Breaking Dawn (Twilight Saga IV) Copyright for non-commercial use ONLY
 
Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter I

1. Engaged


เล่ม 1 ตอนที่ 1 หมั้น



ไม่มีใครจ้องเธอหรอก ... ฉันบอกกับตัวเอง


ไม่มีใครจ้องเธอหรอก


ไม่มีใครจ้องเธอหรอก




แต่ เพราะว่าฉันไม่สามารถโกหกตัวเองได้ ฉันจึงต้องเช็คดูอีกครั้ง



ในขณะที่ฉันกำลังนั่งรอไฟเขียวนั้น ฉันแอบมองไปทางขวามือ ในมินิแวนคันนั้น มิสซิส Weber หันมามองที่ฉัน เธอหันมาสบตาฉัน จนฉันต้องเหลียวกลับไปมอง สงสัยว่าทำไมเธอไม่หันมามองฉันด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน หรือว่าพฤติกรรมการจ้องหน้าผู้อื่นนั้น ดูจะเป็นการหยาบคายเกินไป


แต่แล้วฉันก็คิดได้ว่า เธอคงไม่รู้ว่าเป็นฉันที่อยู่ในรถคันนี้ เนื่องจากหน้าต่างรถฉันมืดเกินไปจนมองไม่เห็น


ฉันมองไปที่เธออีกครั้ง และก็พบว่า เธอไม่ได้จ้องมองฉัน เพียงแต่จ้องมองรถของฉันต่างหาก



รถของฉัน .... เฮ้อออ



ฉันหันมองไปทางริมฟุตบาท แล้วก็อดเซ็งไม่ได้ที่มีคนหันมามองรถของฉันด้วยความตกตะลึง



เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ฉันก็ไม่รั้งรอที่จะรีบออกไปทันที


ฉันเหยียบคันเร่งอย่างแรง โดยแทบไม่ต้องคิด ซึ่งโดยปกติแล้ว ฉันจะต้องเหยียบคันเร่งอย่างแรงเพื่อให้รถบรรทุกโทรมๆของฉันพุ่งไปข้างหน้า


เสียงของเครื่องยนต์ดังราวกับเสือจ้องจะล่าเหยื่อ รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง ผลักให้ร่างของฉันติดอยู่ที่เบาะหนังสีดำ ท้องแทบจะติดกับกระดูกสันหลัง



"อ๊ากส์" ฉันรีบเหยียบเบรคทันควัน และบังคับใหตัวเองกลับไปทรงตัวอยู่ได้เหมือนดังเดิม



ฉันไม่อยากทนมองปฏิกริยารอบๆ ตอนนี้คงไม่มีใครสงสัยแล้วว่าใครขับรถคันนี้ ฉันค่อยๆเหยียบคันเร่ง และรถก็พุ่งออกไปข้างหน้าอีกครั้ง



ฉันมุ่งหน้าไปปั๊มน้ำมัน รีบร้อนราวกับว่ากำลังแข่งขันอยู่


ฉันไปที่ด้านข้างของตัวรถ แล้วทำการเติมน้ำมันอย่างรวดเร็ว แต่มันกลับไม่ทันใจเอาเสียเลย ตัวเกจวัดค่อยๆไหลไปอย่างช้าๆ



ฉันยังคงรู้สึกว่า คนอื่นๆกำลังมองฉันอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะดูโง่ก็ตามที


แต่นอกจากพ่อกับแม่ของฉัน มันสำคัญด้วยเหรอถ้าคนอื่นจะพูดเรื่องหมั้น หรือพูดถึงเรื่องรถคันใหม่ หรือการที่ฉันได้รับเข้าเรียนต่อที่ Ivy League หรือบัตรเครดิตสีดำที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตอนนี้


"ใช่!! ใครจะไปสนในสิ่งที่พวกเขาคิดกันล่ะ" ฉันบอกกับตัวเอง


"เอ่อ ... คุณครับ"


ฉันหันไปตามเสียงเรียก



ผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้างๆรถ SUV ที่มีเรือคายักผูกไว้อยู่ด้านบนรถ ไม่มีใครมองที่ฉัน ทั้งคู่กำลังจ้องมองไปที่รถของฉํน



โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่เข้าใจท่าทีเหล่านี้เลย แต่แล้วฉันก็ภูมิใจว่าฉันสามารถแยกความแตกต่างของสัญลักษณ์รถโตโยต้า ฟอร์ด และ เชฟวี่ออกจากกันได้ รถคันนี้สีดำ มันวาว และก็สวยสุดๆไปเลย แต่มันก็ยังคงเป็นแค่ "รถยนต์คันหนึ่ง" สำหรับฉันอยู่ดี



"ผมขอโทษที่รบกวนคุณนะครับ แต่คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าคุณขับรถอะไร" คนที่ตัวสูงกว่าถามฉัน



"Mercedez" (รถเบนซ์)



"ใช่แล้วครับ" ผู้ชายคนนั้นเห็นด้วย ในขณะที่คนที่ตัวเตี้ยกว่าถามต่อไปว่า "ผมรู้ แต่ผมแค่สงสัยว่าคุณขับ Mercedes Guardian ใช่ไหม"


ทันทีผู้ชายคนนั้นเอ่ยชื่อรุ่นรถออกมา ฉันก็รู้ได้เลยว่า ผู้ชายคนนี้ต้องเข้าได้ดีกับ Edward ... คู่หมั้นของฉันอย่างแน่นอน (ซึ่งอันที่จริงแล้ว เรากำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่วันครั้งหน้า)


"มันน่าจะยังไม่มีขายในยุโรปด้วยซ้ำ"



ในขณะที่ตาของเขากำลังสำรวจรถอยู่นั้น สำหรับฉันแล้ว มันก็ดูเหมือนรถเบนซ์ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่ฉันจะรู้อะไรล่ะ



ฉันหวนกลับมาคิดเรื่องของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ... คู่หมั้น งานแต่งงาน สามี ฯลฯ



ฉันคิดไปถึงตัวเองในชุดแต่งงานสีขาวถือช่อดอกไม้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่อาจทำใจได้กับแนวคิดทื่อๆของคำว่า "สามี" กับแนวคิดของฉันที่มีต่อ Edward ราวกับการเห็นทูตสวรรค์เป็นนักบัญชียังไงยังงั้น ฉันไม่อาจจินตนาการถึงเขาในบทบาทที่ธรรมดาได้เลย



ก็เหมือนเช่นทุกๆครั้ง เมื่อฉันคิดถึง Edward ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองราวกับตกอยู่ในห้วงของจินตนาการ


คนแปลกหน้ากระแอมเบาๆ เพื่อเรียกความสนใจจากฉัน เขายังคงรอคำตอบของฉันอยู่



"ฉันไม่รู้เหมือนกัน" ฉันตอบเขาตามจริง



"คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมขอถ่ายรูปกับรถของคุณ"



ฉันใช้เวลาสักครู่ เพื่อคิดใคร่ครวญดู


"คุณอยากจะถ่ายรูปกับรถจริงๆเหรอ"



"แน่นอนสิ คงจะไม่มีใครเชื่อผมแน่นอน ผมเลยต้องการหลักฐาน"



"อืม งั้นก็ ได้สิ"



ฉันรีบเข้าไปในรถ ประจำที่นั่งคนขับ ในขณะที่สองหนุ่มนั่นถ่ายรูปกันอยู่บริเวณด้านหลังของตัวรถ



"ฉันคิดถึงรถบรรทุกของฉัน" ฉันโอดครวญกับตัวเอง



หลังจากที่ฉันกับ Edward ได้ตกลงที่จะประนีประนอมต่อกัน เขาเสนอให้ฉันเปลี่ยนรถ โดยอ้างถึงสภาพของรถต่างๆนาๆ ซึ่งสุดท้ายฉันก็ยอม



"รถรุ่นนี้ยังไม่มีขายในตลาด เว้นแต่คันที่คุณกำลังเห็นอยู่ตรงหน้านี้ ซึ่งถูกออกแบบเฉพาะมาให้กับนักการทูตของพวกตะวันออกกลาง พวกค้าอาวุธ และค้ายาเสพย์ติด"



"คิดว่าเธอจะเป็นหนึ่งในพวกนั้นมั้ย" คนที่ตัวเตี้ยถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา ฉันเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มทันที



"น่าจะนะ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเธอถึงต้องการรถกระจกกันกระสุน หุ้มเกราะด้วยสี่ร้อนปอนด์แถวนี้ มันต้องกำลังไปในที่ที่อันตรายกว่านี้แน่นอน" คนตัวสูงกว่าเอ่ย



รถหุ้มเกราะ กระจกกันกระสุน เยี่ยม!! อย่างน้อยมันก็ฟังดูมีเหตุมีผลขึ้นมาบ้าง ถ้าคุณจะคิดเป็นเรื่องขำขัน



ฉันไม่ได้คาดหวังให้ Edward เอาเปรียบในข้อตกลงของเรา โดยการให้สิ่งต่างๆแก่ฉันมากมายกว่าที่เขาจะได้รับจากฉันไป ฉันตกลงกับเขาว่า ฉันจะยอมเปลี่ยนรถเมื่อมันจำเป็นจริงๆ แต่ก็ไม่คาดคิดว่า เวลานั้นจะมาถึงอย่างรวดเร็ว ฉันรู้ว่าการเปลี่ยนรถในครั้งนี้จะทำให้ฉันอับอาย ทำให้ฉันเป็นจุดสนใจของทุกคน ทั้งสายตาที่จ้องมองและการกระซิบกระซาบลับหลัง แต่ทว่า ฉันไม่คิดเลยว่า เขาจะให้รถฉันถึงสองคัน



'Before' car และ 'After' car รถก่อนแต่งงาน และ รถหลังแต่งงาน



นี่แค่รถก่อนแต่งงานเท่านั้น เขาสัญญากับฉันว่าเขาจะรับรถคันนี้คืนไปหลังงานแต่งงาน ซึ่งฟังดูแล้วไร้เหตุผลสำหรับฉันอย่างมาก จนถึงเดี๋ยวนี้



555 เพราะว่าฉันมันเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ ซุ่มซ่าม เป็นเหยื่อแห่งความโชคร้ายของตัวเอง แน่นอนว่าฉันย่อมจะต้องการรถที่สามารถปกป้องฉันได้ ฉันมั่นใจว่า เขาและพี่ชายของเขาจะต้องรู้สึกสนุกสนานกับเรื่องนี้ลับหลังอย่างแน่นอน



หรือไม่ก็ .... เสียงกระซิบในตัวของฉันบอกว่า ... โง่น่า มันไม่ใช่เรื่องตลกนะ จริงๆแล้วเขาแค่เป็นห่วงเธอมากๆก็เท่านั้นเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาออกจะเว่อร์มากไปสักหน่อยที่พยายามปกป้องเธอ



เฮ้ออออ



ฉันยังไม่เคยเห็น รถหลังแต่งงาน มันถูกซ่อนไว้ในผ้าคลุมผืนใหญ่ อยู่ลึกสุดในโรงรถของพวก Cullens ฉันรู้ดีว่าตอนนี้ทุกคนก็คงได้เห็นกันหมดแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากที่จะรู้จริงๆ



แต่ที่แน่ๆ รถหุ้มเกราะไม่จำเป็นสำหรับฉันอีกต่อไป หลังฮันนีมูน ร่างกายที่แข่งแกร่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด สิ่งที่ดีที่สุดของการได้เป็น Cullen ไม่ใช่รถยนต์ราคาแพง และบัตรเครดิตสุดหรู


 


"เฮ้" คนที่ตัวสูงเรียกฉัน "เราถ่ายรูปเสร็จแล้ว ขอบคุณมาก"



"ด้วยความยินดี" ฉันตอบกลับไป และหลังจากนั้น ก็ค่อยๆสตาร์ทรถและขับออกไป




ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ฉันขับผ่านถนนสายนี้เพื่อกลับบ้าน ใจของฉันก็ถูกรบกวนด้วยภาพแห่งความทรงจำในอดีตต่างๆ


เพื่อนที่ฉันรักที่สุด ... Jacob



โปสเตอร์ "คุณเคยเห็นเด็กผู้ชายคนนี้หรือไม่" ไม่ใช่ความคิดของพ่อของ Jacob แต่เป็นความคิดของพ่อฉันเอง Charlie ผู้ซึ่งพรินท์ใบปลิว และแจกจ่ายไปทั่วเมือง และไม่ใช่แค่ที่ Forks เท่านั้น ยังหมายรวมถึงที่ Port Angeles Sequim Hoquiam  Aberdeen รวมไปถึงทุกๆเมืองใน Olympic Peninsula แห่งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกสถานีตำรวจในมลรัฐ Washington ได้แปะใบปลิวนี้ไว้บนกำแพง ในสถานีของเขาเอง บอร์ดอันใหญ่ได้ถูกอุทิศให้แก่รูปที่ใช้ประกาศตามหาตัว Jacob



พ่อของฉันรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากที่ทุกคนดูราวกับไม่สนใจที่ Jacob โดยเฉพาะ Billy พ่อของ Jacob เอง



สำหรับ Billy แล้ว เขาไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการตามหาตัวลูกชายวัย 16 ปี เขาปฏิเสธที่จะแปะใบปลิวที่ La Push เขื่อนกักเก็บน้ำ ใกล้ๆบ้าน Jacob เขาดูเหมือนจะทำใจยอมรับได้กับการหายตัวไปของ Jacob ราวกับว่าเขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ "Jacob โตแล้ว เขาจะกลับมาเอง ถ้าเขาต้องการเช่นนั้น"



และพ่อของฉันก็หงุดหงิดที่ฉันเข้าข้าง Billy



ฉันไม่ไปแปะโปสเตอร์เช่นเดียวกัน เพราะทั้ง Billy และฉันต่างรู้ดีว่า Jacob ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป



ใบปลิวทำให้ฉันรู้สึกจุกอกที่คอ น้ำตาค่อยๆเอ่อท้นรอบดวงตา ฉันรู้สึกดีใจที่ Edward ออกไปล่าสัตว์เสาร์นี้ เพราะถ้า Edward ได้มาเห็นปฏิกริยาของฉันตอนนี้ มันคงจะทำให้เขารู้สึกเสียใจด้วยเช่นกัน



แน่นอนว่ามันก็มีข้อเสียที่วันนี้เป็นวันเสาร์ด้วยเช่นกัน ฉันเห็นรถของพ่อจอดไว้อยู่ตรงริมทางแถวบ้านของเรา วันนี้เขาไม่ไปตกปลาอีกแล้ว ยังคงวุ่นวายกับพิธีงานแต่งงาน



ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถใช้โทรศัพท์ข้างในบ้านได้ แต่ฉันก็ยังต้องโทร



ฉันจอดรถไว้ข้างหลังรถของพ่อ และใช้โทรศัพท์มือถือที่ Edward ให้ไว้เผื่อฉุกเฉิน โทรหา ในขณะที่รอสาย ฉันเอานิ้ววางไว้ที่ปุ่ม "เลิกสาย" เผื่อในกรณีที่ต้องใช้มัน จะได้กดทันท่วงที


 


"Hello" Seth Clearwater ตอบ และฉันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก 


"Hey! Seth, นี่ Bella เองนะ"


"Oh! Bella เป็นยังไงบ้าง"


"Fine"


"โทรมาถามความคืบหน้าเหรอ"


"เธอนี่มันมีพลังจิตชัดๆ"


"ไม่หรอก ฉันไม่ใช่ Alice นะ เธอทำตัวเดาออกง่ายจะตายไป" เขาหัวเราะ ทั้งกลุ่มของ Quileute มีแต่ Seth ที่เอ่ยถึงชื่อของพวก Cullen


"ฉันรู้ตัวดี เขาเป็นอย่างไรบ้าง"



Seth ถอนหายใจ "ก็เหมือนปกติแหล่ะ เขาไม่พูดอะไรเลย ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินเราก็ตามที เขาพยายามที่จะไม่คิดอย่างมนุษย์ แบบว่า ... ใช้สัญชาตญาณแทนน่ะ"



"เธอรู้มั้ย ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน"


"บางแห่งในตอนเหนือของ Canada แหล่ะ ฉันไม่รู้หรอกว่าเมืองไหน เขาไม่ได้สนใจเส้นทางเท่าไรนัก"


"ไม่มีเบาะแสเลยเหรอว่าเขาอาจ..."


"เขาไม่กลับบ้านหรอก Bella ขอโทษนะ"



ฉันกลืนคำพูดของตัวเองลงไป "อ่อ เหรอ โอเค Seth ฉันรู้ก่อนที่ฉันจะถามเธอซอีก แค่อดไม่ได้ที่จะหวังน่ะ"


"ใช่ ทุกคนก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน"


"ขอบคุณที่ทนนะ Seth ฉันรู้ว่า คนอื่นๆทำให้เธอต้องลำบากใจ"


"อย่าไปสนใจพวกเขาเลย Jacob ตัดสินใจแล้ว เธอเองก็เช่นกัน


Jacob ก็ไม่ชอบทัศนคติพวกเขานักหรอก แต่ว่า เขาก็คงไม่ดีใจที่เธอคอยโทรเช็คเขาอย่างนี้เหมือนกัน"



"ฉันคิดว่า เขาไม่ได้คุยกับเธอเสียอีก"


"เขาไม่อาจซ่อนทุกอย่างจากเราได้ ถึงแม้ว่าจะพยายามแล้วก็ตามที"



ดังนั้น Jacob ก็รู้สิว่าฉันเป็นห่วงมาก ฉันไม่แน่ใจว่า ฉันรู้สึกอย่างไร แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่า ฉันไม่ได้ลืมเขา



"ฉันหวังว่า จะได้เจอเธอที่งานแต่งงานนะ" ฉันพยายามเปล่งเสียงให้รอดไรฟันออกมา



"แน่นอน ฉันและแม่ของฉันจะไปที่นั่น มันดีมากๆเลยนะที่เธอเชิญพวกเราไป"



ฉันยิ้มอย่างดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นในน้ำเสียงที่อยู่ปลายสาย ถึงแม้ว่าการเชิญตระกูล Clearwater จะเป็นความคิดของ Edward แต่ฉันก็ดีใจ การที่มี Seth มาร่วมได้ในงานแต่งงานอย่างน้อยก็เป็นสิ่งเชื่อมโยงถึงคนที่ไม่อาจจะมาได้  ... ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมเลย เมื่อปราศจากเธอ



"บอก Edward นะว่าฉันฝากสวัสดี โอเคมั้ย"


"แน่นอน" ฉันพยักหน้า



มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่าง Seth กับ Edward เป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของฉันรู้สึกปลื้มปิติขึ้นมา ... มิตรภาพระหว่าง Vampire กับ มนุษย์หมาป่า



แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบความคิดแบบนี้



"เออ" Seth เอ่ย เสียงของเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว "Leah กลับมาบ้านแล้ว"



"โอ้ bye" ฉันวางสายโทรศัพท์ทันที และวางมันไว้บนเบาะที่นั่ง เตรียมตัวเพื่อจะเข้าไปในบ้าน ที่ที่ Charlie กำลังรออยู่



พ่อของฉันมีเรื่องให้ต้องคิดมากมายตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Jacob หนีออกจากบ้าน เรื่องของฉันเอง ลูกสาวของเขา กำลังจะกลายเป็น "นาง" ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


ฉันค่อยๆเดินอย่างช้าๆผ่านฝกที่ตกปรอยๆ หวนคิดถึงคืนที่เราบอกเขา



เมื่อเสียงรถยนต์ของ Charlie ป่าวประกาศว่าเขากลับมาแล้ว แหวนที่อยู่ที่นิ้วของฉันก็หนักขึ้นเป็นร้อยปอนด์ ฉันต้องซ่อนมือซ้ายตัวเองไว้ในกระเป๋า หรือแม้กระทั่งนั่งทับมัน แต่มือที่แข็งแรงของ Edward ก็จับมือของฉันไว้และยื่นไปข้างหน้า



"หยุด สั่น ได้แล้ว Bella ช่วยจำด้วยว่าเธอไม่ได้มาสารภาพว่าไปฆ่าใครมานะ"


"เธอก็พูดง่ายสิ"


 


ฉันได้ยินเสียงรองเท้าบู้ทของพ่อค่อยๆเดินตามทางขึ้นมา กุญแจไขผ่านประตูที่เปิดเรียบร้อยแล้ว เสียงนี้ทำให้ฉันนึกถึงหนังสยองขวัญตอนที่เหยื่อลืมล๊อคบ้านของเธอ"



"ใจเย็นๆ Bella" Edward กระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา ฟังเสียงหัวใจของฉันเต้น



"เฮ้ Charlie" Edward ทักทายอย่างผ่อนคลายเมื่อ Charlie กำลังเดินเข้ามาในบ้าน



"ไม่!!" ฉันประท้วง


"อะไรเหรอ" Edward กระซิบกลับไป


"รอจนกระทั่งพ่อเก็บปืนแล้ว"


Edward อดขำไม่ได้ เขาใช้มือจัดผมสีบรอนซ์ของตัวเอง



Charlie เดินวนรอบๆบริเวณมุมของบ้าน ยังคงอยู่ในชุดเครื่องแบบ และพยายามที่จะไม่แสดงอาการเมื่อเขาแอบมอง Edward กับฉันนั่งอยู่ด้วยกัน ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเขาพยายามที่จะชอบ Edward มากขึ้น แต่แน่นอนว่าการบอก Charlie เรื่องนี้คงจะทำให้เขาเลิกพยายามทันที



"เฮ้ ว่าไง เกิดอะไรขึ้นเหรอ"


"เราต้องการจะคุยกับคุณ" Edward เอ่ยขึ้น "เรามีข่าวดี"



สีหน้าของ Charlie แปรเปลี่ยนจากเป็นมิตรเป็นความสงสัยทันที



"ข่าวดีเหรอ" Charlie มองตรงมาที่ฉัน


"นั่งสิคะ พ่อ"



เขาจ้องมาที่ฉันราวๆห้าวินาที และแล้วก็นั่งลงบนโซฟา



"อย่าพึ่งตกใจไป ทุกอย่างโอเคค่ะ"



Edward ฮึมฮัมในลำคอเบาๆ ฉันรู้ดีว่านั่นคือการคัดค้านต่อคำว่า "โอเค" ของฉัน เขาคิดว่าฉันควรจะใช้คำที่แสดงออกถึงความยินดีปรีดามากกว่านี้



"แน่สิ Bella ถ้าทุกอย่างดีจริงๆล่ะก็ ทำไมเธอถึงได้เหงื่อท่วมตัวขนาดนั้นล่ะ"



"ฉันไม่ได้เหงื่อแตกซะหน่อย" ฉันโกหก



ฉันรีบเอามือเช็ดเหงื่อที่หน้าผากออกไปทันที



"เธอท้องเหรอ" Charlie ระเบิดออกมา "เธอท้อง ... ใช่มั้ย"



ถึงแม้ว่าฉันจะเข้าใจคำถามของเขาชัดเจน แต่ตอนนี้เขาจ้องที่ Edward และฉันสาบานได้เลยว่า ฉันเห็นมือเขาเอื้อมไปหยิบปืน



"ไม่ใช่แน่นอนค่ะ" ฉันถองซี่โครง Edward เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ฉันคิดนั้นถูกต้อง คนอื่นๆมักจะคิดว่าเป็นเรื่องนี้ จะมีเหตุผลอื่นใดอีกล่ะที่คนอยากแต่งงานกันตอนอายุสิบแปด (คำตอบของเขาทำให้ฉันต้องกรอกตาไปมา ... เพราะว่าความรักไง ... แน่สิ)



สีหน้าของ Charlie ดีขึ้น เมื่อฉันพูดความจริง และเขากำลังจะเชื่อฉัน "โอ้ ขอโทษที"



"หนูยอมรับคำขอโทษค่ะ"



มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน จนกว่าฉันจะรู้สึกตัวว่า ทุกคนรอให้ฉันพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา ฉันมองไปที่ Edward และเริ่มตื่นกลัว ไม่มีทางที่ฉันจะพูดคำเหล่านี้ออกมาได้เลย



เขายิ้มให้ฉัน และหันไปหาพ่อ



"Charlie ผมรู้ดีว่า ผมทำผิดธรรมเนียมไปหน่อย ผมควรจะถามคุณก่อน ผมหมายถึง .... ผมไม่ได้ไม่เคารพคุณ แต่ Bella ได้ตอบตกลงกับผมเรียบร้อยแล้ว และผมต้องการที่จะรับฟังความคิดเห็นของเธอในเรื่องนี้มากกว่าที่จะให้คุณตัดสินใจแทนเธอ ผมอยากให้คุณอวยพรให้เรา เรากำลังจะแต่งงาน Charlie ผมรักเธอมากกว่าสิ่งใดๆบนโลกใบนี้ เธอเป็นมากกว่าชีวิตของผม และ ราวกับปาฏิหาริย์ เธอรักผมเช่นนั้นเหมือนกัน คุณพอจะอวยพรให้เราได้ไหม"



เขาพูดอย่างหนักแน่น ใจเย็น และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ฉันรับรู้ได้เลยว่า เขาถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม



แต่แล้วเมื่อหันไปดูปฏิกริยาของ Charlie ก็พบว่า หน้าของ Charlie เปลี่ยนสีจากแดง กลายเป็นม่วง จากม่วงกลายเป็นฟ้า เมื่อเห็นดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจลุกขึ้น


ฉันไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไร ฉันควรจะเช็คเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ชัก แต่ Edward บีบมือของฉันไว้แน่น "ให้เวลาเขาสักหน่อยเถอะ" เขากระซิบอย่างแผ่วเบา เพื่อให้มีฉันคนเดียวที่ได้ยิน



ความเงียบเข้าปกคลุมเป็นระยะเวลานาน และแล้วสีหน้าของ Charlie ก็กลับคืนสู่สภาพปกติ เขากำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง



"ฉันไม่แปลกใจเลย" Charlie เอ่ยออกมา "รู้ดีกว่าจะต้องเจอกับอะไรทำนองนี้ในไม่ช้า"



ฉันถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก



"หนูแน่ใจใช่ไหม" Charlie จ้องมาที่ฉัน



"หนูมั่นใจในตัว Edward ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ" ฉันตอบโพล่งกลับไปทันควัน



"แต่งงานเหรอ ทำไมดูรีบกันจัง" เขามองมาที่ฉันด้วยความสงสัย



การเร่งรีบในครั้งนี้เนื่องมาจากฉันใกล้จะอายุสิบเก้าเต็มที ในขณะที่ Edward ค้างอยู่ที่อายุสิบเจ็ดมามากกว่าเก้าสิบปีแล้ว แต่แล้วการแต่งงานก็เกิดขึ้นจากการประนีประนอมระหว่างฉันกับ Edward ฉันต้องการที่จะเปลี่ยนให้ตัวเองไปมีชีวิตอมตะ



ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ฉันไม่อาจที่จะอธิบายให้ Charlie ฟังได้เลย



"เราจะไปเรียนที่ Dartmouth ด้วยกัน ในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า Charlie" Edward บอกกับเขา "ผมอยากจะให้มันถูกต้อง นี่คือสิ่งที่ผมถูกสอนมา"



เขาไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย นั่นเป็นธรรมเนียมคร่ำครึโบราณตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1



"ฉันรู้ดีว่ามันต้องมาถึง" เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วทันใดนั้นหน้าของเขาก็ผ่อนคลายมากขึ้น



"พ่อ" ฉันถามด้วยความวิตกกังวล ฉันมองไปที่ Edward แต่ไม่สามารถอ่านสีหน้าเขาออกได้



"55+" Charlie เอ่ยออกมาเสียงดัง ทำให้ฉันสะดุ้ง "555+"



ฉันมองไปที่ Charlie ที่กำลังหัวเราะรื่นด้วยความแปลกใจ



ฉันมองไปที่ Edward เพื่อต้องการคำอธิบาย แต่ ริมฝีปากของ Edward นั้นเม้มแน่น ราวกับว่าเขาพยายามที่จะไม่หัวเราะตามไปด้วย


 


"โอเค ดีแล้ว" เขาหัวเราะ "แต่งงาน" แล้วเขาก็หัวเราะอีกครืนใหญ่ "แต่..."



"แต่...อะไรเหรอคะ"



"แต่หนูต้องบอกให้แม่รู้ พ่อจะไม่บอก Renee นี่เป็นหน้าที่ของหนู" แล้วเขาก็หัวเราะอีกครั้ง



คำพูดของ Charlie ทำให้ฉันรู้สึกกลัว การบอกแม่เรื่องนี้คือหายนะชัดๆ


มีใครพอที่จะรู้ถึงปฏิกริยาล่วงหน้าของแม่ได้บ้าง ฉันอาจจะต้องถาม Alice



"อ๋อ Bella" แม่เอ่ยออกมาหลังจากที่ฉันบอกว่า ฉันจะแต่งงานกับ Edward "ทำไมหนูถึงรอตั้งนานกว่าจะมองแม่ล่ะ ตั๋วเครื่องบินยิ่งแพงขึ้นไปอีก หนูคิดว่า Phil จะหาชุดทันมั้ย แม่ไม่อยากจะคิดถึงภาพเขาใส่ ทัก..."



"แม่คะ แป๊ปนึงค่ะ แม่หมายความว่ายังไงตอนที่บอกว่า แม่รอตั้งนานแล้ว หนูพึ่งหมั้น... ทุกอย่างพึ่งลงตัววันนี้เอง"



"วันนี้ จริงเหรอ ว้าววว นี่เป็นเซอร์ไพรส์เลยนะ แม่เดาว่า.."



"แม่เดาว่าอะไรค่ะ แม่เดาเมื่อไหร่เนี่ย"



"อ๋อ ก็ตอนที่หนูมาเยี่ยมแม่เมื่อเดือนเมษา ก็ดูเหมือนจะเป็นทำนองนี้อยู่แล้วนี่จ้ะ ที่รัก หนูดูออกไม่ยากหรอก แต่แม่ไม่พูดอะไรเลย เพราะแม่รู้ว่ามันคงไม่ดีเท่าไร หนูเหมือนพ่อทุกอย่างเลย" แม่ถอนหายใจ "เมื่อหนูตัดสินใจแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรอีกที่จะเปลี่ยนใจหนูได้ หนูเหมือนพ่อตรงนี้แหล่ะ"



และแล้วแม่ก็พูดในสิ่งที่ฉันคิดว่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกที่จะได้ยินจากปากแม่



"หนูไม่ได้ทำผิดอะไรเลยลูก Bella หนูดูกลัวแม่นะ แม่รู้ดีว่าแม่เคยพูดถึงงานแต่งงานว่ามันเป็นสิ่งที่โง่เง่า และแม่ก็จะไม่เอาคำพูดเหล่านี้คืนหรอก เพียงแต่ว่า หนูควรจะเข้าใจนะว่า สิ่งเหล่านั้น แม่เห็นในมุมมองของตัวเอง แต่หนูไม่ใช่แม่ หนูเป็นคนละคน แม่เชื่อว่า ถ้าหนูได้ตัดสินใจด้วยเองแล้ว หนูจะไม่เสียใจกับมันเลยถึงแม้ว่าจะต้องทุกข์เพราะมันก็ตามที หนูมีโอกาสที่ดีกว่า ดีกว่าคนที่อายุเกือบสี่สิบปีอย่างแม่ แม่รู้ดี" Renee หัวเราะอีกครั้ง "ลูกสาวฉัน ... ค้นพบอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอแล้ว"



"แม่ไม่โกรธเหรอคะ ... แม่ไม่คิดว่าหนูทำผิดเหรอ"



"อ๋อ แน่นอนจ้ะที่รัก แม่หวังว่าหนูจะรอสักสองสามปี แม่ดูเหมือนคนจะเป็นแม่สามีเหรอไง ไม่ต้องตอบหรอก เพราะมันไม่เกี่ยวกับแม่ มันขึ้นอยู่กับหนู หนูมีความสุขมั้ย"



"หนูไม่รู้"



Renee เอ่ยอย่างอ่อนโยน "เขาทำให้หนูมีความสุขรึเปล่า Bella"



"ค่ะ  แต่..."



"หนูจะต้องการคนอื่นอีกมั้ย"



"ไม่ค่ะ แต่ ..."



"แต่อะไรจ้ะ"



"แต่แม่จะไปว่าหนู ว่าหนูเหมือนวัยรุ่นใจแตก โง่ๆทั่วไปเหรอคะ"



"หนูไม่เคยเป็นวัยรุ่นเลยจ้ะ ที่รัก หนูรู้ดีว่าอะไรดีที่สุดสำหรับหนู"



ในช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา Renee ใช้เวลาในแต่ละวันปรึกษาเรื่องงานแต่งงานกับแม่ของ Edward ไม่ต้องกังวลเลยว่าทั้งคู่จะเข้ากันไม่ได้ Renee ชื่นชมในตัว Esme อย่างมาก


ทั้งครอบครัวของฉันและ Edward เป็นคนจัดการเรื่องงานแต่งงานทั้งหมด โดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลย



Charlie โมโหอย่างมาก แต่ไม่ได้โมโหฉัน เขาหาว่าแม่เป็นคนทรยศ เขากะว่าจะเล่นเธอให้หนัก


ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อเขาคิดว่า สิ่งเดียวที่ขู่ฉันให้กลัวได้คือการบอกแม่ กลับกลายเป็นไม่มีอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงเดินไปรอบๆบ้าน บ่นโน่นนี่ราวกับว่าเขาไม่สามารถเชื่อใจคนอื่นในโลกได้อีกเลย


 


 


"พ่อ" ฉันเอ่ยขึ้นมา ในขณะที่กำลังผลักประตูเข้าไปในบ้าน "หนูมาถึงบ้านแล้วค่ะ"


"รอก่อน Bella อยู่ตรงนั้นแหล่ะ"


"ฮะ" ฉันหยุดทันที


"ขอเวลาพ่อสักครู่ Alice"



"ขอโทษที Charlie ... เป็นอย่างไรบ้าง"



"ผมกำลังเลือดไหล"


"คุณสบายดี Charlie ไม่ได้เป็นอะไรเลย เชื่อฉันสิ"



"เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ" ฉันเดินกระวนกระวายอยู่แถวทางเดิน



"สามสิบวินาที Bella"




"โอเค Bella เข้ามาได้เลย"



ฉันเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น



"อ่อ พ่อ ทำไมพ่อถึงดู..."



"โง่เหรอ" Charlie ถาม



"หนูกำลังคิดว่า พ่อดูมีเสน่ห์มากๆเลย"



Charlie หน้าแดง Alice ไม่รีรอที่จะผลักให้ Charlie หมุนตัวให้ Bella ดูเต็มๆในชุดทักษิโด้สีเทา



"พอเถอะ Alice ตอนนี้ผมคงดูเหมือนไอ้งั่งมากเลย"



"ไม่มีใครดูเป็นไอ้งั่งหรอกนะคะ ถ้าหนูเป็นคนแต่งตัวให้"



"เธอพูดถูกต้องนะคะ พ่อ พ่อดูเยี่ยมไปเลย เนื่องในโอกาสอะไรคะ"



"มันเป็นการเช็คความพร้อมครั้งสุดท้าย สำหรับเธอทั้งคู่น่ะ"



เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็หันเหสายตาจาก Charlie เป็นครั้งแรก และหันไปเห็นชุดของตัวเองวางอยู่บนโซฟา



"Aaah"



"ไปรอที่ห้องเถอะ Bella เดี๋ยวพ่อก็เสร็จแล้ว"



ฉันถอนหายใจออกอย่างหนักหน่วง ปิดตา และเดินไปที่ห้องของตัวเอง ถอดเสื้อผ้าออก และกางแขนเหยียดตรง



และ Alice ก็เข้ามาทาเล็บให้ฉัน



ในห้องของฉัน ฉันโยนเรื่องงานแต่งงานทั้งหมดทิ้งไป


เราอยู่ด้วยกันตามลำพัง มีแค่ Edward กับฉันเพียงสองคน


Edward ไม่เคยเอ่ยถึงสถานที่ที่เราจะไปฮันนีมูนกันแม้แต่ครั้งเดียว เขาตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ฉัน


แต่สิ่งที่ฉันกังวลไม่ใช่ "ที่ไหน"



Edward กับฉันอยู่ด้วยกัน ฉันทำตามข้อตกลงทุกอย่างที่เราเคยประนีประนอมกันไว้ ฉันแต่งงานกับเขาเรียบร้อย และฉันก็รับของขวัญที่มีมูลค่ามากมายหลายอย่าง รวมถึงการไปเรียนต่อที่ Dartmouth



ตอนนี้ถึงตาเขาบ้างล่ะ ....



ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนให้ฉันเป็นแวมไพร์ เขาจะต้องทำอะไรอีกอย่างหนึ่งให้ฉันก่อน



Edward ค่อนข้างหมกมุ่นกับสิ่งที่ฉันต้องเสียสละไปในการเป็นมนุษย์ ประสบการณ์ต่างๆที่เขาไม่ต้องการให้ฉันต้องพลาดมันไป ยกตัวอย่างเช่น งานพรอม ถึงแม้ว่าจะดูไร้สาระสำหรับฉัน แต่มีประสบการณ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ฉันไม่ต้องการจะพลาดมันไป แน่นอนว่า เป็นสิ่งเดียวที่เขาหวังว่าฉันจะลืมมันไปได้เสียที



ฉันแทบจะไม่รู้ว่าฉันจะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าฉันไม่ใช่มนุษย์ต่อไปแล้ว ฉันได้ฟังเรื่องราวต่างๆของการเป็นแวมไพร์เกิดใหม่ จากสมาชิกในครอบครัวทุกคน


ฉันจะกระหายเลือดมาก และมันก็ต้องใช้เวลานานกว่าฉันจะได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง


และถึงแม้ว่าฉันจะได้กลับมาเป็นตัวเองแล้ว ฉันก็จะไม่รู้สึกแบบนี้ .... อย่างที่ฉันรู้สึกตอนนี้อีกแล้ว



รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ ... มนุษย์ที่ลุ่มหลงในความรัก



ฉันต้องการประสบการณ์ที่เติมเต็มชีวิตของฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมแลกร่างกายที่อบอุ่น แสนจะเปราะบาง เพื่อความแข็งแกร่ง สวยงาม ในแบบที่ฉันไม่รู้จัก ฉันต้องการที่จะไปฮันนีมูนจริงๆกับ Edward
ถึงแม้เขาเกรงว่าจะทำให้ฉันตกอยู่ในอันตราย เขาก็ตกลงที่จะลองพยายามดู



ฉันพึ่งรู้สึกถึงการมีอยู่ของ Alice ที่เธอพยายามจะใส่ชุด satin ให้ฉัน


ฉันไม่สนใจว่าคนทั้งเมืองจะพูดถึงฉัน ไม่สนใจว่าจะต้องถูกจ้องมองสักเท่าไรในพิธี



ฉันอยู่กับ Edward ในที่ที่ฉันมีความสุขที่สุด





Create Date : 30 ธันวาคม 2551
Last Update : 30 ธันวาคม 2551 15:39:06 น. 7 comments
Counter : 816 Pageviews.  
 
 
 
 
สำนวนน่าอ่าน ราบรื่นไม่สะดุด

หลายคนที่รอเวอร์ชั่นไทยต้องมีความสุขมากๆ

อ่านแล้วคิดถึง My dear Edward, Love you..
 
 

โดย: Nusantara วันที่: 30 ธันวาคม 2551 เวลา:16:56:28 น.  

 
 
 
รออ่านตอนต่อนะค่ะ แปลได้ดีจริงๆ
ชอบมากเลย
 
 

โดย: เม่หลิง (เม่หลิง ) วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:16:40:22 น.  

 
 
 
ว้าว คุณน้อง สู้ๆ อิอิ

คุณพี่ขอไปอ่านต้นฉบับต่อก่อนนะ เพิ่งได้เล่มแรกมา O_o
 
 

โดย: gibt วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:17:41:56 น.  

 
 
 
ว้าว มาลงชื่ออ่านจ่ะ
 
 

โดย: นะจัง (najung ) วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:18:40:18 น.  

 
 
 
น่ารักมากเลยอ้ะ

ยิ่งอ่านยิ่งอิจฉาเบลล่า มีแฟนหล่อและแสนดีอะไรแบบนี้น้อออ
 
 

โดย: stupid_turtle (stupid_turtle ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:16:21 น.  

 
 
 
ขอบคุณนะค่ะ
 
 

โดย: phronlapat วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:3:23:45 น.  

 
 
 
สุดยอดเลย ขอบคุณนะที่แปลให้อ่านอ่ะค่ะ

 
 

โดย: อยากขี่แมมมอสกินหวานเย็น วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:12:05:14 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

BaTT~TaBB
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add BaTT~TaBB's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com