Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 6.1
6. Distractions ความสนุกของฉันกลายเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งบนเกาะ Isle Esme นี้ เราดำน้ำ (อ๋อ ฉันน่ะดำน้ำ ในขณะที่เขาน่ะสามารถอยู่ใต้น้ำได้โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน) เราไปเดินป่ากัน ปีนเขาโน่นนี่ ไปดูนกที่ทางใต้ของเกาะ เราดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน เราว่ายน้ำไปกับเต่าตนุด้วยกัน ตรงน้ำตื้นๆนี่แหล่ะ แต่เมื่อ Edward อยู่ในน้ำ พวกเต่าเหล่านั้นก็หายตัวไปทันทีราวกับว่ามีฉลามมาอยู่ใกล้ๆ ฉันรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เขาพยายามจะทำให้ฉันยุ่งทั้งวัน และเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องเซ็กซ์ของฉันซะ ทุกครั้งที่ฉันเอ่ยปากชวนดูดีวีดีกับทีวีจอใหญ่ที่ห้องด้านนอก เขาก็จะล่อให้ฉันไปทำอย่างอื่นแทน ด้วยอะไรเช่น "ปะการัง" "ถ้ำใต้น้ำ" และ "เต่าทะเล" เราไปมันทุกที่ ไปเที่ยวมันั้งวันจนกระทั่งเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ฉันก็หมดเรี่ยวหมดแรงทุกครั้ง ฉันทานอาหารเย็นหมดจานทุกครั้ง และฉันก็ผลอยหลับไปที่โต๊ะกินข้าว ทำให้เขาต้องเป็นคนพาฉันไปที่เตียง อาจจะเป็นเพราะว่า Edward ทำอาหารให้ฉันมากเกินไป แต่ฉันก็หิวเหลือเกิน หลังจากที่ว่ายน้ำและปีนโน่นปีนนี่มาทั้งวัน ดังนั้นเมื่อทานอาหารเสร็จ ฉันจึงแทบไม่มีแรงที่จะลืมตาตื่นขึ้นมา เป็นแผนของเขาอย่างแน่นอน แทบไม่ต้องสงสัยเลย แต่ความอ่อนล้าทางร่างกายไม่ได้ทำให้ฉันละความพยายามในการจูงใจ Edward เลย ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ฉันทั้งพยายามให้เหตุผล ขอร้อง อ้อนวอน ขู่เขาสารพัด แต่มันก็ไม่ได้ผล ก่อนที่ฉันจะสามารถอธิบายอะไรต่อไปได้ ฉันก็แทบไม่มีสติเหลืออยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังฝันร้ายเกือบทุกวัน ความฝันที่ดูเสมือนจริงนั่น ทำให้ฉันดูง่วงนอนตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะหลับไปนานแค่ไหนก็ตาม หลังจากที่เรามาที่เกาะได้หนึ่งอาทิตย์ ฉันก็ตัดสินใจจะประนีประนอมเรื่องนี้ วิธีนี้มันเคยประสบความสำเร็จมาแล้วเมื่อในอดีต ตอนนี้ฉันนอนอยู่ในห้องสีฟ้า คนที่จะเข้ามาทำความสะอาดยังไม่มาทำห้องสีขาวให้จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ ดังนั้นห้องสีขาวจึงยังเต็มไปด้วยขนนกทั่วห้อง ห้องสีฟ้ามีขนาดเล็กกว่า เตียงก็เล็กกว่า กำแพงก็สีทึบ ตกแต่งด้วยผ้าไหมสีฟ้าสุดหรู ฉันเอาชุดนอนที่ Alice แพคมาให้มาใส่นอนในที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกับบิกินนี่พวกนั้นแล้ว ชุดนอนนี้ก็ไม่เลวร้ายสักเท่าไรนัก ยิ่งเมื่อสถานการณ์กลับกลายมาเป็นเช่นนี้ ฉันสงสัยเหลือเกินว่า Alice เห็นล่วงหน้ารึเปล่าว่า ฉันต้องการสิ่งของเหล่านี้ ...ฉันรู้สึกอับอายกับความคิดของตัวเองเหลือเกิน ฉันเริ่มใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าซาตินบางเบา ใส่ไปก็กังวลไปว่าชุดนี้มันจะเปิดเผยมากเกินไปมั้ยนะ แต่ฉันก็พร้อมที่จะลองทำทุกอย่าง Edward ดูเหมือนว่าจะไม่สังเกตเห็นอะไรเลยราวกับว่าเขาเห็นฉันสวมชุดนอนเก่าๆเหมือนที่ฉันใส่ตอนอยู่บ้านนั่นแหล่ะ ตอนนี้รอยช้ำต่างๆเริ่มดีขึ้นมากแล้ว บางที่ก็กลายเป็นสีเหลืองส่วนบางที่ก็จางไปมาก ดังนั้นคืนนี้ฉันจึงงัดเอาชิ้นที่น่ากลัวมากๆออกมาเพื่อจะใส่มันในห้องน้ำ มันคือชุดชั้นในสีดำ โปร่ง บาง และดูน่าอายเกินกว่าที่จะใส่มัน ฉันแทบไม่กล้าส่องกระจกเลยก่อนที่จะกลับไปที่ห้องนอน ฉันไม่อยากสติแตกซะก่อน ฉันแอบรู้สึกดีใจเมื่อเห็นตาของเขาเบิกกว้างออกมาเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะทำเป็นเก๊กเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "เธอคิดว่าไงเหรอ" ฉันถามเขาพร้อมๆกับที่หมุนตัวโชว์ไปด้วย เขากระแอมคอเบาๆ "เธอก็ดู ....สวยอยู่แล้วนี่" "ขอบใจนะ" ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสนจะขมขื่น ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะปีนขึ้นเตียงได้ เขาจึงลากฉันขึ้นมา และวางฉันไว้ที่แผ่นอกของเขา แต่นี่ก็เป็นกิจวัตรของเขาอยู่แล้ว มันร้อนเกินไปที่จะนอนหลับโดยที่ไม่มีร่างเย็นๆของเขาอยู่เคียงข้าง "ฉันขอตกลงกับเธอเรื่องนึงนะ" ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงง่วงๆ "ฉันจะไม่ตกลงอะไรกับเธอทั้งนั้น" เขาตอบ "เธอยังไม่ทันฟังเลยว่าฉันจะเสนออะไร" "มันไม่สำคัญหรอก" ฉันถอนหายใจ "เฮ้อออ แต่ฉันต้องการมันมากๆเลยนะ" เขากรอกตาไปมา ฉันหลับตา และทิ้งช่วงไว้อย่างนั้น มันกินเวลาสักพัก แต่ก็ไม่นานพอที่จะทำให้ฉันหมดความอดทนได้หรอก "ก็ได้ เธอต้องการอะไรกันล่ะ" ฉันพยายามกัดฟันฝืนยิ้มให้เขา มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เขาจะทนไม่ได้ นั่นคือโอกาสที่เขาจะให้อะไรแก่ฉัน "อ๋อ ฉันกำลังคิดว่า .... ฉันรู้ดีว่าเรื่อง Dartmouth นั้นก็แค่ฉากหน้าของเราเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าการได้เรียนที่นั่นสักหนึ่งเทอมก็ไม่เลวร้ายเท่าไร" ฉันเอ่ยออกมา ยังจำได้ดีถึงคำพูดของเขาที่เคยบอกฉันเมื่อต้องการให้ฉันเลื่อนการเป็นแวมไพร์ออกไป "Charlie คงจะเชื่อเรื่อง Dartmouth สนิทใจ อายุ 18 หรือ 19 ก็คงจะไม่ต่างกันมากหรอก" เขาเงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง และแล้วเขาก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มๆว่า "เธอจะรอ เธอจะยังเป็นมนุษย์ต่อไป" ฉันยังไม่เอ่ยอะไรออกไป "ทำไมเธอถึงเสนออะไรแบบนี้ล่ะ" เขาเอ่ยลอดไรฟันออกมา และทันใดนั้นเองน้ำเสียงของเขาก็ดูโมโหขึ้นมา "นี่มันยังยากไม่พออีกเหรอ" เขาจับหมอนข้างไว้แน่น จนฉันคิดว่าเขากำลังจะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆเสียแล้ว แต่แล้วเขาก็ผ่อนแรงออก "มันไม่สำคัญหรอก ฉันจะไม่ตกลงอะไรกับเธอทั้งนั้น" "ฉันอยากไปเรียนมหาลัย" "ไม่ เธอไม่อยากหรอก และไม่มีอะไรจะคุ้มพอที่จะทำให้เธอต้องเสี่ยงชีวิตอีกครั้งหรอกนะ" "แต่ฉันอยากไปจริงๆนี่นา ไม่ใช่แค่ไปมหาลัยหรอกนะ ฉัน ... ฉันอยากเป็นมนุษย์ไปก่อนด้วย" เขาหลับตาลง และถอนหายใจออกมา "เธอนี่จะทำให้ฉันสติแตกเหรอไง Bella ไม่ใช่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันเป็นล้านๆครั้งแล้วเหรอ เธอเองก็เป็นคนอ้อนวอนขอจะเป็นแวมไพร์โดยที่ไม่มีการเลื่อนออกไปอีกเด็ดขาด" "ก็ใช่ แต่ฉันมีเหตุผลที่อยากจะเป็นมนุษย์ต่อไปแล้วนี่นา ...เหตุผลที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน" "อะไรล่ะ" "เดาสิ" ฉันเอ่ย ในขณะที่เลื่อนตัวลงจากหมอนเพื่อจูบเขา เขาจูบฉันกลับ แต่ไม่ใช่ในลักษณะแบบที่ฉันคิดว่าตัวเองชนะ มันเหมือนกับว่าจะเป็นการระวังไม่ให้ทำร้ายความรู้สึกของฉันมากกว่า ตอนนี้เขาพยายามยั้งไว้มากที่สุด เขาดึงตัวฉันออกอย่างอ่อนโยน และกอดฉันไว้ที่อกของเขา "เธอมีความเป็นมนุษย์มากเหลือเกิน Bella เพราะโดยฮอร์โมนของเธอนี่แหล่ะ" เขาหัวเราะเบาๆ "นั่นล่ะสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกเธอ Edward ฉันชอบชีวิตส่วนนี้ของการเป็นมนุษย์ ฉันยังไม่อยากยอมแพ้ ฉันไม่ต้องการทนรอเป็นแวมไพร์เกิดใหม่เป็นปีๆจนกว่าความรู้สึกนี้จะกลับมาหาฉันอีกครั้ง" ฉันอ้อนวอน และเขายิ้มออกมา "เธอเหนื่อยมากแล้ว นอนเถอะที่รัก" เขาเริ่มฮัมเพลงกล่อมนอนที่เขาแต่งให้ฉันเมื่อเราเจอกันครั้งแรก "ฉันสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน" ฉันพึมพำอย่างกระแนะกระแหน "นี่ไม่ใช่แผนของเธอเลย" เขาหัวเราะอีกครั้ง และก็กลับไปฮัมเพลงต่อ "ยิ่งฉันเหนื่อยมากเท่าไร เธอก็คงคิดว่าฉันยิ่งหลับสนิทมากขึ้นเท่านั้น" เพลงนั้นหยุดไป "เธอหลับเป็นตายเลย Bella เธอไม่ละเมออะไรเลยแม้แต่คำเดียวตอนเราอยู่ที่นี่น ไม่แม้แต่จะมีเสียงกรนเลยด้วยซ้ำ ฉันกังวลด้วยซ้ำว่าเธอหลับเหมือนคนเป็นอาการโคม่าเลยรู้มั้ย" ฉันไม่สนใจเรื่องที่เขาหาว่าฉันกรน ฉันไม่ได้กรนสักหน่อย "ฉันไม่ละเมอเลยเหรอ นั่นมันแปลกมากเลยนะ ปกติแล้วฉันจะพลิกตัวไปทั่วเตียงเลยเมื่อฉันฝันร้าย และก็ตะโกนส่งเสียงดังด้วย" "เธอฝันร้ายเหรอ" "ใช่ มันชัดเจนมากเลยด้วย ยิ่งทำให้ฉันเหนื่อยเข้าไปใหญ่ ฉันแทบไม่เชื่อเลยว่าตัวเองไม่ได้โวยวายเกี่ยวกับมันเลย" "มันเกี่ยวกับอะไรเหรอ" "ก็หลายๆอย่างน่ะ แต่ก็เหมือนเดิม เธอก็รู้นิ มันเป็นเพราะสีน่ะ" "สีเหรอ" "มันทั้งสว่างและดูเหมือนจริง โดยปกติแล้วตอนฉันหลับฉันจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ แต่นี่ฉันแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าฉันกำลังนอนหลับอยู่ มันยิ่งทำให้ฉันกลัวมาก" "มันทำให้เธอกลัวเหรอ" "ก็....ส่วนใหญ่น่ะ" ฉันรั้งรอที่จะบอกเขา "ส่วนใหญ่เลยเหรอ" เขาถามย้ำฉันอีกครั้ง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองไม่อยากบอกกับ Edward เรื่องที่ฉันฝันถึงเด็กคนนั้นซ้ำๆกันทุกวัน แต่แทนที่ฉันจะเล่าให้เขาฟังทุกรายละเอียด ฉันกลับบอกเขาแค่อย่างเดียว เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ฉันกลัวได้ "พวก Volturi น่ะ" ฉันกระซิบ เขากอดฉันแน่นขึ้น "พวกนั้นจะไม่มารบกวนเธออีกแล้ว เธอกำลังจะเป็นอมตะในไม่ช้า พวกนั้นไม่มีเหตุผลที่จะมาหาเธออีก" ฉันปล่อยให้เขาทำให้ฉันสบายใจ รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้เขาเข้าใจผิด ในฝันร้ายของฉันมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉันไม่ได้กลัวตัวเอง ฉันกลัวเด็กคนนั้นต่างหาก เขาไม่ใช่เด็กคนเดิม คนที่ฉันฝันถึงครั้งแรก ... แวมไพร์เด็กที่มีดวงตาสีแดง ที่นั่งอยู่บนกองซากศพของคนที่ฉันรัก เด็กคนนี้ที่ฉันฝันถึงสี่ครั้งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นมนุษย์ แก้มของเขามีสีเลือดฝาด ตาของเขาสีเขียว และก็เหมือนเด็กคนอื่นๆ เขาร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อพวก Volturi เข้ามาใกล้ ในความฝันนี้ มันมีทั้งความฝันอันเก่าและอันใหม่ผสมกัน ฉันอยากจะปกป้องเด็กคนนั้น มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็รู้ดีว่าตัวเองจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน เขามองใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดของฉัน "ฉันจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง" ฉันพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป "มันก็แค่ฝันน่ะ Edward" "เธอต้องการให้ฉันร้องเพลงให้เธอฟังมั้ย ฉันจะร้องกล่อมเธอทั้งคืนถ้ามันช่วยทำให้ฝันร้ายหายไปได้" "มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมดหรอกนะ มันก็มีที่ดีเหมือนกัน ใต้น้ำ มีปลากับปะการัง มันดูเหมือนเป็นเหตุการณ์จริงเลย ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังฝันอยู่รึเปล่า บางทีเกาะนี้อาจจะเป็นปัญหาก็ได้ ที่นี่ช่างสว่างเหลือเกิน" "เธออยากจะกลับบ้านมั้ย" "ไม่ๆๆ ยัง เราอยู่ที่นี่กันต่อได้มั้ย" "เราอยู่ได้นานเท่าที่เธอต้องการเลย Bella" เขาให้สัญญากับฉัน "มันเปิดเทอมเมื่อไหร่ล่ะ ฉันไม่เคยสนใจมาก่อนเลย" เขาถอนหายใจ เขากำลังเริ่มฮัมเพลงอีกครั้ง ต่อมา เมื่อฉันตกใจตื่นขึ้นมาในความมืด ฉันรู้สึกตกใจมากๆ ความฝันนั้นช่างดูเหมือนจริงซะเหลือเกิน ฉันกรีดร้องเสียงดังในห้องที่มืดมิดนั้น แต่เพียงเวลาชั่วไม่กี่วินาที ก็ดูเหมือนว่าฉันได้กลับมาอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์อีกครั้ง "Bella" Edward กระซิบเรียกฉัน เขากอดฉันไว้แน่น และเขย่าฉันเบาๆ "เธอเป็นอะไรรึเปล่า ที่รัก" "โอ้" ฉันรู้สึกตกใจตื่นอีกครั้ง มันเป็นแค่ฝัน ไม่ใช่ความจริง และแล้วน้ำตาก็ไหลเอ่อท้นดวงตาของฉัน ไหลเป็นทางลงมาบนใบหน้า "Bella" เขาเรียกฉันดังขึ้น "มีอะไรผิดปกติเหรอ" เขาเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนโยน "มันเป็นแค่ฝันน่ะ" เสียงของฉันสะอื้นไห้ ฉันไม่สามารถควบคุมความเศร้าในใจของตัวเองได้เลย ฉันอยากให้ความฝันนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาเหลือเกิน "ทุกอย่างโอเคแล้วนะ ที่รัก เธอปลอดภัยแล้ว ฉันอยู่นี่แล้วไง" เขาพยายามปลอบฉัน "เธอฝันร้ายอีกแล้วเหรอ มันไม่ใช่เรื่องจริงนะ ไม่ใช่เลย" "ไม่ใช่ฝันร้ายหรอก" ฉันส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับใช้หลังมือเช็ดน้ำตา "มันเป็นฝันดีต่างหาก" เสียงของฉันแตกพร่าไปหมด "อ่าว ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเธอร้องไห้ทำไม" เขาถามด้วยความสงสัย "เพราะว่าฉันตื่นขึ้นมานี่ไง" ฉันรวบคอเขาเอาไว้ เพื่อหาที่พักพิง และเอนตัวร้องไห้ลงบนต้นคอของเขา เขาหัวเราะให้กับโลจิกของฉัน แต่กลับดูเต็มไปด้วยความกังวล "ทุกอย่างโอเคแล้ว Bella สูดลมหายใจเข้าลึกๆนะ" "ทุกอย่างมันเหมือนจริงมากเลย" ฉันร้องไห้ "ฉันอยากให้มันเป็นเรื่องจริง" "เล่าให้ฉันฟังสิ" เขาบอกฉัน "บางทีมันอาจจะช่วยได้นะ" "เราอยู่ที่ชายหาดด้วยกัน" เขาเอนตัวไปข้างหลังเพื่อมองหน้าเขาด้วยน้ำตามองหน้า "แล้ว??" เขาเอ่ยถามฉัน ฉันต้องกระพริบตา เพราะน้ำตาไหลเอ่อท่วมอีกครั้ง "ฮืออ Edward..." "บอกฉันสิ Bella" เขาอ้อนวอน สายตาเต็มไปด้วยความกังวล แต่ฉันบอกเขาไม่ได้ แทนที่ฉันจะทำอย่างนั้น ฉันกลับรวบตัวเขาเข้ามาและจูบเขา มันไม่ใช่แรงปรารถนาอีกแล้ว แต่เป็นความต้องการที่กำลังจะถึงจุดที่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด เขามีปฏิกริยาทันที รวดเร็วแล้วก็ตามด้วยท่าทีแข็งขืนเหมือนเช่นดังทุกครั้ง เขาพยายามทำมันอย่างอ่อนโยนที่สุด แต่แล้วเขาก็ผลักฉันออกไปเบาๆ และจับไหล่ฉันไว้ "ไม่นะ Bella" เขาแข็งขืน และมองมาที่ฉันราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะเสียสติไปแล้ว แขนของฉันตกลง ไร้การแข็งขืน น้ำตาของฉันไหล่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขาคงจะพูดถูก ฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ เขามองมาที่ฉันด้วยความสงสัย "ฉันข...ขออ...โทษ" ฉันเอ่ยอย่างคร่ำครวญ แต่เขาดึงตัวฉันไปกอดไว้แน่น "ฉันทำไม่ได้ Bella ฉันทำไม่ได้" เขาคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด "ได้โปรดเถอะนะ" ฉันอ้อนวอนต่อเขา "ได้โปรดเถอะ Edward" ฉันไม่อาจบอกได้เลยว่ามันเป็นเพราะเหตุใด เขาอาจจะไม่ได้เตรียมใจไว้จัดการกับการจู่โจมที่ดูกระทันหันของฉัน หรือเขาอาจจะทนต่อความต้องการของตัวเองไม่ไหวด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใดก็ตาม เขารวบตัวฉันเข้าไปหาเขา รีมฝีปากของฉันกลับไปอยู่บนของเขา ยอมแพ้ใจของตัวเอง และแล้ว เราก็เริ่มกันต่อจากจุดที่ฝันของฉันจบลง
Create Date : 20 มกราคม 2552 |
| |
|
Last Update : 20 มกราคม 2552 20:33:56 น. |
| |
Counter : 852 Pageviews. |
| |
|
|