้นเอง ฉันเคยยกเวทสิบปอนด์ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ Renee บ้าเข้าฟิตเนสมากๆ ฉันแทบเดินไม่ได้ในวันรุ่งขึ้น แต่นี่เมื่อยไม่ได้ครึ่งของตอนนั้นเลย


 


 


ฉันกล้ำกลืนความรู้สึกรำคาญที่เกิดขึ้น และพยายามทำเสียงให้ผ่อนคลาย "เราก็รู้ดีนี่นาว่ามันไม่ง่ายนักหรอก แต่แล้วมันก็ง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้มาก นี่มันแทบไม่มีอะไรเลย" ฉันใช้นิ้วปัดไปมาที่ท่อนแขนของฉัน "ฉันคิดว่าครั้งแรกของเราน่ะ เราทำมันได้เยี่ยมมากเลยนะ ด้วยการฝึกฝนสักเล็กน้อย..."


 


 


ทันใดนั้นเอง ปฏิกริยาของเขาก็ดูน่ากลัวเหลือเกินจนทำให้ฉันต้องหยุดพูดกลางคัน


 


"นี่เธอคาดว่า เธอจะเป็นอย่างนี้เหรอ Bella เธอคิดว่าฉันจะทำร้ายเธอเหรอ เธอคิดว่ามันน่าจะเลวร้ายกว่านี้อีกเหรอ นี่เธอคิดว่าเราประสบความสำเร็จเพราะว่าเธอสามารถหลีกหนีความเจ็บปวดได้เหรอ การที่เธอไม่ได้กระดูกหักไม่ได้แปลว่าเราประสบความสำเร็จหรอกนะ"


 


 


"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันคาดไม่ถึงเลยว่า มันจะยอดเยี่ยมและเพอร์เฟ็คต์ขนาดนี้" เสียงของฉันเบาลงจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ สายตาของฉันเลื่อนลงมาที่มือของตัวเอง "ฉันหมายถึง ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้สึกกับมันยังไง แต่สำหรับฉันมันวิเศษมาก"


 


 


นิ้วของเขาค่อยๆเชยคางฉันขึ้นมา


 


 


"นี่คือสิ่งที่เธอกังวลหรอกเหรอ" เสียงเขาเอ่ยรอดไรฟันออกมา "ที่เธอคิดว่าฉันไม่ได้มีความสุขเนี่ยอ่ะนะ"


 


 


ฉันหลุบตาต่ำลง "ฉันรู้ว่ามันไม่เหมือนกัน เธอไม่ใช่มนุษย์ ฉันแค่พยายามที่จะอธิบายมันก็แค่นั้นเอง ...​ ในมุมมองของมนุษย์น่ะ ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้"


 


 


เขาเงียบไปเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายเขาก็มองขึ้นมา สีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้นแล้วตอนนี้


 


"ดูเหมือนว่าฉันจะต้องขอโทษเธออีกเยอะเลย" เขาเอ่ยอย่างเศร้าโศก "ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าความรู้สึกของฉันต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันจะเลวร้ายขนาดนั้น เอ่อ จริงๆแล้ว ...​มันเป็นค่ำคืนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ แต่ฉันไม่ต้องการจะคิดแบบนั้น ไม่ต้องการเมื่อเธอ..."


 


 


ปากของฉันเม้มเป็นขอบนูนขึ้น "จริงเหรอ ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา" ฉันถามเขาเสียงเล็ก


 


"ฉันเคยคุยกับ Carlisle หลังจากที่เราตกลงกัน หวังว่าเขาจะช่วยฉันได้ แน่นอนว่าเขาเตือนฉันว่ามันจะเป็นอันตรายสำหรับเธอ แต่เขามีศรัทธาในตัวฉัน ...​ศรัทธาที่ฉันไม่สมควรจะได้รับมัน"


 


 


ฉันกำลังจะค้านคำพูดนั้น แต่เขาใช้สองนิ้วปิดปากฉันเสียก่อน


 


"ฉันถามเขาเหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างสำหรับฉัน .... เมื่อฉันเป็นแวมไพร์" เขายิ้มอย่างเนือยๆ "Carlisle บอกฉันว่า มันช่างมีพลังมหาศาลแตกต่างจากอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง เขาบอกฉันว่าความสัมพันธ์ทางกายไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรจะให้ความสำคัญกับมันน้อยเลย เพราะว่าพวกเราเป็นพวกที่ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ อารมณ์ที่รุนแรง แข็งกร้าว อาจจะเปลี่ยนเราไปได้อย่างถาวร แต่เขาบอกว่าฉันไม่ต้องกังวลถึงตรงนั้น เพราะเธอได้เปลี่ยนแปลงฉันไปอย่างสมบูรณ์แล้ว" คราวนี้เขามีรอยยิ้มที่ดูจริงใจมากขึ้น


 


"ฉันคุยกับพี่น้องของฉันด้วยเหมือนกัน เขาบอกฉันว่ามันเป็นความสุข ความพึงพอใจอย่างที่สุด รองลงมาแค่การได้ดื่มเลือดมนุษย์เท่านั้น แต่ฉันเคยลิ้มรสเลือดมนุษย์ และฉันรู้สึกว่าสิ่งนั้นกลับยิ่งทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าการได้ดื่มเลือดมนุษย์เสียอีก ฉันไม่ได้คิดว่าพวกเขาผิดหรอกนะ เพียงแต่ในกรณีของเรา มันอาจจะมีบางสิ่งกว่านั้น"


 


"มันมีบางสิ่งกว่านั้น เพราะมันคือทุกสิ่งทุกอย่างไง"


 


 


"แต่มันก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ฉันได้ทำผิดลงไป ถึงแม้ว่ามันจะพอเป็นไปได้ที่เธอจะมีความสุขมากมายจริงๆ"


 


 


"นั่นมันหมายความว่าอย่างไรกัน เธอคิดว่าฉันแต่งเรื่องโกหกเธอเหรอไง ทำไมล่ะ"


 


 


"เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจ ฉันไม่สามารถมองข้ามต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรอกนะ Bella หรือเรื่องในอดีตที่เธอเกือบทำให้ฉันเผลอตัวเผลอใจเมื่อฉันกำลังจะทำความผิด"


 


 


ฉันจับคางของเขา และยื่นหน้าเข้าไปใกล้ "นายฟังฉันนะ Edward Cullen ฉันไม่ได้เสแสร้งอะไรเพื่อทำให้นายรู้สึกดีขึ้น โอเค๊ ฉันไม่รู้ถึงเหตุผลที่เธอมานั่งคร่ำครวญเศร้าโศกอย่างนี้ด้วยซ้ำ แต่ฉันกล้าพูดได้เลยว่า ฉันไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนในชีวิตฉัน ฉันไม่ได้มีความสุขขนาดนี้เมื่อเธอบอกว่าเธอรักฉันมากกว่าที่ต้องการจะฆ่าฉัน หรือเช้าวันแรกที่ฉันตื่นขึ้นมาและพบว่าเธอนั่งรอฉันตื่นขึ้น หรือแม้กระทั่งตอนที่ฉันได้ยินเสียงเธอที่โรงเรียนสอนบัลเล่ต์ หรือเมื่อเธอเอ่ยยอมรับฉันเป็นภรรยา และฉันตัดสินใจแล้วว่าบางทีฉันอาจจะเก็บเธอไว้อย่างนี้ตลอดกาล นี่เป็นความทรงจำที่มีความสุขที่สุดสำหรับฉัน และดียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเผชิญหน้ากับมันซะ"


 


เขาสัมผัสที่เส้นระหว่างคิ้วของฉันอย่างแผ่วเบา "ฉันคงทำให้เธอไม่มีความสุขแล้วสิตอนนี้ ฉันไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้เลย"


 


 


"งั้นเธอก็อย่าทำเหมือนเธอไม่มีความสุขสิ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอทำผิดไปในตอนนี้"


 


เขาพยักหน้าอย่างช้าๆ "เธอพูดถูกแล้ว อดีตคืออดีต ฉันคงเปลี่ยนแปลงอะไรมันไม่ได้แล้ว มันไม่มีประโยชน์เลยที่จะทำให้เธออารมณ์เสียตอนนี้ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุขนะ"


 


ฉันมองใบหน้าเขาด้วยความฉงน ในขณะที่เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน


 


"อะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันมีความสุขงั้นเหรอ"


 


 


แต่ท้องของฉันดันร้องขึ้นมา


 


 


 "เธอหิวแล้วล่ะ" เขาเอ่ยอย่างรวดเร็ว แล้วก็ลุกขึ้นจากเตียง ปัดขนนกที่อยู่รอบๆตัวเรา


 


 


"บอกฉันได้มั้ยว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอทำลายหมอนของ Esme กันน่ะ" ฉันถามเขาในขณะที่นั่งอยู่บนเตียง พยายามเขย่าหัวเพื่อให้ขนนกเหล่านั้นหล่นลงมา


 


เขาสวมกางเกงเรียบร้อยแล้ว และยืนอยู่ข้างประตู ปัดขนนกออกจากผมของตัวเอง


 


"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันทำอะไรไปเมื่อคืน" เขาพึมพำ "แต่เราช่างโชคดีเหลือเกินที่เป็นหมอนใบนั้น ไม่ใช่เธอ" เขาถอนหายใจยาว และพยายามสลัดความคิดเรื่องเมื่อคืนออกไป เขาพยายามที่จะส่งยิ้มมาให้ฉัน แต่ฉันเดาว่าเขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงแน่


 


ฉันค่อยๆเลื่อนตัวลงจากเตียง และยืดตัวออก ...​เริ่มรู้สึกตัวว่ามีจุดที่ปวดหลายแห่ง


 


"ฉันดูน่าเกลียดมากมั้ย" ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เขาได้ยินคำถามของฉันแต่กลับไม่ได้หันมา และยังคงซ่อนใบหน้าจากฉันไม่ให้เห็น ฉันเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อสำรวจตัวเอง


 


 


ฉันมองตัวเองในกระจกบานใหญ่หลังประตู


 


 


สภาพของฉันแย่กว่าที่ฉันคิดไว้ มีรอยจ้ำๆอยู่บริเวณแก้ม ริมฝีปากบวมเจ่อ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยจ้ำๆสีฟ้าและสีม่วง ทั้งบริเวณแขนและหัวไหล่ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่นา แต่มันก็อาจจะพึ่งเป็นรอยเกิดขึ้น มันอาจจะแย่ลงก็ได้


 


ฉันมองไปที่ผมของฉัน แล้วก็กรีดร้องขึ้นมาด้วยความเซ็งทันที


 


"Bella?" เขามายืนอยู่ข้างหลังฉันทันทีเมื่อฉันทำเสียงอย่างนั้น


 


"ฉันจะเอามันออกไปจากผมฉันยังไงกันเนี่ย" ฉันมองไปที่ผมของฉัน ที่กลายเป็นรังนกขนาดใหญ่ ฉันค่อยๆหยิบขนนกออก


 


 


"นี่เธอเป็นกังวลเรื่องผมของเธอเหรอ" เขาเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ ในขณะที่ช่วยดึงขนนกออกจากผมของฉัน


 


"เธอจะไม่หัวเราะมันได้อย่างไรกันล่ะ มันดูงี่เง่ามากเลยเนี่ย"


 


เขาไม่ตอบ แต่ฉันก็รู้แล้วล่ะว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขารู้สึกมีอารมณ์ขันได้ในเวลานี้หรอก


 


 


"นี่มันไม่เวิร์คหรอก" ฉันถอนหายใจด้วยความเซ็ง "มันแห้งหมดแล้ว ฉันต้องพยายามล้างมันออกไปน่ะ" ฉันหมุนตัวกลับไปกอดเขาไว้ "เธออยากจะช่วยฉํนมั้ย"


 


 


"ฉันไปหาอะไรให้เธอทานดีกว่า" เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเงียบงัน และค่อยๆปลดแขนฉันออก ฉันถอนหายใจเมื่อเขาหายตัวไปอย่างรวดเร็ว


 


 


ดูเหมือนว่าฮันนีมูนของเราจะจบลงแล้ว ฉันรู้สึกจุกอยู่ที่คอ


 


เมื่อฉันเกือบจะไม่มีขนนกอยู่บนตัวแล้ว ฉันก็เริ่มแต่งตัวด้วยชุดผ้าฝ้ายสีขาว ปกปิดรอยช้ำสีม่วงๆบนร่างกาย และเดินด้วยเท้าเปล่าไปในที่ที่ฉันได้กลิ่นไข่ เบคอน และชีส


 


Edward ยืนอยู่หน้าเตา กำลังทอดไข่ในกะทะ กลิ่นของอาหารทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ฉันรู้สึกราวกับว่าตัวเองจะกินกะทะและจานก็ยังได้


 


 


"นี่" เขายิ้มให้ฉัน พร้อมกับส่งจานที่มีอาหารมาให้


 


 


ฉันนั่งอยู่ตรงหน้าไข่ดาวที่พึ่งสุกใหม่ๆ ฉันกินมันเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนว่าคอของฉันจะพองขนาดไหน


 


เขานั่งลงตรงข้ามฉัน "ฉันไม่ได้ให้เธอทานอาหารอย่างเพียงพอเลย"


 


ฉันกลืนอาหารลงไป และบอกเขาไปว่า "ฉันหลับไปต่างหาก นี่ รสชาติดีมากเลยนะ สำหรับคนที่ไม่เคยทานอะไรอย่างเธอ"


 


"เครือข่ายอาหารน่ะ" เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันชอบที่สุด


 


ฉันมีความสุขที่ได้เห็นมัน มีความสุขที่เขาเริ่มกลับเป็นปกติอีกครั้ง


 


 


"ไข่มาจากไหนกันเหรอ"


 


"ฉันบอกให้คนทำความสะอาดซื้อเก็บไว้ในครัวน่ะ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องให้พวกเขาจัดการกับขนนกซะก่อน" ฉันไม่ได้มีปฏิกริยาอะไร เพราะฉันไม่ต้องการทำให้เขารู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีก


 


"ขอบคุณนะ" ฉันบอกเขา โน้มตัวไปจูบเขา เขาจูบฉันกลับอย่างอัตโนมัติ และแล้วก็ถอนตัวออกไป


 


ฉันมองเขาด้วยความขัดใจ และตัดสินใจถามเขา น้ำเสียงของฉันดูเหมือนการกล่าวหาเขาซะมากกว่า "เธอจะไม่แตะต้องฉันอีกเลยใช่มั้ย"


 


เขารั้งรอ และทำเป็นยิ้มให้ฉัน พร้อมกับยื่นมือมาปัดแก้มฉันเบาๆ


 


"เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"


 


เขาถอนหายใจและลดมือลง "เอาเป็นว่า เธอพูดถูกล่ะกัน" และเขาก็พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น "ฉันจะไม่มีอะไรกับเธอจนกว่าเธอจะกลายเป็นแวมไพร์ ฉันจะไม่ทำร้ายเธออีกแล้ว"


 


 


 


 


 






Free TextEditor




 

Create Date : 19 มกราคม 2552   
Last Update : 19 มกราคม 2552 21:37:05 น.   
Counter : 701 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 5.1

5. ISLE ESME


 


"Houston เหรอ" ฉันเอ่ยถาม พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเราถึง Seattle


 


"แค่หยุดก่อนไปต่อน่ะ" Edward ทำให้ฉันมั่นใจด้วยรอยยิ้มนั้น


 


มันรู้สึกราวกับว่าฉันแทบไม่ได้นอนเลยเมื่อตอนที่เขาปลุกฉัน ฉันรู้สึกเพลียมากเมื่อเขาลากฉันผ่านอาคารผู้โดยสาร พยายามที่จะลืมตาขึ้นทุกครั้งที่กระพริบตา เขาพาฉันไปที่เคาท์เตอร์เพื่อเช็คอินไปไฟลท์ต่อไป


 


"ริโอ เดอจานิโรเหรอ" ฉันถามด้วยความรู้สึกกลัวเล็กน้อย


 


"ก็แค่ทางผ่านน่ะ" เขาบอกฉัน


 


ไฟลท์ที่จะไปอเมริกาใต้นั้นค่อนข้างยาว แต่ฉันก็รู้สึกสบายเต็มที่ในที่นั่งชั้น first class พร้อมด้วย Edward ที่โอบกอดฉันไว้ตลอดเวลา ฉันหลับไปและถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาจากในหน้าต่าง


 


เราไม่ได้อยู่ในสนามบินต่อเพื่อต่อไปไฟลท์อื่นอย่างที่ฉันคาดไว้ แต่เรากลับขึ้นแท๊กซี่ นั่งผ่านไปตามความมืดมิดของถนนริโอยามค่ำคืน ฉันไม่เข้าใจคำพูดของ Edward ที่พูดกับคนขับ เพราะว่ามันเป็นภาษาโปรตุเกส ฉันเดาว่าเราคงจะได้พักที่โรงแรมสักแห่งก่อนจะเดินทางต่อ แท๊กซี่ยังคงขับต่อไปเรื่อยๆจนถึงบริเวณชานเมืองด้านตะวันตกที่ติดกับมหาสมุทร


 


เราหยุดที่ท่าเรือ


 


Edward พาฉันเดินไล่ไปตามแถวของเรือยอร์ชสีขาวจำนวนมากที่จอดลอยอยู่เหนือน้ำ แต่เขากลับหยุดอยู่ที่เรือที่ลำเล็กและเพรียวลมกว่าอันอื่น เห็นได้ชัดว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้สามารถไปถึงที่หมายได้ในเวลาอันรวดเร็วมากกว่าความกว้างใหญ่ของตัวเรือ แต่มันก็ยังคงหรูหราและสวยงามกว่าลำอื่นๆ เขาวางกระเป๋าใบใหญ่ไว้บนท่าเรือ และหันมาช่วยฉันให้ข้ามไปในเรือได้


 


ฉันมองเขาอย่างเงียบๆ ในขณะที่เขากำลังเตรียมเรือเพื่อจะออกจากฝั่ง ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เขาดูท่าทางคล่องแคล่วกับสิ่งที่เขาทำ เพราะว่าเขาไม่เคยเอ่ยถึงความสนใจในการขับเรือมาก่อน แต่ก็นั่นแหล่ะ เขาเก่งในทุกๆเรื่องจริงๆ


 


ในขณะที่เรามุ่งหน้าไปสู่ทิศตะวันออกของมหาสมุทร ฉันก็ทบทวนความรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศในหัวของฉัน เท่าที่ฉันจำได้ ถ้าไปทางตะวันออกของบราซิลอีกไม่มาก ก็จะถึงแอฟริกา


 


แต่ Edward ขับเรือพุ่งไปข้างหน้า ในขณะที่แสงไฟจากเมืองริโอค่อยๆเลือนหายไป และจางหายไปในที่สุดอยู่เบื้องหลังเรา บนหน้าของเขามีรอยยิ้มที่แสนจะคุ้นเคย รอยยิ้มที่เกิดมาจากความสนุกเมื่อเขาได้ปะทะกับความเร็วเช่นนี้ เรือพุ่งตรงไปข้างหน้าปะทะกับคลื่น และตัวฉันเองก็เปียกปอนไปด้วยน้ำทะเลที่สาดกระเด็นขึ้นมา


 


 


ในที่สุด ฉันก็ทนไม่ไหว เลยถามเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า


 


"เราจะไปกันอีกไกลมั้ย"


 


มันไม่เหมือนเขาเลยที่จะลืมว่าฉันเป็นมนุษย์ แต่ฉันก็ยังคงสงสัยว่าเราจะอยู่บนเรือลำนี้กันไปอีกนานสักเท่าไร  


 


"ประมาณครึ่งชั่วโมงน่ะ" เขาหันมาที่ฉัน และอมยิ้ม


 


อ๋อ ก็ดีนะ ฉันคิดกับตัวเอง ยังไงเขาก็เป็นแวมไพร์ บางทีเราอาจจะไปมหาสมุทรแอดแลนติกก็เป็นได้


 


 


20 นาทีต่อมา เขาเรียกชื่อฉันท่ามกลางเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม


 


"Bella ดูนี่สิ" เขาชี้ตรงไปข้างหน้า


 


ในตอนแรก ฉันเห็นแต่ความคืด แต่เมื่อแสงจันทร์พาดผ่านคลื่นทะเล เงานั้นก็เริ่มชัดเจนขึ้น ... สามเหลี่ยมที่ออกจะดูผิดปกติไปสักเล็กน้อย เมื่อด้านหนึ่งยาวกว่าด้านอื่นๆ เมื่อเราเข้าไปใกล้ขึ้น ฉันก็เริ่มเห็นตัวเกาะ ...​เกาะเล็กๆอยู่บนผิวน้ำ ที่ชายหาดเต็มไปด้วยต้นปาล์ม และแสงจากดวงจันทร์สาดส่อง


 


 


"นี่เราอยู่ไหนกันเหรอ" ฉันพึมพำด้วยความสงสัย ในขณะที่เราเดินทางไปที่ด้านเหนือสุดของเกาะ


 


เขาได้ยินฉันทั้งๆที่เสียงเครื่องยนต์ดังมาก และยิ้มกว้างให้ฉันท่ามกลางแสงจันทร์


 


 


"ที่นี่คือ Isle Esme"


(เกาะส่วนตัวของ Carlisle กับ Esme ชื่อของเกาะจึงตั้งตามชื่อของทั้งสองคน)


 


 เรือค่อยๆเคลื่อนตัวช้าลง และสุดท้ายก็ไปจอดที่ท่าเรือเล็กๆที่สร้างจากไม้ เขาดับเครื่องยนต์ และความเงียบสงัดก็เข้ามาแทนที่ชัดเจนมากขึ้น อากาศช่างอบอุ่นและชุ่มชื้น เหมือนกับเราบรรยากาศภายในห้องน้ำหลังจากอาบน้ำอุ่นเสร็จใหม่ๆ


 


"Isle Esme" ฉันเอ่ยทวนชื่อซ้ำอย่างเบาๆ แต่ก็ยังดังอยู่ดีเนื่องด้วยตอนนี้ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย


 


"ของขวัญจาก Carlisle กับ Esme ทั้งสองคนเสนอให้เรายืมใช้มันน่ะ"


 


ของขวัญ ใครที่เขาให้เกาะเป็นของขวัญกัน ฉันรู้ได้ทันทีว่า ความใจกว้างของ Edward เป็นสิ่งที่ถูกตกทอดมานั่นเอง


 


เขาวางกระเป๋าเดินทางไว้ที่ท่าเรือ และหันกลับมารับตัวฉัน ... ยิ้มให้ฉันอย่างที่เคยเป็น


 


แต่แทนที่เขาจะเอื้อมมาจับมือฉัน เขากลับอุ้มฉันไว้


 


"เธอควรจะรอให้เราถึงประตูก่อนไม่ใช่เหรอ" ฉันถามเขากลับไป ...​ โดยที่แทบไม่ได้หายใจ เขายกฉันอย่างง่ายดายออกจากเรือ


 


"ฉันคิดทุกอย่างอย่างรอบคอบแล้วน่า ฉันแค่ต้องการจะทำให้สมบูรณ์แบบก็แค่นั้นเอง" (I'm nothing if not thorough เป็นสำนวน)


 


มือหนึ่งก็ถือของ ส่วนอีกมือก็อุ้มฉันไว้ เขาแบกฉันออกจากท่าเรือ ไปสู่ทางเดินบนพื้นทรายท่ามกลางความมืดมิด


 


เราใช้เวลาเดินผ่านป่าเพียงชั่วครู่ และแล้วฉันก็เห็นแสงไฟอยู่ตรงหน้า จนถึงที่ฉันได้รู้ว่าแสงไฟนั้นมาจากบ้านหลังหนึ่ง ที่เป็นทรงสี่เหลี่ยม ประกอบด้วยหน้าต่างบานใหญ่ เมื่อเราใกล้จะถึงประตูหน้านั้น ฉันก็เริ่มเกิดความรู้สึกประหลาด รุนแรงกว่าตอนที่ฉันคิดว่าเรากำลังจะไปโรงแรมเสียอีก


 


 


หัวใจของฉันเต้นแรง และลมหายใจเหมือนจะติดอยู่ในลำคอ ฉันรู้สึกได้ว่า Edward กำลังมองหน้าฉันอยู่ แต่ฉันกลับหลบสายตาเขา ฉันกลับจ้องไปข้างหน้าทั้งๆมองไม่เห็นอะไร 


 


 


เขาไม่ได้ถามว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งมันเหมือนไม่ใช่บุคลิกของเขาเลย ฉันเดาว่า เขาก็คงจะรู้สึกหวั่นวิตกเหมือนที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้เช่นกัน


 


 


เขาวางกระเป๋าเดินทางลงข้างๆ เพื่อเปิดประตู ....​ประตูนั้นไม่ได้ถูกล๊อคเอาไว้


 


 


Edward มองลงมาที่ฉัน รอจนกระทั่งฉันมองกลับไปที่เขา ก่อนที่เราจะก้าวเข้าไปในบ้าน


 


 


เขาอุ้มฉันไปรอบบ้าน เราทั้งคู่ต่างไม่มีใครส่งเสียง เขาค่อยๆเปิดไฟตามทางที่ตัวเองเดินผ่าน ความประทับใจของฉันต่อบ้านหลังนี้คือขนาดของมัน ...​ฉันคิดว่าบ้านหลังนี้ใหญ่ทีเดียวแต่ก็ยังเล็กอยู่ดีเมื่อเทียบกับเกาะทั้งเกาะ แต่ฉันกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด สีที่ใช้ตกแต่งบ้านก็ยังคงเป็นสีโทนอ่อนอย่างที่พวก Cullen ชอบ ฉันไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ เสียงชีพจรที่เต้นอย่างรุนแรงหลังหูของฉันทำให้ทุกอย่างดูเบลอไปหมด


 


 


 


และแล้ว Edward ก็หยุดเดิน เมื่อเปิดไฟดวงสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย


 


 


ห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก และประกอบไปด้วยโทนสีขาว หน้าต่างส่วนใหญ่เป็นกระจก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับแวมไพร์ ด้านนอกแสงจันรทร์สาดส่องพื้นทรายสีขาวและเกลียวคลื่ย ห่างจากบ้านไปเพียงไม่กี่หลา แต่ฉันก็แทบไม่ได้สังเกตมันเลย ความสนใจของฉันกลับพุ่งตรงไปที่เตียงสีขาวขนาดใหญ่มหึมาที่วางอยู่ตรงกลางห้อง ที่ถูกขึงรอบด้วยมุ้งลวดกันยุง


 


Edward ปล่อยฉันลงในที่สุด


 


 


"เอ่อออ เดี๋ยวฉันไปเอากระเป๋านะ"


 


 


บรรยากาศในห้องอุ่นจนเกินไป และดูร้อนกว่าอากาศข้างนอก ฉันค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ จนกระทั่งสัมผัสกับมุ้งลวด เพื่อให้แน่ใจว่านี่เป็นเรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝันไป


 


 


ฉันไม่ได้ยินเสียงใดๆจาก Edward แต่ทันใดนั้นเอง นิ้วของเขาก็มาอยู่ตรงด้านหลังของคอฉัน ปัดเหงื่อของฉันทิ้งไป 


 


 


"ที่นี่อากาศร้อนนิดหน่อยนะ" เขาเอ่ยอย่างขออภัย "แต่ฉันคิดว่า .... มันน่าจะเป็นการดีที่สุด"


 


 


"คิดรอบคอบแล้ว" ฉันพึมพำออกมา และเขาก็หัวเราะ แต่มันก็ฟังดูหวั่นวิตก หาได้ยากมากสำหรับ Edward ที่จะหัวเราะแบบนี้


 


 


"ฉันพยายามที่จะคิดให้ครอบคลุมทุกอย่าง เพื่อจะทำให้สิ่งนี้ง่ายขึ้น" เขายอมรับ


 


 


ฉันค่อยๆกลืนน้ำลาย และยังคงหลบหน้าเขา เคยมีฮันนีมูนแบบนี้ก่อนหน้านี้มั้ยนะ


 


 


ฉันรู้คำตอบดี คำตอบคือไม่ ไม่เคยมีหรอก


 


 


"ฉันแค่สงสัย" Edward เอ่ยอย่างแผ่วเบา "ถ้า ... ครั้งแรกของเรา .... เธออยากจะว่ายน้ำกับฉันตอนเที่ยงคืนมั้ย" เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเสียงของเขาดูผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อเขาเอ่ยต่อมา "น้ำน่าจะอุ่นพอสมควร น่าจะเป็นทะเลแบบที่เธอชอบนะ"


 


 


"ก็ฟังดูดีนะ" เสียงของฉันเริ่มแตกพร่า


 


"ฉันแน่ใจว่าเธอคงต้องการเวลาส่วนตัวแบบมนุษย์สักสองสามนาที ...​เราเดินทางมาไกลกันมาก"


 


 


ฉันรีบพยักหน้า แม้ฉันแทบจะไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์เลยก็ตามที แต่อย่างน้อยสองสามนาทีอาจจะช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้น


 


 


เขาจูบที่ต้นคอของฉัน บริเวณใต้หู เขาหัวเราะเบาๆ ลมหายใจที่แสนจะเย็นยะเยือกของเขาทำให้ฉันรู้สึกร้อนขึ้นมา


"อย่านานล่ะ Mrs.Cullen"


 


 


 


ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนั้น


 


 


ริมฝีปากของเขาซุกไซ้จากบริเวณลำคอมาถึงบ่าของฉัน "ฉันจะรอเธอในน้ำนะ"


 


 


 


เขาเดินผ่านฉันไปที่ประตูอีกด้านที่จะพาไปสู่ชายหาด ระหว่างทางเขาถอดเสื้อออก วางมันลงกับพื้น และแล้วก็เปิดประตูออกไปด้านนอก ลมทะเลพัดผ่านเข้ามาในห้องทันทีที่เขาเปิดประตู


 


 


นี่ผิวของฉันไหม้ไปแล้วเหรอ ฉันต้องไปเช็คหน่อยแล้ว ไม่นี่นา ไม่มีอะไรไหม้ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ที่เห็นได้น่ะ


 


 


ฉันต้องเตือนตัวเองให้หายใจ และแล้วก็มาจัดการกับกระเป๋าเดินทางที่ Edward เปิดไว้ให้แล้ว มีชุดสีขาวบางเบาวางอยู่ด้านบนสุด นั่นน่าจะเป็นของฉัน เพราะว่ากระเป๋าใส่ของกระจุกกระจิกของฉันวางอยู่ทางด้นขวาบนสุด


 


ฉันเห็นสีชมพูเต็มไปหมด แต่ไม่มีสิ่งใดที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นเสื้อผ้าเลย ฉันพยายามไล่หาเสื้อผ้าตามกองที่มันถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบ มองหาอะไรที่คุ้นเคยและดูใส่สบาย แต่แล้วฉันก็ได้รู้ว่า มันมีแต่ชุดซาตินบางเบา และชุดชั้นใน ที่ดูเป็นชุดชั้นในมากๆ


 


 


ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่สักวันหนึ่ง Alice ต้องชดใช้มันอย่างแน่นอน


 


 


อ่า ยอมแพ้ดีกว่า ฉันเข้าไปในห้องน้ำ แอบมองจากหน้าต่างไปทางชายหาด แต่ฉันก็ไม่พบเจอเขา ฉันเดาว่าเขาคงจะอยู่ที่นั่น อยู่ในน้ำ


ท้องฟ้าเบื้องหน้า ดวงจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวง ส่องแสงพาดผ่านทรายสีอ่อน มีอะไรขยับเล็กน้อยใต้ต้นปาล์มในความมืด ในขณะที่เสื้อผ้าทั้งหมดของเขาวางไว้ในที่แสงจันทร์สาดส่อง


 


ฉันเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาอีกครั้ง


 


 


ฉันสูดลมหายใจเข้าออกสองสามครั้ง แล้วก็ไปส่องกระจก ทำให้ได้รู้ว่า ฉันดูเหมือนคนที่นอนหลับมาทั้งวันบนเครื่องบิน ฉันเริ่มหวีผม แปรงฟันสองครั้ง ล้างหน้าและเอาน้ำราดบริเวณหลังคอที่ฉันรู้สึกร้อนรุ่มราวกับเป็นไข้ นั่นทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ฉันล้างมือ และสุดท้ายก็ตัดสินใจยอมแพ้และอาบน้ำทั้งตัว ฉันรู้ดีว่ามันงี่เง่ามากที่จะมาอาบน้ำก่อนว่ายน้ำ แต่ฉันก็ต้องทำให้ตัวเองใจเย็นลง และน้ำร้อนก็เป็นสิ่งเดียวที่พึ่งพาได้ในตอนนี้


 


 


 


 


เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉันคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ และนุ่งมันออกมาจากห้องน้ำ


 


 


และแล้วฉันก็เผชิญกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ที่ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะเจอ แล้วฉันจะใส่อะไรกันล่ะ ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำแน่นอน แต่มันก็ดูงี่เง่าอีกเช่นกันที่จะใส่เสื้อผ้าลงไปเล่นน้ำ ฉันไม่ต้องการคิดถึงสิ่งที่ Alice แพคมาให้ฉันเลย


 


 


ลมหายใจของฉันเริ่มเร่งจังหวะขึ้นอีกครั้ง และมือของฉันเริ่มเหงื่อแตก มากซะจนไม่น่าจะใช่ผลจากการที่ฉันพึ่งอาบน้ำเสร็จ ฉันเริ่มรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย และก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวสุดๆ ฉันนั่งลงที่พื้นและวางศีรษะลงบนหัวเข่า ฉันภาวนาไม่ให้เขากลับมาตามหาฉันก่อนฉันจะเรียกตัวสติตัวเองกลับคืนมาได้ ฉันไม่อยากคิดเลยว่าเขาจะคิดยังไงเมื่อเห็นฉันในสภาพนี้ มันไม่ยากเลยที่จะทำให้เขาเชื่อว่า เรากำลังจะทำความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ด้วยกัน


 


 


และฉันก็ไม่ได้กำลังจะบ้า เพราะว่าเรากำลังจะทำพลาด ไม่ใช่เลย ฉันกำลังจะบ้าเพราะว่าฉันไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี ฉันกลัวที่จะเดินไปกลับไปที่ห้อง และเผชิญหน้ากับอะไรก็ไม่รู้ โดยเฉพาะชุดชั้นในพวกนั้น ฉันรู้ดีว่าฉันยังไม่พร้อมสำหรับชุดชั้นในพวกนั้นเลย


 


 


ฉันรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังเดินไปที่หน้าโรงหนังที่มีคนนับพันยืนเข้าแถวอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าแถวของฉันอยู่ไหน


 


 


คนอื่นๆเขาทำกันอย่างไรนะ กล้ำกลืนความกลัวของตัวเอง


ถ้าคนที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่ Edward ถ้าฉันไม่รู้ตัวเลยว่าทุกอณูในร่างกายของฉันรับรู้ว่า เขารักฉันมากเท่ากับที่ฉันรักเขา รักอย่างไม่มีเงื่อนไข รักอย่างไร้เหตุผลแล้ว ฉันก็คงไม่สามารถลุกขึ้นจากพื้นได้อย่างนี้


 


 แต่นี่คนที่อยู่ข้างนอกคือ Edward ฉันกระซิบบอกตัวเองว่า "อย่าขี้ขลาดเลยน่า" ฉันขมวดผ้าขนหนูให้แน่นขึ้นและเดินออกจากห้องน้ำ ผ่านกระเป๋าเดินทางโดยไม่มองของในนั้นอีก เดินออกไปชายหาดด้านนอก


 


 


ทุกอย่างมีเพียงแต่สีขาวและสีดำ ไร้สีสรรท่ามกลางแสงจันทร์ ฉันเดินอย่างช้าๆและหยุดลงตรงต้ไม้ที่ที่เขาทิ้งเสื้อผ้าไว้ ฉันเช็คลมหายใจของตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่าฉันยังหายอยู่ หรืออย่างน้อยก็คือมีอากาศอย่างเพียงพอ


 


 


ฉันมองหาเขาในความมืด


 


 


และมันก็ไม่ยากเลยที่จะหาเขา เขายืนหันหลังให้ฉัน น้ำอยู่ระดับเอวของเขา แสงจันทร์ทำให้ผิวของเขากลายเป็นสีขาวเหมือนกับทราย เหมือนพระจันทร์ และทำให้ผมสีดำของเขาเหมือนกับมหาสมุทร เขายืนอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว คลื่นพัดผ่านเขาไปราวกับว่าเขาเป็นหิน ฉันมองไปที่แผ่นหลังที่แสนจะเนียนของเขา ไหล่ แขน คอ รูปร่างอันแสนจะงดงาม


 


 


ฉันไม่รู้สึกร้อนรุ่นอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกนิ่งมากขึ้น ความงุ่มง่าม ความอายค่อยๆจางหายไป ฉันปลดผ้าขนหนูออกอย่างไม่รีบร้อน วางมันไว้ที่ต้นไม้ และเดินไปที่แสงจันทร์สีขาว ที่ทำให้ผิวของฉันซีดขาวราวกับทรายเช่นเดียวกัน 


 


 


ฉันแทบไม่ได้ยินเสียงเท้าของตัวเองเมื่อเดินไปในน้ำ แต่ฉันเดาได้ว่าเขาคงได้ยิน Edward ไม่ได้หันหลังกลับมา ฉันปล่อยให้ความอ่อนนุ่มของน้ำปกคลุมไปทั่วนิ้วเท้าของฉัน เขาพูดถูกเรื่องอุณหภูมิ น้ำทะเลอุ่นมากราวกับน้ำอุ่นที่เราใช้อายน้ำ ฉันก้าวไปข้างหน้า ค่อยๆเดินอย่างระมัดระวัง แต่จริงๆไม่จำเป็นต้องระวังอะไรเลย เพราะทรายที่นี่นุ่มมาก และแล้วฉันก็ถึงตัว Edward 


 


 


ฉันค่อยๆวางมือลงบนมือของเขาที่ลอยอยู่เหนือน้ำ


 


 


 


"สวยเหลือเกิน" ฉันเอ่ยออกมาเมื่อมองดวงจันทร์


 


 


"แน่นอน" เขาตอบ และค่อยๆหันหน้ามามองฉัน คลื่นน้ำเคลื่อนไหวเล็กน้อยเมื่อเขาเคลื่อนไหว ตาของเขาออกจะเป็นสีเงินเมื่อเทียบกับใบหน้าของเขาในตอนนี้ เขายกมือขึ้นเพื่อที่จะได้ยกมือของเราพ้นผิวน้ำ มันอุ่นเพียงพอที่จะไม่ทำให้ฉันสั่นจากความเย็นจากผิวกายเขา


 


 


 


"ฉันคงจะไม่ใช้คำว่า สวย กับดวงจันทร์ในคืนนี้หรอกนะ" เขาเอ่ยต่อไปว่า "ไม่แน่นอน เมื่อมีเธอยืนอยู่ตรงนี้" 


 


 ฉันยิ้ม และก็ยกมืออีกข้างวางลงบนหัวใจของเขา ผิวขาวจากมือของฉันกับกายของเขา อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งล่ะที่เราเข้ากัน ลมหายใจของเขาสะดุ้งเล็กน้อยกับสัมผัสของฉัน ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดขึ้นมา


 


 


"ฉันสัญญาว่าเราจะพยายามมันไปด้วยกัน" เขากระซิบ แต่แล้วก็เสียงเครียดไป "ถ้าฉันทำอะไรผิดล่ะ ถ้าฉันทำร้ายเธอ เธอต้องบอกฉันทันทีนะ"


 


 


ฉันพยักหน้ารับ สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่เขา ฉันก้าวไปข้างหน้าและซบลงไปที่อกของเขา


 


 


 


 


 


 


"อย่ากลัวไปเลย" ฉันพึมพำ "เราเป็นของกันและกัน"


 


 


 


 


ฉันรู้สึกยินดีเหลือเกินกับคำพูดของตัวเอง ช่วงเวลานั้นสุดแสนจะสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องสงสัยมันอีกต่อไป


 


 


 


 


เขาโอบกอดฉันไว้ ...​ฤดูร้อนและฤดูหนาว ...​มันรู้สึกราวกับว่าทุกประสาทสัมผัสในร่างกายฉันแปรเปลี่ยนกลายเป็นสายไฟฟ้า


 


 


 


 


 


 


"ตลอดกาล" เขาเอ่ยอย่างเห็นด้วย และแล้วก็ดึงเราทั้งคู่ลงไปในน้ำ....ที่ลึกมากขึ้น


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 






 

Create Date : 18 มกราคม 2552   
Last Update : 18 มกราคม 2552 22:13:12 น.   
Counter : 610 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 4.2

Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 4.2


"เป็นไงบ้าง Bella"





ฉันรีบผวาไปทางเสียงของเขา Edward จับข้อศอกของฉันไว้แน่นจนกระทั่งมือคู่หนึ่งจับมือของฉันไว้ท่ามกลางความมืดมิด ความร้อนจากผิวหนังของ Jacob แผ่ออกมาที่ชุดของฉัน เมื่อเขาดึงฉันเข้าไปใกล้





เขากอดฉันไว้แน่นเมื่อฉันซบหน้าลงบนแผ่นอกของเขา เขาโน้มตัวลงมาเพื่อจะได้วางแก้มตัวเองลงบนศีรษะของฉัน





"Rosalie คงจะไม่ให้อภัยฉันแน่ ถ้าเธอไม่ได้เต้นรำกับฉันในวันนี้" Edward พึมพำเบาๆ และฉันรู้ดีว่า เขากำลังจะผละไป ...​ เขาให้ของขวัญวันแต่งงานฉัน ด้วยการให้ฉันได้ใช้ช่วงเวลานี้กับ Jacob





"โอ้ Jacob" ฉันร้องไห้ออกมา ฉันไม่สามารถเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกไปได้อย่างชัดเจน "ขอบคุณมากนะ"





"หยุดร้องไห้ได้แล้ว Bella เธอกำลังจะทำชุดเธอพังนะ นี่แค่ฉันเอง"





"แค่เหรอ Jake ตอนนี้ทุกอย่างเพอร์เฟ็คต์แล้ว"





เขาบ่นพึมพำ "แน่สิ งานปาร์ตี้เริ่มได้แล้ว เพราะในที่สุด best man ก็มา"





(ปกติแล้วตามธรรมเนียมฝรั่ง ฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะเลือก best man เป็นตัวแทนพูดอะไรสั้นๆเกี่ยวกับคนทั้งคู่ ในงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงาน"





"ตอนนี้ทุกคนที่ฉันรักได้มาอยู่ที่นี่แล้ว"





ฉันรู้สึกได้ว่าริมฝีปากของเขาอยู่ที่เรือนผมของฉัน "ขอโทษทีนะที่ฉันมาสาย ที่รัก"





"ฉันแค่รู้สึกดีมากๆเลยที่เธอมา"





ฉันเหลียวมองไปในหมู่แขกเหรื่อ แต่ไม่อาจมองผ่านผู้คนที่กำลังเต้นรำกันอยู่ เพื่อจะได้เห็นตรงจุดที่ฉันได้พบกับพ่อของ Jacob ครั้งสุดท้าย ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน "Billy รู้มั้ยว่าเธออยู่ที่นี่" ทันทีที่ฉันถาม ฉันก็รู้ได้เองเลยว่า เขาต้องรู้แน่นอน นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่อธิบายถึงท่าทีผ่อนคลายของเขาเมื่อสักครู่





"ฉันแน่ใจว่า Sam คงบอกพ่อแล้ว ฉันคงจะไปพบเขาเมื่อ...เมื่องานเลิก"





"เขาคงจะดีใจมากที่เธอกลับบ้านนะ"





Jacob ผละตัวออก เหลือแต่มือข้างหนึ่งที่ยังคงโอบหลังฉันไว้ และอีกข้างจับมือขวาฉันไว้แน่น เขาค่อยๆเลื่อนมือของเราที่จับกันไว้ไปที่หัวใจของเขา ฉันรู้สึกได้ทันทีถึงเสียงหัวใจใต้ฝ่ามือ ฉันเดาว่าเขาคงตั้งใจจะวางมือฉันไว้ตรงนั้น





"ฉันไม่รู้ว่าฉันจะได้อะไรมากมายไปกว่า การได้เต้นกับเธอในเพลงนี้" เขาเอ่ยออกมา และเริ่มที่จะดึงฉันหมุนเป็นวงกลม ซึ่งไม่ได้เข้ากับจังหวะของเพลงเลย "ฉันน่าจะทำมันให้ดีที่สุด"





เราเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเต้นหัวใจของเขาภายใต้มือของฉัน





"ฉันดีใจนะที่ได้มา" Jacob เอ่ยด้วยเสียงอันแผ่วเบา "ฉันไม่คิดว่าตัวเองควรจะมา แต่ฉันก็รู้สึกดีใจมากที่ได้มาเจอเธอ ... เจอเธออีกครั้ง ไม่โศกเศร้าอย่างที่ฉันคิดเอาไว้"





"ฉันไม่อยากให้เธอโศกเศร้า"





"ฉันรู้ และฉันไม่ได้มาในคืนนี้เพื่อทำให้เธอรู้สึกผิดนะ"





"ไม่ เธอทำให้ฉันมีความสุขมาก มันเป็นของขวัญที่ดีทีี่สุดที่เธอให้ฉันเลยรู้มั้ย"





เขาหัวเราะ "เหรอ แต่ก็ดีแล้วนะ เพราะฉันไม่มีเวลาหาของขวัญจริงๆมาให้เธอ"





ตาของฉันเริ่มเคยชินกับความมืด และทำให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเขาในที่สุด เขาสูงขึ้นมากกว่าที่ฉันคิดไว้ ที่เขายังคงโตขึ้นอีกเหรอ เขาน่าจะสูงใกล้เจ็ดฟุตแล้วสินะ หลังจากผ่านเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวง ฉันรู้สึกดีขึ้นที่ได้เห็นลักษณะที่คุ้นเคยอีกครั้ง ตาของเขาภายใต้ขนตาสีดำ โหนกแก้มสูง ริมฝีปากของเขาที่มีฟันขาวสดใสอยู่ในนั้น รอยยิ้มที่เข้ากับบุคลิกของเขา


ตาของเขาดูเหมือนจะระแวดระวังภัย ...​แน่สิ คืนนี้เขาจะต้องระวังตัวเป็นอย่างดี เขาทำทุกอย่างที่สามารถจะทำได้ เพื่อให้ฉันมีความสุข และมันก็แสดงให้เห็นว่า เขาต้องเสียสละมากมายขนาดไหน





ฉันไม่เคยทำอะไรดีพอเพื่อจะคู่ควรกับเพื่อนที่ดีอย่าง Jacob เลยจริงๆ





"เธอตัดสินใจที่จะกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ"





"แบบมีสติ หรือตามสัญชาตญาณล่ะ" เขาถอนหายใจอย่างหนักก่อนจะตอบคำถามของตัวเอง "ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ฉันเดาว่าฉันคงหลงวนไปมาในทิศทางนี้มาสักพักแล้วล่ะ และอาจจะเป็นเพราะว่าฉันมุ่งหน้ามาทางนี้ก็ได้ แต่กว่าฉันจะเริ่มวิ่งก็เป็นเวลาตอนเช้าแล้ว ฉันไม่รู้เลยว่าจะมาทันมั้ย" เขาหัวเราะ "เธอคงจะไม่เชื่อแน่ๆว่าฉันรู้สึกแปลกขนาดไหนที่ได้มายืนอยู่บนสองขาอีกครั้ง และเสื้อผ้านี่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้นไปอีก ฉันแทบไม่ได้สัมผัสกับวิถีแบบมนุษย์เช่นนี้เลย"





เราหมุนตัวอย่างช้าๆ





"มันคงจะน่าเสียดายมากนะ ที่ไม่ได้เห็นเธอในชุดนี้ มันคุ้มแล้วล่ะที่ฉันได้มาอยู่ตรงนี้ เธอดูสวยมาก Bella แทบไม่น่าเชื่อเลย"





"Alice ลงทุนลงแรงกับฉันไปเยอะมากวันนี้ และอีกอย่าง ที่นี่มันก็มืดด้วย มันช่วยน่ะ"





"มันไม่มืดสำหรับฉัน เธอเองก็รู้ดี"





"อ่อ ใช่สิ" สัญชาตญาณของมนุษย์หมาป่า แสนจะง่ายดายเหลือเกินที่จะลืมสิ่งที่เขาสามารถทำได้ เพราะในตอนนี้เขาดูเหมือนมนุษย์มากๆ





"เธอตัดผมเหรอ" ฉันพึ่งสังเกตเห็น





"ใช่แล้ว มือของเราถึงสามารถวางอยู่ตรงหัวใจฉันได้ไง"





"ทรงผมเธอดูดีเลยนะ" ฉันโกหก





"อ๋อ เหรอ นี่ฉันทำเองเลยนะ ใช้ที่ตัดขนในห้องครัวน่ะ" เขายิ้มกว้างให้ฉัน แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆจางหายไป "เธอมีความสุขมั้ย Bella"





"มีสิ"





"โอเค" ฉันรู้สึกว่าไหล่ของเขาตั้งขึ้น "นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด"





"แล้วเธอล่ะเป็นไงบ้าง Jacob"





"ฉันสบายดี Bella จริงๆนะ เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันแล้วล่ะ แล้วก็เลิกสืบเรื่องฉันจาก Seth ด้วย"





"ฉันไม่ได้โทรหาเขาเพราะว่าเรื่องเธอหรอกนะ ฉันชอบ Seth"





"เขาเป็นคนดี ดีกว่าบางคนในพวกของเรา ฉันบอกเธอเลยนะ ว่าถ้าฉันสามารถกำจัดเสียงที่อยู่ในหัวของฉันได้เนี่ย การเป็นมนุษย์หมาป่ามันจะเพอร์เฟ็คต์เลย"





ฉันหัวเราะ "ใช่สิ เธอไม่สามารถปิดกั้นใจเธอได้นิ"





"ในกรณีของเธอ นั่นหมายถึงว่าเธอกลายเป็นบ้าไปแล้ว แน่นอนว่า ฉันก็รู้ดีว่าเธอบ้า" เขาแหย่ฉันเล่น





"ขอบคุณนะ"





"ยังไงการทำตัวบ้าบอก็งจะง่ายกว่าการแบ่งปันความรู้สึกกันล่ะ ยังไงคนบ้าก็คงจะไม่ส่งพี่เลี้ยงเด็กไปเฝ้าดูพวกเขาหรอก"





"หา??"





"Sam อยู่ข้างนอกนั่น และบางคนด้วย เผื่อไว้ เธอก็รู้"





"เผื่อไว้เรื่องอะไรกัน"





"เผื่อไว้ในกรณีที่ฉันไม่สามารถจะทนให้มันอยู่ด้วยกันได้ ประมาณนั้น เช่นในกรณีที่ฉันตัดสินใจจะทำลายงานนี้ซะ" เขายิ้มให้ฉันแว๊บหนึ่ง ราวกับว่านั่นมันเป็นสิ่งที่ยั่วยวนเขาอย่างมาก "แต่ฉันไม่มาที่นี่เพื่อทำลายงานแต่งงานของเธอแน่ๆ Bella ฉันมาที่นี่เพื่อ...."





"เพื่อทำให้มันสมบูรณ์"





"ฉันแค่อยากมาที่นี่ ...​มาร่วมงานในฐานะเพื่อนของเธอ Bella เพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ อย่างน้อยก็เป็นครั้งสุดท้าย"





"Sam ควรจะเชื่อใจเธอหน่อยนะ"





"อ๋อ อาจจะนะ เพราะจริงๆแล้วฉันก็เป็นคนค่อนข้างอ่อนไหวง่ายน่ะ แต่จริงๆแล้วการที่พวกเขามา เพราะอาจจะต้องการมาจับตาดู Seth ก็ได้ ที่นี่มีแวมไพร์เยอะมากๆ Seth อาจจะไม่ได้ตรึกตรองถึงเรื่องนี้ให้ดีเท่าไรนัก"





"Seth รู้ดีว่า เขาจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ เขาเข้าใจพวก Cullens ดีกว่า Sam อีก"





"อ่อ แน่นอนอยู่แล้ว" Jacob เอ่ยออกมา พยายามสงบศึกก่อนที่จะมาสู้รบกัน





มันแปลกเหลือเกินที่เขาทำตัวราวกับเป็นคนกลางมาเจรจา





"ฉันขอโทษนะ"





"มันไม่ได้แย่หรอก ฉันแค่อยากจะบ่นๆนิดหน่อย"





"เธอ .... มีความสุขมั้ย"





"เกือบแล้วล่ะ แต่ก็เพียพงพอแล้วสำหรับฉัน เธอเป็นนางเอกของงานนะวันนี้"​ เขาหัวเราะเบาๆ "ฉันพนันว่าเธอคงจะชอบมัน...การเป็นจุดสนใจของทุกคน"





"ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้รับการสนใจเท่าที่ควรเลย"





เขาหัวเราะ และแล้วก็มองข้ามศีรษะฉันไป ... เขามองดูงานปาร์ตี้ที่ถูกจัดขึ้นด้านหลังฉัน





"พวกเขารู้วิธีที่จะจัดงานปาร์ตี้จริงๆ"





"มันเป็นธรรมชาติของ Alice น่ะ"





เขาถอนหายใจ "เพลงจบแล้ว เธอคิดว่าฉันจะได้รับเกียรติต่ออีกสักเพลงมั้ย หรือว่าฉันเรียกร้องมากเกินไป"





ฉันจับมือเขาแน่นขึ้น "เธอจะเต้นรำกับฉันเท่าไหร่ก็ได้ ตราบใดที่เธอยังต้องการ"





เขาหัวเราะ "นั่นมันน่าสนใจมาก Bella แต่ฉันคิดว่า ฉันคงจะขอแค่สองล่ะกัน"





เราหมุนเป็นวงกลมอีกครั้งหนึ่ง





"เธอคิดว่า ฉันจะสามารถเอ่ยลาเธอตอนนี้ได้มั้ย" เขาพึมพำเบาๆ





ฉันพยายามจะที่จะกลืนก้อนที่จุกอัดอยู่ในบริเวณลำคอ แต่ฉันไม่สามารถบังคับมันได้เลย





Jacob มองมาที่ฉัน ...​ มองอย่างโศกเศร้า เขาเอานิ้วปัดที่แก้มฉันเบาๆ เพื่อเช็ดน้ำตาที่อยู่ตรงนั้น





"เธอไม่ควรที่จะร้องไห้ในวันนี้รู้มั้ย Bella"





"ใครๆก็ร้องไห้ในงานแต่งงานกันทั้งนั้น" ฉันเอ่ยออกไปทันที





"นี่คือสิ่งที่เธอต้องการใช่มั้ย"





"ใช่"





"งั้นก็ยิ้มสิ"





ฉันพยายาม เขาหัวเราะทันที





"ฉันพยายามที่จะจำเธอไปในแบบนี้ แสร้งทำเป็นว่า..."





"ว่าอะไรล่ะ ว่าฉันตายไปแล้วเหรอ"





เขากัดฟันแน่นทันที เขากำลังตัดสินใจอย่างลำบากว่า จะทำให้การปรากฏตัวในงานในวันนี้เป็นของขวัญสำหรับฉัน ไม่ใช่ "การตัดสิน" ฉัน


ฉันเดาได้เลยว่าเขาจะพูดว่าอะไร





"ไม่" ในที่สุดเขาก็ตอบ "แต่ฉันจะได้พบเธอที่เป็นอยู่แบบนี้ในความคิดของฉัน แก้มสีชมพู หัวใจเต้น สองเท้า ทั้งหมดนี่แหล่ะ"





ฉันเหยียบเท้าเขาให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้





"นี่สิ my girl" เขายิ้ม





เขากำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ก็เปลี่ยนใจไม่พูด ฟันกัดแน่นเพื่อไม่ให้คำพูดที่เขาไม่ต้องการจะเอ่ยได้เล็ดรอดออกมา





ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับ Jacob นั้นเคยเป็นไปอย่างง่ายดาย เป็นธรรมชาติราวกับเรากำลังหายใจ แต่ตั้งแต่ Edward กลับเข้ามาในชีวิตของฉัน ความสัมพันธ์นั้น ราวกับว่ามีความตึงเครียดเข้ามาแทนที่ การที่ฉันเลือก Edward ก็เหมือนกับการที่ฉันเลือกชะตาชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าการจบชีวิตของตัวเองเสียอีก ในสายตาของ Jacob





"มีอะไรเหรอ Jake บอกฉันสิ เธอบอกฉันได้ทุกเรื่องนะ"





"ฉัน...ฉันไม่มีอะไรจะบอกกับเธอ"





"ขอร้องล่ะ บอกมาเถอะ"





"ฉันไม่มีจริงๆ ... มีแต่คำถาม มีบางอย่างที่ฉันอยากให้เธอบอกกับฉัน"





"ถามฉันสิ"





เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งอย่างเคร่งเครียด แล้วก็ผ่อนลมหายใจออก "ฉันไม่ควรถามเธอ มันไม่สำคัญอะไรหรอก ฉันก็แค่สงสัยน่ะ"





เพราะว่าฉันรู้จักเขาดี ฉันจึงเข้าใจ





"มันไม่ใช่คืนนี้หรอก Jacob" ฉันกระซิบ





Jacob หมกมุ่นกับความเป็นมนุษย์ของฉันมากกว่า Edward เสียอีก เขาทะนุถนอมทุกๆจังหวะของการเต้นของหัวใจฉัน





"โอ้" เขาเอ่ยออกมา พยายามที่จะรู้สึกดีขึ้น "โอ้"





เพลงต่อไปเริ่มบรรเลงขึ้น แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้สังเกตเห็น





"เมื่อไหร่เหรอ" เขากระซิบ





"ฉันไม่รู้แน่นอนเหมือนกัน อาจจะอาทิตย์หรือสองอาทิตย์หน้านี่แหล่ะ"





เสียงของเขาเปลี่ยนทันที "ทำไมล่ะ รออะไรกันเหรอ"





"ฉันแค่ไม่อยากใช้ช่วงเวลาฮันนีมูนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นน่ะ"





"แล้วเธอจะใช้มันอย่างไรล่ะ เล่นหมากรุกเหรอ haha"





"ตลกเหลือเกินนะ"





"ล้อเล่นน่ะ Bell แต่จริงๆน่ะ ฉันไม่เข้าใจเลย เธอไม่สามารถที่จะมีฮันนีมูนจริงๆกับแวมไพร์ได้อยู่แล้ว ดังนั้นทำไมเธอไม่ยอมรับความจริงเสียล่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเลื่อนมันออกไป แต่อย่างน้อยมันก็เป็นข่าวดีนะ"





"ฉันจะไม่เลื่อนออกไปอีกแล้ว และ ใช่แล้ว ฉันสามารถมีฮันนีมูนจริงๆ ฉันทำอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการ อย่ายุ่ง!!"





เขาหยุดเต้นทันที ฉันสงสัยว่าเขาพึ่งจะสังเกตถึงดนตรีที่เปลี่ยนเพลงไปแล้ว แต่แล้วสายตาของเขาก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนก





"เธอว่าอะไรนะ"





"เกี่ยวกับอะไรล่ะ Jake ทำไมเหรอ"





"เธอหมายความว่ายังไง ฮันนีมูนจริงๆเหรอ ในขณะที่เธอยังเป็นมนุษย์อยู่เนี่ยนะ เธอล้อเล่นรึเปล่า Bella"





ฉันมองไปที่เขา "ฉันบอกแล้วไงว่า อย่ายุ่ง Jake นี่ไม่ใช่ธุระของเธอนะ ฉันไม่ควรที่จะคุยกับเธอเรื่องนี้ มันค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัว..."





มือที่แสนจะใหญ่ของเขาจับแขนของฉันไว้แน่น





"Jake ช่างมันเถอะ"





เขาเขย่าฉัน





"Bella เธอบ้าไปแล้วเหรอ เธอทำอะไรโง่ๆแบบนั้นไม่ได้นะ บอกฉันมาสิว่าเธอล้อเล่น"





เขาเขย่าฉันอีกครั้ง ...​แรงสะเทือนลึกไปถึงกระดูกของฉันเลยทีเดียว





"Jake หยุดนะ"





ความมืดเข้าปกคลุมโดยทันที





"เอามือของนายออกไปจากเธอเดี๋ยวนี้" เสียงEdward คมกริบราวกับมีด





หลัง Jacob มีเสียงพึมพำท่ามกลางความมืด





"Jake ถอยมานี่" Seth เตือนสติเขา "นายกำลังจะควบคุมตัวเองได้นะ"





สายตาของ Jacob ตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง





"นายกำลังจะทำร้ายเธอนะ ปล่อยเธอไปเถอะ" Seth กระซิบบอก





"เดี๋ยวนี้" Edward คำราม





Jacob ปล่อยมือ ทำให้เลือดที่แขนของฉันกลับมาหมุนเวียนอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะรู้สึกอะไรต่อไป มือที่แสนจะเยือกเย็นก็มาแทนที่มือที่ร้อนราวกับไฟ ลมพัดผ่านตัวฉันไป





ฉันกระพริบตา และเห็นว่า Edward ยืนเครียดอยู่ข้างฉัน ในขณะที่มีหมาป่าตัวใหญ่มากสองตัวยืนอยู่ระหว่างเขากับ Jacob ราวกับว่าเขาต้องการจะหย่าศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น





และ Seth ก็กำลังล๊อคตัว Jacob ไว้ ในขณะที่ Jake พยายามจะสลัดให้หลุด





"เอาน่า Jake ไปเถอะ"





"ฉันจะฆ่านาย" Jacob เอ่ยออกมา เสียงของเขาดุร้ายและน่ากลัว แต่ก็เบาราวกับเป็นเสียงกระซิบ สายตาของเขายังคงพุ่งตรงไปที่ Edward "ฉันจะฆ่านายด้วยตัวเอง ฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้เลย"





หมาป่าตัวที่ใหญ่ที่สุดคำรามออกมา





"Seth หลบไป" Edward เอ่ยบอก





Seth พยายามรั้งตัว Jacob เอาไว้ แต่ Jacob ไม่ยินยอม Seth จึงผลักเขาถอยหลังไปสักสองสามฟุต "อย่าน่า Jake ไปเถอะ"





Sam หมาป่าตัวที่ใหญ่ที่สุด เข้าร่วมกับ Seth เขาใช้ศีรษะตัวเองดันไปที่อกของ Jacob





ทั้งสามคน Seth พยายามลากตัว Jake อาละวาด Sam ผลักออกไป ....​ทั้งสามคนหายไปในความมืดมิด





หมาป่าอีกตัวหนึ่งจ้องมองไปที่พวกเขา ฉันไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใคร แต่ดูจากสีขนแล้ว ... น้ำตาลช๊อคโกแลต ... น่าจะเป็น Quil





"ฉันขอโทษนะ" ฉันกระซิบบอกหมาป่าตัวนั้น





"ทุกอย่างโอเคแล้ว Bella" Edward กระซิบบอกฉัน





หมาป่าจ้องไปที่ Edward สายตาของเขาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย Edward ก็ส่งสายตาที่เยือกเย็นกลับไปให้เช่นกัน และแล้วหมาป่าตัวนั้นก็ตัดสินใจหันหลังกลับและตามเพื่อนของมันไป





"โอเค" Edward บอกกับตัวเอง แล้วก็มองมาที่ฉัน "กลับไปในงานกันเถอะ"





"แต่ว่า Jake..."





"Sam จัดการได้อยู่แล้วล่ะ เขาไปแล้ว"





"Edward ฉันขอโทษมากๆเลยนะ ฉันนี่โง่จริงๆเลย"





"เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ"





"ฉันนี่พูดมากจริงๆเลย ฉันไม่น่าให้เขาถามอะไรแบบนั้นเลย ฉันคิดอะไรอยู่น่ะตอนนั้น"





"อย่ากังวลไปเลย Bella" เขาสัมผัสที่ใบหน้าของฉันอย่างแผ่วเบา "เราต้องกลับไปในงานก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็นว่าเราหายไปนะ"





ฉันพยักหน้ารับ ก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็น มีใครพลาดมันไปด้วยเหรอ





แล้วฉันก็คิดถึงเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันตระหนักได้ว่าการเผชิญหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นหายนะนี้อันที่จริงแล้ว มันช่างเงียบสงบและแสนสั้น





"ให้เวลาฉันสองวินาทีนะ" ฉันขอร้องเขา





ในใจฉันกำลังตื่นกลัวและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มันไม่สำคัญ ตอนนี้ที่สำคัญคือสภาพของฉัน ถ้าทำให้มันดูดี ก็คงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น





"ชุดของฉันล่ะ"





"เธอดูดี ทรงผมเธอก็ยังโอเคอยู่"





ฉันหายใจเข้าลึกๆสองครั้ง "โอเค งั้นไปเถอะ"





เขาพาฉันกลับในงานอีกครั้ง เมื่อเราผ่านแสงระยิบระยับมากมาย เราก็ทำตัวกลมกลืนเต้นรำเหมือนกับคู่อื่นๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น





ฉันมองไปที่แขกเหรื่อรอบๆ ไม่มีใครตกใจหรือตื่นกลัว เฉพาะพวกแวมไพร์เท่านั้นที่ดูจะเครียดเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเก็บซ่อนมันไว้เป็นอย่างดี Jasper กับ Emnett อยู่ใกล้กันมาก และฉันเดาว่า พวกเขาเกือบจะไปเผชิญหน้ากับพวกนั้น





"เธอ.."





"ฉันสบายดี ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันทำมันลงไป เกิดอะไรขึ้นกับฉัน"





"ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรอก Bella"





ฉันดีใจมากที่ได้เห็น Jacob มาร่วมงาน ฉันรู้ว่าเขาต้องเสียสละมากมายขนาดไหน แต่แล้วฉันก็ทำมันพัง ทำให้ของขวัญแปรเปลี่ยนกลายเป็นหายนะ ฉันควรจะถูกกักกันยิ่งนัก





แต่อย่างน้อยความโง่เขลาของฉัน มันก็ไม่ได้ทำลายอะไรในคืนนี้ ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในลิ้นชัก ล๊อคมันไว้ แล้วค่อยจัดการมันทีหลัง มีเวลาอีกมายในฉันได้ทบทวนตัวเองเกียวกับเรื่องนี้





"มันจบแล้ว" ฉันบอก Edward "คืนนี้ อย่าไปคิดถึงมันอีกเลยนะ"





ฉันคาดหวังว่าเขาจะรีบตอบรับโดยพลัน แต่แล้วเขากลับนิ่งเงียบไป





"Edward?"





เขาหลับตาและเลื่อนหน้าผากของตัวเองมาสัมผัสกับหน้าผากของฉัน​ "Jacob พูดถูกแล้ว ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย" เขากระซิบ





"เขาไม่เลยนะ" ฉันพยายามที่จะปรับสีหน้าให้ดูปกติ เมื่อเลื่อนสายตาไปที่กลุ่มเพื่อนของฉัน "Jacob เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีอคติมากเกินไปน่ะ"


เขาพึมพำอะไรเบาๆ ที่ฟังดูเหมือนกับว่า "น่าจะปล่อยให้ Jacob ฆ่าฉันเลยดีกว่าที่แม้แต่คิดอะไรแบบนั้น"





"หยุดเดี๋ยวนี้นะ" ฉันเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง ฉันจับหน้าของเขาไว้จนกระทั่งเขาลืมตาขึ้นมา "เธอกับฉัน นี่เป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่สำคัญ สิ่งเดียวที่เธออนุญาตให้คิดถึงได้ในตอนนี้ เธอได้ยินฉันมั้ย"





"ได้ยินสิ" เขาถอนหายใจ





"ลืมไปซะว่า Jacob มางานนี้" ฉันสามารถทำได้ ฉันจะต้องทำให้ได้ "เพื่อฉัน สัญญาสิว่าเธอจะลืมมันไปซะ"





เขาจ้องมองมาที่ฉันสักครู่ ก่อนจะตอบว่า "ฉันสัญญา"





"ขอบคุณมาก Edward ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว"





"แต่ฉันกลัว" เขากระซิบ





"อย่าสิ" ฉันหายใจเข้าลึกๆ และพยายามยิ้มออกมา "ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉันรักเธอนะ"





เขายิ้มให้ฉันเล็กน้อยเป็นการตอบแทน "นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมเราถึงอยู่ที่นี่"





"นายนี่ยึดตัวเจ้าสาวไว้คนเดียวเลยนะ" Emmett เอ่ยในขณะที่เดินเข้ามาอยู่ด้านหลัง Edward "ให้โอกาสฉันได้เต้นกับว่าที่น้องสาวของฉันหน่อย นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่ฉันจะทำให้เธอหน้าแดง"





เขาหัวเราะเสียงดัง เหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาต้องการจะทำให้บรรยายตึงเครียดหายไป





กลับกลายเป็นว่า ฉันยังไม่ได้เต้นรำกับผู้คนจำนวนมาก และก็เป็นโอกาสให้ฉันได้ทำตามหน้าที่ของตัวเอง เมื่อ Edward มาหาฉันอีกครั้ง ฉันก็พบว่า เรื่องของ Jacob อยู่ในลิ้นชักที่ปิดสนิท เมื่อเขาโอบกอดฉัน ฉันก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรื่นรมย์ ความยินดี และทำให้ฉันมั่นใจอีกครั้งที่คืนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉันอยู่ในที่ๆถูกต้อง ฉันยิ้มให้เขา และซบลงไปที่อกของเขา เขากอดฉันแน่นขึ้น





"ฉันควรจะชินกับมันได้แล้ว" ฉันเอ่ยออกมา





"อย่าบอกฉันนะว่าเธอชักจะชอบเต้นรำซะแล้ว"





"เต้นรำก็ไม่แย่นักหรอก ... โดยเฉพาะเวลาได้เต้นกับเธอ แต่ฉันกำลังคิดถึงอะไรบางอย่างมากกว่านี้" และฉันก็ผลักตัวเองให้อยู่ใกล้กับเขามากขึ้น เพื่อที่เขาจะได้กอดฉันแน่นขึ้น "คิดว่า..จะไม่ปล่อยเธอหนีไปไหนอีก"





"ไม่แน่นอน" เขาสัญญา และโน้มตัวลงมาเพื่อจูบฉัน





มันช่างเป็นจูบที่แสนจะจริงจัง ...​ช้า และค่อยเป็นค่อยไป





ฉันเกือบจะลืมไปว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เมื่อได้ยินเสียง Alice เอ่ยว่า "Bella ได้เวลาแล้วนะ"





ฉันรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ถูกรบกวน





Edward ไม่สนใจเธอ ริมฝีปากของเขายังคงอยู่ที่ของฉัน ดูเร่งเร้ามากกว่าแต่ก่อน หัวใจของฉันเต้นแรงราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และมือของฉันก็รั้งต้นคอของเขา





"พวกเธออยากจะตกเครื่องกันเหรอ" Alice โวยวายอยู่ข้างๆฉันแล้วตอนนี้ "ฉันแน่ใจว่าพวกเธอคงจะมีฮันนีมูนที่สุดแสนจะน่ารักแน่ๆ โดยการตั้งแคมป์นอกสนามบินรอไฟลท์ต่อไป"





Edward หันหน้าไปบ่นกับ Alice ว่า "ไปให้พ้นน่ะ Alice" และเขาก็จูบฉันอีกครั้ง





"Bella เธออยากจะใส่ชุดนี้ขึ้นเครื่องเหรอ"





ฉันไม่ได้สนใจฟังเท่าไรนัก ณ เวลานี้ ฉันไม่แคร์เท่าไรหรอก





Alice คำรามเงียบๆ "ฉันจะบอกเธอว่า นายจะพาเธอไปไหน Edward"





Edward นิ่งไปทันที แล้วเขาก็ถอนริมฝีปากจากฉัน และหันไปจ้องน้องสาวของเขา "เธอนี่มันน่ารำคาญจริงๆเลย"





"ฉันแค่ไม่ต้องการให้ชุดที่ฉันเลือกมาต้องเป็นหมันไปนี่นา" Alice เอื้อมไปจับมือฉัน "มากับฉันนะ Bella"





ฉันผละจากเธอ และกลับมาหา Edward เพื่อจูบเขาอีกครั้ง มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากแขกที่อยู่รอบๆ ฉันจึงยอมแพ้และปล่อยให้ Alice ลากฉันไป





"ขอโทษนะ Alice" Alice ดูนอยด์มากๆ





"ฉันไม่โทษเธอหรอก Bella" เธอถอนหายใจ "เธอดูเหมือนจะช่วยตัวเองไม่ได้เลย"





ฉันหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทีของเธอ





"ขอบคุณมากนะ Alice นี่เป็นงานแต่งงานที่สวยที่สุดเท่าที่ใครเคยมีมาเลย ทุกอย่างช่างเพอร์เฟ็คต์ เธอมันเก่งที่สุด ดีที่สุด แล้วก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในโลก"





คำพูดนั้นทำให้เธอยิ้มได้ "ฉันดีใจนะ ที่เธอชอบมัน"





Renee กับ Esme รออยู่ข้างบน ทั้งสามคนช่วยฉันถอดชุดออก และใส่ชุดสีฟ้าของ ALice เข้าไปแทนที่ ฉันรู้สึกดีใจมากที่มีคนเอาเข็มหมุดออไปจากผมของฉันเสียที และปล่อยให้ผมของฉันสยายลงมากลางหลังเหมือนเดิม





แม่ของฉันร้องไห้ไม่ยอมหยุด





"หนูจะโทรหาเมื่อรู้ว่าหนูอยู่ไหนนะคะ" ฉันสัญญาเมื่อฉันกอดและบอกลากับแม่ ฉันรู้ดีว่าความลับเกี่ยวกับฮันนีมูนของฉันแทบทำให้เธอเป็นบ้า แม่ของฉันเกลียดความลับที่สุด





"หนูจะบอกคุณให้เร็วที่สุดเมื่อหนูรู้ว่าพวกเขาปลอดภัยดีค่ะ" Alice ช่วยทำให้แม่รู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้น ทำไมฉันจะต้องเป็นคนสุดท้ายที่รู้ด้วยนะ





"หนูจะต้องไปเยี่ยมแม่กับ Phil โดยเร็วที่สุดนะจ้ะ ถึงคราวที่หนูต้องไปทางใต้บ้างแล้ว ไปเจอพระอาทิตย์บ้าง" Renee เอ่ย





"วันนี้ฝนก็ไม่ได้ตกนี่คะ" ฉันบอกแม่ของฉัน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงคำขอร้องของเธอ





"ปาฏิหาริย์จริงๆ"





"ทุกอย่างพร้อมแล้ว" Alice เอ่ย "กระเป๋าเดินทางของเธออยู่ในรถเรียบร้อยแล้วนะ Jasper เป็นคนเอาไปเก็บไว้ให้" เธอดึงฉันมาที่บันได ในขณะที่ Renee เดินตามฉันลงมา





"หนูรักแม่นะคะ" ฉันกระซิบบอกแม่ "หนูดีใจที่แม่มี Phil ดูแลตัวเองด้วยนะคะ"





"แม่ก็รักหนูจ้ะ Bella ที่รัก"





"ลาก่อนค่ะแม่ หนูรักแม่นะคะ" ฉันเอ่ยมันออกมาอีกครั้ง ลำคอของฉันเริ่มตีบตัน





Edward รออยู่ตรงปลายสุดของบันได ฉันเอื้อมมือไปจับเขา พร้อมกับมองไปที่ฝูงแขกเหรื่อ





"พ่อคะ" ฉันเรียก ในขณะที่สายตาของฉันกำลังมองหาพ่อ





"อยู่นี่" Edward พึมพำ เขาพาฉันผ่านแขกเหรื่อไปหา Charlie ผู้ซึ่งนั่งพิงกำแพงอยู่ด้่านหลังทุกคน ดูราวกับว่าเขากำลังซ่อนตัวอยู่ และตาของเขาก็คือคำตอบ





"โอ้ พ่อคะ"





ฉันกอดเขา ร้องไห้อีกครั้งหนึ่ง ... ฉันร้องไห้เยอะเหลือเกินในคืนนี้





"ไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก"





มันยากเหลือเกินที่จะพูดเรื่องความรักกับพ่อ เราเหมือนกันมากเกินไป จนทำให้การแสดงออกนั้นบางทีก็ดูน่าอาย แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดอะไรแบบนั้น





"หนูจะรักพ่อตลอดไป" ฉันบอกพ่อ "อย่าลืมนะคะ"





"หนูก็เหมือนกัน Bells"





ฉันจูบที่แก้มของเขา ..​เขาก็ทำเช่นเดียวกัน





"โทรหาพ่อนะ" เขาบอก





"ในไม่ช้าค่ะ" ฉันสัญญา รู้ดีกว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันพอจะสัญญาได้ แค่โทรไปหา พ่อและแม่ของฉันคงจะไม่สามารถมาเจอฉันได้อีกแล้ว ฉันกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป และเป็นอันตรายต่อท่านมาก





"ไปเถอะ"








แขกเหรื่อทั้งหลายแสดงความยินดีแก่เราอีกครั้ง Edward ดึงฉันไว้ใกล้ๆแนบกาย





"เธอพร้อมมั้ย" เขาถาม





"พร้อมสิ" ฉันรู้ดีว่านี่คือความจริง





ทุกคนตบมืออย่างกึกก้อง เมื่อ Edward จูบฉันอีกครั้งที่ประตูทางออก แล้วเขาก็รีบพาฉันขึ้นรถ





รถถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้มากมาย อีกทั้งยังมีริบบิ้นที่ถูกผูกเป็นรองเท้าสิบสองคู่อยู่ที่กระโปรงหลัง





Edward กันไม่ให้ฉันโดนเมล็ดข้าวมากมายที่ถูกโยนเข้ามา และแล้วเขาก็รีบออกรถไป


ฉันโบกมืออยู่ที่หน้าต่าง และตะโกนกลับไปว่า "หนูรักพ่อกับแม่" เมื่อพวกเขาโบกมือกลับมาให้








ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นคือ Phil โอบRenee เอาไว้อย่างอ่อนโยน ในขณะที่แม่ก็จับมือของพ่อไว้อีกข้างหนึ่ง





Edward จับมือฉันไว้แน่น





"ฉันรักเธอนะ" เขาเอ่ยออกมา





ฉันวางศีรษะไว้ที่แขนของเขาเช่นกัน "นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมเราถึงอยู่ที่นี่" ฉันลอกเลียนประโยคของเขา





เขาจูบที่เรือนผมของฉัน





เราเปลี่ยนไปขึ้น highway และ Edward ก็เริ่มที่จะเร่งเครื่องสุดตัว ฉันได้ยินเสียงเครื่องยนต์ระเบิดมาจากด้านหลังของเรา บริเวณป่านั้น ถ้าฉันได้ยิน Edward ก็ต้องได้ยินด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่พูดอะไร ฉันก็เลยไม่เอ่ยอะไรด้วยเช่นกัน




 

Create Date : 18 มกราคม 2552   
Last Update : 18 มกราคม 2552 17:13:46 น.   
Counter : 1438 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 4.1


4. ท่าทาง


 


พิธีงานแต่งงานที่พึ่งจบไป ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นงานเลี้ยงฉลองในเวลาโพล้เพล้ แสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าส่องประกายระยิบระยับเมื่อ Edward กำลังพาฉันไปที่ประตูด้านหลัง ดอกไม้สีขาวนับหมื่นดอกอยู่ที่นั่น ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ


 


เราเดินออกไปทางด้านหลัง เพื่อทักทายกับแขกที่มาร่วมงาน และเพื่อนๆของเราที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน


 


"ยินดีด้วยนะ"​Seth บอกกับเรา ในขณะที่ค่อยๆก้มศีรษะเพื่อให้พ้นไม้ดอกต่างๆ


Seth ยืนอยู่กับแม่ของเขา Sue ผู้ซึ่งกำลังจ้องแขกเหรื่อด้วยสายตาระแวดระวัง หน้าของเธอทั้งซูบผอมและดูดุร้าย เธอไว้ผมสั้นเหมือนลูกสาวของเธอ Leah ในขณะที่ Billy ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอนั้น กลับดูผ่อนคลายกว่า


 


เมื่อฉันมองไปที่พ่อของ Jacob ฉันรู้สึกราวกับว่ากำลังมองคนสองคนในร่างเดียวทุกครั้ง คนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ และอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่เบื้องหลัง ทั้งสองคนผูกพันกันด้วยสายเลือดที่มี "ลักษณะเฉพาะพิเศษ" ที่ถูกสืบทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ ... ความอัศจรรย์ที่ถูกข้ามไปในยุคของ Billy เนื่องด้วยว่าไม่มีตัวเร่งปฏิกริยา แต่กลับมาปรากฏอีกครั้งในยุคลูกชายของเขา ผู้ซึ่งหันหลังให้กับความอัศจรรย์นั้น ทิ้งให้ Sam Uley เป็นเจ้าของตำนานนั้นต่อไป


 


ดูเหมือนว่า Billy กำลังครุ่นคิดถึงงานในวันนี้และคนที่มาในงาน แต่ตาของเขาก็ประกายวับราวกับว่ามีข่าวดีเกิดขึ้น ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันพึงพอใจอย่างมาก เพราะงานแต่งงานนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายในสายตาของเขา ... สิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับลูกสาวของเพื่อนรัก


 


ฉันรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่เขาจะต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ เมื่อคำนึงถึงความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อพวก Cullens ละเมิดสนธิสัญญาที่ทำไว้กับพวก Quileutes โดยการสร้างแวมไพร์ขึ้นมาอีกตนหนึ่ง พวกมนุษย์หมาป่ารู้ดีว่าสนธิสัญญานี้กำลังจะถูกละเมิดในเร็ววัน แต่พวก Cullen ก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะมีปฏิกริยาต่อเรื่องนี้อย่างไร


 


...มันอาจจะหมายถึงการจู่โจมแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ถ้าเราไม่เคยเป็นพันธมิตรกัน...


 


แต่เมื่อเราต่างรู้จักแต่ละฝ่ายกันมากขึ้นแล้ว มันจะแปรเปลี่ยนเป็น "การให้อภัย" ได้หรือไม่


 


 


ราวกับว่าจะสนองตอบต่อความคิดนั้นของฉัน Seth อ้าแขนรับ Edward ในขณะที่ Edward ก็กอดตอบเขา


 


ฉันแอบเห็นสายตาอันตื่นตระหนกของ Sue


 


"ฉันยินดีมากที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ ฉันรู้สึกดีใจด้วยจริงๆ"


 


"ขอบคุณมาก Seth นั่นมีความหมายต่อฉันมาก" Edward ผละออกจาก Seth แล้วเหลียวมองไปที่ Sue กับ Billy "ขอบคุณครับที่อนุญาตให้ Seth มางาน และมาเป็นกำลังใจให้ Bella ในวันนี้"


 


"ยินดีเสมอ" Billy เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฉันอดประหลาดใจไม่ได้กับน้ำเสียงที่ฟังดูยินดีของเขา แต่อาจจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ก็ได้


 


Seth เริ่มสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่ก่อตัวขึ้น จึงเอ่ยขอตัว และพา Billy ไปตักอาหาร โดยที่ Sue ก็ตามไปด้วย  


 


Angela และ Ben เป็นรายต่อไปที่มาอวยพรให้แก่เรา ตามด้วยพ่อแม่ของ Angela  Mike Jessica คนที่ทำให้ฉันประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นเขาสองคนจับมือกัน ฉันไม่รู้เลยว่าเขากลับมาคบกันอีกครั้ง นั่นมันเป็นสิ่งดีมากๆ


 


ถัดจากเพื่อนๆมนุษย์ของฉัน ก็คือลูกพี่ลูกน้องคนใหม่ของฉัน พวก Denali และ Tanya


คนนั้นสินะ Tanya ฉันคาดเดาเอาจากผมสีสตอเบอร์รี่บลอนท์ของเธอ คนที่กำลังก้าวเข้าไปแสดงความยินดีให้กับ Edward ถัดจากเธอก็คือแวมไพร์อีกสามตน ที่กำลังจ้องมาที่ฉันด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนหนึ่งผมตรงยาวบลอนท์สีซีดราวกับผ้าไหม อีกคนที่ยืนอยู่เคียงข้างแวมไพร์อีกตนนั้น ผมโทนสีดำมะกอก  


 


ทั้งสี่คนงดงามมากซะจนทำให้ฉันรู้สึกปวดท้องขึ้นมา


 


Tanya ยังคงกอด Edward อยู่


 


"อ่า Edward" เธอเอ่ย "ฉันคิดถึงคุณมาก"


 


Edward หัวเราะเบาๆ และค่อยๆผละตัวออกจากอ้อมกอดนั้น เขาวางมือลงบนไหล่ของเธอและถอยหลังกลับเพื่อมองดูเธอชัดๆ "มันนานมากเลยนะที่เราไม่ได้เจอกัน Tanya เธอดูดีมาก"


 


"เธอก็เหมือนกัน"


 


"ให้ฉันแนะนำภรรยาของฉันก่อนนะ" นี่เป็นครั้งแรกที่ Edward ใช้ชื่อนั้นเรียกฉันตั้งแต่มันได้กลายเป็นจริงขึ้นมาอย่างเป็นทางการ ดูเหมือนว่าเขารู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้เอ่ยมันออกไป พวก Denalis หัวเราะเบาๆเมื่อได้ยิน


 


"Tanya นี่ My Bella"


 


Tanya งดงามราวกับฝันร้าย เหมือนดั่งที่ฉันคาดไว้ทุกอย่าง เธอมองดูฉันด้วยสายตาคาดคะแนมากกว่าสายตาแห่งความปราชัย และแล้วเธอก็เอื้อมมือมาให้ฉัน


 


"ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรานะ Bella" เธอยิ้มให้ "เราถือตนเสมอว่าพวกเรานั้นเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันกับ Carlisle ฉันขอโทษด้วยกับเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนที่เราทำไว้ เราน่าจะได้พบเธอเร็วกว่านี้ เธอพอจะอภัยให้เราได้มั้ย"


 


"แน่นอนสิจ้ะ" ฉันเอ่ยออกมาด้วยความเต็มใจ "ยินดีที่ได้พบกับพวกเธอทุกคนนะ"


 


"ตอนนี้ตระกูล Cullen ก็เป็นคู่ๆลงตัวแล้วสินะ บางทีครั้งหน้าอาจจะเป็นทีของพวกเราบ้าง จริงมั้ย Kate"


 


"หวังว่าฝันนั้นจะเป็นจริงนะ" Kate เอ่ยพร้อมกับกรอกตาไปมา เธอเอื้อมไปจับมือของฉันจากมือของ Tanya และบีบอย่างอ่อนโยน "ยินดีต้อนรับนะจ้ะ Bella"


 


ผู้หญิงที่มีผมสีดำนั้นวางมือของเธอลงบนมือของ Kate "ฉัน Carmen นี่ Eleazar พวกเราดีใจมากที่สุดท้ายแล้วก็ได้พบเธอนะ"


 


"ฉันก็เหมือนกันจ้ะ" ฉันเอ่ยตะกุกตะกัก


 


Tanya เหลียวมองไปที่ผู้คนด้านหลังเธอ ลูกน้องของ Charlie Mark และภรรยาของเขา พวกเขากำลังมองมาที่พวก Denali ด้วยความประหลาดใจ


 


"พวกเราค่อยทำความรู้จักกันทีหลังดีกว่า พวกเรายังมีเวลาเหลือเฟือนะ" Tanya หัวเราะในขณะที่ครอบครัวของเธอและตัวเธอนั้นค่อยๆผละออกไป


 


ทุกอย่างเป็นไปตามประเพณีที่มีมานาน แสงระยิบระยับจากหลอดไฟสะท้อนเข้ามาทำให้ฉันแทบมองอะไรไม่เห็น เมื่อฉันกำลังจะตัดเค้กขนาดใหญ่มหึมา ที่ถูกจัดแต่งขึ้นเพื่อให้แก่เพื่อนและครอบครัวของฉัน เราช่วยกันตัดแบ่งเค้ก


 


..ฉันแทบไม่เชื่อตัวเองเมื่อเห็น Edward กำลังทานเค้กในส่วนของตัวเอง 


..ฉันโยนช่อดอกไม้ด้วยความสามารถเฉพาะตัว ทำให้ช่อดอกไม้นั้นตกลงบนมือของ Angela พอดิบพอดี


..Jasper กับ Emmett หัวเราะอย่างขำขัน เมื่อเห็น Edward กำลังถอดถุงน่อง(ที่ฉันยืมมาจาก Alice) ด้วยฟันของเขา เขาแอบมองฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะโยนมันไปที่หน้าของ Mike Newton


 


ดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง Edward พาฉันออกมาตรงกลาง เพื่อจะได้เต้นเปิดฟลอร์เป็นคู่แรกตามธรรมเนียม ฉันขยับตัวไปตาม Edward อย่างเกร็งๆ ทั้งที่ฉันกลัวการเต้นรำอย่างมาก โดยเฉพาะต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้ แต่ฉันก็มีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาเป็นคนทำทุกอย่าง ฉันแทบไม่ต้องใช้แรงของตัวเองเลย แค่ขยับตามเขาเท่านั้น ท่ามกลางแสงระยิบระยับจากเสื้อผ้าและแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป


 


"สนุกกับงานนะ Mrs.Cullen" เขากระซิบที่ข้างหูฉัน


 


ฉันหัวเราะออกมา "นั่นคงต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับมันสักหน่อย" 


 


"เรามีเวลาสักครู่" เขาเตือนฉัน น้ำเสียงของเขาดูมีความสุขอย่างล้นเหลือ


เขาค่อยๆโน้มตัวลงมาจุมพิตฉันในขณะที่เราเต้นรำด้วยกัน เสียงกล้องถ่ายรูปดังขึ้นอย่างรู้งาน


 


เสียงดนตรีค่อยๆแปรเปลี่ยนไป Charlie เอื้อมแตะที่ไหล่ของ Edward


 


มันไม่ง่ายเลยที่จะเต้นกับ Charlie พ่อไม่ได้เก่งไปมากกว่าฉันเลย ดังนั้นเราจึงพยายามเคลื่อนไหวเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ปลอดภัยที่สุด ในขณะที่ Edward กับ Esme เต้นราวกับ Fred Astaire และ Ginger Rogers  (นักเต้นรำที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก)


 


"พ่อคงจะคิดถึงหนูมากเมื่อพ่อต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง"


 


ฉันพยายามจะเอ่ยติดตลกว่า "หนูรู้สึกผิดจังเลย ที่ต้องทิ้งให้พ่อต้องทำอาหารเอง มันคงเหมือนกับว่าหนูเพิกเฉยต่อคดีฆาตกรรมอย่างนั้นล่ะ พ่อจะจับหนูก็ได้นะ"


 


เขาคำรามในลำคอเบาๆ "พ่อคิดว่ายังไงพ่อก็คงจะมีชีวิตรอดได้กับอาหารพวกนั้นนะ หนูโทรหาพ่อได้เสมอนะไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน"


 


"หนูสัญญาค่ะพ่อ"


 


ดูเหมือนว่าฉันต้องเต้นรำกับทุกคน มันเป็นการดีทีี่ฉันได้พบกับเพื่อนเก่าทุกคนอีกครั้ง แต่ฉันแค่อยากจะอยู่กับ Edward มากกว่าสิ่งอื่นใด ฉันมีความสุขอย่างมาก เมื่อเขาเข้ามาขัดจังหวะเมื่อฉันพึ่งเต้นกับคนใหม่ไปได้แค่ครึ่งนาทีเท่านั้น 


 


"เธอยังคงไม่ชอบ Mike อีกเหรอ" ฉันเอ่ยออกมาเมื่อ Edward ขัดจังหวะการเต้นรำของฉันกับ Mike


 


"ไม่ ตราบใดที่ฉันยังคงได้ยินความคิดของเขา แค่ไม่เตะออกไปก็บุญแล้ว หรือทำอะไรเลวร้ายยิ่งกว่านั้น"


 


"อ่อ ใช่สิ"


 


"นี่เธอมีโอกาสได้ดูตัวเองรึยัง"


 


"อืม ไม่ ฉันว่าไม่นะ ทำไมเหรอ"


 


"อ่อ งั้นฉันคาดว่า เธอคงไม่รู้ตัวเลยสินะว่าวันนี้เธอสวยมากขนาดไหน ฉันไม่แปลกใจเลยที่ Mike ลำบากนิดหน่อยกับการจัดการความคิดของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ฉันผิดหวังจริงๆที่ Alice ไม่ได้บังคับให้เธอส่องกระจก"


 


"เธอเป็นคนมีอคติมากๆนะเธอรู้มั้ย"


 


เขาถอนหายใจ และหยุดเต้น และพาฉันไปที่กระจกบานใหญ่


 


"ฉันอคติ ...​เหรอ"


 


ฉันมองไปที่เงาในกระจก หน้าตาที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คของเขา ผมสีดำวาว ส่วนคนที่อยู่ข้างเขา ผู้หญิงที่มีผิวสีครีมกุหลาบ ตาของเธอโตด้วยความตื่นเต้น ตาที่ถูกประดับด้วยขนตาขนาดใหญ่ ชุดสีขาวที่แสนจะงดงามยิ่งทำให้เธอดูหรูหราและมีสง่าราศี


 


ก่อนที่ฉันจะกระพริบตา ทันใดนั้นเอง Edward หันไปในทิศทาตรงกันข้าม ราวกับว่าบางคนเรียกชื่อเขา


 


"โอ้" เขาเอ่ยออกมา หน้าผากของเขาดูตึงเครียดขึ้นมาพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะรีบสลัดมันทิ้งไป


 


ทันใดนั้น เขาก็หันมายิ้มกว้างๆให้ฉัน


 


"อะไรเหรอ" ฉันถาม


 


"ของขวัญเซอร์ไพรส์วันแต่งงานน่ะ"


 


"หา??"


 


เขาไม่ตอบ แต่เขาเริ่มเต้นรำอีกครั้งหนึ่ง หมุนฉันไปในทิศทางตรงกันข้ามที่เราเคยไปก่อนหน้านี้ ไกลจากแสงไฟ ไปสู่ความมืดมิดในยามค่ำคืน


 


เขาไม่ได้หยุดเต้น จนกระทั่งเรามาอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกบ้าน แล้ว Edward ก็มองตรงไปที่เงาสีดำทมึฬหลังต้นไม้


 


"ขอบใจมากนะ" Edward บอกกับเงามืดนั้น "สมแล้วที่เป็นนาย"


 


"แน่นอนอยู่แล้ว" เสียงนั้นที่แสนจะคุ้นเคยตอบกลับมาจากความมืดมิด "ส่งเธอให้ฉันได้มั้ย"


 


ถ้า Edward ไม่ได้กอดฉันไว้ ฉันคงจะล้มลงไปแล้ว


 


 


 


 


 


 


 


 


 


"Jacob!!!" 


 




 

Create Date : 18 มกราคม 2552   
Last Update : 18 มกราคม 2552 17:14:30 น.   
Counter : 663 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 3

3. วันสำคัญ


ฉันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น



ฉันนอนอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงต่ออีกสักครู่ ... พยายามสลัดความฝันทิ้งไป
ท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างเช้านี้เป็นสีหม่นๆ และก็เริ่มสดใสมากขึ้น



เมื่อฉันกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง กลับมาสู่ห้องที่แสนจะคุ้นเคยแห่งนี้ ฉันแค่รู้สึกรำคาญตัวเองนิดหน่อย นั่นฉันฝันอะไรกัน ในคืนก่อนงานแต่งงานเนี่ยนะ สงสัยจะเป็นผลมาจากการที่ฉันหมกมุ่นคิดถึงเรื่องนั้นก่อนนอนแน่ๆเลย



หลังจากที่สลัดฝันร้ายทิ้งไป ฉันลุกขึ้นแต่งตัวและลงไปที่ห้องครัว
ฉันเริ่มทำความสะอาดห้อง และเมื่อ Charlie ตื่น ฉันก็ทำ pancake ให้เขา
ฉันไม่อยากจะทานอาหารเช้าสักเท่าไร ฉันเลยนั่งดูCharlie ทานแทน



“พ่อจะไปรับ คุณ Weber ตอนสามโมงตรง” ฉันเตือนเขา



“พ่อไม่ต้องทำอะไรมากวันนี้หรอก Bell พ่อไม่ลืมงานเพียงอย่างเดียวของพ่อหรอก” Charlie ลาหยุดทั้งวันสำหรับวันนี้
เขาเดินไปที่ห้องเก็บของใต้บันได ที่ที่เขาเก็บคันเบ็ดเอาไว้



“นั่นไม่ใช่งานของพ่อเลยนะคะ พ่อควรจะไปแต่งตัวให้หล่อๆมากกว่า”

เขาก้มหน้าก้มตาทานซีเรียลที่อยู่ตรงหน้า และบ่นพึมพำเบาๆเกี่ยวกับ “สูท” ตัวนั้น


เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“พ่อคิดว่า พ่อใส่ชุดนั้นแล้วดูตลกเหรอคะ” ฉันเอ่ยกับพ่อ “Alice คงจะแต่งตัวให้หนูทั้งวัน”


Charlie พยักหน้า และยอมรับว่าสูทตัวนั้นมันไม่เลวร้ายขนาดนั้น ฉันลุกขึ้นและเดินไปจุมพิตที่หน้าผากเขาอย่างแผ่วเบา เขาหน้าแดง และรีบเดินไปเปิดประตูให้ Alice เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน คนที่กำลังจะกลายเป็นน้องสาวของฉันแทน


ผมของ Alice ไม่ได้ถูกเซ็ตให้เป็นทรงตั้งๆเหมือนทุกครั้ง มันถูกทำให้เป็นลอนอย่างสวยงาม สมกับรูปหน้าของเธอ “เฮ้ Charlie”


Alice โวยวายขึ้นมา เมื่อฉันกำลังจะเข้าไปนั่งบน Porsche ของเธอ

“โอ๊ย ดูตาเธอสิ Bella เมื่อคืนเธอทำอะไรน่ะ เธอไม่ได้นอนทั้งคืนเลยเหรอ”


“ก็เกือบน่ะ”


“เธอรู้มั้ยว่าฉันต้องใช้เวลามากขนาดไหน เพื่อทำให้เธอสวยจนทุกคนต้องตะลึงวันนี้ Bella เธอควรจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้รู้มั้ย”


“ไม่มีใครตะลึงในความสวยของฉันหรอก สิ่งที่ฉันกลัวก็คือตัวเองจะหลับระหว่างพิธีน่ะสิ แล้วฉันก็จะไม่สารถเอ่ยคำว่า I do (ฉันยอมรับ) จังหวะที่ถูกต้อง และ Edward ก็จะหนีฉันไป”


Alice หัวเราะทันที “ฉันจะโยนช่อดอกไม้ไปที่เธอนะเมื่อมันถึงเวลาที่เธอต้องเอ่ยคำนั้น”

“ขอบคุณนะ Alice”

“อย่างน้อยๆ เธอก็น่าจะมีเวลานอนอีกเยอะบนเครื่องพรุ่งนี้”



ฉันเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “พรุ่งนี้” ถ้าฉันกับ Edward ออกเดินทางคืนนี้หลังจากพิธี พรุ่งนี้เราก็น่าจะอยู่บนเครื่อง ใช่สิ เราคงไม่ได้จะไป Boise, Idaho Edward ไม่ยอมบอกอะไรฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ฉันไม่ได้รู้สึกเครียดกับสถานที่ลึกลับที่เราจะไป แต่มันก็แปลกที่ไม่รู้ว่า พรุ่งนี้ฉันจะนอนที่ไหน หรือหวังว่า จะไม่ได้นอน...


Alice รู้สึกได้ทันทีว่าเธอคงเผลอหลุดปากอะไรออกไปแล้ว


“ฉันเก็บกระเป๋าให้เธอเรียบร้อยแล้วนะ” Alice พยายามจะเบี่ยงเบนความสนใจของฉัน


มันได้ผล “Alice ฉันหวังว่าเธอจะให้ฉันเป็นจัดกระเป๋าเองนะ”


“มันอาจจะมากเกินไปก็ได้นะ”


“แล้วก็ทำให้เธอเสียดายโอกาสที่จะได้ช้อปปิ้งใช่มั้ย”


“เธอจะเป็นพี่สะใภ้ของฉันอย่างเป็นทางการในอีกสิบชั่วโมงข้างหน้า ฉันว่ามันได้เวลาแล้วล่ะ ที่ฉันจะจัดการเรื่องเสื้อผ้าของเธอ”




ฉันมองออกไปด้านนอกด้วยความขุ่นเคือง จนเมื่อใกล้ถึงบ้านของ Edward


“เขากลับมารึยัง” ฉันถาม


“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ เขาจะมาทันก่อนดนตรีเริ่มเล่นแน่นอน แต่เธอห้ามเจอเขานะ ไม่ว่าเขาจะกลับมากี่โมง มันเป็นธรรมเนียมนะจ้ะ Bella”



ฉันอดบ่นไม่ได้ “ธรรมเนียมอะไรน่ะ”



“โอเค เว้นแต่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว”



“เธอก็รู้ว่าเขาแอบดูเรียบร้อยแล้ว”



“โอ๊ย ไม่หรอก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมฉันถึงเป็นคนเดียวที่เคยเห็นเธอใส่ชุดเจ้าสาวไงจ้ะ ฉันพยายามอย่างมากที่จะไม่คิดถึงเธอตอนลองชุดเมื่อ Edward อยู่ใกล้ๆฉัน”



“อ๋อ เหรอ ฉันคิดว่าเธอคงจะเอาเครื่องประดับตกแต่งที่ใช้ในงานฉลองเรียนจบของฉันมาใช้อีกรอบสินะ”
ฉันเห็นแสงกระพริบนับหมื่น นับพัน ถูกประดับประดาอยู่ตลอดทางที่เลี้ยวเข้าบ้าน คราวนี้เธอเพิ่มโบสีขาวเข้าไปด้วย


“ยังไงเธอก็คงจะไม่เห็นหรอกว่าฉันตกแต่งด้านในยังไง จนกว่าจะถึงเวลา” เธอจอดรถที่โรงรถ บริเวณทางเหนือของบ้าน ที่ซึ่งรถของ Emmett ยังคงไม่อยู่ในนั้น



“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าสาวไม่อนุญาตให้เห็นการตกแต่งภายในงานน่ะ” ฉันประท้วงขึ้นมาทันที



“ก็ตั้งแต่เธอยอมให้ฉันเป็นคนจัดการน่ะสิจ้ะ ฉันอยากให้เธอประหลาดใจสุดๆเมื่อเธอเดินลงมาจากบันไดพบมัน”



เธอปิดตาฉัน และก็ค่อยๆพาฉันไปที่ห้องครัว ซึ่งฉันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอะไรบางอย่างแทบจะทันที



“นั่นอะไรน่ะ” ฉันถาม Alice ในขณะที่เธอพยายามจะพาฉันเข้าไปในบ้าน



“มันมากไปเหรอ” เธอเอ่ยออกมาอย่างกังวล “เธอเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้มาที่นี่ ฉันหวังว่าฉันจะกะมันถูกนะ”



“ใครบอกล่ะ มันวิเศษมากๆเลยต่างหาก กลิ่นส้ม ดอก lilac แล้วก็อย่างอื่น ใช่มั้ย”


“เก่งมากๆ Bella เธอแค่พลาดกลิ่นดอก Freesia และดอกกุหลาบเท่านั้น”



เธอไม่ยอมเปิดตาให้ฉัน จนกระทั่งเราไปถึงที่ห้องน้ำ ฉันจ้องมองไปที่เคาท์เตอร์ยาวที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เสริมสวยนานาชนิด



“นี่มันจำเป็นจริงๆเหรอ ยังไงฉันก็คงจะดูธรรมดาเมื่ออยู่ถัดจากเขาอยู่ดีแหล่ะ”


เธอผลักฉันลงไปนั่งบนเก้าอี้ “ไม่มีใครกล้าบอกว่าเธอดูธรรมดาแน่นอน หลังจากที่ฉันแต่งตัวให้เธอเสร็จแล้ว”



“ก็คงจะเป็นเพราะว่าพวกนั้นเขากลัวเธอจะดูดเลือดเขาน่ะสิ” ฉันบ่นพึมพำเบาๆ



ฉันเอนหลังพิงผนักเก้าอี้ และหลับตา หวังว่าจะแอบงีบได้นิดหน่อย
ฉันแอบผล็อยหลับไป และรู้สึกตัวตื่นขึ้นสะลึมสะลือ เมื่อเธอมาสค์หน้า และแต่งตัวให้ฉัน



เมื่อเลยเวลาอาหารเที่ยงไปนิดหน่อย Rosalie ก็เดินผ่านมาทางห้องน้ำ
เธอใส่ชุดสีเงิน โดยที่ผมสีทองของเธอถูกรวบเข้าอย่างดูดีเพื่อสวมมงกุฎเล็กๆ
เธอสวยมาก สวยซะจนฉันอยากจะร้องไห้ออกมา
เมื่อ Rosalie อยู่รอบๆตัวฉัน ฉันจะต้องแต่งตัวสวยไปทำไมกัน




“พวกเขากลับมาแล้ว” และทันใดนั้นเอง ความรู้สึกอิจฉาแบบเด็กๆของฉันก็พลันหายไป

Edward กลับมาแล้ว


“อย่าให้เขาเข้ามาแถวนี้เป็นอันขาดเลยนะ”



“เขาจะไม่ยุ่งกับเธอแน่นอนวันนี้ Alice” Rosalie ให้ความมั่นใจแก่เธอ “เขาเห็นค่าวันเวลาเหล่านี้มาก Esme กำลังให้พวกเขาจัดการกับบริเวณด้านหลังอยู่ เธออยากให้ฉันช่วยอะไรมั้ย ฉันช่วยเธอทำผมได้นะ”



ฉันไม่เคยเป็นที่รักของ Rosalie เลย แล้วสิ่งที่ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูตึงเครียดมากขึ้น ก็คือเธอไม่เคยเห็นด้วยับการตัดสินใจของฉัน ถึงแม้ว่าเธอจะสวยมากๆ และมีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น รวมถึงการได้เจอเนื้อคู่ของเธออย่าง Emmett แต่เธอก็ยังยอมแลกทุกอย่าง เพื่อจะได้กลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง และฉันก็ได้ทิ้งสิ่งนี้ไป สิ่งที่เธอต้องการมันมากที่สุด ราวกับว่ามันเป็นสิ่งไร้ค่า



“ได้สิ” Rosalie เริ่มหวีผมให้ฉัน แล้วค่อยๆจัดแต่งทรงอย่างที่ Alice ต้องการ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว Alice ก็จัดทรงให้อีกครั้งหนึ่ง และกลับไปจัดการกับหน้าของฉันต่อ



หลังจากนั้น เธอก็ถูกส่งให้เอาชุดของฉัน และก็ไปหา Jasper ซึ่งมีหน้าที่ไปรับพ่อแม่ของฉันกับ Phil จากโรงแรม ฉันได้ยินเสียงประตูเปิดและปิดครั้งแล้วครั้งเล่าบริเวณข้างล่าง และเสียงนั้นก็เริ่มจะดังถี่ขึ้น



Alice ให้ฉันยืนขึ้น เพื่อจะได้จัดการชุดกับทรงผมให้เรียบร้อย
เข่าของฉันสั่น เมื่อเธอติดกระดุมด้านหลังให้ฉัน

“หายใจเข้าลึกๆ Bella แล้วก็พยายามทำให้หัวใจของเธอเต้นช้าลงด้วย เธอกำลังจะเหงื่อแตก แล้วมันจะทำให้หน้าของเธอเลอะนะ”


ฉันพยายามปรับสีหน้าให้ดีที่สุด “ฉันจะจัดการให้นะ”



“ฉันต้องแต่งตัวแล้วสิ เธอจะช่วยดูแลตัวเองให้ยังคงสภาพอยู่อย่างนี้สักสองนาทีได้มั้ย”



“อืม อาจจะนะ”


เธอกรอกตาไปมา และรีบวิ่งออกจากห้องไป


ฉันพยายามจดจ่อกับลมหายใจของฉัน นับทุกๆจังหวะที่ปอดของฉันเต้น จ้องมองไปที่ลายของพื้นห้องน้ำ
ฉันกลัวที่จะมองกระจก กลัวภาพที่จะปรากฏขึ้นมานั้นเป็นตัวฉันในชุดแต่งงาน ที่จะทำให้ฉันตกใจกลัว


Alice กลับมา ก่อนที่ฉันจะนับครบสองร้อย เธอใส่ชุดที่ทำให้เธอยิ่งดูดีขึ้นไปอีก


“ว้าว Alice”

“มันไม่ได้สวยขนาดนั้นหรอก วันนี้จะต้องไม่มีใครจ้องมองฉันในขณะที่มีเธออยู่ในห้อง”



“ฮ่าๆ” ฉันหัวเราะแห้งๆออกมาอย่างไม่เชื่อคำพูดของเธอ


“นี่เธอควบคุมตัวเองได้มั้ย หรือว่าฉันต้องไปพา Jasper มา”



“พวกเขากลับมาแล้วเหรอ แม่ฉันอยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ย”



“เธอพึ่งจะเข้ามา กำลังจะขึ้นมาข้างบน”



Renee บินมาเมื่อสองวันที่แล้ว และฉันใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่ากับการอยู่กับเธอ ทุกนาทีที่ฉันสามารถทำให้เธอผละจาก Esme และ งานตกแต่งทั้งหลายทั้งปวง
ฉันรู้สึกว่าเธอสนุกมาก ราวกับเด็กที่ติดอยู่ใน Disneyland ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดกับ Charlie มากขึ้น



“โอ้ Bella” เธอมาถึงแล้ว “โอ้ ที่รัก เธอสวยมากๆ ฉันจะร้องไห้แล้วสิ Alice หนูวิเศษมากๆเลยจ้ะ
หนูกับ Esme น่าจะไปรับจัดงานแต่งงานนะ หนูหาชุดนี้ได้จากที่ไหนกันน่ะ มันสวยมากๆ แล้วก็ดูหรูมาด้วย Bella หนูดูเหมือนหลุดออกมาจากหนัง Austen เลยรู้มั้ย” เสียงของแม่ฉันดูเหมือนจะอยู่ไกลออกไป และทุกๆอย่างในห้องเริ่มดูเลือนราง “เจ๋งมากๆเลย ที่ออกแบบให้เป็นตีมแบบนั้นรอบๆแหวนของ Bella โรแมนติกมาก เหมือนกับว่าแหวนวงนั้นจะอยู่กับครอบครัวของ Edward มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 แน่ะ”

Alice กับฉัน หันหน้ามาสบตาฉัน แม่ชื่นชมกับชุดของฉันอย่างมาก แต่สิ่งที่สำคัญของพิธีในวันนี้ไม่ได้อยู่ที่แหวนซะหน่อย มันอยู่ที่ Edward ต่างหากล่ะ


ฉันได้ยินเสียงคนเดินมาตามทางเดิน


“Renee ที่รัก Esme บอกว่าได้เวลาที่เธอจะลงไปแล้ว” Charlie เอ่ยออกมา


“ว้าว Charlie คุณดูวิเศษไปเลย”
“Alice เป็นคนจัดการให้น่ะ”

“นี่ถึงเวลาแล้วเหรอ” Renee พูดกับตัวเอง รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ฉันกำลังรู้สึก “เวลาผ่านไปเร็วมากๆ ฉันชักจะรู้สึกคลื่นไส้แล้วสิ”



“ไหนมาให้แม่กอดก่อนที่จะลงไปหน่อยสิ” Renee ยืนกรานว่าจะทำอย่างนั้น “ระวังนะ อย่าให้น้ำตาหนูเลอะหน้า”


แม่กอดฉันไว้แน่น แล้วก็ผละไปที่ประตู และหันหน้ากลับมามองฉันอีกครั้ง


“โอ๊ย ตาย ฉันเกือบลืมแล้วสิ Charlie กล่องอยู่ไหนกันน่ะ”

พ่อของฉันมะงุมมะงาหราหาในกระเป๋ากางเกงของเขาอยู่สักครู่ ก่อนที่จะยื่นกล่องสีขาวให้ Renee

Renee เปิดมันออกมา และยื่นให้ฉัน


“เห็นมั้ยจ้ะ สีฟ้าสวยเลยล่ะ” แม่บอกฉัน

“เก่าแก่ด้วยนะ มันเป็นของคุณย่าของหนูน่ะ” Charlie เอ่ยเพิ่มเติม เราให้ที่ร้านจิลเวอรี่เปลี่ยนจากหินมาเป็นซัฟไฟร์น่ะ

ในกล่องมีหวีสีเงินสองอันวางอยู่ โดยที่ด้านบนของหวีนั้นมีซัฟไฟร์สีน้ำเงินเม็ดงามติดอยู่


คอฉันบีบเกร็ง “พ่อคะ แม่คะ ไม่เห็นจำเป็นต้อง...”


“Alice ไม่ยอมให้เราทำอะไรเลย เธอค้านทุกครั้งที่เราพยายามเสนอที่จะทำอะไรเล็กๆน้อยๆ”



ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา


Alice ก้าวเข้ามา และเสียบหวีสองอันนั้นไว้ที่ผมของฉัน "มันดูเก่าแก่มากเลยนะ" Alice สำรวจรอบๆตัวฉัน "แต่ชุดของเธอนั้นเป็นของใหม่นะจ้ะ และ..."


เธอโยนอะไรบางอย่างมา ซึ่งฉันก็รีบเอามือออกไปรับโดยอัติโนมัติ ...​ถุงน่องสีขาวมันวาวอยู่ที่มือของฉัน


"นั่นเป็นของฉัน และฉันต้องการได้มันคืนนะจ้ะ" Alice บอกกับฉัน


หน้าฉันแดงทันที


"แล้ว" Alice เอ่ยออกมาอย่างพึงพอใจ "เธอต้องการสีสรรอีกนิดหน่อย นี่แหล่ะ เธอเพอร์เฟ็คแล้วตอนนี้" เธอหันไปที่พ่อแม่ของฉัน "Renee คุณต้องลงไปข้างล่างแล้วนะคะ"


"โอ้ ใช่แล้ว" Renee หอมแก้มฉัน และรีบร้อนลงไปข้างล่าง


"Charlie คุณช่วยหยิบช่อดอกไม้ให้หน่อยได้มั้ยคะ"

ในขณะที่ Charlie ออกไปข้างนอก Alice ก็คว้าถุงน่องและใส่ให้ฉัน


Charlie กลับมาพร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวสองช่อ กลิ่นของดอกกุหลาบ ส้ม และดอกฟรีเซียตลบอบอวลไปหมด


Rosalie คนที่เล่นดนตรีเก่งที่สุดในครอบครัวรองจาก Edward กำลังเล่นเปียโนอยู่ข้างล่าง ...​เพลง Canon สินะ ฉันเริ่มรู้สึกเหงื่อแตกแล้วสิ


"ใจเย็นๆ Bell" พ่อฉันเอ่ยออกมา และหันไปหา Alice "เธอดูป่วยแล้วนะ หนูคิดว่า Bella จะทำมันสำเร็จมั้ย"


เสียงของพ่ออยู่ห่างไกลออกไป ขาของฉันแทบจะไม่รู้สึกตัว


"เดี๋ยวเธอก็ดีขึ้นเองค่ะ"


Alice ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน เธอค่อยๆจ้องตาฉัน และจับข้อมือของฉันไว้


"มีสติหน่อย Bella Edward กำลังรอเธออยู่ข้างล่างนะ"


ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา


เสียงเพลงด้านล่าง ค่อยๆเปลี่ยนเพลงไป Charlie เรียกฉัน "Bell เราต้องลงไปข้างล่างแล้วนะลูก"


"Bella" Alice เรียกฉัน ทั้งๆที่ยังจ้องฉันอยู่



"มีอะไรเหรอ" ฉันเอ่ยออกมาในที่สุด "อ๋อ Edward" ฉันปล่อยให้เธอลากฉันออกจากห้อง พร้อมกับที่ Charlie พยุงฉันไว้



เสียงดนตรีด้านล่างค่อยๆดังขึ้น มันลอยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นของดอกไม้นานาพันธุ์ ฉันพยายามจดจ่อสมาธิกับ Edward ที่กำลังรอฉันอยู่




เสียงดนตรีนั้นช่างคุ้นเคยอย่างมาก ...​ บทเพลง Wedding March นั่นเอง




"ตาของฉันล่ะ" Alice เอ่ย "นับถึงห้า แล้วตามฉันมานะ" เธอค่อยๆเต้นลงมาจากบันได และทันใดนั้นเองฉันก็ตระหนักได้ทันทีว่า การที่มี Alice เป็นเพื่อนเจ้าสาวเพียงผู้เดียวนั้น ช่างเป็นความผิดอย่างมาก ฉันคงจะดูไม่เข้าพวกอย่างมาก




"อย่าทำหนูล้มนะคะ พ่อ" ฉันกระซิบ Charlie คล้องแขนฉันไว้แน่น





ค่อยๆก้าวลงมานะ ฉันบอกกับตัวเองเมื่อจังหวะดนตรีเริ่มช้าลง ฉันไม่ได้เหลียวมองไปข้างหน้าจนกระทั่งเท้าของฉันหยุดอยู่ตรงพื้นราบ ถึงแม้ว่าฉันจะได้ยินเสียงพึมพำจากบรรดาคนที่อยู่ในงานก็ตามที แก้มของฉันเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้น




ทันทีที่ฉันก้าวลงมาจากบันได ฉันก็มองหาเขาทันที แต่ดอกไม้สีขาวที่ประดับประดาอยู่เต็มห้องโถงนั้นก็สามารถเบี่ยงเบนความสนใจฉันออกไปได้ ฉันเริ่มหน้าแดงมากขึ้น เมื่อสายตาของทุกคนล้วนแต่มองมาที่ฉัน จนกระทั่งฉันได้พบเขาในที่สุด ....​เขาที่ยืนอยู่ตรงซุ้มดอกไม้ ...​ตรงนั้น




ฉันแทบจะไม่มีสติเหลืออยู่เลย เมื่อ Carlisle ยืนข้างฉัน
ฉันไม่เห็นแม่ หรือแม้กระทั่งครอบครัวใหม่ของฉัน แน่สิ พวกเขาคงจะอยู่แถวหน้าสุด





สิ่งที่ฉันเห็นเพียงสิ่งเดียวก็คือใบหน้าของ Edward ที่ทำให้ฉันมีความสุขมากที่สุด
ตาสีเนยของเขา กลายเป็นสีทอง ...​เขากำลังส่งยิ้มมาให้ฉัน




จังหวะของเพลงนั้นช้าเกินไป ทำให้ฉันรู้สึกลำบากนิดหน่อยที่ต้องเดินให้ตรงจังหวะ แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าทีทางเดินนั้นไม่ยาวนัก และในที่สุด ฉันก็อยู่ที่นั่น Edward ยื่นมือออกมา ในขณะที่ Charlie ค่อยๆส่งมือฉันให้กับเขา และแล้ว ฉันสัมผัสมือของเขา




คำปฏิญาณตนของเรานั้นช่างแสนจะเรียบง่าย ที่ถูกเอ่ยออกมาแล้วนับล้านครั้ง จนกระทั่งถึงท่อนที่ Mr.Weber เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย "จนกระทั่งความตายมาพรากเราจาก" เป็น "ตราบใดที่เราทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่"




วินาทีนั้นเอง ฉันรู้สึกว่าโลกของฉันพลิกกับไปสู่จุดที่ถูกต้อง ฉันรู้สึกว่าตัวเองช่างงี่เง่าเหลือเกินที่เกรงกลัวต่อสิ่งนี้ ราวกับว่ามันเป็นของขวัญวันเกิดที่ฉันไม่ต้องการ หรือกับการแสดงที่น่าละอาย เหมือนงานพรอม

ฉันมองไปที่ Edward ตาของเขาฉายแววของผู้ชนะ และฉันรับรู้ได้เลยว่าตัวเองก็เป็นผู้ชนะเหมือนกัน เพราะว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ฉันก็ได้อยู่กับเขาในที่สุด





ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่ จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องเอ่ยคำนั้น




"ฉันยอมรับ" ฉันเอ่ยคำนั้นออกมาดังกว่าเสียงกระซิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉันกระพริบตาเพื่อให้มองทุกอย่างข้างหน้าได้ชัดเจน ...​ใช่แล้ว เพื่อจะได้มองหน้าเขาได้ชัดเจน




เมื่อถึงตาที่เขาต้องเอ่ยคำปฏิญาณ เขาก็พูดมันออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ และเปี่ยมไปด้วยพลัง





"ผมยอมรับ"





Mr.Weber ประกาศให้เราเป็นสามี ภรรยา และหลังจากนั้น Edward ก็ค่อยๆเอามือสัมผัสที่ใบหน้าฉันอย่างระมัดระวัง และแสนจะอ่อนโยน น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างยินดี จนตัวฉันเองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ ตาของเขาที่จ้องมองฉัน ก็ราวกับจะมีน้ำตาไหลซึมอยู่ในนั้นด้วยเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ตามที เขาค่อยๆโน้มศีรษะมาที่ฉัน ในขณะที่ฉันก็ยืดตัวขึ้นและสวมกอดเขาไว้แน่น



เขาจูบฉันอย่างอ่อนโยน ฉันลืมสิ้นไปว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน เวลาอะไร ลืมทุกคนที่อยู่ในห้อง ลืมเหตุผลทุกอย่าง ฉันจดจำได้แต่เพียงว่า เขารักฉัน เขาต้องการฉัน และฉันก็เป็นของเขาในที่สุด



และแล้วเขาก็ค่อยๆคลายมือออกจากหน้าฉัน แต่ตาคู่นั้นก็ยังคงจ้องมองมา
เขายิ้มให้ฉันอย่างมีความสุข ...​และฉันก็มีความสุขที่สุดเช่นกัน




เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั้งห้อง และเขาก็ค่อยๆพาฉันหันไปเผชิญหน้ากับเพื่อนและครอบครัวของเรา
แต่ฉันก็ยังคงไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าของเขาได้



แม่ของฉันเดินเข้ามาและโอบกอดฉันไว้แน่น ...​นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันละสายตาจาก Edward ได้เป็นสิ่งแรก และแล้วฉันก็ถูกพาไปท่ามกลางแขกเหรื่อ แต่ศูนย์กลางของความสนใจของฉันนั้น ก็ยังคงอยู่ที่มือของเขาที่จับมือฉันไว้แน่น ฉันจำได้ดีถึงความแตกต่างระหว่างความอ่อนนุ่มและความอบอุ่นจากมนุษย์ และความอ่อนโยนและความหนาวเหน็บจากครอบครัวใหม่ของฉัน



Seth เข้ามากอดฉัน ...​เขาผู้ซึ่งเป็นตัวแทนจากเพื่อนมนุษย์หมาป่าที่ฉันสูญเสียไป





 

Create Date : 13 มกราคม 2552   
Last Update : 14 มกราคม 2552 17:27:19 น.   
Counter : 757 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  

BaTT~TaBB
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add BaTT~TaBB's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com