Breaking Dawn (Twilight Saga IV) Copyright for non-commercial use ONLY
 
 

Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 7.2

ตอนนี้ฉันกำลังครุ่นคิดถึงข้อเท็จจริง ความทรงจำ และคาดคะเนสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่อีกส่วนหนึ่ง ส่วนที่ควบคุมร่างกายของฉันให้ขยับ มันหยุดทำงานไปแล้ว ฉันไม่อาจขยับปากที่จะพูดถึงแม้ว่าฉันอยากจะขอร้อง Edward ให้อธิบายว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ฉันอยากกลับไปหาที่ๆเขานั่งอยู่ ไปแตะตัวเขา แต่ร่างกายของฉันกลับไม่ทำตาม ฉันได้แต่จ้องมองตัวเองในกระจก



และแล้วฉันก็นึกถึงฝันร้ายเมื่อคืน ทุกสิ่งที่ฉันเห็นในกระจกดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยก็ตาม



สิ่งที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปคือก้อนนุ่มๆใต้ฝ่ามือของฉัน ในร่างกายของฉันนี่ต่างหาก



ในเวลาเดียวกัน มือถือของ Edward ดังขึ้น แต่เราทั้งคู่ไม่มีใครขยับเลย มันดังซ้ำแล้วซ้ำอีก ฉันพยายามจะไม่สนใจมันในขณะที่เอานิ้วกดที่ท้องไปด้วย เงาในกระจกของฉันไม่ตื่นกลัวอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นสงสัยแทน ฉันแทบไม่สังเกตเลยว่าน้ำตาฉันไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่



เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ฉันหวังให้ Edward รับมันเสียที



กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง



ในที่สุด ความรำคาญต่อเสียงนั้นก็ชนะทุกสิ่ง ฉันเดินไปหา Edward อย่างระมัดระวัง ระวังมากขึ้นกว่าเดิมพันเท่า ฉันเอื้อมไปหยิบมือถือในกระเป๋าของเขา ฉันหวังว่าเขาจะเอามือถือกลับคืนไปและเป็นคนรับโทรศัพท์เอง แต่เขาก็ยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม



ฉันจำเบอร์นี้ได้ เดาได้เลยว่าทำไมเธอถึงโทรมา



"สวัสดีจ้ะ Alice" เสียงของฉันไม่ได้ดีขึ้นไปมากกว่าเมื่อสักครู่



"Bella เธอโอเคมั้ย"



"อืม Carlisle อยู่ที่นั่นมั้ย"



"อยู่จ้ะ มีปัญหาอะไรเหรอ"



"ฉันไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ แต่ว่า..."




"Edward โอเคมั้ย" เธอถามอย่างเป็นกังวล เธอเรียก Carlisle ให้มารับโทรศัพท์ "แล้วทำไมเขาไม่มารับโทรศัพท์เองล่ะ"


ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามข้อแรกของเธอ



"ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน"



"Bella เกิดอะไรขึ้นเหรอ ฉันพึ่งเห็น..."




"เธอเห็นอะไรเหรอ"




เงียบ .... "นี่ Carlisle มาแล้วจ้ะ" เธอเอ่ยขึ้นมา



ฉันรู้สึกราวกับถูกฉีดน้ำเย็นเข้าสู่เส้นเลือด ถ้า Alice เห็นฉันในอนาคตว่าฉันกำลังอุ้มเด็กน้อยตาสีเขียวบนแขนของฉัน เธอจะบอกฉันมั้ย




ในขณะที่ฉันรอให้ Carlisle รับโทรศัพท์นั้น ฉันก็จินตนาการถึงอนาคตของฉันที่ Alice มองเห็น เด็กน้อยที่แสนจะน่ารัก งดงามกว่าเด็กในฝันของฉัน อยู่ในอ้อมแขนของ Edward ฉันรู้สึกอบอุ่นทันทีเมื่อคิดถึงมัน ขับไล่ความหนาวเย็นไปหมดสิ้น




"Bella นี่ฉันเอง Carlisle เกิดอะไรขึ้น"



"ฉัน..." ไม่แน่ใจว่าจะตอบคุณยังไงเหมือนกัน เขาจะหัวเราะกับข้อสรุปของฉันมั้ย บอกฉันหน่อยว่าฉันบ้าไปแล้ว หรือว่าฉันกำลังฝันไปกันแน่ "ฉันรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับ Edward นิดหน่อยน่ะค่ะ แวมไพร์สามารถรู้สึกช๊อคได้มั้ย"




"เขาถูกทำร้ายเหรอ" Carlisle ถามอย่างตื่นตระหนก



"ไม่ๆ ไม่ค่ะ" ฉันทำให้เขามั่นใจ "แค่ประหลาดใจมากๆก็เท่านั้นเอง"




"ฉันไม่เข้าใจเลย BElla"



"ฉันคิดว่า ... อืมม คิดว่า อาจจะ .... ฉันอาจจะ..." ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ "ตั้งครรภ์น่ะค่ะ"




ราวกับว่าสิ่งนั้นจะรับรู้ได้ ฉันรู้สึกปวดตุบๆที่ท้องอีกครั้งหนึ่ง มือของฉันเลื่อนไปแตะมันทันที




หลังจากเงียบไปนาน Carlisle ก็ถามว่า



"เธอมีเมนส์วันสุดท้ายเมื่อไหร่"



"สิบหกวันก่อนวันแต่งงานค่ะ" ฉันนั่งนับวันไปหลายต่อหลายครั้งจึงทำให้ฉันตอบเขาด้วยความมั่นใจ



"เธอรุ้สึกยังไงบ้าง"



"แปลกมากค่ะ" ฉันบอกเขา และเสียงของฉันก็แตกพร่า น้ำตาฉันไหลลงมาอาบแก้ม "ฉันว่ามันบ้าไปกันใหญ่แล้วล่ะ คุณดูนะ ฉันรู้ว่ามันเร็วไปที่จะคิดถึงเรื่องนั้น บางทีฉันอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ แต่ฉันก็ฝันแปลกๆมาตลอด และทานอาหารตลอดเวลา ฉันสาบานได้เลยว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของฉันตอนนี้"



หัวของ Edward ผงกขึ้นมา



ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก



Edward ขอโทรศัพท์จากฉัน หน้าของเขาซีดไปหมด



"ฉันคิดว่า Edward อยากคุยกับคุณค่ะ"



"ยื่นโทรศัพท์ให้เขาเลย" Carlisle เอ่ยออกมาอย่างเคร่งเครียด



ฉันไม่แน่ใจว่า Edward จะพูดได้หรือไม่ แต่ฉันก็วางโทรศัพท์ไว้บนมือที่เขายื่นออกมารับ



เขาวางโทรศัพท์แนบกับหู "เป็นไปได้มั้ย" เขากระซิบถาม



เขาฟัง Carlisle พูดอยู่นาน สายตาจ้องไปที่ความว่างเปล่าเบื้องหน้า




"แล้ว Bella ล่ะ" เขาเอ่ยถาม แขนของเขาโอบรอบฉันในขณะที่พูดไปด้วย ดึงฉันให้ไปอยู่ข้างๆเขา




เขาฟัง Carlisle พูดเป็นเวลานาน แล้วก็พูดว่า "ครับ ครับ ได้ครับ"



เขาลดโทรศัพท์ลง และกดปุ่มวางสาย แล้วเขาก็กดเบอร์ใหม่ทันที



"Carlisle บอกอะไรบ้างเหรอ" ฉันถามอย่างอดรนทนไม่ไหว



Edward ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไร้ชีวิตชีวาว่า "เขาคิดว่าเธอท้องน่ะ"




คำพูดนั้นทำให้ฉันรู้สึกร้อนไปทั่วกระดูกสันหลัง และรู้สึกตุบๆในท้องทันที




"เธอกำลังโทรหาใครเหรอ" ฉันถามเขาในขณะที่เขาเอาโทรศัพท์แนบกับหู




"สนามบินน่ะ เรากำลังจะกลับบ้านกัน"




Edward คุยโทรศัพท์ไม่หยุดเลยเป็นเวลาชั่วโมงกว่า ฉันเดาว่าเขาคงหาเที่ยวบินพาเรากลับบ้าน แต่ฉันไม่แน่ใจเพราะว่าเขาไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ ฟังเหมือนเขากำลังเถียงกับใครอยู่ เพราะเขาพูดผ่านไรฟันบ่อยมาก



ในขณะที่เขาเถียงไป เขาก็แพคกระเป๋าไป เขาเคลื่อนไหวไปรอบๆห้องราวกับทอร์นาโด เขาวางเสื้อผ้าของฉันบนเตียงโดยไม่มองมันเลยด้วยซ้ำ ฉันจึงคิดเอาเองว่าเขาคงอยากให้ฉันแต่งตัว เขายังคงเถียงกับคนอื่นอยู่ในขณะที่ฉันเปลี่ยนชุด




เมื่อฉันไม่อาจทนรังสีอำมหิตรอบตัวเขาได้อีกต่อไป ฉันจึงผละออกมาจากห้อง ท่าทีของเขาทำให้ฉันรู้สึกปวดท้อง ฉันจะรออยู่ข้างนอกจนกว่าเขาจะอารมณ์ดีขึ้น ฉันไม่อาจพูดคุยกับ Edward ในตอนนี้ได้เลย ... เขาทำให้ฉันรู้สึกกลัว




แล้วก็อีกครั้งหนึ่ง ฉันเดินมาที่ห้องครัว มีเพรซเซลถุงใหญ่อยู่ในตู้ ฉันคว้าไปหยิบมันมา นั่งเครี้ยวไปในขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูทราย หิน ต้นไม้ และท้องทะเล ทุกอย่างส่องประกายวิบวับใต้แสงพระอาทิตย์




มีใครบางคนถองฉันเบาๆ



"ฉันรู้ ... ฉันก็ไม่อยากไปเหมือนกัน"




ฉันมองออกนอกหน้าต่างไปสักพัก แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้มีปฏิกริยาอะไรอีก




"ฉันไม่เข้าใจ มันมีอะไรผิดปกติที่นี่เหรอ"



ประหลาดใจ แน่นอน แปลกใจด้วยเช่นกัน แต่อะไรผิดปกติเหรอ



ไม่มีหรอก




แล้วทำไม Edward ต้องโมโหขนาดนั้นด้วยนะ เขาเป็นตัวตั้งตัวตีอยากให้มีพิธีงานแต่งงานไม่ใช่เหรอ




ฉันพยายามหาเหตุผลให้ตัวเอง




อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยากให้เรากลับบ้านทันทีเลยก็ได้ เขาอยากให้ Carlisle ตรวจฉัน เพื่อให้แน่ใจว่าข้อสันนิษฐานของฉันถูกต้อง ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะไม่สงสัยถึงสิ่งข้อสันนิษฐานนั้นแล้วก็ตาม พวกเขาอาจจะอยากรู้ก็ได้ว่าทำไมฉันถึงได้ตั้งครรภ์แล้ว แถมยังรู้สึกเหมือนมีอะไรร่างกายฉันอีก นี่มันไม่ปกติแน่นอน




ครั้งหนึ่งฉันก็เคยคิดถึงสิ่งนี้ ฉันแน่ใจว่าฉันท้องแน่ เขากังวลมากเกี่ยวกับเรื่องเด็ก นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นอย่างนั้นก็ได้


แต่สมองของฉันทำงานช้ากว่าเขา ฉันไม่สามารถสลัดภาพเด็กคนนั้นที่อยู่ในอ้อมกอดของฉัน .... เด็กที่มีตาสีเขียวมรกตของ Edward เหมือนเมื่อตอนเขาเป็นมนุษย์ ...  ออกไปจากความคิดได้เลย ฉันหวังว่าเขาจะหน้าตาเหมือน Edward




มันน่าขันซะเหลือเกินที่ฉันกำลังจินตนาการถึงมโนภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น สัมผัสแรกจากเด็กคนนั้นได้เปลี่ยนแปลงโลกของฉันไปแล้วสิ้นเชิง ฉันเคยคิดอยู่เสมอว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากเขา ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสอง ไม่มีเส้นแบ่งกั้นความรักจากฉันระหว่างพวกเขาอีกต่อไป มันไม่ก็เป็นอย่างนั้นเลยซะทีเดียว มันเหมือนหัวใจของฉันพองโต และขยายขนาดเป็นสองเท่า ที่ๆเพิ่มขึ้นมาถูกเติมเต็มโดยสมบูรณ์โดยเด็กคนนั้น



ฉันไม่อาจเข้าใจความเจ็บปวดของ Rosalie เมื่อก่อนหน้านี้ ฉันไม่อาจจะจินตนาการได้ถึงภาพตัวเองเป็นแม่คน เพราะฉันไม่เคยต้องการที่จะเป็น มันง่ายเหลือเกินสำหรับฉันที่บอก Edward ว่าฉันไม่แคร์หรอกว่าจะมีลูกให้เขาได้หรือไม่ เพราะว่าจริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้ต้องการ



ฉันไม่เคยชอบเด็กมาก่อนในชีวิต พวกนั้นดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ส่งเสียงดังตลอดเวลา แล้วก็ทำสกปรกไปทั่ว เมื่อคิดว่าแม่จะมีลูกชายสักคน ฉันก็หวังให้เป็นพี่ชาย..คนที่จะดูแลฉันมากกว่า




เด็กคนนั้น ลูกของ Edward มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย










TBC




 

Create Date : 22 มกราคม 2552   
Last Update : 22 มกราคม 2552 9:55:38 น.   
Counter : 690 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Episode 7.1

7. สิ่งที่ไม่คาดคิด (Unexpected)


 


ความดำมืดปกคลุมร่างกายฉันราวกับหมอกร้าย ฉันเห็นตาสีแดงสดของพวกเขาส่องประกายด้วยแรงปรารถนา ....​แรงปรารถนาที่จะฆ่า


ริมฝีปากเผยอออก เผยให้เห็นฟันที่แหลมคม บางคนคำราม บางคนยิ้ม


 


ฉันได้ยินเสียงเด็กคนหนึ่งร้องครวญครางข้างหลังฉัน แต่ฉันไม่กล้าหันไปมอง ถึงแม้ว่าฉันอยากจะรู้ใจจะขาดว่าเขายังปลอดภัยอยู่หรือไม่ แต่ฉันก็ไม่กล้าละสายตาจากสิ่งที่ฉันมองอยู่ตรงนี้


 


 


พวกนั้นเคลื่อนกายเข้ามาใกล้มากขึ้น เสื้อคลุมสีดำปกคลุมการเคลื่อนไหวของพวกมัน ฉันเห็นมือที่แสนจะซีดบิดเบี้ยวของพวกนั้น


พวกมันเริ่มที่จะแยกออกจากกัน ล้อมพวกเราจากทุกทิศทาง พวกเรากำลังจะตาย


 


 


และแล้วแสงก็สว่างวาบไปหมด ทำให้บรรยากาศรอบตัวแปรเปลี่ยนไป แต่ไม่มีอะไรจะหยุดไม่ให้พวก Volturi ค่อยๆขยับมาฆ่าพวกเราได้ เหตุการณ์ทุกอย่างราวกับรูปภาพที่ฉันเห็น แต่ทันใดนั้น ฉันรู้สึกกระหายเหลือเกิน ความตกใจกลัวแปรเปลี่ยนเป็นแรงกระหายในเลือดยิ่งทำให้ฉันเคลื่อนไหวไปข้างหน้า รอยยิ้มบนหน้าของฉัน เสียงคำรามดังรอดออกมาจากไรฟัน


 


ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝัน


 


ห้องทั้งหมดเป็นสีดำ อากาศช่างร้อนเหลือเกิน เหงื่อไหลเต็มเส้นผมฉันไปหมด และไหลย้อยลงมาถึงที่คอ


 


 


ฉันคว้าจับผ้าห่มข้างๆ และพบว่ามันว่างเปล่า


 


"Edward?"


 


 


แต่แล้ว นิ้วของฉันก็เจอกับบางอย่างที่แบนทื่อ เป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพับครึ่งไว้ ฉันหยิบเอากระดาษโน้ตขึ้นมา และลุกขึ้นเดินหาแสงไฟ


 


โน้ตแผ่นนั้นระบุจ่าหน้าถึง Mrs.Cullen


 


ฉันหวังว่าเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาและพบว่าฉันหายตัวไป แต่ถ้าเธอตื่นขึ้น ฉันจะรีบกลับมาในไม่ช้า ฉันออกเดินทางไปที่แผ่นดินใหญ่เพื่อล่าเท่านั้น 


กลับไปนอนเถอะ ฉันจะกลับมาที่นี่เมื่อเธอตื่นขึ้นอีกครั้ง ฉันรักเธอ 


 


ฉันถอนหายใจ เรามาที่นี่เกือบจะสองอาทิตย์แล้ว ดังนั้นฉันจึงคาดไว้แล้วว่าเขาจะต้องออกไปบ้าง แต่ฉันไม่ได้สังเกตวันเวลาที่ผ่านไปเลย ดูเหมือนว่าเราจะมีชีวิตอยู่เหนือกาลเวลา ...​เวลาที่ค่อยๆผ่านไปท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะวิเศษนี้


 


ฉันเช็ดเหงื่อบริเวณหน้าผาก รู้สึกตัวตื่น ถึงแม้ว่านาฬิกาจะบอกเวลาว่าเป็นตีหนึ่งแล้วก็ตามที ฉันรู้ว่าฉันไม่เคยหลับในที่ที่ร้อนและเหนียวเหนอะหนะขนาดนี้ ถ้าฉันจะปิดไฟและหลับตาลง ฉันก็แน่ใจว่าฉันจะเห็นสัตว์ประหลาดสีดำพวกนั้นในหัวของฉันอย่างแน่นอน


 


 


ฉันจึงตื่นขึ้นและเดินอย่างไร้จุดหมายไปในความมืด เดินไปเปิดไฟ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ช่างกว้างใหญ่และว่างเปล่าเหลือเกินเมื่อไม่มี Edward อยู่ด้วย 


 


ฉันเดินมาหยุดที่ห้องครัว ตัดสินใจว่าฉันอาจจะต้องการอาหารเพื่อทำให้จิตใจสงบลง


 


ฉันเดินหาวัตถุดิบไปรอบๆจนพบกับสิ่งที่จำเป็นทุกอย่างที่จะทำไก่ทอด


ฉันจึงทอดไก่ในกะทะ กลิ่นของมันโอเคเลยเดียว ฉันรู้สึกวิตกกังวลน้อยลงเมื่อเสียงน้ำมันกระเด็นทำลายความเงียบไปได้บ้าง


 


 


เพราะกลิ่นของมัน ฉันจึงเริ่มกินไก่ในกะทะเลย ซึ่งมันก็ทำให้ลิ้นฉันเกือบไหม้ พอกัดไปได้ห้าถึงหกคำ มันก็เริ่มเย็นกำลังพอดี


ฉันเริ่มเคี้ยวช้าลง มีรสชาติอะไรแปลกไปเหรอ ฉันค่อยๆลิ้มรสไก่ แต่ก็ไม่รับรู้ถึงรสอะไรเลย ฉันสงสัยอย่างมากจึงลองกัดดูอีกครั้ง อ้ากส์ นั่นมันแย่มากเลย ฉันบ้วนมันลงอ่างล่างมือ และทันใดนั้นเองกลิ่นของไก่และน้ำมันก็ทำให้ฉันรู้สึกวิงเวียน ฉันหยิบทั้งจานเทลงไปที่ถังขยะ และเปิดหน้าต่างเพื่อระบายกลิ่นออก ลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น


 


ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน แต่ฉันไม่ต้องการที่จะกลับไปห้องที่แสนจะร้อนนั่นอีกครั้ง ดังนั้นฉันจึงเปิดหน้าต่างและเดินไปห้องที่ดูทีวี ฉันนั่งลงบนโซฟา เปิดหนังเรื่องเดิมที่เราเคยดูด้วยกันมาแล้ว และผลอยหลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเพลงเปิดเรื่อง


 


 


เมื่อฉันลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พระอาทิตย์ก็อยู่กลางท้องฟ้าแล้ว แต่มันก็ไม่สว่างพอที่จะปลุกฉันขึ้นมา มือเย็นๆของเขาโอบรอบตัวฉัน ดึงฉันไปหาเขา และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ท้องของฉันก็บิดมวน รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกต่อย


 


 


"ฉันขอโทษนะ" Edward พึมพำในขณะที่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากฉัน "ฉันขอโทษที่ไม่ได้คิดให้รอบคอบว่าเธอจะร้อนแค่ไหนเมื่อฉันไม่อยู่ ฉันจะให้เขามาติดแอร์ก่อนที่เราจะไปจากที่นี่"


 


ฉันไม่สามารถจดจ่อฟังในสิ่งที่เขากำลังพูด "ขอโทษนะ" ฉันสลัดตัวเขาออก


 


เขาปล่อยตัวฉันโดยอัติโนมัติ "Bella?"


 


ฉันวิ่งไปที่ห้องน้ำพร้อมกับมือรีบปิดปากเอาไว้ ฉันรู้สึกแย่มากๆ ฉันไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าฉันกำลังอยู่กับเขาในขณะที่ฉันอาเจียนลงในโถชักโครก


 


 


"Bella? เธอเป็นอะไรรึเปล่า"


 


 


ฉันไม่อาจตอบเขาได้ เขากอดฉันไว้ด้วยความกังวล ปัดผมของฉันออกไม่ให้ปรกหน้า และรอจนกระทั่งฉันหายใจได้อีกครั้ง


 


 


"โอ๊ย ไอ้ไก่บ้านั่น" ฉันคร่ำครวญ


 


"เธอโอเคมั้ย" เสียงเขาดูเครียดมาก


 


"ฉันสบายดี แค่อาหารเป็นพิษน่ะ เธอไม่ต้องดูมันหรอก ไปเถอะ"


 


 


"อย่าเลย Bella"


 


 


"ไปให้พ้น" ฉันคร่ำครวญอีกครั้ง ยันกายให้ลุกขึ้นเพื่อจะได้ปล่อยให้สิ่งนั้นไหลออกจากปากฉัน


เขาช่วยฉันอย่างอ่อนโยน ไม่สนใจต่อท่าทีที่ฉันไล่เขาไป


 


 


หลังจากปากฉันสะอาดดีแล้ว เขาอุ้มฉันไปที่เตียงและนั่งลงข้างๆฉันอย่างระมัดระวัง


 


 


"อาหารเป็นพิษเหรอ"


 


"ใช่" ฉันไอออกมา "ฉันทำไก่กินเมื่อคืนน่ะ มันรสชาติแย่มาก ฉันเลยทิ้งมันไป แต่ฉันก็กินเข้าไปสองสามคำน่ะ"


 


 


เขาวางมือบนหน้าผากของฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก "เธอรู้สึกอย่างไรบ้างตอนนี้"


 


 


ฉันคิดทบทวนสักครู่หนึ่ง "เริ่มเป็นปกติแล้วล่ะ จริงๆแล้วฉันรู้สึกหิวนิดหน่อยน่ะ"


 


 


เขาปล่อยให้ฉันรอประมาณชั่วโมงหนึ่ง และหาน้ำให้ฉันดื่มก่อนที่เขาจะไปทอดไข่ ฉันรู้สึกเกือบจะเป็นปกติแล้ว แค่เหนื่อยนิดหน่อยจากการที่ตื่นเอากลางดึก เขาเปิดช่อง CNN เราช่างไม่รู้เหตุการณ์อะไรเลย สงครามโลกครั้งที่สามอาจจะเกิดขึ้นแล้วก็ได้โดยที่เราไม่รู้อะไรเลย ฉันนอนหนุนตักเขา


 


 


ฉันรู้สึกเบื่อกับข่าว เลยหมุนตัวขึ้นไปจูบเขา เหมือนเมื่อตอนเช้าฉันรู้สึกปวดท้องมากๆเมื่อขยับตัว ฉันผละออกจากเขา รู้ดีว่าคราวนี้ฉันวิ่งไปห้องน้ำไม่ทันแน่ ฉันเลยวิ่งไปที่อ่างล้างจานที่ห้องครัวแทน


 


 


เขาจับผมฉันไว้อีกครั้ง


 


 


"บางทีเราควรจะไปหาหมอที่ Rio นะ" เขาเสนออย่างเป็นกังวลในขณะที่ฉันกำลังบ้วนปาก


 


 


ฉันส่ายหัวน้อยๆ และเดินไปที่ห้องโถง หมอหมายถึงเข็ม "ฉันจะดีขึ้นหลังจากได้แปรงฟันน่ะ"


 


เมื่อในปากของฉันมีรสชาติดีขึ้น ฉันก็หากล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นในกระเป๋าเดินทางที่ Alice เตรียมมาให้ฉัน มันมีผ้าพันแผล ยาระงับความเจ็บปวด และนี่ไงสิ่งที่ฉันต้องการ ยา Pepto-Bismol มันอาจจะทำให้ท้องของฉันรู้สึกดีขึ้น และทำให้ Edward ใจเย็นลงด้วย


 


 


แต่ก่อนที่ฉันจะเจอ Pepto ฉันเจออะไรบางอย่างที่ Alice แพคมาให้ฉัน ฉันหยิบกล้องสีฟ้าใบเล็กๆ ฉันจ้องสิ่งนั้นที่อยู่บนมือของตัวเองเป็นระยะเวลานาน ลืมทุกอย่างสิ้น


 


 


แล้วฉันก็เริ่มนับในหัวของฉัน ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง


 


เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้กล่องเล็กๆใบนั้นร่วงหล่นไปในกระเป๋าเดินทาง


 


 


"เธอดีขึ้นมั้ย" Edward ถามฉันผ่านประตู "เธอป่วยอีกรึเปล่า"


 


"ทั้งใช่ แล้วก็​ไม่" ฉันบอก เสียงของฉันเย็นยะเยือก


 


"Bella ให้ฉันเข้าไปได้มั้ย" เขาเป็นห่วงฉันมากๆแล้วตอนนี้


 


 


"โอ...เค"


 


เขารีบเข้ามาหาฉัน นั่งลงบนพื้นข้างกระเป๋าเดินทาง สิ่งเขาเห็นคือฉันนั่งนิ่ง จ้องไปข้างหน้า สายตาว่างเปล่า


เขานั่งลงข้างฉัน มือเขาแตะหน้าผากฉันอีกครั้งหนึ่ง


 


 


"มีอะไรผิดปกติเหรอ"


 


 


"นี่กี่วันผ่านมาแล้วตั้งแต่เราแต่งงานกัน" ฉันกระซิบถาม


 


 


"สิบเจ็ด" เขาตอบโดยอัตโนมัติ "Bella นี่มันอะไรกัน"


 


 


 


ฉันเริ่มนับอีกครั้ง นับนิ้ว เตือนให้เขารอก่อน และเอ่ยนับตัวเลขออกมาด้วยตัวเอง ฉันเคยผิดพลาดเรื่องวันมาก่อน เราอยู่นี่นานกว่าที่ฉันคิด ฉันเริ่มนับอีกครั้ง


 


 


"Bella" เขากระซิบถามอย่างร้อนรน "ฉันใกล้จะบ้าแล้ว"


 


 


ฉันจะพยายามที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แต่มันไม่เวิร์คเอาซะเลย ดังนั้นฉันจึงเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเดินทาง และมองหาจนกระทั่งเจอกล่องสีฟ้าใบนั้นอีกครั้ง และถือมันไว้แน่น


 


เขาจ้องมองฉันด้วยความสับสน "อะไรเนี่ย นี่เธอกำลังจะบอกฉันว่าเธอปวดท้องเมนส์เหรอ"


 


"ไม่ใช่อย่างนั้น Edward ฉันกำลังพยายามจะบอกเธอว่า เมนส์ของฉันมาเลทไปห้าวันแล้ว"


 


 


สีหน้าของเขายังไม่เปลี่ยน เหมือนกับฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย


 


 


 


"ฉันไม่คิดว่าตัวเองอาหารเป็นพิษหรอกนะ" ฉันพูดเสริม


 


 


"ความฝัน" ฉันพึมพำกับตัวเอง "นอนมากเกินไป ร้องไห้ แล้วก็อาหารนั่น โอ๊ยๆๆๆๆ"


 


 


สายตาของ Edward ว่างเปล่า ราวกับว่าเขามองไม่เห็นฉันอีกต่อไป


 


 


โดยสัญชาตญาณ มือของฉันจับที่ท้อง


 


 


"โอ้" ฉันกรีดร้องอีกครั้ง


 


 


ฉันผละไปจับเท้าของตัวเอง ปัดมือที่แน่นิ่งของ Edward ฉันดึงวัตถุสีฟ้าออกจากกล่อง แล้วจ้องไปที่ท้องตัวเอง


 


 


"มันเป็นไปไม่ได้"


 


 


ฉันแทบไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการตั้งครรภ์หรือเด็กทารกมาก่อนเลยทั้งชีวิต แต่ฉันก็ไม่ได้โง่ ฉันเคยดูหนังและรายการทีวีมากมายแล้วก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันเคยเข้าใจเลย มันเลทไปแค่ห้าวันเอง ถ้าฉันตั้งครรภ์จริง ร่างกายของฉันคงยังไม่รับรู้ถึงมันหรอก​ ฉันจะยังไม่มีอาการป่วยตอนเช้า พฤติกรรมการกินอาหารและการนอนของฉันก็ยังไม่น่าเปลี่ยนไป


 


 


ฉันมองไปที่ท้องของตัวเอง หมุนตัวไปมา ตรวจสอบมันจากทุกมุม ฉันใช้นิ้วสัมผัสไปที่ท้อง แล้วก็ต้องแปลกใจว่าใต้ผิวของฉันมันแข็งมากๆ


 


 


"มันเป็นไปไม่ได้" ฉันเอ่ยอีกครั้ง มีเมนส์หรือไม่มีเมนส์ (และฉันรู้ดีว่าเมนส์ฉันผิดปกติแน่นอน เพราะมันไม่เคยมาเลทเลยตลอดทั้งชีวิตฉัน) ไม่มีทางที่ฉันจะตั้งครรภ์ได้เลย เพราะฉันเคยมีเซ็กซ์กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้นแล้วเขาก็เป็นแวมไพร์ ฉันอาจจะกรีดร้องออกมา


 


 


แวมไพร์ที่ยังคงแน่นิ่งอยู่บนพื้น โดยปราศจากวี่แววว่าจะขยับอีกครั้ง


 


 


ดังนั้นมันน่าจะมีคำอธิบายอื่นสิ มีสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับฉัน อาจจะเป็นโรคที่แปลกประหลาดของทางอเมริกาใต้ก็ได้ อาจจะมีอาการเหมือนคนตั้งครรภ์ แค่อาการมันเกิดขึ้นเร็วมาก....


 


 


และแล้วฉันจะจำอะไรบางอย่างได้ เช้าวันนั้นที่ฉันทำวิจัยเกี่ยวกับแวมไพร์ ในเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า แวมไพร์ A-Z รู้สึกว่าจะเป็นเวลาหลังจากที่ Jacob พยายามบอกอะไรบางอย่างแก่ฉัน ..​ ใช่แล้วเขาบอกฉันว่า Edward เป็นแวมไพร์


 


ตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้มีอยู่ทั่วโลก Danag, Hebrew, Romaninan, Italian ฉันจำมันได้อย่างเลือนรางเหลือเกิน แล้วฉันก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับอัตราการเกิดของทารก ไม่หรอก ที่รัก ฉันไม่ได้มีชู้นะ ผู้หญิงที่เธอเห็นนั่นมันเป็นสัตว์ประหลาดกระหายเลือด ฉันโชคดีเหลือเกินที่หนีออกมาทัน มีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทำไมเธอถึงกล่าวหาว่าฉันมีชู้ล่ะ แค่เพราะว่าเธอกลับมาบ้านหลังจากไปออกเรือมาสองปี และฉันตั้งท้องน่ะเหรอ นั่นมันสัตว์ประหลาด เขาล่อลวงฉันด้วยอำนาจแวมไพร์ที่ลึกลับ....


 


นั่นเป็นคำจำกัดความของสัตว์ประหลาดที่สามารถทำให้เหยื่อตั้งครรภ์ได้


 


 


ฉันส่ายหัวออกมาเบาๆ ...​ไร้สาระน่ะ แต่


 


 


ฉันคิดถึง Esme กับ Rosalie แวมไพร์ไม่สามารถมีลูกได้นี่นา ถ้ามันเป็นไปได้ Rosalie ก็คงหาทางได้แล้ว ตำนานเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดนั่นอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้


 


 


ยกเว้นเสียแต่ว่า ....​เออ มันไม่เหมือนกันนะ แน่นอนว่า Rosalie ไม่สามารถมีลูกได้ เพราะร่างกายของเธอถูกแช่แข็งตั้งแต่เธอเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นอมนุษย์ ร่างกายของเธอไม่ได้เปลียนแปลงไปเลย และร่างกายของผู้หญิงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับลูกที่จะเกิดขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรเล็กๆน้อยๆ จนกระทั่งท้องใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับเด็กที่อยู่ในครรภ์ แต่ร่างกายของ Rosalie เปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว


 


แต่ร่างกายของฉันสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ และมันก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ฉันจับท้องตัวเองเบาๆและสัมผัสถึงก้อนแข็งๆที่ฉันสัมผัสไม่เจอเมื่อวาน


 


 


และผู้ชายล่ะ ฉันนึกถึง Charlie Chaplin ที่มีลูกตอนเขาอายุเจ็ดสิบ ผู้ชายไม่มีกำหนดระยะเวลา "มีบุตร"​ ซะหน่อย


 


แน่นอน ใครจะไปรู้ว่าแวมไพร์สามารถเป็นพ่อคนได้ ในเมื่อคู่ของมันไม่สามารถจะมีได้ จะมีแวมไพร์ตัวไหนกันที่จำเป็นจะทดสอบทฤษฎีนี้กับผู้หญิงกันล่ะ


 


 


ฉันคิดได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น  


 


 


 







 

Create Date : 21 มกราคม 2552   
Last Update : 21 มกราคม 2552 22:16:03 น.   
Counter : 686 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Episode 6.3

เขากัดฟันกรอด



"เราจะอยู่นี่กันได้อีกนานเท่าไรเหรอ" ฉันถาม



"เราไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาหรอก ถ้าเธออยากอยู่นี่ต่ออีกสักสองสามสัปดาห์ก็ได้นะ แล้วเราจะไปเยี่ยม Charlie ก่อนที่เราจะไป New Hampshire เราอาจจะใช้เวลาช่วง Christmas กับ Renee ...."



ราวกับว่าเขากำลังวาดฝันถึงอนาคตที่สุดแสนจะมีความสุข .... อนาคตที่ไม่มีใครต้องมารู้สึกเจ็บปวด ลิ้นชักของฉันที่เก็บความคิดเรื่อง Jacob เอาไว้ได้ถูกแง้มขึ้นมาอีกครั้ง





นี่มันไม่ง่ายเลย ตอนนี้ฉันค้นพบแล้วว่าเป็นมนุษย์มันดีอย่างไร ความเป็นมนุษย์มันช่างน่าเย้ายวนเหลือเกิน จนทำให้ฉันชักจะอยากเปลี่ยนแผนซะแล้ว อายุ 18 หรือ 19 19 หรือ 20 มันสำคัญจริงเหรอ ตัวฉันเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไรในแต่ละปี และการได้อยู่ร่วมกับ Edward ในขณะที่ฉันยังเป็นมนุษย์ ... มันก็น่าสนใจเพิ่มขึ้นทุกวันๆ



"สองถึงสามสัปดาห์แหล่ะ" ฉันตกลง และแล้วดูเหมือนว่าเวลาจะไม่รอใคร ฉันจึงบอกเขาต่อไปว่า "ดังนั้น ฉันกำลังคิดว่า ... เธอก็รู้ใช่มั้ยว่าฉันพูดถึงเรื่องฝึกฝนตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วน่ะ"





เขาหัวเราะ "เธอจะช่วยหยุดความคิดนั้นไว้ก่อนจะได้มั้ย ฉันได้ยินเสียงเรือ ฉันคิดว่าพวกพนักงานทำความสะอาดกำลังมาที่นี่"



เขาอยากให้ฉันหยุดความคิดนั้นไว้ก่อน แปลว่าเขาจะไม่ทำตัวเป็นปัญหาเรื่องนั้นแล้วใช่มั้ย ฉันอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้





"ให้ฉันอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอนสีขาวกับ Gustavo ก่อนนะ แล้วเราค่อยออกไปข้างนอกกัน มันมีป่าแห่งหนึ่งทางตอนใต้..."





"ฉันไม่อยากออกไปข้างนอก ฉันจะไม่ปีนเขาไปทั่วเกาะหรอกนะวันนี้ ฉันอยากจะอยู่ดูหนังอยู่ที่นี่"



เขาเม้มปาก พยายามที่จะไม่หัวเราะกับท่าทีของฉัน "โอเค เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจเธอเลย ทำไมถึงไม่เลือกสักเรื่องหนึ่งตอนฉันไปที่ประตูล่ะ"



"ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเคาะประตูเลย"



เขาโน้มตัวไปด้านหน้า และหยุดฟัง วินาทีต่อมาก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วเขาก็เดินไปที่ห้องโถงทันที



ฉันกำลังยุ่งอยู่ใต้ทีวีหาหนังที่อยากดู ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มมองหาจากตรงไหนดี มันมีมากกว่าร้านเช่า DVD ทั้งร้านเสียอีก





ฉันได้ยินเสียงของ Edward เบาๆ จากทางเดิน ฉันเดาว่าเขาคงพูดภาษาโปรตุเกสอยู่ และฉันก็ได้ยินคนๆหนึ่งพูดตอบโต้ด้วยภาษานี้กับเขาเช่นกัน



Edward พาพวกเขาไปที่ห้อง คนบราซิลเลี่ยนทั้งสองคนดูเตี้ยและคล้ำอย่างเหลือเชื่อเมื่อยืนอยู่ข้างเขา คนหนึ่งเป็นผู้ชายตัวกลม ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงผอมๆคนหนึ่ง Edward แนะนำฉันด้วยรอยยิ้มที่แสนจะภาคภูมิใจ และฉันได้ยินชื่อตัวเองผสมกับภาษาที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงสภาพในห้องนอนสีขาวที่พวกเขาจะเจอ ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้ฉันด้วยความสุภาพ



แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ยิ้ม เธอจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจปนกังวล และตาก็เธอก็เบิกกว้างด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะมีปฏิกริยาอะไร Edward ก็พาพวกเขาไปที่ห้องนั้น



เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็อยู่เพียงลำพังแล้ว เขาเดินมาหาฉันและโอบฉันไว้



"เธอมีอะไรเหรอ" ฉันกระซิบถามทันที จำได้จากท่าทีที่ดูตกใจกลัวของเธอ



"เธอถูกเลี้ยงดูมาให้มีญาณพิเศษน่ะ หรือเธอจะเรียกว่า "รู้ถึงการมีตัวตนอยู่" มากกว่าพวกที่อาศัยอยู่ในโลกปัจจุบันน่ะ เธอสงสัยว่าฉันเป็นใคร ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะ" เขายังคงไม่กังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น "เขามีตำนานของตัวเองกันที่นี่ด้วย พวก Libishomen หรือพวกปีศาจกระหายเลือด ที่จะลวงหญิงสาวที่ความงดงามเป็นเลิศให้ตกเป็นเหยื่อเท่านั้น"



หญิงสาวที่มีความงดงามเป็นเลิศเหรอ ... นั่นทำให้ฉันรู้สึกเขินนะ



"เธอดูตกใจกลัวมากเลย" ฉันเอ่ยออกมา



"ผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาเป็นห่วงเธอนะ"





"ฉันน่ะเหรอ"



"เธอกลัวว่าทำไมฉันอยู่กับเธอที่นี่เพียงลำพังแค่สองคนน่ะ" เขาหัวเราะออกมาเบาๆ และมองไปที่หนังจำนวนมากมายที่อยู่ตรงหน้า "อ่าว แล้วทำไมเธอถึงไม่เลือกล่ะว่าเราจะดูอะไรกันดี นั่นเป็นสิ่งที่มีแต่มนุษย์เขาทำกันนะ"



"แน่นอน ฉันมั่นใจว่าเธอคงจะเชื่อสนิทใจว่าเธอเป็นมนุษย์ถ้าเรานั่งดูหนังด้วยกัน" ฉันหัวเราะออกมา แล้วก็รวบต้นคอเขาเอาไว้ ยืดตัวขึ้น เขาต้องโน้มตัวลงมาเพื่อให้ฉันสามารถจูบเขาได้ แล้วเขาก็ยกตัวฉันขึ้น เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องก้มลงมาจูบฉัน"



"ห...นั..ง" ฉันพึมพำเบาๆขณะที่ริมฝีปากของเขาไล่ลงมาที่ลำคอของฉัน และฉันก็หมุนผมเขาเล่น



ทันใดนั้นเองฉันได้ยินเสียงกรอบ และเขารีบวางฉันลงทันที Kaure ยืนตัวแข็งอยู่ที่ห้องโถง ขนนกติดอยู่ที่ผมของเธอเต็มไปหมด ในมือของเธอมีถุงใส่ขนนกถุงใหญ่ หน้าตาของเธอดูตกใจกลัวอย่างมาก เธอจ้องมาที่ฉันในขณะที่ฉันรู้สึกเขินและก้มมองลงต่ำ และแล้วผู้หญิงคนนั้นก็มีสติขึ้นมาและพึมพำอะไรบางอย่างเป็นภาษาที่ฉันไม่คุ้นเคย แต่ฉันก็พอจะเข้าใจว่าเป็นคำขอโทษ Edward ยิ้มให้เขาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตร เธอหันไปทางด้านอื่นทันทีและเดินผ่านห้องโถงไป





"เธอกำลังว่าฉันคิดว่าเธอคิดอะไรอยู่ ใช่มั้ย" ฉันพึมพำ



เขาหัวเราะในประโยคอันแสนจะงงงวยของฉัน "ใช่แล้ว"



"นี่" ฉันเลือกหนังแบบเดาสุ่ม "ใส่แผ่นนี้สิ และทำเป็นว่าเรากำลังดูหนังเรื่องนี้อยู่"



หน้าปกดูเป็นหนังเพลงโบราณ



"เหมาะกับการฮันนีมูนมากๆ" เขาเห็นด้วย



ในขณะที่ตัวเองบนจอกำลังเต้นไปรอบๆด้วยบทเพลงแนะนำตัว ฉันกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟา ระดมจูบไปบนแขนของ Edward



"เราจะกลับไปที่ห้องสีขาวได้รึยัง" ฉันถามอย่างเว้าวอน


"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ...​ฉันฉีกกรอบรูปของอีกห้องไปเรียบร้อยแล้ว ...​เราควรจะจำกัดการทำลายข้าวของอยู่เพียงแค่บริเวณเดียวของบ้าน Esme จะได้เชิญเรามาพักที่นี่อีกครั้งในอนาคต"


 


 


ฉันยิ้มกว้าง "แปลว่าจะมีการทำลายข้าวของอีกใช่มั้ย"


 


 


เขาหัวเราะกับท่าทีของฉัน "ฉันคิดว่ามันจะปลอดภัยยิ่งขึ้นถ้าเราไตร่ตรองกันไว้ก่อน มากกว่าที่จะรอให้เธอมาขู่ทำร้ายฉันอีกครั้ง"


 


 


"มันก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น" ฉันเห็นด้วย แต่ชีพจรฉันเต้นเร็วเหลือเกิน


 


"มีอะไรเกิดขึ้นกับหัวใจของเธอเหรอ"


 


"ไม่มีอะไรนี่ หัวใจของฉันแข็งแรงจะตาย ราวกับม้าเลย" ฉันหยุดก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า "เธออยากให้ฉันไปเซอร์เวย์ที่โซนที่เราสามารถทำลายข้าวของได้เดี๋ยวนี้เลยมั้ย"


 


"บางทีมันอาจจะเป็นการดีกว่าถ้าเรารอจนกระทั่งเราอยู่กันตามลำพังนะ เธออาจจะไม่สังเกตว่าฉันทำลายเฟอร์นิเจอร์พังไปเท่าไรแล้ว แต่มันจะทำให้พวกเขากลัว"


 


 


แต่อันที่จริง ฉันลืมไปแล้วว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย "อ่อ งั้นก็ได้"


 


 


Gustavo และ Kaure เดินไปมาภายในบ้านอย่างเงียบๆ ในขณะที่ฉันอดทนรอจนแทบจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว ฉันจึงพยายามสนใจหนัง "เราจะมีความสุขด้วยกันตลอดกาล" บนจอทีวีต่อไป


ฉันเริ่มที่จะรู้สึกง่วงนอน ทั้งๆที่ Edward ก็บอกฉันแล้วว่าฉันพึ่งนอนไปครึ่งวันเต็มๆ  Edward ลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงของ Gustavo เขากอดฉันไว้ในขณะที่ตอบโต้ Gustavo เป็นภาษาโปรตุเกส เขาพยักหน้าและเดินไปที่ประตูอย่างเงียบๆ


 


 


"พวกเขาทำเสร็จแล้ว" Edward บอกฉัน


 


"ซึ่งนั่นก็แปลว่าเราอยู่ตามลำพังแล้วใช่มั้ย"


 


 


"เธอจะกินข้าวกลางวันก่อนมั้ย" เขาเสนอขึ้นมา


 


ฉันกัดปากแน่น ด้วยอารมณ์กลืนไม่เข้าคากไม่ออก แต่ฉันก็หิวมากๆ


 


เขาเอื้อมไปจับมือฉัน และพาฉันไปทีี่ห้องครัว เขาอ่านสีหน้าท่าทางฉันได้ดีถึงแม้ว่าจะอ่านใจฉันไม่ได้ก็ตาม


 


 


"นี่ชักจะไม่ไหวแล้วนะ" ฉันบ่นเมื่อฉันรู้สึกอิ่มมากๆ


 


"เธออยากไปว่ายน้ำกับปลาโลมาก่อนมั้ย เพื่อจะผลาญแคลอรี่ไง" เขาถาม


 


"ฉันว่าไว้ทีหลังดีกว่า ฉันมีไอเดียที่ดีกว่านั้นที่จะเผาผลาญแคลอรี่" 


 


 


"คืออะไรเหรอ"


 


"อ๋อ มี กรอบรูปน่าเกลียดอันหนึ่งหลืออยู่น่ะ" 


 


ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เขาก็อุ้มฉันไว้ ...​และริมฝีปากของเขาก็ทำให้ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น


เขาแบกฉันไปที่ห้องสีฟ้าด้วยความรวดเร็ว


 


 






Free TextEditor




 

Create Date : 21 มกราคม 2552   
Last Update : 21 มกราคม 2552 19:18:36 น.   
Counter : 926 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 6.2

เมื่อฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฉันก็ไม่ได้ขยับตัวได้แต่นอนนิ่งๆ พยายามกำหนดลมหายใจให้สม่ำเสมอ ฉันกลัวที่จะลืมตาขึ้นมา



ฉันนอนพิงอกของ Edward แต่เขาก็นอนนิ่งมากๆเหมือนกัน และแขนของเขาก็ไม่ได้โอบร่างฉันไว้ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาซะเลย ฉันกลัวที่จะยอมรับว่า ฉันต้องตื่นขึ้นมาและเผชิญหน้ากับความโกรธของเขา



ฉันค่อยๆแอบลืมตาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขากำลังนอนหนุนแขนตัวเองอยู่ ตาจ้องไปบนเพดาน ฉันใช้ศอกดันตัวขึ้นเพื่อจะได้เห็นใบหน้าของเขา ...  มันดูไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ



"ฉันดูแย่ขนาดไหนเหรอ" ฉันถามเขาเสียงเล็ก



"มาก" เขาเอ่ย ขณะหันมามองหน้าฉัน



ฉันถอนหายใจด้วยความสำนึกผิด "ฉันขอโทษนะ ฉํนไม่ได้ตั้งใจ...อืมม..ฉันไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้" ฉันส่ายหัวเบาๆให้กับเหตุการณ์เมื่อคืนที่ตัวเองร้องห่มร้องไห้อย่างไร้เหตุผล



"เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเธอฝันถึงอะไรกันแน่"




"ฉันเดาว่าฉันคงไม่ได้บอกเธอ แต่ฉันก็แสดงให้เธอเห็นแล้วนี่นาว่ามันหมายถึงอะไร" ฉันหัวเราะออกมาอย่างกังวล



"โอ้" เขาเอ่ยด้วยความประหลาดใจ ตาของเขาเบิกกว้างแล้วกะพริบตา "น่าสนใจนะ"




"มันเป็นฝันที่ดีมากๆเลย" ฉันพึมพำ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ดังนั้นฉันจึงถามเขาไปว่า "ฉันได้รับการให้อภัยมั้ย"




"ฉันกำลังคิดอยู่"




ฉันลุกขึ้นนั่ง วางแผนที่จะตรวจสอบร่างกายของตัวเอง อย่างน้อยรอบกายฉัน มันก็ไม่มีขนนกอยู่ แต่ฉันก็รู้สึกราวกับโดนตีหัวจังๆ ฉันล้มลงนอนที่หมอนตามเดิม



"โอ๊ย ฉันมึนหัวมากๆเลย"



เขาโอบร่างของฉันไว้ทันที "เธอหลับไปนานมาก สิบสองชั่วโมงเห็นจะได้"




"สิบสองชั่วโมงเลยเหรอ" แปลกมากๆ




ฉันตรวจสอบร่างกายของตัวเองอีกครั้ง ฉันก็ดูสบายดีนี่นา รอยช้ำต่างๆก็เป็นของเก่าทั้งสิ้น ฉันยืดตัวออกเพื่อทดสอบ ก็รู้สึกปกติด้วยเหมือนกัน



"ข้าวของต่างๆยังอยู่ดีอยู่มั้ย"



ฉันพยักหน้า "หมอนทุกใบก็ยังอยู่ดีอยู่นะ"




"เอ่อ .... แต่ว่าชุดนอนของเธออาจจะไม่นะ" เขาเลื่อนตัวลงไปที่ปลายเตียง ที่ที่ซากชุดนอนของฉันเมื่อคืนกระจัดกระจายอยู่




"นั่นมันแย่มากเลยนะ ฉันชอบตัวนั้นซะด้วยสิ"




"ฉันก็ชอบเหมือนกัน"




"แล้วมีผู้มีเสียหายรายอื่นอีกมั้ย" ฉันถามอย่างอายๆ



"ฉันคงจะต้องซื้อกรอบรูปหัวเตียงอันใหม่ให้ Esme" เขาสารภาพออกมา เมื่อมองไปทางนั้น ฉันมองตาม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นซากไม้กองใหญ่อยู่ตรงนั้น



"อืม เธอคิดว่าฉันจะได้ยินเสียงนั่นมั้ย"




"เธอดูจะไม่รับรู้อะไรเลย เมื่อเธอกำลังติดพันอย่างอื่นอยู่น่ะ"




"ฉันเป็นคนอ่อนไหวง่ายนิดๆน่ะ" ฉันยอมรับออกมา หน้าแดงไปหมด



เขาแตะที่แก้มของฉันเบาๆ "ฉันคงจะคิดถึงใบหน้าของเธอที่มีสีเลือดแบบนี้"



ฉันมองไปที่หน้าของเขา มองหาสัญญาณแห่งความโกรธหรือความกลัวที่คาดว่าจะอยู่บนนั้น เขาต้องกลับมาที่ฉัน เขาดูใจเย็นมากแต่ก็นั่นแหล่ะ ฉันก็อ่านท่าทีของเขาไม่ออกอยู่ดี




"เธอรู้สึกอย่างไรบ้าง"




เขาหัวเราะ



"อะไรน่ะ" ฉันถามอย่างเอาเรื่อง



"เธอดูรู้สึกผิดมากเลย เหมือนยังกับพึ่งไปฆ่าคนมาอย่างนั้นล่ะ"




"ก็ฉันรู้สึกผิดจริงๆนี่" ฉันพึมพำเบาๆ



"การที่เธอยั่วยวนสามีที่แสนจะเต็มใจของเธอคนนี้ มันไม่ผิดถึงขั้นต้องโทษประหารหรอกน่า"



ดูเหมือนเขากำลังจะล้อฉันเล่นอยู่



แก้มของฉันร้อนผ่าว "คำว่า "ยั่วยวน" ที่เธอหมายถึงน่ะ มันหมายถึงการไตร่ตรองล่วงหน้ามาก่อนนะ"



"ฉันอาจจะใช้คำผิดไป"



"เธอไม่โกรธเหรอ"



เขายิ้มอย่างโศกเศร้า "ฉันไม่โกรธเธอหรอก"



"ทำไมล่ะ"




"อ๋อ.....ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่คราวนี้มันง่ายกว่ามาก ฉันเริ่มควบคุมตัวเอง โดยการระบายความรู้สึกของตัวเองไปที่สิ่งอื่น" ตาของเขาเหลือบมองไปที่กรอบรูปอันนั้น "อาจจะเป็นเพราะว่าฉันรู้ดีแล้วก็ได้ว่าฉันต้องเจอกับอะไร"



ฉันยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน "ฉันบอกเธอแล้วไงว่ามันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนนะ"




ท้องฉันร้องขึ้นมา แล้วเขาก็หัวเราะ "เวลาอาหารเช้าสำหรับมนุษย์แล้วใช่มั้ย" เขาถาม



"ได้โปรดเถอะ" ฉันเอ่ยออกมา ในขณะที่ลุกขึ้นจากเตียง ฉันลุกเร็วเกินไปทำให้สูญเสียการทรงตัว เขารับฉันไว้ทันก่อนที่ฉันจะล้มลงไป




"เธอโอเคมั้ย"




"ถ้าชาติหน้าฉันไม่สามารถทรงตัวได้ดีกว่านี้ ฉันจะขออะไรชดเชยแล้วล่ะ"




ฉันทำอาหารเช้าเอง ฉันทอดไข่หลายฟอง หิวเกินกว่าที่จะสนใจหน้าตาของมัน ฉันไม่สนที่จะกลับด้าน แต่กลับตักมันขึ้นมาใส่จานเลย



"ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอทานไข่สุกด้านเดียวน่ะ"




"ตั้งแต่ตอนนี้ไง"



"เธอรู้มั้ยว่าเธอกินไข่กี่ฟองตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเนี่ย" เขาดึงถังขยะใต้ที่ล่างจานมาให้ฉันดู มันมีถาดไข่ทีว่างเปล่าเต็มไปหมด



"แปลกมาก" ฉันเอ่ยออกมาในขณะที่มีอาหารอยู่เต็มปาก "ฉันรู้สึกหิวมากมายจริงๆตอนอยู่ที่นี่ แต่ฉันชอบที่นี่นะ เราจะต้องออกจากที่นี่ในไม่ช้าแล้วใช่มั้ย เพราะเราต้องไปที่ Dartmouth ให้ทันเวลา เราต้องหาที่อยู่กับซื้อของด้วยนี่นา"



เขานั่งลงข้างๆฉัน "เธอเลิกเสแสร้งว่าอยากไปมหาลัยได้แล้วล่ะ เธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการแล้ว และเราก็ไม่ได้ตกลงกันเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น"




ฉันถอนหายใจ "มันไม่ใช่การเสแสร้งนะ Edward ฉันไม่ได้ใช้เวลาว่างของฉันกุเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนที่คนอื่นๆเขาทำกันนะ วันนี้เราจะใส่ชุดอะไรให้ Bella ดี " เขาหัวเราะอย่างไม่อาย "ฉันแค่ต้องการเวลาเป็นมนุษย์ต่อไปอีกสักหน่อย" ฉันซบลงไปบนอกที่เปล่าเปลือยของเขา "ฉันยังได้ไม่พอเลยนะ"




เขามองฉันด้วยท่าทีงุนงง "เพื่อสิ่งนี้น่ะเหรอ" เขาถาม พร้อมกับคว้ามือของฉันไว้ก่อนที่มันจะลงไปอยู่บนท้องของเขา "เซ็กซ์เป็นกุญแจสำคัญมาโดยตลอดเลยใช่มั้ย ทำไมฉันถึงคิดไม่ถึงกันนะ" เขาพึมพำอย่างกระแนะกระแหน "ถ้าฉันรู้นะ ฉันคงไม่ต้องทะเลาะอะไรกับเธอตั้งมากตั้งมายหรอก"



ฉันหัวเราะ "ใช่แล้ว ประมาณนั้นแหล่ะ"



"เธอช่างเป็นมนุษย์ซะเหลือเกิน" เขาเอ่ยอีกครั้ง




"ฉันรู้"




ฉันยิ้มที่มุมปากเล็กๆ "เราจะไป Dartmounth กันใช่มั้ย"



 "ยังไงฉันก็คงสอบตกตั้งแต่เทอมแรกแล้วล่ะ"




"ฉันจะติวให้เธอเอง" เขายิ้มกว้างแล้วตอนนี้ "เธอจะต้องชอบมหาลัยแน่ๆ"




"เธอคิดว่าเราจะยังหาอพาร์ทเมนท์ได้อีกมั้ย"




เขาทำหน้ารู้สึกผิด "เอ่อ คือบางทีเราก็มีบ้านที่นั่นเรียบร้อยแล้วล่ะ เธอก็รู้ เผื่อไว้น่ะ"



"เธอซื้อบ้านเหรอ"



"อสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่ดีนะ"




ฉันหรี่ตาลงอย่างสำรวจ แล้วก็ปล่อยมันไป "สรุปว่า เราพร้อมแล้วใช่มั้ย"




 "ฉันต้องดูก่อนว่าเราจะยังสามารถใช้ รถก่อนแต่งงาน (before car) ของเธอต่อไปได้อีกสักหน่อยมั้ย"




"ได้สิ แต่ยังไงมันก็ช่วยฉันจากรถถังไม่ได้หรอกนะ"








TBC




 

Create Date : 21 มกราคม 2552   
Last Update : 21 มกราคม 2552 9:51:52 น.   
Counter : 641 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 6.1

6. Distractions


 


ความสนุกของฉันกลายเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งบนเกาะ Isle Esme นี้ เราดำน้ำ (อ๋อ ฉันน่ะดำน้ำ ในขณะที่เขาน่ะสามารถอยู่ใต้น้ำได้โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน) เราไปเดินป่ากัน ปีนเขาโน่นนี่ ไปดูนกที่ทางใต้ของเกาะ เราดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน เราว่ายน้ำไปกับเต่าตนุด้วยกัน ตรงน้ำตื้นๆนี่แหล่ะ แต่เมื่อ Edward อยู่ในน้ำ พวกเต่าเหล่านั้นก็หายตัวไปทันทีราวกับว่ามีฉลามมาอยู่ใกล้ๆ


 


 


ฉันรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เขาพยายามจะทำให้ฉันยุ่งทั้งวัน และเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องเซ็กซ์ของฉันซะ ทุกครั้งที่ฉันเอ่ยปากชวนดูดีวีดีกับทีวีจอใหญ่ที่ห้องด้านนอก เขาก็จะล่อให้ฉันไปทำอย่างอื่นแทน ด้วยอะไรเช่น "ปะการัง" "ถ้ำใต้น้ำ" และ "เต่าทะเล" เราไปมันทุกที่ ไปเที่ยวมันั้งวันจนกระทั่งเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ฉันก็หมดเรี่ยวหมดแรงทุกครั้ง


 


ฉันทานอาหารเย็นหมดจานทุกครั้ง และฉันก็ผลอยหลับไปที่โต๊ะกินข้าว ทำให้เขาต้องเป็นคนพาฉันไปที่เตียง อาจจะเป็นเพราะว่า Edward ทำอาหารให้ฉันมากเกินไป แต่ฉันก็หิวเหลือเกิน หลังจากที่ว่ายน้ำและปีนโน่นปีนนี่มาทั้งวัน ดังนั้นเมื่อทานอาหารเสร็จ ฉันจึงแทบไม่มีแรงที่จะลืมตาตื่นขึ้นมา เป็นแผนของเขาอย่างแน่นอน แทบไม่ต้องสงสัยเลย


 


 


แต่ความอ่อนล้าทางร่างกายไม่ได้ทำให้ฉันละความพยายามในการจูงใจ Edward เลย ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ฉันทั้งพยายามให้เหตุผล ขอร้อง อ้อนวอน ขู่เขาสารพัด แต่มันก็ไม่ได้ผล ก่อนที่ฉันจะสามารถอธิบายอะไรต่อไปได้ ฉันก็แทบไม่มีสติเหลืออยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังฝันร้ายเกือบทุกวัน ความฝันที่ดูเสมือนจริงนั่น ทำให้ฉันดูง่วงนอนตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะหลับไปนานแค่ไหนก็ตาม


 


 


หลังจากที่เรามาที่เกาะได้หนึ่งอาทิตย์ ฉันก็ตัดสินใจจะประนีประนอมเรื่องนี้ วิธีนี้มันเคยประสบความสำเร็จมาแล้วเมื่อในอดีต 


 


 


ตอนนี้ฉันนอนอยู่ในห้องสีฟ้า คนที่จะเข้ามาทำความสะอาดยังไม่มาทำห้องสีขาวให้จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ ดังนั้นห้องสีขาวจึงยังเต็มไปด้วยขนนกทั่วห้อง ห้องสีฟ้ามีขนาดเล็กกว่า เตียงก็เล็กกว่า กำแพงก็สีทึบ ตกแต่งด้วยผ้าไหมสีฟ้าสุดหรู


 


ฉันเอาชุดนอนที่ Alice แพคมาให้มาใส่นอนในที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกับบิกินนี่พวกนั้นแล้ว ชุดนอนนี้ก็ไม่เลวร้ายสักเท่าไรนัก ยิ่งเมื่อสถานการณ์กลับกลายมาเป็นเช่นนี้  


 


ฉันสงสัยเหลือเกินว่า Alice เห็นล่วงหน้ารึเปล่าว่า ฉันต้องการสิ่งของเหล่านี้ ...​ฉันรู้สึกอับอายกับความคิดของตัวเองเหลือเกิน


 


ฉันเริ่มใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าซาตินบางเบา ใส่ไปก็กังวลไปว่าชุดนี้มันจะเปิดเผยมากเกินไปมั้ยนะ แต่ฉันก็พร้อมที่จะลองทำทุกอย่าง Edward ดูเหมือนว่าจะไม่สังเกตเห็นอะไรเลยราวกับว่าเขาเห็นฉันสวมชุดนอนเก่าๆเหมือนที่ฉันใส่ตอนอยู่บ้านนั่นแหล่ะ


 


 


ตอนนี้รอยช้ำต่างๆเริ่มดีขึ้นมากแล้ว บางที่ก็กลายเป็นสีเหลืองส่วนบางที่ก็จางไปมาก ดังนั้นคืนนี้ฉันจึงงัดเอาชิ้นที่น่ากลัวมากๆออกมาเพื่อจะใส่มันในห้องน้ำ มันคือชุดชั้นในสีดำ โปร่ง บาง และดูน่าอายเกินกว่าที่จะใส่มัน ฉันแทบไม่กล้าส่องกระจกเลยก่อนที่จะกลับไปที่ห้องนอน ฉันไม่อยากสติแตกซะก่อน


 


 


ฉันแอบรู้สึกดีใจเมื่อเห็นตาของเขาเบิกกว้างออกมาเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะทำเป็นเก๊กเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


 


"เธอคิดว่าไงเหรอ" ฉันถามเขาพร้อมๆกับที่หมุนตัวโชว์ไปด้วย


 


 


เขากระแอมคอเบาๆ "เธอก็ดู ....​สวยอยู่แล้วนี่"


 


 


"ขอบใจนะ" ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสนจะขมขื่น


 


 


 


ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะปีนขึ้นเตียงได้ เขาจึงลากฉันขึ้นมา และวางฉันไว้ที่แผ่นอกของเขา แต่นี่ก็เป็นกิจวัตรของเขาอยู่แล้ว มันร้อนเกินไปที่จะนอนหลับโดยที่ไม่มีร่างเย็นๆของเขาอยู่เคียงข้าง 


 


 


"ฉันขอตกลงกับเธอเรื่องนึงนะ" ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงง่วงๆ


 


 


"ฉันจะไม่ตกลงอะไรกับเธอทั้งนั้น" เขาตอบ


 


"เธอยังไม่ทันฟังเลยว่าฉันจะเสนออะไร"


 


 


"มันไม่สำคัญหรอก"


 


 


ฉันถอนหายใจ "เฮ้อออ แต่ฉันต้องการมันมากๆเลยนะ"


 


 


เขากรอกตาไปมา


 


 


ฉันหลับตา และทิ้งช่วงไว้อย่างนั้น


 


 


มันกินเวลาสักพัก แต่ก็ไม่นานพอที่จะทำให้ฉันหมดความอดทนได้หรอก


 


 


"ก็ได้ เธอต้องการอะไรกันล่ะ"


 


 


ฉันพยายามกัดฟันฝืนยิ้มให้เขา มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เขาจะทนไม่ได้ นั่นคือโอกาสที่เขาจะให้อะไรแก่ฉัน


 


 


"อ๋อ ฉันกำลังคิดว่า .... ฉันรู้ดีว่าเรื่อง Dartmouth นั้นก็แค่ฉากหน้าของเราเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าการได้เรียนที่นั่นสักหนึ่งเทอมก็ไม่เลวร้ายเท่าไร" ฉันเอ่ยออกมา ยังจำได้ดีถึงคำพูดของเขาที่เคยบอกฉันเมื่อต้องการให้ฉันเลื่อนการเป็นแวมไพร์ออกไป "Charlie คงจะเชื่อเรื่อง Dartmouth สนิทใจ อายุ 18 หรือ 19 ก็คงจะไม่ต่างกันมากหรอก"


 


เขาเงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง และแล้วเขาก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มๆว่า "เธอจะรอ เธอจะยังเป็นมนุษย์ต่อไป"


 


 


ฉันยังไม่เอ่ยอะไรออกไป


 


 


"ทำไมเธอถึงเสนออะไรแบบนี้ล่ะ" เขาเอ่ยลอดไรฟันออกมา และทันใดนั้นเองน้ำเสียงของเขาก็ดูโมโหขึ้นมา "นี่มันยังยากไม่พออีกเหรอ" เขาจับหมอนข้างไว้แน่น จนฉันคิดว่าเขากำลังจะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆเสียแล้ว แต่แล้วเขาก็ผ่อนแรงออก "มันไม่สำคัญหรอก ฉันจะไม่ตกลงอะไรกับเธอทั้งนั้น"


 


 


"ฉันอยากไปเรียนมหาลัย"


 


 


"ไม่ เธอไม่อยากหรอก และไม่มีอะไรจะคุ้มพอที่จะทำให้เธอต้องเสี่ยงชีวิตอีกครั้งหรอกนะ"


 


"แต่ฉันอยากไปจริงๆนี่นา ไม่ใช่แค่ไปมหาลัยหรอกนะ ฉัน ... ฉันอยากเป็นมนุษย์ไปก่อนด้วย"


 


 


เขาหลับตาลง และถอนหายใจออกมา "เธอนี่จะทำให้ฉันสติแตกเหรอไง Bella ไม่ใช่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันเป็นล้านๆครั้งแล้วเหรอ เธอเองก็เป็นคนอ้อนวอนขอจะเป็นแวมไพร์โดยที่ไม่มีการเลื่อนออกไปอีกเด็ดขาด"


 


"ก็ใช่ แต่ฉันมีเหตุผลที่อยากจะเป็นมนุษย์ต่อไปแล้วนี่นา ...​เหตุผลที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน"


 


 


"อะไรล่ะ"


 


 


"เดาสิ" ฉันเอ่ย ในขณะที่เลื่อนตัวลงจากหมอนเพื่อจูบเขา


 


 


เขาจูบฉันกลับ แต่ไม่ใช่ในลักษณะแบบที่ฉันคิดว่าตัวเองชนะ มันเหมือนกับว่าจะเป็นการระวังไม่ให้ทำร้ายความรู้สึกของฉันมากกว่า ตอนนี้เขาพยายามยั้งไว้มากที่สุด เขาดึงตัวฉันออกอย่างอ่อนโยน และกอดฉันไว้ที่อกของเขา


 


 


"เธอมีความเป็นมนุษย์มากเหลือเกิน Bella เพราะโดยฮอร์โมนของเธอนี่แหล่ะ" เขาหัวเราะเบาๆ 


 


"นั่นล่ะสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกเธอ Edward ฉันชอบชีวิตส่วนนี้ของการเป็นมนุษย์ ฉันยังไม่อยากยอมแพ้ ฉันไม่ต้องการทนรอเป็นแวมไพร์เกิดใหม่เป็นปีๆจนกว่าความรู้สึกนี้จะกลับมาหาฉันอีกครั้ง"


 


 


ฉันอ้อนวอน และเขายิ้มออกมา


 


 


"เธอเหนื่อยมากแล้ว นอนเถอะที่รัก" เขาเริ่มฮัมเพลงกล่อมนอนที่เขาแต่งให้ฉันเมื่อเราเจอกันครั้งแรก


 


 


"ฉันสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน" ฉันพึมพำอย่างกระแนะกระแหน "นี่ไม่ใช่แผนของเธอเลย"


 


เขาหัวเราะอีกครั้ง และก็กลับไปฮัมเพลงต่อ


 


 


"ยิ่งฉันเหนื่อยมากเท่าไร เธอก็คงคิดว่าฉันยิ่งหลับสนิทมากขึ้นเท่านั้น"


 


 


เพลงนั้นหยุดไป "เธอหลับเป็นตายเลย Bella เธอไม่ละเมออะไรเลยแม้แต่คำเดียวตอนเราอยู่ที่นี่น ไม่แม้แต่จะมีเสียงกรนเลยด้วยซ้ำ ฉันกังวลด้วยซ้ำว่าเธอหลับเหมือนคนเป็นอาการโคม่าเลยรู้มั้ย"


 


 


ฉันไม่สนใจเรื่องที่เขาหาว่าฉันกรน ฉันไม่ได้กรนสักหน่อย "ฉันไม่ละเมอเลยเหรอ นั่นมันแปลกมากเลยนะ ปกติแล้วฉันจะพลิกตัวไปทั่วเตียงเลยเมื่อฉันฝันร้าย และก็ตะโกนส่งเสียงดังด้วย"


 


 


"เธอฝันร้ายเหรอ"


 


 


"ใช่ มันชัดเจนมากเลยด้วย ยิ่งทำให้ฉันเหนื่อยเข้าไปใหญ่ ฉันแทบไม่เชื่อเลยว่าตัวเองไม่ได้โวยวายเกี่ยวกับมันเลย"


 


 


"มันเกี่ยวกับอะไรเหรอ"


 


 


"ก็หลายๆอย่างน่ะ แต่ก็เหมือนเดิม เธอก็รู้นิ มันเป็นเพราะสีน่ะ"


 


 


"สีเหรอ"


 


 


"มันทั้งสว่างและดูเหมือนจริง โดยปกติแล้วตอนฉันหลับฉันจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ แต่นี่ฉันแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าฉันกำลังนอนหลับอยู่ มันยิ่งทำให้ฉันกลัวมาก"


 


 


"มันทำให้เธอกลัวเหรอ"


 


 


"ก็....ส่วนใหญ่น่ะ" ฉันรั้งรอที่จะบอกเขา


 


 


"ส่วนใหญ่เลยเหรอ" เขาถามย้ำฉันอีกครั้ง 


 


 


ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองไม่อยากบอกกับ Edward เรื่องที่ฉันฝันถึงเด็กคนนั้นซ้ำๆกันทุกวัน แต่แทนที่ฉันจะเล่าให้เขาฟังทุกรายละเอียด ฉันกลับบอกเขาแค่อย่างเดียว เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ฉันกลัวได้


 


 


"พวก Volturi น่ะ" ฉันกระซิบ


 


เขากอดฉันแน่นขึ้น "พวกนั้นจะไม่มารบกวนเธออีกแล้ว เธอกำลังจะเป็นอมตะในไม่ช้า พวกนั้นไม่มีเหตุผลที่จะมาหาเธออีก"


 


 


ฉันปล่อยให้เขาทำให้ฉันสบายใจ รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้เขาเข้าใจผิด ในฝันร้ายของฉันมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉันไม่ได้กลัวตัวเอง ฉันกลัวเด็กคนนั้นต่างหาก


 


 


เขาไม่ใช่เด็กคนเดิม คนที่ฉันฝันถึงครั้งแรก ... แวมไพร์เด็กที่มีดวงตาสีแดง ที่นั่งอยู่บนกองซากศพของคนที่ฉันรัก เด็กคนนี้ที่ฉันฝันถึงสี่ครั้งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นมนุษย์ แก้มของเขามีสีเลือดฝาด ตาของเขาสีเขียว และก็เหมือนเด็กคนอื่นๆ เขาร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อพวก Volturi เข้ามาใกล้


 


 


ในความฝันนี้ มันมีทั้งความฝันอันเก่าและอันใหม่ผสมกัน ฉันอยากจะปกป้องเด็กคนนั้น มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็รู้ดีว่าตัวเองจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน


 


 


เขามองใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดของฉัน "ฉันจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง"


 


ฉันพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป "มันก็แค่ฝันน่ะ Edward"


 


 


"เธอต้องการให้ฉันร้องเพลงให้เธอฟังมั้ย ฉันจะร้องกล่อมเธอทั้งคืนถ้ามันช่วยทำให้ฝันร้ายหายไปได้"


 


 


"มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมดหรอกนะ มันก็มีที่ดีเหมือนกัน ใต้น้ำ มีปลากับปะการัง มันดูเหมือนเป็นเหตุการณ์จริงเลย ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังฝันอยู่รึเปล่า บางทีเกาะนี้อาจจะเป็นปัญหาก็ได้ ที่นี่ช่างสว่างเหลือเกิน"


 


 


"เธออยากจะกลับบ้านมั้ย"


 


 


"ไม่ๆๆ ยัง เราอยู่ที่นี่กันต่อได้มั้ย"


 


 


"เราอยู่ได้นานเท่าที่เธอต้องการเลย Bella" เขาให้สัญญากับฉัน


 


"มันเปิดเทอมเมื่อไหร่ล่ะ ฉันไม่เคยสนใจมาก่อนเลย"


 


 


เขาถอนหายใจ เขากำลังเริ่มฮัมเพลงอีกครั้ง


 


 


ต่อมา เมื่อฉันตกใจตื่นขึ้นมาในความมืด ฉันรู้สึกตกใจมากๆ ความฝันนั้นช่างดูเหมือนจริงซะเหลือเกิน ฉันกรีดร้องเสียงดังในห้องที่มืดมิดนั้น แต่เพียงเวลาชั่วไม่กี่วินาที ก็ดูเหมือนว่าฉันได้กลับมาอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์อีกครั้ง


 


 


"Bella" Edward กระซิบเรียกฉัน เขากอดฉันไว้แน่น และเขย่าฉันเบาๆ "เธอเป็นอะไรรึเปล่า ที่รัก"


 


"โอ้" ฉันรู้สึกตกใจตื่นอีกครั้ง มันเป็นแค่ฝัน ไม่ใช่ความจริง และแล้วน้ำตาก็ไหลเอ่อท้นดวงตาของฉัน ไหลเป็นทางลงมาบนใบหน้า


 


 


"Bella" เขาเรียกฉันดังขึ้น "มีอะไรผิดปกติเหรอ" เขาเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนโยน


 


"มันเป็นแค่ฝันน่ะ" เสียงของฉันสะอื้นไห้


 


ฉันไม่สามารถควบคุมความเศร้าในใจของตัวเองได้เลย ฉันอยากให้ความฝันนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาเหลือเกิน


 


 


"ทุกอย่างโอเคแล้วนะ ที่รัก เธอปลอดภัยแล้ว ฉันอยู่นี่แล้วไง" เขาพยายามปลอบฉัน "เธอฝันร้ายอีกแล้วเหรอ มันไม่ใช่เรื่องจริงนะ ไม่ใช่เลย"


 


 


"ไม่ใช่ฝันร้ายหรอก" ฉันส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับใช้หลังมือเช็ดน้ำตา "มันเป็นฝันดีต่างหาก" เสียงของฉันแตกพร่าไปหมด


 


 


"อ่าว ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเธอร้องไห้ทำไม" เขาถามด้วยความสงสัย


 


 


"เพราะว่าฉันตื่นขึ้นมานี่ไง" ฉันรวบคอเขาเอาไว้ เพื่อหาที่พักพิง และเอนตัวร้องไห้ลงบนต้นคอของเขา


 


 


เขาหัวเราะให้กับโลจิกของฉัน แต่กลับดูเต็มไปด้วยความกังวล


 


 


"ทุกอย่างโอเคแล้ว Bella สูดลมหายใจเข้าลึกๆนะ"


 


 


"ทุกอย่างมันเหมือนจริงมากเลย" ฉันร้องไห้ "ฉันอยากให้มันเป็นเรื่องจริง"


 


 


"เล่าให้ฉันฟังสิ" เขาบอกฉัน "บางทีมันอาจจะช่วยได้นะ"


 


 


"เราอยู่ที่ชายหาดด้วยกัน" เขาเอนตัวไปข้างหลังเพื่อมองหน้าเขาด้วยน้ำตามองหน้า


 


 


"แล้ว??" เขาเอ่ยถามฉัน


 


 


ฉันต้องกระพริบตา เพราะน้ำตาไหลเอ่อท่วมอีกครั้ง "ฮืออ Edward..."


 


 


"บอกฉันสิ Bella" เขาอ้อนวอน สายตาเต็มไปด้วยความกังวล


 


 


แต่ฉันบอกเขาไม่ได้ แทนที่ฉันจะทำอย่างนั้น ฉันกลับรวบตัวเขาเข้ามาและจูบเขา มันไม่ใช่แรงปรารถนาอีกแล้ว แต่เป็นความต้องการที่กำลังจะถึงจุดที่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด เขามีปฏิกริยาทันที รวดเร็วแล้วก็ตามด้วยท่าทีแข็งขืนเหมือนเช่นดังทุกครั้ง


 


เขาพยายามทำมันอย่างอ่อนโยนที่สุด แต่แล้วเขาก็ผลักฉันออกไปเบาๆ และจับไหล่ฉันไว้


 


 


"ไม่นะ Bella" เขาแข็งขืน และมองมาที่ฉันราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะเสียสติไปแล้ว


 


 


 แขนของฉันตกลง ไร้การแข็งขืน น้ำตาของฉันไหล่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขาคงจะพูดถูก ฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่


 


 


เขามองมาที่ฉันด้วยความสงสัย


 


 


"ฉันข...ขออ...โทษ" ฉันเอ่ยอย่างคร่ำครวญ


 


 


แต่เขาดึงตัวฉันไปกอดไว้แน่น


 


 


"ฉันทำไม่ได้ Bella ฉันทำไม่ได้" เขาคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด


 


 


"ได้โปรดเถอะนะ" ฉันอ้อนวอนต่อเขา "ได้โปรดเถอะ Edward"


 


 


 


ฉันไม่อาจบอกได้เลยว่ามันเป็นเพราะเหตุใด เขาอาจจะไม่ได้เตรียมใจไว้จัดการกับการจู่โจมที่ดูกระทันหันของฉัน หรือเขาอาจจะทนต่อความต้องการของตัวเองไม่ไหวด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใดก็ตาม เขารวบตัวฉันเข้าไปหาเขา รีมฝีปากของฉันกลับไปอยู่บนของเขา ยอมแพ้ใจของตัวเอง


 


 


และแล้ว เราก็เริ่มกันต่อจากจุดที่ฝันของฉันจบลง






 

Create Date : 20 มกราคม 2552   
Last Update : 20 มกราคม 2552 20:33:56 น.   
Counter : 852 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  

BaTT~TaBB
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add BaTT~TaBB's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com