Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 5.2
แสงอาทิตย์พาดผ่านมาบนหลังที่เปล่าเปลือยของฉัน ปลุกให้ฉันตื่นขึ้นในตอนเช้า ...อาจจะเป็นเวลาสายมากแล้วมากกว่า เอ๊ะ หรือว่าบางทีจะเป็นตอนกลางวันแล้วนะ ทุกอย่างนอกเหนือจากเวลาดูชัดเจนไปซะหมด ฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ห้องที่แสนจะสว่างสดใสนี้ กับเตียงสีขาว และแสงแดดจ้าที่ส่องผ่านประตูเข้ามา แต่อย่างน้อยก็ยังมีมุ้งคอยกรองแสงอาทิตย์ออกไปบ้าง ฉันไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้น ฉันมีความสุขเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เสียงเดียวที่ฉันได้ยินก็คือเสียงคลื่นกระทบฝั่งจากด้านนอก เสียงลมหายใจของเรา เสียงหัวใจของฉันเต้น ฉันรู้สึกสบายเหลือเกิน ถึงแม้ว่าจะนอนตากแดดอยู่ ผิวที่แสนจะเย็นยะเยือกของเขาเป็นสิ่งที่ต้านความร้อนในอย่างดี ฉันนอนลงบนแผ่นอกของเขา เขาโอบกอดฉันไว้ ฉันรู้สึกผ่อนคลายเหลือเกิน และสงสัยว่าเมื่อคืนฉันงี่เง่าขนาดไหนที่หวาดกลัวต่อสิ่งนี้ นิ้วของเขาไล้ลงมาตามแนวกระดูกสันหลังของฉัน และฉันรู้ดีว่าเขารู้ว่าฉันตื่นแล้ว ฉันยังคงไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมา และโอบรัดที่คอของเขา กอดเขาแน่นมากขึ้นเพื่อให้ฉันได้ใกล้กับเขามากกว่านี้ เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย แต่นิ้วของเขาก็ยังคงลูบไล้ขึ้นลงที่หลัง สัมผัสผิวหนังที่เปล่าเปลือยของฉัน ฉันยอมที่จะนอนอยู่แบบนี้ไปชั่วกาล ไม่ต้องการที่จะรบกวนช่วงเวลานี้ แต่ร่างกายของฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น ฉันหัวเราะขึ้นมาเมื่อท้องของฉันร้องออกมาเสียงดัง แน่สิ เพราะฉันไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืน "มีอะไรน่าขันนักเหรอ" เขาพึมพำ ยังคงลูบไล้แผ่นหลังของฉัน เสียงของเขาดูจริงจังมาก ทำให้ฉันรู้สึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และฉันก็รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าและลำคอ ท้องของฉันส่งเสียงร้องขึ้นมา ทำให้ฉันหัวเราะอีกครั้ง "เธอแค่หนีความเป็นมนุษย์ไม่ได้นานก็เท่านั้นเอง" ฉันรอฟังปฏิกริยาของเขา แต่เขากลับไม่ได้หัวเราะขึ้นมา และแล้วฉันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอื่น นอกเหนือจากบรรยากาศแห่งความสุขที่ฉันได้รับจากเมื่อคืน ฉันลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือผิวหนังที่ขาวซีดของเขา คางของเขาอยู่เหนือใบหน้าของตัวเอง ฉันจึงใช้ศอกดันตัวขึ้นเพื่อจะได้มองหน้าเขา เขากำลังจ้องไปที่มุ้งเหนือศีรษะ ไม่ได้มองมาที่ฉัน แต่ยังไงก็แล้วแต่ เขาดูท่าทางช๊อคมาก "Edward" ฉันเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้นเหรอ มีอะไรผิดปกติเหรอ" "เธอต้องถามด้วยเหรอ" เสียงของเขาดูเศร้าเหลือเกิน สัญชาตญาณแรกบอกกับฉันว่า จะต้องเป็นอะไรที่ฉันทำผิดไปแน่นอน ฉันคิดทบทวนดูถึงทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ก็ไม่พบเลยว่ามีอะไรที่ไม่ดี มันง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้มาก เราเหมาะสมกันราวกับชิ้นส่วนที่ต่อกัน และยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังทำให้ฉันรู้สึกพึงพอใจได้ว่า เราเข้ากันได้ในทางกายภาพเช่นเดียวกับทางด้านอื่นๆ ไฟกับน้ำแข็งสามารถอยู่คู่กันได้โดยไม่ต้องทำลายซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้แล้ว นี่เป็นหลักฐานว่า ฉันเหมาะสมกับเขาเหลือเกิน ฉันไม่อยากคิดถึงบางอย่างที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ...ช่างดูเย็นชาอย่างประหลาด ... เอ๊ะ หรือว่าฉันพลาดอะไรไป นิ้วของเขาลูบไล้หน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน "เธอคิดอะไรอยู่เหรอ" เขากระซิบ "เธอดูเซ็งมาก ฉันไม่เข้าใจ ฉัน..." สายตาของเขาช่างดูเจ็บปวดเหลือเกิน "เธอเจ็บมากมั้ย Bella บอกความจริงมาเถอะ ไม่ต้องทำให้มันดูแย่น้อยลงด้วย" "เจ็บเหรอ" ฉันทวนคำพูดของเขา ฉันทำเสียงสูงมากกว่าปกติ เพราะว่าฉันกำลังประหลาดใจอย่างมาก เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ปากเม้มแน่น ฉันทำการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ยืดตัวสุดๆโดยอัตโนมัติ ลองขยับแขนขาดู มันอาจจะมีเมื่อยบ้าง กระดูกขยับได้ติดขัด แต่มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ฉันไม่ไดพึงพอใจต่ออะไรสักหน่อย และแล้วฉันก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา เขาทำลายเช้าที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คของฉันด้วยสมมติฐานที่แลดูมองโลกในแง่ร้ายเหลือเกิน "ทำไมเธอถึงสรุปอย่างนั้นกันล่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต" เขาหลับตาลง "หยุดเถอะ Bella" "หยุดอะไรกันล่ะ" "อย่าทำเหมือนว่าฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ยอมตกลงเรื่องอะไรแบบนี้เลยเถอะ" "Edward!!!!!!" ฉันกระซิบ เริ่มรู้สึกเซ็งมากๆแล้วตอนนี้ เขาหาว่า "ความทรงจำที่แสนจะวิเศษของฉัน" เป็นสิ่งที่เลวร้ายงั้นเหรอ "อย่าพูดแบบนั้นนะ" "ดูตัวเธอเองสิ Bella แล้วบอกฉันสิว่าฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาด" ฉันรู้สึกช๊อค และทำตามที่เขาบอกทันที เกิดอะไรขึ้นกับฉันงั้นเหรอ ฉันเริ่มสังเกตเห็นขนนกสีขาวอยู่บนตัวฉัน ฉันสั่นหัวและก็เห็นว่าขนนกเหล่านั้นร่วงหล่นมาจากผมของฉันเหมือนกัน "ทำไมตัวฉันเต็มไปด้วยขนนกล่ะเนี่ย" ฉันถามด้วยความสงสัย เขาถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ "ฉันกัดหมอน อาจจะสองใบด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกเธอหรอกนะ" "เธอกัดหมอนเหรอ ... ทำไมล่ะ" "ดูสิ Bella" เขาเกือบคำรามออกมา เขาจับมือฉัันกางออกไป "ดูนี่สิ" และแล้วฉันก็เห็นในสิ่งที่เขาหมายถึง ภายใต้ขนนกจำนวนมาก มีรอยจ้ำๆสีม่วงอยู่บนแขนของฉันเต็มไปหมด ฉันตามร่องรอยของมันไปที่ไหล่ ลงมาที่สะโพก ฉันกดไปตรงนั้นเบาๆ และก็เห็นว่ามันจางไปเมื่อฉันแตะ แต่แล้วก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาแทบจะไม่โดนตัวฉันเลย แต่เขาค่อยๆวางนิ้วของตัวเองลงที่รอยช้ำบนแขนของฉัน เพื่อให้เห็นว่ารอยเหล่านั้นตรงกับรอยนิ้วมือของเขาพอดิบพอดี "โอ้" ฉันพยายามที่จะนึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจจำมันได้เลย ฉันไม่สามารถนึกอะไรได้เมื่อเขากอดฉันไว้แน่น ฉันจำได้แต่ว่าฉันอยากให้เขากอดฉันให้แน่นกว่านี้ และรู้สึกยินดีเมื่อเขาทำเช่นนั้น "ฉันขอโทษเธอเหลือเกินนะ Bella" เขากระซิบบอกฉันเมื่อมองไปที่รอยช้ำเหล่านั้น "ฉันรู้ดีว่า ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ฉันไม่ควรที่จะ..." เขาพูดอยู่ในลำคอ "ฉันรู้สึกเสียใจเกินกว่าที่บอกเธอได้" ฉันนั่งนิ่งอยู่นานสักพักด้วยความประหลาดใจ พยายามที่จะทำความเข้าใจกับท่าทีของเขา ...มันคือความโศกเศร้าเสียใจ ช่างแตกต่างกับสิ่งที่ฉันรู้สึกเหลือเกิน ความรู้สึกตกใจค่อยๆเลือนรางหายไป เหลือแต่ความว่างเปล่า ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ฉันจะอธิบายให้เขาเข้าใจให้ถูกต้องยังไงดีนะ จะทำยังไงถึงจะทำให้เขารู้สึกมีความสุขเหมือนที่ฉันเป็นเมื่อช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันแตะแขนเขา และเขาไม่ตอบสนอง ฉันรวบข้อมือเขา พยายามดึงแขนที่ซบอยู่ที่หน้าของเขาออก แต่ฉันไม่มีแรงพอที่จะทำได้ "Edward" เขาไม่ขยับ "Edward??" ไม่มีอะไรเกิดขึ้น งั้นฉันก็คงต้องพูดอยู่ฝ่ายเดียว "ฉันไม่รู้สึกเสียใจเลยนะ Edward ฉันมีความสุขเหลือเกิน อย่าโกรธไปเลยนะ ฉันสบ...." "อย่าบอกเลยว่าเธอสบายดี" น้ำเสียงของเขาช่างดูเย็นชา "ถ้าเธอยังเห็นว่าฉันเป็นคนสติดีอยู่ล่ะก็ อย่าบอกว่าเธอสบายดีอีกเป็นอันขาด" "แต่ฉันสบายดีจริงๆนะ" ฉันกระซิบบอกเขา "Bella" น้ำเสียงของเขาแลดูคร่ำครวญ "อย่า" "ไม่ เธอต้องไม่นะ Edward" เขาเอาแขนออกไป และจ้องมองมาที่ฉันอย่างเป็นกังวล "อย่าทำลายมันนะ" ฉันบอกเขา "ฉันมีความสุขมาก" "ฉันพึ่งจะทำลายมันไปเอง" เขากระซิบ "อย่าไปคิดถึงมันสิ" ฉันได้ยินเสียงเขากัดฟันกรอด "อ้ากส์" ฉันคำราม "ทำไมเธอถึงอ่านใจฉันไม่ได้กันนะ มันช่างไม่สะดวกเอาซะเลย" ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย "นั่นมันแปลกนะ เธอชอบที่ฉันอ่านใจเธอไม่ได้นี่นา" "ไม่ใช่วันนี้" เขาจ้องมองฉัน "ทำไมกันล่ะ" ฉันสะบัดตัวไปมาด้วยความรำคาญ เริ่มรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณไหล่แต่ฉันไม่สนใจมัน ฉันวางฝ่ามือลงบนแผ่นอกของเขา "เพราะว่าเรื่องงี่เง่าแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเธอสามารถอ่านใจฉันได้ในตอนนี้นะสิ หรือว่าเมื่อห้านาทีที่แล้วที่ฉันมีความสุขเหลือเกิน แต่นี่มันหายไปหมดแล้ว ฉันเริ่มโกรธจริงๆแล้วนะ" "เธอสมควรแล้วที่จะโกรธฉัน" "อ๋อ ใช่สิ แล้วเธอรู้สึกดีขึ้นมั้ยล่ะ" เขาถอนหายใจ "ไม่ ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นได้ในตอนนี้เลย" "นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมฉันถึงโกรธมากๆ เธอทำมันพังหมดเลย Edward" เขาส่ายหัวเบาๆ ฉันสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ฉันเริ่มรู้สึกเมื่อยล้ามากขึ้น แต่มันก็ไม่แย่ขนาดนั้น มันก็แค่เหมือนยกเวทมาทั้งวันเท่านั้นเอง ฉันเคยยกเวทสิบปอนด์ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ Renee บ้าเข้าฟิตเนสมากๆ ฉันแทบเดินไม่ได้ในวันรุ่งขึ้น แต่นี่เมื่อยไม่ได้ครึ่งของตอนนั้นเลย ฉันกล้ำกลืนความรู้สึกรำคาญที่เกิดขึ้น และพยายามทำเสียงให้ผ่อนคลาย "เราก็รู้ดีนี่นาว่ามันไม่ง่ายนักหรอก แต่แล้วมันก็ง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้มาก นี่มันแทบไม่มีอะไรเลย" ฉันใช้นิ้วปัดไปมาที่ท่อนแขนของฉัน "ฉันคิดว่าครั้งแรกของเราน่ะ เราทำมันได้เยี่ยมมากเลยนะ ด้วยการฝึกฝนสักเล็กน้อย..." ทันใดนั้นเอง ปฏิกริยาของเขาก็ดูน่ากลัวเหลือเกินจนทำให้ฉันต้องหยุดพูดกลางคัน "นี่เธอคาดว่า เธอจะเป็นอย่างนี้เหรอ Bella เธอคิดว่าฉันจะทำร้ายเธอเหรอ เธอคิดว่ามันน่าจะเลวร้ายกว่านี้อีกเหรอ นี่เธอคิดว่าเราประสบความสำเร็จเพราะว่าเธอสามารถหลีกหนีความเจ็บปวดได้เหรอ การที่เธอไม่ได้กระดูกหักไม่ได้แปลว่าเราประสบความสำเร็จหรอกนะ" "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันคาดไม่ถึงเลยว่า มันจะยอดเยี่ยมและเพอร์เฟ็คต์ขนาดนี้" เสียงของฉันเบาลงจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ สายตาของฉันเลื่อนลงมาที่มือของตัวเอง "ฉันหมายถึง ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้สึกกับมันยังไง แต่สำหรับฉันมันวิเศษมาก" นิ้วของเขาค่อยๆเชยคางฉันขึ้นมา "นี่คือสิ่งที่เธอกังวลหรอกเหรอ" เสียงเขาเอ่ยรอดไรฟันออกมา "ที่เธอคิดว่าฉันไม่ได้มีความสุขเนี่ยอ่ะนะ" ฉันหลุบตาต่ำลง "ฉันรู้ว่ามันไม่เหมือนกัน เธอไม่ใช่มนุษย์ ฉันแค่พยายามที่จะอธิบายมันก็แค่นั้นเอง ... ในมุมมองของมนุษย์น่ะ ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้" เขาเงียบไปเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายเขาก็มองขึ้นมา สีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้นแล้วตอนนี้ "ดูเหมือนว่าฉันจะต้องขอโทษเธออีกเยอะเลย" เขาเอ่ยอย่างเศร้าโศก "ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าความรู้สึกของฉันต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันจะเลวร้ายขนาดนั้น เอ่อ จริงๆแล้ว ...มันเป็นค่ำคืนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ แต่ฉันไม่ต้องการจะคิดแบบนั้น ไม่ต้องการเมื่อเธอ..." ปากของฉันเม้มเป็นขอบนูนขึ้น "จริงเหรอ ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา" ฉันถามเขาเสียงเล็ก "ฉันเคยคุยกับ Carlisle หลังจากที่เราตกลงกัน หวังว่าเขาจะช่วยฉันได้ แน่นอนว่าเขาเตือนฉันว่ามันจะเป็นอันตรายสำหรับเธอ แต่เขามีศรัทธาในตัวฉัน ...ศรัทธาที่ฉันไม่สมควรจะได้รับมัน" ฉันกำลังจะค้านคำพูดนั้น แต่เขาใช้สองนิ้วปิดปากฉันเสียก่อน "ฉันถามเขาเหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างสำหรับฉัน .... เมื่อฉันเป็นแวมไพร์" เขายิ้มอย่างเนือยๆ "Carlisle บอกฉันว่า มันช่างมีพลังมหาศาลแตกต่างจากอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง เขาบอกฉันว่าความสัมพันธ์ทางกายไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรจะให้ความสำคัญกับมันน้อยเลย เพราะว่าพวกเราเป็นพวกที่ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ อารมณ์ที่รุนแรง แข็งกร้าว อาจจะเปลี่ยนเราไปได้อย่างถาวร แต่เขาบอกว่าฉันไม่ต้องกังวลถึงตรงนั้น เพราะเธอได้เปลี่ยนแปลงฉันไปอย่างสมบูรณ์แล้ว" คราวนี้เขามีรอยยิ้มที่ดูจริงใจมากขึ้น "ฉันคุยกับพี่น้องของฉันด้วยเหมือนกัน เขาบอกฉันว่ามันเป็นความสุข ความพึงพอใจอย่างที่สุด รองลงมาแค่การได้ดื่มเลือดมนุษย์เท่านั้น แต่ฉันเคยลิ้มรสเลือดมนุษย์ และฉันรู้สึกว่าสิ่งนั้นกลับยิ่งทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าการได้ดื่มเลือดมนุษย์เสียอีก ฉันไม่ได้คิดว่าพวกเขาผิดหรอกนะ เพียงแต่ในกรณีของเรา มันอาจจะมีบางสิ่งกว่านั้น" "มันมีบางสิ่งกว่านั้น เพราะมันคือทุกสิ่งทุกอย่างไง" "แต่มันก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ฉันได้ทำผิดลงไป ถึงแม้ว่ามันจะพอเป็นไปได้ที่เธอจะมีความสุขมากมายจริงๆ" "นั่นมันหมายความว่าอย่างไรกัน เธอคิดว่าฉันแต่งเรื่องโกหกเธอเหรอไง ทำไมล่ะ" "เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจ ฉันไม่สามารถมองข้ามต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรอกนะ Bella หรือเรื่องในอดีตที่เธอเกือบทำให้ฉันเผลอตัวเผลอใจเมื่อฉันกำลังจะทำความผิด" ฉันจับคางของเขา และยื่นหน้าเข้าไปใกล้ "นายฟังฉันนะ Edward Cullen ฉันไม่ได้เสแสร้งอะไรเพื่อทำให้นายรู้สึกดีขึ้น โอเค๊ ฉันไม่รู้ถึงเหตุผลที่เธอมานั่งคร่ำครวญเศร้าโศกอย่างนี้ด้วยซ้ำ แต่ฉันกล้าพูดได้เลยว่า ฉันไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนในชีวิตฉัน ฉันไม่ได้มีความสุขขนาดนี้เมื่อเธอบอกว่าเธอรักฉันมากกว่าที่ต้องการจะฆ่าฉัน หรือเช้าวันแรกที่ฉันตื่นขึ้นมาและพบว่าเธอนั่งรอฉันตื่นขึ้น หรือแม้กระทั่งตอนที่ฉันได้ยินเสียงเธอที่โรงเรียนสอนบัลเล่ต์ หรือเมื่อเธอเอ่ยยอมรับฉันเป็นภรรยา และฉันตัดสินใจแล้วว่าบางทีฉันอาจจะเก็บเธอไว้อย่างนี้ตลอดกาล นี่เป็นความทรงจำที่มีความสุขที่สุดสำหรับฉัน และดียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเผชิญหน้ากับมันซะ" เขาสัมผัสที่เส้นระหว่างคิ้วของฉันอย่างแผ่วเบา "ฉันคงทำให้เธอไม่มีความสุขแล้วสิตอนนี้ ฉันไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้เลย" "งั้นเธอก็อย่าทำเหมือนเธอไม่มีความสุขสิ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอทำผิดไปในตอนนี้" เขาพยักหน้าอย่างช้าๆ "เธอพูดถูกแล้ว อดีตคืออดีต ฉันคงเปลี่ยนแปลงอะไรมันไม่ได้แล้ว มันไม่มีประโยชน์เลยที่จะทำให้เธออารมณ์เสียตอนนี้ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุขนะ" ฉันมองใบหน้าเขาด้วยความฉงน ในขณะที่เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน "อะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันมีความสุขงั้นเหรอ" แต่ท้องของฉันดันร้องขึ้นมา "เธอหิวแล้วล่ะ" เขาเอ่ยอย่างรวดเร็ว แล้วก็ลุกขึ้นจากเตียง ปัดขนนกที่อยู่รอบๆตัวเรา "บอกฉันได้มั้ยว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอทำลายหมอนของ Esme กันน่ะ" ฉันถามเขาในขณะที่นั่งอยู่บนเตียง พยายามเขย่าหัวเพื่อให้ขนนกเหล่านั้นหล่นลงมา เขาสวมกางเกงเรียบร้อยแล้ว และยืนอยู่ข้างประตู ปัดขนนกออกจากผมของตัวเอง "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันทำอะไรไปเมื่อคืน" เขาพึมพำ "แต่เราช่างโชคดีเหลือเกินที่เป็นหมอนใบนั้น ไม่ใช่เธอ" เขาถอนหายใจยาว และพยายามสลัดความคิดเรื่องเมื่อคืนออกไป เขาพยายามที่จะส่งยิ้มมาให้ฉัน แต่ฉันเดาว่าเขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงแน่ ฉันค่อยๆเลื่อนตัวลงจากเตียง และยืดตัวออก ...เริ่มรู้สึกตัวว่ามีจุดที่ปวดหลายแห่ง "ฉันดูน่าเกลียดมากมั้ย" ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เขาได้ยินคำถามของฉันแต่กลับไม่ได้หันมา และยังคงซ่อนใบหน้าจากฉันไม่ให้เห็น ฉันเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อสำรวจตัวเอง ฉันมองตัวเองในกระจกบานใหญ่หลังประตู สภาพของฉันแย่กว่าที่ฉันคิดไว้ มีรอยจ้ำๆอยู่บริเวณแก้ม ริมฝีปากบวมเจ่อ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยจ้ำๆสีฟ้าและสีม่วง ทั้งบริเวณแขนและหัวไหล่ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่นา แต่มันก็อาจจะพึ่งเป็นรอยเกิดขึ้น มันอาจจะแย่ลงก็ได้ ฉันมองไปที่ผมของฉัน แล้วก็กรีดร้องขึ้นมาด้วยความเซ็งทันที "Bella?" เขามายืนอยู่ข้างหลังฉันทันทีเมื่อฉันทำเสียงอย่างนั้น "ฉันจะเอามันออกไปจากผมฉันยังไงกันเนี่ย" ฉันมองไปที่ผมของฉัน ที่กลายเป็นรังนกขนาดใหญ่ ฉันค่อยๆหยิบขนนกออก "นี่เธอเป็นกังวลเรื่องผมของเธอเหรอ" เขาเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ ในขณะที่ช่วยดึงขนนกออกจากผมของฉัน "เธอจะไม่หัวเราะมันได้อย่างไรกันล่ะ มันดูงี่เง่ามากเลยเนี่ย" เขาไม่ตอบ แต่ฉันก็รู้แล้วล่ะว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขารู้สึกมีอารมณ์ขันได้ในเวลานี้หรอก "นี่มันไม่เวิร์คหรอก" ฉันถอนหายใจด้วยความเซ็ง "มันแห้งหมดแล้ว ฉันต้องพยายามล้างมันออกไปน่ะ" ฉันหมุนตัวกลับไปกอดเขาไว้ "เธออยากจะช่วยฉํนมั้ย" "ฉันไปหาอะไรให้เธอทานดีกว่า" เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเงียบงัน และค่อยๆปลดแขนฉันออก ฉันถอนหายใจเมื่อเขาหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าฮันนีมูนของเราจะจบลงแล้ว ฉันรู้สึกจุกอยู่ที่คอ เมื่อฉันเกือบจะไม่มีขนนกอยู่บนตัวแล้ว ฉันก็เริ่มแต่งตัวด้วยชุดผ้าฝ้ายสีขาว ปกปิดรอยช้ำสีม่วงๆบนร่างกาย และเดินด้วยเท้าเปล่าไปในที่ที่ฉันได้กลิ่นไข่ เบคอน และชีส Edward ยืนอยู่หน้าเตา กำลังทอดไข่ในกะทะ กลิ่นของอาหารทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ฉันรู้สึกราวกับว่าตัวเองจะกินกะทะและจานก็ยังได้ "นี่" เขายิ้มให้ฉัน พร้อมกับส่งจานที่มีอาหารมาให้ ฉันนั่งอยู่ตรงหน้าไข่ดาวที่พึ่งสุกใหม่ๆ ฉันกินมันเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนว่าคอของฉันจะพองขนาดไหน เขานั่งลงตรงข้ามฉัน "ฉันไม่ได้ให้เธอทานอาหารอย่างเพียงพอเลย" ฉันกลืนอาหารลงไป และบอกเขาไปว่า "ฉันหลับไปต่างหาก นี่ รสชาติดีมากเลยนะ สำหรับคนที่ไม่เคยทานอะไรอย่างเธอ" "เครือข่ายอาหารน่ะ" เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันชอบที่สุด ฉันมีความสุขที่ได้เห็นมัน มีความสุขที่เขาเริ่มกลับเป็นปกติอีกครั้ง "ไข่มาจากไหนกันเหรอ" "ฉันบอกให้คนทำความสะอาดซื้อเก็บไว้ในครัวน่ะ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องให้พวกเขาจัดการกับขนนกซะก่อน" ฉันไม่ได้มีปฏิกริยาอะไร เพราะฉันไม่ต้องการทำให้เขารู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีก "ขอบคุณนะ" ฉันบอกเขา โน้มตัวไปจูบเขา เขาจูบฉันกลับอย่างอัตโนมัติ และแล้วก็ถอนตัวออกไป ฉันมองเขาด้วยความขัดใจ และตัดสินใจถามเขา น้ำเสียงของฉันดูเหมือนการกล่าวหาเขาซะมากกว่า "เธอจะไม่แตะต้องฉันอีกเลยใช่มั้ย" เขารั้งรอ และทำเป็นยิ้มให้ฉัน พร้อมกับยื่นมือมาปัดแก้มฉันเบาๆ "เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" เขาถอนหายใจและลดมือลง "เอาเป็นว่า เธอพูดถูกล่ะกัน" และเขาก็พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น "ฉันจะไม่มีอะไรกับเธอจนกว่าเธอจะกลายเป็นแวมไพร์ ฉันจะไม่ทำร้ายเธออีกแล้ว"
Free TextEditor
Create Date : 19 มกราคม 2552 |
| |
|
Last Update : 19 มกราคม 2552 21:37:05 น. |
| |
Counter : 701 Pageviews. |
| |
|
|