Breaking Dawn (Twilight Saga IV) Copyright for non-commercial use ONLY
 
 

Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Chapter 9.2

สายตาของ Carlisle ดูตึงเครียดมากขึ้น



ฉันสงสัยว่า Bella กระหายเลือดหรือไม่ ฉันก็เครียดเหมือนกัน




“ขอโทษนะฮะ” ฉันบอกหมอเมื่อเดินผ่านเขาไป มันยากเหลือเกินที่จะฝืนสัญชาตญาณตัวเองโดยการยืนหันหลังให้พวกแวมไพร์แบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะมีแวมไพร์สักตัวที่ปลอดภัยต่อมนุษย์แล้วล่ะก็ ก็ต้องเป็นแวมไพร์ที่แสนจะอ่อนโยนตนนี้แน่นอน




ฉันจะอยู่ห่างจาก Carlisle เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น มันมีพวกแวมไพร์มากพอที่จะให้ฆ่า โดยที่ไม่ต้องรวมเขาเข้าไปด้วย




ฉันเดินเข้าไปในบ้าน หันหลังให้กำแพง สายตาของฉันกวาดมองไปรอบๆบ้าน มันแปลกไปมาก ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นที่นี่ถูกจัดขึ้นเป็นงานปาร์ตี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างช่างดูสว่างและซีดไปหมด รวมถึงแวมไพร์หกตัวที่ยืนอยู่ล้อมรอบโซฟาสีขาวด้วย




พวกเขาอยู่ที่นั่นด้วยกันทั้งหมด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกตัวแข็งเป็นหิน แทบจะทรุดลงนั่งตรงนั้น



มันเป็นเพราะ Edward ต่างหาก เป็นเพราะสีหน้าของเขา



ฉันเคยเห็นเขาโกรธ เคยเห็นเขาหยิ่งผยอง และครั้งหนึ่งเคยเห็นเขาเจ็บปวด แต่นี่มันยิ่งความโศกเศร้าใดๆทั้งปวง เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองฉัน เขายังคงจ้องไปที่โซฟาข้างๆเขาด้วยสีหน้าที่ราวกับว่าตัวเองกำลังถูกไฟเผา มือของเขาวางอยู่ข้างกาย




ฉันไม่ได้รู้สึกยินดีเมื่อเห็นสภาพเขาเป็นแบบนี้ มันมีแค่สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาเป็นแบบนี้ และสายตาของฉันก็มองตามมันไป




ฉันเห็นเธอในเวลาเดียวกับที่ฉันได้กลิ่นเธอ





ความอบอุ่นของเธอ .... กลิ่นมนุษย์จากกายเธอ





ร่างกายของ Bella ครึ่งหนึ่งถูกบดบังด้วยโซฟา แขนของเธอกอดเข่าของเธอไว้ เป็นเวลานานเหลือเกินที่ฉันไม่อาจมองเห็นอะไรได้อีก นอกจาก Bella ผู้หญิงที่ฉันรักสุดหัวใจคนนี้ ผิวของเธอช่างอ่อนนุ่ม ใบหน้าสีซีดนั่น ดวงตาสีน้ำตาลช๊อคโกแลต หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ นี่ฉันฝันไปรึเปล่า





แล้วฉันก็มองเธออย่างพินิจพิจารณา





มันมีรอยคล้ำใต้ตาของเธอ ที่เห็นได้ชัดเพราะว่าหน้าเธอซีดราวกับกระดาษ นี่เธอผอมลงรึเปล่า ผิวของเธอขาวจนแทบโปร่งแสง ผมของเธอถูกรวบตึงไว้เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้า แต่ก็ยังมีปลายผมเหลืออยู่เล็กน้อยบนหน้าผากและแก้มของเธอ มันมีอะไรบางอย่างบนนิ้วของเธอและข้อมือที่ดูเปราะบางเหลือเกิน มันน่ากลัวมาก




เธอดูป่วยมาก ป่วยมากจริงๆ




เรื่องที่ Charlie บอก Billy ไม่ใช่เรื่องโกหก เมื่อฉันมองไป ฉันเห็นสายตาของใครบางคนกำลังเฝ้ามองเธออยู่ ดวงตาสีเขียวคู่นั้น




ไอ้ผีดูดเลือดนั่น Rosalie โน้มตัวลงหาเธอ อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการจะปกป้องเธอเอาไว้




นี่มันไม่ใช่แล้ว ฉันรู้ดีว่า Bella รู้สึกอย่างไรกับทุกอย่าง ความคิดของเธอชัดเจนมาก เพราะว่าบางครั้งมันปรากฏอยู่บนหน้าผากของเธอ ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องบอกฉันทุกรายละเอียดเพื่อให้ฉันเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ ฉันรู้ดีว่า Bella ไม่ชอบ Rosalie เมื่อเธอคุยกับ Rosalie ฉันเห็นริมฝีปากของเธอสั่น ใช่แล้ว เธอกลัว Rosalie หรือว่าแค่ “เคย” กลัว



แต่ตอนนี้แทบจะไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลยเมื่อ Bella เงยหน้าขึ้นมองเธอในตอนนี้  สีหน้าของเธอดูเวทนา แล้ว Rosalie ก็ก้มลงไปหยิบผ้าเช็ดหน้า ก่อนที่จะวางมันที่คาง Bella ทันเวลาที่เธอจามลงไป



Edward ก้มลงไปที่เข่าของเขา ข้าง Bella สายตาของเขาราวกับกำลังถูกทรมานอยู่ ในขณะที่ Rosalie จับมือเธอไว้ และเตือนให้เขาถอยออกไป



ทั้งหมดนี่มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย




เมื่อเธอสามารถผงกหัวขึ้นมาได้ เธอก็ยิ้มให้ฉัน ยิ้มอย่างอายๆ “ขอโทษนะ” เธอกระซิบบอกฉัน




Edward คร่ำครวญอย่างเงียบๆ หัวของเขาพิงที่เข่าของ Bella เธอวางมือของตัวเองไว้ที่แก้มของเขา ราวกับว่าต้องการจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น




ฉันไม่รู้สึกตัวเลยว่าขาของตัวเองเดินก้าวไปข้างหน้า จนกระทั่ง Rosalie จ้องมาที่ฉัน ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างตัวฉันกับโซฟานั่น ราวกับว่าเธออยู่ในจอทีวี ฉันไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นั่น เธอดูเหมือนไม่มีตัวตนอยู่จริง



“Rose ไม่เป็นไรจ้ะ” Bella กระซิบบอก



ยัยผมบลอนท์นั่นหลีกทางให้ฉัน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการก็ตามที




“Bella เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ฉันกระซิบถาม ในขณะที่ตัวเองนั่งคุกเข่าลง พิงหลังโซฟาของ....สามีเธอ เขาไม่ดูเหมือนว่าจะสังเกตเห็นฉัน และฉันก็แทบไม่จ้องมองเขา  ฉันเอื้อมไปจับมือทั้งสองข้างของเธอ มือของเธอเย็นเหลือเกิน “เธอโอเคมั้ย”



มันเป็นคำถามที่โง่เง่ายิ่งนัก เธอไม่ได้ตอบฉัน



“ฉันดีใจเหลือเกินที่เธอมาหาฉันวันนี้นะ Jacob” เธอบอก




ถึงแม้ว่าฉันรู้ดีว่า Edward จะอ่านใจเธอไม่ได้ เขาดูเหมือนว่าจะรู้ถึงความหมายอะไรบางอย่างที่ฉันไม่ได้ยิน เขาถอนหายใจอีกครั้งลงไปที่ผ้าห่มที่ปิดบังร่างของเธอไว้ และเธอก็ปัดที่แก้มของเขา




“นี่มันอะไรกันเหรอ Bella” ฉันยืนกราน บีบมือเธอแน่นขึ้น




แทนที่เธอจะตอบ เธอกลับมองไปรอบๆห้อง สายตาทั้งหกคู่จ้องมาที่เธอ แล้วสุดท้ายก็หันไปที่ Rosalie




“ช่วยฉันทีสิ Rose” เธอขอร้อง




Rosalie กัดฟันกรามเป็นสันนูนขึ้น และเธอจ้องมาที่ฉันราวกับว่าเธอต้องการจะฉีกฉันเป็นชิ้นๆ ฉันแน่ใจว่ามันเป็นอย่างนั้นแน่




“ได้โปรดเถอะ Rose”




เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอก็ไปยืนอยู่ข้างๆ Edward ผู้ซึ่งไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เธอวางแขนไว้ที่ไหล่ของ Bella




“ไม่” ฉันกระซิบบอก “ไม่ต้องลุกขึ้นหรอก” เธอดูอ่อนแอเหลือเกิน




“ฉันกำลังจะตอบคำถามของเธอน่ะ” เธอใช้เสียงเหมือนกับที่เธอเคยพูดกับฉัน




Rosalie พยุง Bella ขึ้นมาจากโซฟา Edward ก็ยังคงอยู่ที่เดิม หน้าของเขาแทบจะจมลงไปในโซฟา ผ้าห่มร่วงลงมาถึงพื้น ที่เท้าของ Bella




ร่างกายของ Bella ใหญ่ขึ้นมาก ท้องของเธอป่องออกมาอย่างผิดปกติ เสื้อสีเทาตัวนี้ดูใหญ่เกินไปสำหรับไหล่และแขนของเธอมาก แต่ส่วนอื่นๆก็ดูผอมปกติ เหมือนกับชิ้นส่วนใหญ่ๆที่ยื่นออกมาจากท้องเธอนั่นมันกำลังดูดอาหารจากเธอ ฉันใช้เวลาสักครู่กว่าจะคิดได้ว่าส่วนนั้นคืออะไร ฉันไม่เข้าใจจนกระทั่งเธอใช้มือลูบไล้ไปที่ส่วนนั้นเบาๆอย่างทะนุถนอม




และแล้วฉันก็ได้เห็นมัน ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ฉันพึ่งจะเห็นเธอเมื่อเดือนที่แล้ว ไม่มีทางที่เธอจะตั้งครรภ์ได้เป็นอันขาด




แต่เธอก็ตั้งครรภ์จริงๆ




ฉันไม่อยากจะเห็นสิ่งนี้ ไม่อยากจะคิดเรื่องนี้ ไม่ต้องการจะจินตนาการว่าเขาอยู่ภายในร่างกายของเธอ ไม่ต้องการที่จะรู้ว่าบางสิ่งที่ฉันเกลียดมากได้กำลังฝังรากอยู่ในร่างของผู้หญิงที่ฉันรักที่สุด




นี่มันเลวร้ายมากๆ กว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก เธอดูป่วยเหลือเกิน เพราะว่าอะไรก็ตามที่อยู่ภายในร่างกายของเธอตอนนี้กำลังพรากชีวิตเธอไปเพื่อเลี้ยงตัวมันเอง



เพราะว่ามันเป็นสัตว์ประหลาด เหมือนพ่อของมัน




ฉันรู้อยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะต้องฆ่าเธอ



หัวของเขาผงกขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดในใจฉัน และภายในเสี้ยววินาที เขาก็เดินมาหาฉัน ตาของเขากลายเป็นสีดำสนิท



“ข้างนอก Jacob” เขาพูดเสียงเบา



ฉันมองไปที่เขาเช่นเดียวกัน นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมฉันถึงมาที่นี่




“ก็ได้” ฉันตกลง




Emmett ก้าวออกมายืนข้าง Edward Jasper ยืนอยู่ข้างหลังเขา แต่ฉันไม่สนใจ บางทีพรรคพวกของฉันอาจจะช่วยจัดการพวกนี้หลังจากที่พวกนี้จัดการฉันเรียบร้อยแล้ว แต่อาจจะไม่ก็ได้ มันไม่สำคัญอะไรหรอก




และแล้วสายตาของฉันก็เลื่อนไปที่ Esme กับ Alice ฉันแน่ใจว่าพวกคนอื่นๆคงฆ่าฉันก่อนที่ฉันจะได้จัดการพวกเธอแน่นอน ฉันไม่อยากฆ่าผู้หญิง ถึงแม้ว่าพวกหล่อนจะเป็นแวมไพร์ก็ตาม




แต่ก็ยกเว้นยัยผมบลอนท์ไว้สักคนก็ล่ะกัน




“ไม่นะ” Bella ร้องออกมา เธอก้าวมาข้างหน้าอย่างสูญเสียการทรงตัว เพื่อจับแขน Edward ไว้ Rosalie ขยับตามเธอมา เหมือนกับมีโซ่ล่ามติดทั้งสองคนเอาไว้




“ฉันแค่อยากคุยกับเขา Bella” Edward เอ่ยออกมาให้เฉพาะแต่เธอได้ยินเท่านั้น เขาเอื้อมมือไปปัดแก้มของเธอ นี่ทำให้ห้องแทบจะลุกเป็นไฟ หลังจากที่เขาทำร้ายเธอขนาดนี้ เขายังกล้าแตะต้องตัวเธออีกเหรอ “อย่าเครียดไปเลยนะที่รัก” เขาเอ่ยต่ออย่างขอความกรุณา “ได้โปรด พักเถอะ แค่แป๊ปเดียวเราทั้งคู่ก็จะกลับเข้ามาแล้ว”



เธอมองไปที่หน้าของเขา พยายามอ่านสีหน้าอย่างระมัดระวัง แล้วเธอก็พยักหน้าและนั่งลงที่โซฟาตามเดิม Rosalie ช่วยพยุงเธอ  



Bella มองมาที่ฉัน




“ทำตัวดีๆนะ” เธอยืนกราน “แล้วกลับเข้ามาเร็วๆล่ะ”



ฉันไม่ได้ตอบรับ ฉันจะไม่สัญญาอะไรทั้งนั้นวันนี้ ฉันแค่มองออกไปข้างนอก และเดินตาม Edward ออกไปทางประตูหน้า






 

Create Date : 26 มกราคม 2552   
Last Update : 26 มกราคม 2552 9:51:40 น.   
Counter : 553 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Episode 9.1

9. แน่ซะยิ่งกว่าแน่ ไม่เห็นเลยว่าสิ่งนั้นกำลังจะมา


 


 


ฉันไม่ได้วางแผนว่าจะบอกลาพ่อ


 


 


หลังจากนั้น กดโทรศัพท์หา Sam สักครั้ง และเกมก็คงเริ่มขึ้น พวกเราพยายามโน้มน้าวที่จะให้ฉันเลิกและดึงดันให้ฉันกลับมา อาจจะยอมทำให้ฉันโกรธหรือแม้กระทั่งทำร้ายฉัน แต่อย่างไรก็ดีไม่มีอะไรมาทำให้ฉันยอมทำตามกฎใหม่ที่ Sam วางขึ้นได้


 


 


แต่ Billy หวังว่าฉันจะเปลี่ยนใจ เขาอยู่ที่สนามหน้าบ้าน อยู่บนวีลแชร์ของเขา ฉันเดินตรงไปที่โรงรถ


 


 


"พอจะมีเวลามั้ย Jake"


 


ฉันหยุด และมองไปที่เขา แล้วก็เดินไปที่โรงรถ


 


 


"เอาน่า ไอ้หนู อย่างน้อยก็ช่วยพาฉันเข้าไปข้างใน"


 


 


 ฉันกัดฟันกรอน แต่ก็รู้ว่า เขาจะสร้างปัญหาให้ฉันมากกว่า Sam เสียอีก ถ้าฉันไม่โกหกสร้างเรื่องสักนิดหน่อย


 


 


"ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณต้องการความช่วยเหลือกัน ตาแก่"


 


 


เขาหัวเราะ "ฉันเมื่อยแขนไปหมด ฉันเข็นรถมาเองตั้งไกลตั้งแต่บ้านของ Sue นั่นน่ะ"


 


 


"นั่นมันทางลงเขาเนี่ย พ่อผลักมาไกลมากเลยนะ"


 


 


ฉันเดินไปเข็นรถให้เขา เข็นไปในห้องนั่งเล่น


 


 


"ดูสิ พ่อคิดว่าพ่อเข็นได้เร็วสามสิบไมล์ต่อชั่วโมงแล้วนะ มันเยี่ยมไปเลย"


 


 


"พ่อจะทำรถคันนี้พังรู้มั้ย แล้วพ่อก็ต้องลากตัวเองด้วยข้อศอกแทน"


 


 


"ไม่หรอก นั่นมันหน้าที่ของนายที่จะแบกฉัน"


 


 


"พ่อไปแค่ไม่กี่ที่หรอก"


 


 


Billy วางมือไว้บนล้อ และเข็นไปที่ตู้เก็บอาหาร "มีอาหารเหลือบ้างมั้ย"


 


 


"พ่อก็รู้ Paul อยู่นี่ทั้งวัน ดังนั้นไม่มีเหลือหรอก"


 


 


Billy ถอนหายใจ "ต้องเริ่มกักตุนอาหารแล้วสิถ้าเราไม่ต้องการอดตาย"


 


 


"บอก Rachel ให้ไปอยู่บ้านของ Paul สิ"


 


 


เสียงหัวเราะของ Billy หายไปทันที สายตาของเขาอ่อนโยนขึ้น "เราพึ่งจะให้เธอกลับมาอยู่บ้านได้แค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นเอง ครั้งแรกที่เธออยู่นี่นานแสนนาน ลูกก็รู้ พวกพี่ๆเขาอยู่มานานกว่าลูก และพอแม่มาตายไป พวกเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีที่จะอยู่บ้านหลังนี้


 


 


"ผมรู้ฮะ"


 


 


Rebecca ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลยตั้งแต่แต่งงานออกไป ถึงแม้ว่าเธอจะมีข้ออ้างที่ดี ตั๋วเครื่องบินจากฮาวายมาที่นี่ราคาค่อนข้างแพง แต่สำหรับ Rachel แล้ว เมืองวอชิงตันอยู่ใกล้เกินกว่าที่เธอจะใช้ข้อแก้ตัวแบบเดียวกันนี้ได้ เธอเรียนภาคฤดูร้อนมาหลายเทอมแล้ว ซ้ำยังทำงานในช่วงวันหยุดอีก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะ Paul เธอก็คงกลับมหาวิทยาลัยไปแล้ว นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ Billy ไม่ไล่ Paul ไปก็ได้


 


 


 


 


"อืม ผมกำลังคิดจะไปทำอะไรบางอย่างน่ะ" ฉันเริ่มเดินไปที่ประตูหลัง


 


 


"รอก่อน Jake ลูกจะไม่บอกพ่อหน่อยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น นี่พ่อต้องโทรหา Sam มั้ย"


 


 


ฉันยืนอยู่ข้างหลังเขา ซ่อนสีหน้าตัวเองไว้


 


 


"ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกฮะ Sam ขอบายกับเรื่องนี้ ตอนนี้เรามีสมาคมคนรักผีดูดเลือดแล้ว หึๆๆ"


 


 


"Jake.."


 


 


"ผมไม่อยากพูดถึงมัน"


 


 


"ลูกจะไปไหนเหรอ"


 


 


ห้องเงียบ ไม่มีเสียงใดๆ ในขณะที่ฉันกำลังคิดว่าจะพูดอย่างไรดี


 


 


"Rachel จะได้ห้องเธอกลับคืนไป ฉันรู้ว่าเธอเกลียดอากาศที่ชื้นแบบนี้"


 


 


"เธอยอมที่จะนอนที่พื้นดีกว่าเสียลูกไปแน่นอน พ่อก็ด้วยเหมือนกัน"


 


 


เฮ้อ...


 


 


"Jacob ขอร้องล่ะ ถ้าลูกอยากจะพัก โอเค ไปเลย แต่อยากไปนานเหมือนคราวที่แล้วนะ"


 


 


"อาจจะนะฮะ ถ้าบางทีพรรคพวกของเราจัดงานแต่งงาน เริ่มด้วย Sam ต่อมาก็ Rachel แต่ Jared กับ Kim อาจจะแต่งก่อนก็ได้ ผมคงต้องไปหาสูทสักตัวแล้ว"


 


 


 


"Jake มองพ่อ"


 


 


ฉันหมุนตัวอย่างช้าๆ "อะไรเหรอฮะ"


 


 


เขาจ้องมาที่ฉันเป็นเวลานาน "ลูกจะไปไหน"


 


 


"ผมยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน"


 


 


เขาหรี่ตาลง "จริงเหรอ"


 


 


เราจ้องที่หน้าของอีกฝ่าย เวลาค่อยๆหมุนไป


 


 


"Jacob" เขาเอ่ยออกมา น้ำเสียงดูเครียด "Jacob อย่าเลยลูก มันไม่คุ้มกันหรอก"


 


 


"ผมไม่รู้ว่าพ่อกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่"


 


 


"ปล่อย Bella กับพวก Cullens ไปเถอะ Sam พูดถูกแล้วนะ"


 


 


 ฉันจ้องเขาสักพัก แล้วก็เดินไปหยิบโทรศํพท์ขึ้นมา และดึง cable ให้ขาด ทำลายสายโทรศัพท์ซะ


 


 


"ลาก่อน พ่อ"


 


 


"Jake เดี๋ยวก่อน"​เขาตะโกนไล่หลังฉัน แต่ฉันอยู่ที่ประตู้แล้ว และก็วิ่งออกไป


 


 


ขี่มอเตอร์ไซด์ไม่เร็วเท่าฉันวิ่งหรอก แต่มันก็เป็นการระมัดระวังกว่า ฉันสงสัยว่า Billy จะใช้เวลานานขนาดไหนในการเข็นตัวเองมาที่ร้านค้า และโทรศัพท์ไปหาใครสักคนที่ฝากข้อความถึง Sam ได้ ฉันพนันว่า Sam คงจะอยู่ในสภาพหมาป่าแน่นอน ปัญหาก็คือถ้า Paul มาที่บ้านของเราในไม่ช้าไม่นาน เขาจะสามารถส่งข้อความให้ Sam รู้ได้ภายในเสี้ยววินาทีว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่


 


 


 


ฉันไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก ฉันแค่ไปให้เร็วที่สุดเทาที่ฉันสามารถจะทำได้เท่านั้น ถ้าพวกนั้นจับฉันได้ ฉันก็สามารถจัดการได้เมื่อถึงเวลา


 


 


 


ฉันสตาร์ทเครื่องยนต์ และวิ่งไปตามทาง ไม่ได้มองกลับไปข้างหลังอีกเลย


 


 


ถนนบนทางด่วนค่อนข้างว่าง ฉันจึงวิ่งเร็วเต็มกำลัง ถ้า Sam ต้องการจะมาหยุดฉันตอนนี้ ก็คงจะสายไปเสียแล้ว


 


 


และแล้วก็ถึงเวลาที่ฉันเริ่มคิดว่า ตัวเองจะทำอะไรกันแน่ ฉันรู้ดีว่าพวกนั้นจะรู้ว่าฉันกำลังจะไป ไม่ว่าจะใช้มอเตอร์ไซด์หรือไม่ก็ตาม Edward คงจะได้ยินแผนของฉันทันทีที่ฉันเข้าใกล้ที่นั่น เขาอาจจะได้ยินตอนนี้แล้วก็ได้ แต่ฉันก็ไม่สนใจ เพราะเขาก็คงต้องการที่จะต่อสู้กับฉันตามลำพังเช่นกัน


 


 


 


ดังนั้นฉันจึงแค่เดินเข้าไปข้างใน ไปดูหลักฐานที่ Sam อ้างถึง แล้วท้าสู้กับ Edward ตัวต่อตัว


 


 


เมื่อฉันจัดการเขาเรียบร้อยแล้ว ฉันจะจัดการพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้จนกว่าพวกนั้นจะจัดการฉัน ฉันสงสัยว่า Sam จะถือว่าความตายของฉันเป็นเรื่องที่เขาต้องแก้แค้นหรือไม่ แต่ฉันก็รู้ดีกว่าฉันชดใช้สิ่งที่ฉันทำลงไป 


 


 


และแล้วฉันก็เริ่มได้กลิ่นพวกแวมไพร์ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มันไม่มีสัญญาณของสิ่งมีวิตรอบๆบ้านหลังใหญ่นั่นเลย แต่แน่นอนว่าพวกเขารู้แล้วว่าฉันอยู่ที่นี่


 


 


ฉันดับเครื่องยนต์ และเงี่ยหูฟังในความเงียบนั้น ฉันได้ยินเสียงคนกำลังพึมพำด้วยความโกรธ อยู่อีกข้างของประตู มีใครอยู่ในบ้าน ฉันได้ยินชื่อฉัน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา มีความสุขที่ได้รู้ว่าฉันทำให้พวกนั้นรู้สึกเครียดนิดหน่อยแล้ว


 


 


ฉันสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด


 


 


ประตูถูกเปิดออกก่อนที่ฉันจะแตะลูกบิดเสียอีก คุณหมอยืนอยู่ข้างกรอบรูป ตาของเขาหรี่มองมา


 


 


"สวัสดี Jacob" เสียงของเขาดูสงบกว่าที่ฉันคาดไว้ "เธอเป็นอย่างไรบ้าง"


 


 


ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ


 


 


ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่คนที่ออกมารับหน้าคนแรกคือ Carlisle ฉันหวังว่า Edward จะเป็นคนมาหาฉันที่ประตูมากกว่า Carlisle เป็นคนที่เหมือนมนุษย์มาก บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเคยช่ยวฉันก็ได้ แต่มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยเมื่อมองหน้าเขา ทั้งๆที่ในใจกำลังวางแผนจะฆ่าเขาถ้าฉันสามารถทำได้


 


 


"ฉันได้ยินว่า Bella ยังมีชีวิตอยู่" ฉันเอ่ยออกมา


 


 


"เอ่อ Jacob นี่มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะเท่าไรนักหรอก" คุณหมอดูท่าทางไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ในแบบที่ฉันคิดไว้ "ไว้เราค่อยคุยกันทีหลังได้มั้ย"


 


 


ฉันจ้องไปที่เขาด้วยความงุนงง ราวกับว่าเขากำลังจะขอเลื่อนการต่อสู้ตัดสินความเป็นตายไปสู่เวลาที่เราอาจจะสะดวกกว่านี้


 


 


และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงของ Bella สั่นและแตกพร่า ฉันไม่อาจคิดถึงอย่างอื่นอีกได้เลย


 


 


 


 


"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" เธอถามใครสักคน "เราต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ กับ Jacob ด้วยเหรอ เพื่ออะไรกัน"


 


 


 


น้ำเสียงของเธอไม่ได้เป็นแบบที่ฉันคิดไว้ ฉันจำได้ว่าเสียงของพวกแวมไพร์เกิดใหม่เป็นอย่างไร


 


 


 


 


 


"เข้ามาสิ Jacob" Bella ตะโกนออกมาเสียงดัง 


 


 







 

Create Date : 25 มกราคม 2552   
Last Update : 25 มกราคม 2552 20:40:01 น.   
Counter : 552 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Episode 8.2

ไกลออกไป มีเสียงเบาๆเกินกว่าที่ทุกคนจะได้ยิน แต่มันเพียงพอที่จะทำให้ฉันกับ Quil ได้ยิน เสียงคำรามดังในป่า


 


 


 


"แย่แล้ว นั่นมัน Sam นิ" Quil เอ่ยออกมา มือของเขารีบคว้าไปจับ Claire ราวกับให้แน่ใจว่าเธออยู่ที่นั่น "ฉันไม่รู้ว่าแม่ของเธออยู่ที่ไหน"


 


 


"ทำไมนายไม่พาเธอไปหาพวก Clearwaters ล่ะ Sue กับ Billy จะได้ดูเธอไว้ให้ พวกเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น"


 


 


"โอเค งั้นเราไปกันเถอะ Jake"


 


 


ฉันออกวิ่ง ไม่สนใจว่าทางข้างหน้าจะสกปรกขนาดไหน แต่วิ่งไปในเส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่จะไปถึงป่านั้นได้ ฉันวิ่งตัดป่าเข้าไปและรู้สึกได้เลยว่าโดนเกี่ยวเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่สนใจเพราะร่างกายของฉันก็คงรักษาหายก่อนที่ฉันจะไปถึงที่หมายเสียอีก


 


 


ฉันวิ่งเร็วขึ้น เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็เคยคิดว่าก็คงสนุกดีเหมือนกันถ้าฉันได้ลองเข้าไปคัดเลือกนักกีฬาโอลิมปิกหรืออะไรบ้างอย่าง มันเจ๋งมากที่จะได้เห็นหน้าพวกนั้นตกใจ เมื่อเห็นฉันวิ่งเร็วราวกับสายลม ฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องตรวจฉันแน่ว่าฉันได้ไปฉีดสเตียรอยด์มาก่อนลงแข่งรึเปล่า


 


 


เมื่อทันทีที่ฉันถึงในป่า ฉันก็ถอดกางเกงขาสั้นออก แล้วค่อยๆเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมนุษย์หมาป่า ความร้อนไหลผ่านตัวฉันไปทั่ว ฉันรู้สึกได้ว่าหลังฉันกำลังยืดออก การเปลี่ยนแปลงมันง่ายมากเมื่อฉันมีสมาธิจดจ่อถึงมัน ซึ่งมันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว


 


 


ในชั่ววินาทีนั้นเอง ฉันจำได้ถึงช่วงเวลาที่แสนจะอนาถของตัวเองที่งานแต่งงานนั่น ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ทำให้ฉันไม่สามารถแปลงเป็นมนุษย์หมาป่าได้ ฉันรู้สึกสั่นไปทั้งตัว รู้สึกร้อนราวกับถูกไฟเผา ทำให้ฉันไม่สามารถแปลงร่างและฆ่าไอ้สัตว์ประหลาดนั่นที่อยู่ไม่ไกลจากตัวฉันได้ ฉันรู้สึกสับสนเหมือนกัน ใจหนึ่งก็ต้องการจะฆ่ามัน แต่ก็รู้ดีว่าจะทำให้เธอเจ็บปวดมากมายขนาดไหน และแล้วฉันก็ตัดสินใจเลือกทางที่ฉันต้องการ คำสั่งจากหัวหน้าของฉัน ถ้าคืนนั้นมีแค่ฉันกับ Embry และ Quil ฉันจะกล้าฆ่าไอ้ฆาตกรนั่นมั้ย


 


 


ฉันเกลียดที่ Sam วางกฏอะไรแบบนี้ เกลียดความรู้สึกว่าฉันไม่มีทางเลือก แต่ต้องฟังคำสั่ง


 


 


และแล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงพวกพ้องคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ตามลำพังในความคิดของฉัน


 


 


ความคิดของ Leah ผ่านเข้ามา เธอช่างสัมผัสอะไรได้ง่ายเหลือเกินนะ


 


ก็ใช่สิ Leah ฉันคิดกลับไป


 


 


พวกนายพร้อมมั้ย Sam เรียกเรา


 


 


พวกเราเงียบทั้งหมด และฉันรู้สึกว่า Lean รู้สึกแปลกแยกกับคำว่า "พวกนาย" เหมือนเช่นทุกครั้ง


 


 


Sam แสร้งเป็นไม่สนใจ Quil กับ Jared อยู่ไหน


 


 


Quil อยู่กับ Claire น่ะ กำลังพาเธอไปหาพวก Clearwaters


 


 


ก็ดี Sue จะจัดการเธอเอง


 


 


Jared กำลังจะไปหา Kim Embry บอกผ่านความคิดตัวเอง นี่ดีนะที่เขาไม่ได้ยินนาย


 


 


มีเสียงคำรามเบาๆไปทั่วกลุ่ม เมื่อสุดท้ายแล้ว Jared มาถึงไม่แปลกใจเลยที่เขาก็ยังคงคิดถึง Kim และไมมีใครต้องการจะอยากรับรู้เรื่องพวกเขาที่พึ่งเกิดขึ้นไป


 


 


"เกิดอะไรขึ้นเหรอหัวหน้า" Paul ถาม


 


 


"เราต้องคุยกัน มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น"


 


 


ฉันรู้สึกว่าความคิดของ Sam ส่งสัญญาณมาที่ฉัน และไม่ใช่แค่ Sam แต่เป็น Seth Collin และ Brady ด้วย


Collin กับ Brady พวกเด็กใหม่ทั้งหมาย ออกตรวจตรากับ Sam ตอนนี้ ดังนั้นพวกเขารู้อะไรก็ตามที่ Sam รู้ ฉันไม่รู้ว่าทำไม Seth ถึงไปที่นั่นด้วยกัน


 


 


Leah พยายามวิ่งตามไปให้ทัน เธอไม่ชอบที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังแบบนี้ การที่เป็นคนที่วิ่งได้เร็วที่สุดเป็นสิ่งเดียวที่เธอพอจะอ้างได้ แต่ฉันก็พุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน


 


 


Sam ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทนอะไรแบบนี้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติก็ตาม Jake Leah พอเถอะ


 


 


แต่เราก็ไม่มีใครวิ่งช้าลง


 


 


Sam คำราม ปล่อยมันไปได้มั้ย Seth พูดต่อเลย


 


 


Charlie โทรหาทุกคน จนกระทั่งเจอ Billy ที่บ้านของฉัน


 


 


ใช่แล้ว ฉันคุยกับเขา Paul พูดเสริมเข้ามา


 


 


เมื่อฉันได้ยินชื่อ Charlie ฉันก็รู้สึกสะดุ้งขึ้นมา ใช่แล้ว ฉันไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว ฉันวิ่งให้เร็วขึ้นไปอีก บังคับให้ตัวเองหายใจให้ทัน


 


 


เรื่องมันจะเป็นแบบไหนกันนะ


 


 


เขาเดาว่า Edward กับ Bella กลับมาถึงบ้านอาทิตย์ที่แล้ว และ...


 


 


ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น


 


 


เธอยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยเธอก็ยังไม่ตาย


 


 


ฉันไม่ได้ตระหนักมาก่อนเลยว่า ฉันจะรู้สึกแตกต่างมากมายขนาดไหนกันนะ ฉันคิดเสมอว่าเธอตายแล้ว ฉันแทบไม่เชื่อว่าเขาจะพาเธอกลับมาทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่มันก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันอยากรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นต่อไป


 


 


ใช่แล้ว และนี่ก็คือข่าวร้าย Charlie คุยกับเธอ เสียงของเธอดูแย่มาก เธอบอกเขาว่าเธอป่วย Carlisle ดูแลเธออยู่และบอก Charlieว่า Bella ไปโดนโรคประหลาดมาจากอเมริกาใต้ แต่เขาก็บอกว่าเธอถูกกักกันโรคแล้ว Charlie แทบบ้าเพราะเขาไม่ถูกอนุญาตให้ไปพบเธอ เขาพูดว่าเขาไม่แคร์หรอกว่าเขาจะติดเชื้อ แต่ Carlisle ไม่ยอม ไม่มีใครไปเยี่ยมได้ทั้งนั้น นี่มันค่อนข้างซ๊เรียส แต่เขาก็จะทำทุกอย่างที่เขาทำได้ Charlie รู้สึกร้อนใจมาเป็นวันแล้ว แต่เขาแค่โทรหา Billy ตอนนี้ เขาบอกว่าเสียงเธอดูแย่ลงวันนี้


 


 


เมื่อ Seth พูดจบ ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่ว พวกเราเข้าใจแล้ว


 


 


ดังนั้นเธอจะตายเพราะโรคนี้ เหมือนที่ Charlie รู้ แต่พวกเขาจะยอมให้ Charlie ดูศพมั้ย ร่างที่ซีด ไร้ลมหายใจ พวกเขาจะยอมให้ Charlie สัมผัสผิวที่แสนจะเย็นยะเยือกของเธอมั้ย เขาอาจจะสังเกตก็ได้ว่ามันแข็งขนาดไหน


 


 


 


พวกเขาอาจจะรอให้เธอควบคุมตัวเองได้ก่อน ควบคุมตัวเองที่จะไม่ฆ่า Charlie และคนอื่นๆ แล้วนั่นจะนานเท่าไรกันล่ะ


 


 


 


พวกนั้นจะฝังเธอมั้ย หรือว่าเธอจะขุดตัวเองออกมา หรือว่าไอ้ตัวดูดเลือดนั่นจะมาช่วยเธอ


 


 


คนอื่นๆกำลังฟังการคาดเดาของฉันอย่างเงียบๆ ฉันเพ่งสมาธิของตัวเองในการครุ่นคิดเรื่องนี้มากกว่าอย่างอื่น


 


 


 


Leah และฉันเข้ามาที่หลุมหลบภัยเกือบจะเวลาเดียวกัน เธอแน่ใจว่าเธอชนะฉันถึงแม้ว่าเธอจะชนะฉันแค่ปลายจมูกเท่านั้น เธอเดินไปหาน้องชายของเธอในขณะเดินไปหา Sam


 


ทุกคนล้อมฉันเข้ามา


 


 


ไม่มีใครพูดอะไรเลย แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกรั้งรอของทุกคน


 


 


 


นี่ พวกนายก็รู้ สัญญานั้นถูกละเมิดไปแล้ว


 


 


เราไม่มีหลักฐาน บางทีเธออาจจะแค่ป่วย....


 


 


โอ้ ขอร้องล่ะ


 


 


โอเค หลักฐานแวดล้อมเริ่มมีน้ำหนักแล้ว แต่ Jacob ความคิดของ Sam ดูฉุกคิดไปชั่วครู่ นายแน่ใจนะว่านี่คือสิ่งที่นายต้องการ นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง เราก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร


 


 


ในสนธิสัญญาไม่ได้ระบุถึงความยินยอมของเหยื่อ Sam


 


 


แล้วเธอเป็นเหยื่อจริงๆเหรอ นายคิดว่าเธอเป็นเหรอ


 


 


ใช่!!!


 


 


Jake Seth คิด พวกนั้นไม่ใช่ศัตรูของเรานะ


 


 


หุบปากซะ เด็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่านายจะได้รับการชื่นชมจากพวกนั้นว่านายเป็น Heroes แล้วจะมาเปลี่ยนกฏได้นะ พวกนั้นเป็นศัตรูของเรา พวกเขาอยู่ในอาณาเขตเรา เราต้องไปจัดการพวกนั้นซะ ฉันไม่แคร์ว่าครั้งหนึ่ง นายจะรู้สึกดีที่ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ Edward มากขนาดไหน 


 


แล้วเราจะทำยังไงถ้า Bella ร่วมสู้ไปกับพวกเขาล่ะ Jacob หึ Seth โต้กลับมา


 


 


เธอไม่ใช่ Bella อีกต่อไปแล้ว


 


 


นายจะเป็นคนจัดการเธอใช่มั้ย


 


 


ฉันคงหยุดตัวเองไม่ได้หรอก


 


 


ไม่ นายทำไม่ได้หรอก แล้วนายจะเป็นคนจัดการเธอใช่มั้ย แล้วก็จะจัดการกับทุกคนที่ต่อต้านเรื่องนี้ตลอดไป ใช่มั้ย


 


 


ฉันไม่ได้....


 


 


ใช่สิ นายไม่หรอก นายไม่พร้อมที่จะสู้หรอกนะ Jacob


 


 


ฉันคำรามและคลานไปข้างหน้า


 


 


Jacob! Sam เรียกฉัน Seth หยุดพูดสักแป๊ปนึงนะ


 


Seth พยักหน้า


 


 


ว้า นี่ฉันพลาดอะไรไปเนี่ย Quil โผล่เข้ามา ฉันได้ยินว่า Charlie โทรมา


 


 


เรากำลังจะไปแล้ว ฉันบอกเขา ทำไมนายไม่ไปลาก Jared มาจาก Kim ล่ะ เราต้องการให้ทุกคนช่วยนะ


 


 


มานี่ Quil Sam สั่ง เรายังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น


 


 


ฉันคำราม  


 


 


Jacob ฉันต้องคิดก่อนว่าอะไรดีที่สุดสำหรับพรรคพวกของเรา ฉันต้องเลือกทางที่จะปกป้องเราทั้งหมด เวลาก็ผ่ามานานแล้วตั้งแต่บรรพบุรุษของเราทำสัญญา และฉันไม่คิดว่าพวก Cullens จะเป็นอันตรายต่อเรา และเราก็ดีว่าพวกเขาคงจะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน เชื่อว่าเมื่อพวกเขาหายตัวไป ชีวิตของเราก็จะกลับเป็นปกติอีกครั้ง


 


 


ปกติเหรอ


 


 


ถ้าเราไปสู่กับเขา Jacob พวกนั้นจะป้องกันตัวเองดีมากๆ


 


 


นายกลัวเหรอ


 


 


นายพร้อมที่จะสูญเสียพี่ชาย/น้องชายนายมั้ยล่ะ เขาหยุด หรือพี่สาวนาย


 


 


ฉันไม่เกรงกลัวต่อความตายหรอกนะ


 


 


ฉันรู้ดี Jacob นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันถามถึงการตัดสินใจของนายที่มีต่อเรื่องนี้


 


 


ฉันจ้องลงไปในตาของเขา นายจะรักษาสัญญาของบรรพบุรุษของเรามั้ย


 


 


ฉันให้เกียรติพรรคพวกของฉันเสมอ ฉันจะทำอะไรก็ตามที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา


 


 


ขี้ขลาด


 


 


พอแล้ว Jacob นายทำเกินไปแล้วนะ เสียงของ Sam เปลี่ยนไป น้ำเสียงของหัวหน้าหมู่ เขาจ้องไปที่ทุกคนรอบตัวเขา


 


 


พวกเราจะไม่โจมตีพวก Cullens โดยที่ไม่แจ้งก่อนล่วงหน้า จิตวิญญาณของสนธิสัญญาพวกเรายังต้องคงอยู่ พวกนั้นไม่เป็นอันตรายต่อพวกเรา และผู้คนใน Forks Bella Swan ได้ตัดสินใจแล้ว แล้วเราจะไม่ลงโทษพันธมิตรของเราสำหรับการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้


 


 


 


เย้ เย้ Seth คิดอย่างกระตือรือร้น


 


 


ฉันคิดว่านายควรจะหุบปากซะนะ Seth


 


อุ๊บส์ ขอโทษที Sam


 


 


Jacob นายจะไปไหนกันน่ะ


 


 


ฉันผละออกจากวงกลม วิ่งไปทางทิศตะวันตกเพื่อที่ฉันจะได้หันหลังไปจากพวกเขา ฉันจะไปบอกลาพ่อ ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะอยู่แถวนี้อีกต่อไปแล้ว


 


 


Jake อย่าทำแบบนั้นอีกเลยน่า


 


 


หุบปากซะ Seth หลายเสียงคิดขึ้นพร้อมกัน


 


 


เราไม่อยากให้นายไป Sam บอกฉัน ความคิดของเขาเบาลงกว่าเมื่อสักครู่


 


 


ก็บังคับให้ฉันอยู่สิ Sam


 


 


นายก็รู้ว่าฉันทำไม่ได้


 


 


งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก


 


 


ฉันวิ่งออกมาจากพวกเขา พยายามอย่างมากที่จะไม่คิดว่าจะทำอะไรต่อไป ฉันปลดปล่อยความคิดตัวเองให้คิดเป็นสัตว์มากกว่าเป็นมนุษย์ อยู่ในช่วงเวลาที่กินเมื่อหัว นอนเมื่อเหนื่อยล้า ดื่มน้ำเมื่อหิว และวิ่ง วิ่ง วิ่ง แค่วิ่ง ความต้องการที่แสนจะง่าย ความเจ็บปวดเข้ามา ความเจ็บปวดจากความหิว จากความหนาวเหน็บ พยายามทำทุกอย่าง


 


 


ไม่ให้เหมือนเป็นมนุษย์


 


 


แต่ทันทีที่ฉันวิ่งมาถึงบ้าน ฉันก็กลายร่างกลับเป็นมนุษย์ ฉันต้องการใช้ความคิดลำพังเงียบๆ


 


 


ฉันทำมันได้สำเร็จ ฉันซ่อนสิ่งที่ฉันคิดได้สำเร็จ และก็สายเกินไปที่ Sam จะหยุดฉันได้แล้ว เขาไม่สามารถได้ยินฉันได้แล้วตอนนี้


 


 


Sam พูดชัดเจนว่า พรรคพวกของเราจะไม่โจมตีพวก Cullens


 


 


แต่เขาไม่ได้เอ่ยถึง การไปโจมตีคนเดียว


 


 


พวกเราจะไม่โจมตีใครหรอกวันนี้


 


 


แค่ฉันเท่านั้นที่ไป


 


 


 


 






Free TextEditor




 

Create Date : 25 มกราคม 2552   
Last Update : 25 มกราคม 2552 14:10:28 น.   
Counter : 781 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Episode 8.1

เล่มที่ 2 เล่าเรื่องในมุมมองของ Jacob 


 


บทนำ


 


ชีวิตบัดซบ และแล้วเธอก็ตาย


 


ใช่แล้ว ฉันช่างโชคดีซะเหลือเกิน


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


8. รอให้การต่อสู้ครั้งนี้เริ่มขึ้นซะที


 


 


 


 


"Paul นายไม่คิดจะมีบ้านเป็นของตัวเองบ้างรึไง"


 


Paul นอนยาวอยู่บนโซฟาของฉัน นั่งดูการแข่งขันเบสบอลจากทีวีของฉัน พอฉันพูดจบ เขาก็แค่หันมามองฉันด้วยความเคือง และแล้วเมื่อเกมเริ่มขึ้น เขาก็หยิบขนมโดริโทสชิ้นหนึ่งเข้าปาก 


 


"นายน่าจะเอาขนมพวกนี้ไปกับนายด้วยนะ"


 


 


"ไม่ล่ะ" เขาพูดในขณะที่เคี้ยวขนมชั้นนั้นอยู่่ "น้องของนายบอกว่า เชิญตามสบายเลย แล้วก็ให้บริการตัวเองตามสะดวก"


 


 


ฉันพยายามทำเสียงราวกับว่าฉันไม่ได้กำลังจะต่อยเขา "Rachel อยู่ที่นี่เหรอตอนนี้"


 


 


มันไม่ได้ผล เขารู้ว่าฉันจะพุ่งไปที่ไหน เขาจึงซ่อนขนมไว้ด้านหลัง ขนมถูกทับละเอียดติดกับโซฟา มันฝรั่งแตกเป็นเสี่ยงๆ มือของ Paul ตั้งการ์ดเตรียมพร้อม


 


 


"เอาน่า ไอ้หนู ฉันไม่ได้ต้องการให้ Rachel มาปกป้องฉันนะ"


 


 


ฉันคำราม "ก็ได้ อย่างกับตอนแรกนายจะไม่ไปร้องไห้อ้อนเธอย่างนั่นแหล่ะ"


 


 


เขาหัวเราะและนั่งรีแลกซ์อยู่บนโซฟา เอาการ์ดลง "ฉันจะไม่ไปฟ้องเธอหรอกนะ ถ้านายต่อยโดนนะ มันก็จะเป็นแค่เรื่องระหว่างเราสองคน ในทางกลับกันด้วย โอเคมั้ยล่ะ"


 


 


เมื่อเขาเอ่ยเชิญชวนฉันอย่างนี้ ฉันก็ทำเป็นเหมือนกับยอมแพ้แล้ว "ก็ได้"


 


 


แล้วสายตาของเขาก็เลื่อนกลับไปที่ทีวี


 


 


ฉันต่อยเขาไปเต็มแรง


 


 


 


 


TBC ต่อหน้านี้นะคะ พอดีมีธุระต้องออกไปข้างนอก ไว้ดึกๆมาต่อให้ค่ะ :) 


 



เขาพยายามที่จะจับฉัน แต่ฉันถอยหลบออกมาก่อนที่เขาจะคว้าฉันไว้ได้ ขนม doritos อยู่ที่มือซ้ายของฉัน


 


 


"นายทำจมูกฉันหัก"


 


"แค่เรื่องระหว่างเราไง Paul" 


 


 


ฉันเดินไปวางถุงมันฝรั่ง เมื่อหมุนตัวกลับมาอีกที Paul ก็รีบจัดทรงจมูกก่อนที่มันจะเบี้ยวงอ


 


 


เลือดหยุดไหลแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่รู้ว่ามันไหลลงมาจากไหน ในขณะที่เลือดไหลเป็นตามทางมาถึงริมฝีปากและคางของเขา


 


 


"นายบ้า Jacob ฉันสาบานได้เลยว่าฉันน่าจะออกไปเที่ยวกับ Leah มากกว่า"


 


 


"ว้าว ฉันพนันได้เลยว่า Lean จะต้องชอบแน่ที่ได้ยินว่านายอยากไปเที่ยวกับเธอ มันจะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมากเลย"


 


 


"นายจะต้องลืมสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นี้ซะ"


 


 


"แน่นอน ฉันมั่นใจเลยว่า จะไม่พูดมันไปแน่"


 


 


"เหอะ" เขาคำถามแล้วก็กลับไปนั่งที่โซฟา เขาใช้คอเสื้อเช็ดเลือดที่เปรอะอยู่บนหน้าตัวเอง "นายมันไวมากนะ ไอ้หนู" แล้เวขาก็กลับไปสนใจเกมเบสบอลต่อ


 


 


ฉันลุกขึ้นยืน แล้วก็เดินกลับห้องไป


 


ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม เราก็สามารถพึ่งพา Paul ตอนต่อสู้ได้เสมอ นายไม่ควรจะต่อย Paul หรือพูดจาดูถูกอะไรเขา เพราะว่ามันไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรมากเลยที่จะทำให้เขาทำตัวอยู่เหนือการควบคุม แต่ตอนนี้เมื่อฉันต้องการที่จะต่อสู้ ในแมตช์ที่เป็นตายนี้ ฉันกลับอยากให้เขาอ่อนลง


 


 


นี่มันยังไม่แย่พออีกเหรอที่มีพวกของเราอีกคนหนึ่งเกิดความรู้สึกต้องตาต้องใจเพศตรงข้าม เพราะว่าตอนนี้สี่ในสิบของพวกเราแล้วที่เป็นอย่างนั้น เมื่อไหร่มันจะหยุดกันเนี่ย ตำนานปรัมปราที่แสนจะไร้สาระควรจะพบเจอได้ยากไม่ใช่เหรอ อะไรกันหนักหนา ไอ้เรื่อง "รักแรกเจอ" นี่หักห้ามใจไม่ได้เนี่ยมันช่างน่ารำคาญจริงๆ


 


แล้วทำไมต้องเป็นน้องสาวฉัน และทำไมต้องเป็น Paul


 


 


เมื่อ Rachel กลับมาจากรัฐวอร์ชิงตันช่วงฤดูร้อนหลังจากที่เรียบจบก่อนกำหนด เฮ้อ ยัยเด็กนี่ช่างเป็นเด็กเรียนจริงๆ สิ่งที่ฉันเป็นกังวลที่สุดคือฉันยากที่จะปิดบังความลับของตัวเองจากเธอ ฉันไม่เคยชินกับการปิดบังตัวเองในบ้านของฉัน เหมือนกับ Embry และ Collin ที่พ่อแม่ของเขาทั้งคู่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่า แม่ของ Embry คิดว่า เขากำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยที่เป็นปฏิปักษ์กับทุกอย่าง เขาถูกกักบริเวณเกือบจะทุกวัน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไรนัก แล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย แม่ของเขาออกมาเช็คที่ห้องทุกคืน และเขาก็จะพบว่ามันว่างเปล่าทุกคืนเช่นกัน เธอกรีดร้องแต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไรนัก แล้วมันก็เป็นอย่างนี้ไปทุกวัน เราพยายามที่จะคุยกับ Sam เพื่อให้ Embryหยุดพักบ้าง แล้วให้แม่ของเขาเข้าร่วมกับพวกเราด้วย แต่ Embry บอกว่าเขาไม่แคร์ ความลับของพวกเรานั้นสำคัญเกินกว่าที่จะบอกให้คนจำนวนมากรับรู้ได้


 


 


ดังนั้นทุกอย่างจึงควรที่จะถูกเก็บเป็นความหลับ และแล้วสองวันต่อมา Rachel ก็กลับมาถึงบ้าน Paul วิ่งไปหาเธอที่ชายหาด และแล้วก็ แบง แบง บูม รักแท้ ความลับไม่จำเป็นอีกต่อไปเมื่อเราเจออีกครึ่งที่หายไปของเรา


 


 


Rachel รู้เรื่องทั้งหมด และฉันก็จะมี Paul เป็นน้องเขยสักวันในอนาคต ฉันรู้ว่า Billy ไม่ได้ยินดีกับเรื่องนี้มากนัก แต่เขาก็จัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่าฉัน แน่นอน เขาหนีไปหาพวก Clearwaters บ่อยกว่าปกติ ฉันไม่เห็นว่ามันจะดีกว่าตรงไหนเหรอ ถึงแม้จะไม่มี Paul แต่ก็มี Leah


 


 


ฉันนอนลงบนเตียง ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เพราะไม่ได้นอนตั้งแต่รวมตัวครั้งที่แล้ว แต่ฉันก็รู้ดีกว่าฉันนอนไม่หลับแน่ ในสมองของฉันเต็มไปด้วยเรื่องยุ่งๆมากมาย เหมือนกับว่ามีผึ้งจำนวนมากบินอยู่รอบๆกระโหลกฉัน แล้วมันก็ต่อยฉันไปเรื่อยๆ เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อน มันต้องไม่ใช่ผึ้งสิ มันน่าจะเป็นตัวต่อมากกว่า เพราะว่าผึ้งต่อยครั้งหนึ่งก็ตายแล้ว แต่นี่เหมือนกับว่ามันต่อยฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า


 


 


การรอคอยนี้กำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า มันก็เกือบจะสี่อาทิตย์แล้ว ฉันควรจะได้ข่าวอะไรบ้าง ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ฉันนั่งคิดทุกคืนว่ามันจะออกมาในแนวไหน


 


 


Charlie ร้องไห้ทางโทรศัพท์ เมื่อรู้ว่า Bella กับสามีของเธอหายไประหว่างประสบอุบัติเหตุ เครื่องบินตกหรือไง เรื่องนี้มันยากที่จะหลอกกันนี่นา ถ้าพวกปีศาจดูดเลือดนั้นไม่แคร์ที่จะฆ่าคนทั้งลำเพื่อจะทำให้มันดูเหมือนจริง และทำไมพวกนั้นจะไม่แคร์ล่ะ อาจจะเป็นเครื่องบินลำเล็กก็ได้ พวกเขาน่าจะมีเผื่อไว้


 


 


 


หรือว่าไอ้ฆาตกรนั่นมันกลับมาบ้านคนเดียว  หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จจะทำให้เธอเป็นหนึ่งในพวกมัน หรืออาจจะไ่ม่ไปไกลถึงขนาดนั้น เขาอาจจะเก็บร่างของเธอไว้เหมือนถุงมันฝรั่งถุงหนึ่งในขณะที่ขับรถกลับมาบ้านก็ได้ เพราะว่าชีวิตของเธอสำคัญต่อเขาน้อยกว่าความสุขที่เขาจะได้มาจากการทำร้ายเธอเสียอีก


 


 


 


เรื่องนี้มันจะต้องเป็นโศกนาฏกรรมแน่ๆ Bella สูญหายในอุบัติเหตุ ...​อุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อแม่ของฉัน ช่างเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา


 


 


เขาจะพาเธอกลับบ้านมั้ย ฝังเธอไว้ที่นี่เพื่อ Charlie ฝังศพไว้ในโลงที่บรรจุอย่างดิ แน่สิ โลงศพของแม่ก็ถูกตอกปิดด้วยตะปูอย่างดีเช่นกัน


 


 


ฉันแค่หวังว่าเขาจะกลับมาที่นี่ มาในอาณาเขตของฉัน


 


 


บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ Charlie คงจะโทรหาพ่อแล้วถ้าได้ยินอะไรจากคุณหมอ Cullen ผู้ซึ่งไม่ได้ปรากฏตัวมาทำงานอีกเลยแม้แต่วันเดียว บ้านหลังนั้นถูกทิ้งร้าง ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย เรื่องนี้ช่างจะกลายเป็นข่าวที่พูดกันไปทั่วแล้ว


 


 


บางทีบ้านสีขาวหลังใหญ่นั้นอาจจะถูกเผาแล้วก็ได้ แล้วทุกคนก็อยู่ในนนั้น แน่นอนว่าพวกนั้นต้องการศพเพื่อให้ในการอำพราง ศพถูกเผาจนไหม้เกรียม มีแต่รอยฟันที่จะใช้บอกได้ว่าใครเป็นใคร


 


 


 


ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนมันก็ล้วนแล้วแต่มีพิรุธสำหรับฉันทั้งนั้น มันยากเหลือเกินที่จะหาพวกนั้นพบถ้าพวกนั้นไม่อยากให้ถูกพบซะอย่าง ฉันมีเวลาเหลือเฟือที่จะหาพวกนั้น ถ้าคุณมีเวลาชั่วกาลปานอวสาน คุณก็อาจจะตรวจได้ทุกตารางนิ้วเลยก็ได้


 


 


แต่ตอนนี้ฉันแค่รู้สึกอยากจะทำอะไรสักอย่างก็เท่านั้น ฉันเกลียดที่จะรู้ว่าฉันอาจจะสูญเสียโอกาสนั้นไป ให้เวลาแก่พวกผีดูดเลือดนั่นได้มีเวลาหลบหนีตามแผน


 


 


เราอาจจะไปคืนนี้ก็ได้ เราจะฆ่าพวกมันทั้งหมดถ้าเราหาพวกมันพบ


 


 


ฉันชอบแผนนี้เพราะฉันรู้ดีว่า Edward จะทำอะไรถ้าฉันฆ่าครอบครัวของเขา มันคงจะเป็นโอกาสที่จะทำให้หาตัวเขาพบ เขาต้องมาเพื่อแก้แค้นแน่นอน และฉันจะจัดการเขา ฉันจะไม่ปล่อยให้พี่ๆน้องๆในกลุ่มของฉันจัดการเขา แค่ระหว่างเขากับฉันเท่านั้น คนที่เก่งกว่าจะเป็นผู้ชนะไป


 


 


 


 


แต่ Sam จะมารู้เรื่องนี้ไม่ได้ เราจะไม่ทำลายสนธิสัญญาของเรา ให้พวกมันเป็นคนละเมิดก่อน เพราะว่าเราไม่มีหลักฐานว่าพวก Cullen ทำอะไรผิด ไม่ได้แปลว่าเราไม่ควรทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ Bella ถ้าไม่กลับมาแบบเป็นพวกนั้น ก็คือไม่กลับมาเลย ทางใดทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ต้องเสียชีวิตอยู่ดี ซึ่งก็หมายความว่า พวกนั้นได้ละเมิดสัญญาแล้ว


 


 


 


ในอีกห้องหนึ่ง Paul ส่งเสียงดัง บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนไปดูรายการตลกก็ได้ รายการพวกนั้นมันตลกมาก แต่ก็ช่างมันเถอะ


 


 


ฉันคิดถึงเรื่องที่ทำจมูกเขาหักอีกครั้ง มันไม่ใช่ Paul หรอกที่ฉันอยากจะสู้ด้วย ไม่ใช่เลย


 


 


 


ฉันพยายามฟังเสียงอื่นๆ เสียงลมปะทะกับต้นไม้ แต่มันก็ไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่ผ่านทางหูของมนุษย์ มันยังมีเสียงอีกเป็นล้านจากสายลมที่ฉันไม่อาจจะฟังได้ถ้ายังอยู่ในร่างนี้


 


 


แต่หูของฉันก็รับเสียงได้ไวพอสมควร ฉันได้ยินเสียงจากต้นไม้ ถนน เสียงเหมือนรถเลี้ยวเข้ามาที่ชายหาด บริเวณที่ตำรวจของ La Push จะไปวนเวียนอยู่แถวนั้น ทีที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายไม่เคยลดความเร็วทันก่อนที่จะโดนเขียนใบสั่ง


 


 


ฉันได้ยินเสียงนอกร้านขายของที่ระลึก ได้ยินเสียงประตูปิดและเปิด ได้ยินเสียงแม่ของ Embry ที่อยู่ตรงแคชเชียร์


 


 


ฉันได้ยินเสียงคลื่น ได้ยินเสียงเด็กวิ่งกวดกันไปมา ได้ยินเสียงแม่บนเรื่องเสื้อของเด็กๆพวกนั้นเปียกแฉะไปหมด และได้ยินเสียงที่คุ้นเคย


 


 


ฉันได้เสียงหัวเราะของ Paul ลั่นบ้านไปหมด ฉันทนไม่ไหวเลยลุกขึ้นจากเตียง


 


 


 


"ออกจากบ้านฉันไปซะ" ฉันพูดอย่างเหลืออด รู้ดีว่าเขาก็ไม่สนใจอยู่ดี ฉันเลยปีนหน้าต่างลงไปเพื่อที่จะไปทางด้านหลังบ้าน จะได้ไม่ต้องเจอ Paul อีก  แต่ฉันก็อยากจะต่อยเขาอีกสักครั้งมาก ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ดีว่า Rachel คงจะโมโหพออยู่แล้ว เมื่อได้เห็นเลือดบนเสื้อของเขา ธอคงจะโทษฉันทันทีโดยไม่ต้องรอการพิสูจน์หลักฐาน แต่เธอก็เดาได้ถูกแล้ว


 


 


ฉันเดินไปตามชายหาด อย่างน้อยๆในฤดูร้อนก็มีข้อดีอย่างหนึ่ง คือไม่มีใครสนใจว่าฉันจะใส่แค่กางเกงขาสั้นเดินไปเดินมา


 


 


ฉันเดินไปตามเสียงที่คุ้นเคย และเจอ Quil ยืนอยู่ เขาอยู่ทางใต้ของเกาะ จุดที่หลีกเลี่ยงจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก


 


 


"ออกมาจากน้ำได้แล้ว Claire มานี่สิ ใช่แล้ว นี่ฉันซีเรียสนะ เธออยากให้ Emily มาเอาเรื่องกับฉันเหรอ ฉันจะไม่พาเธอมาที่นี่อีกแล้วถ้าเธอไม่ ... ใช่ ...​ไม่ .... เธอคิดว่านี่มันตลกเหรอไง คิดเหรอ ... 555+ .... ใครกำลังหัวเราะอยู่ตอนนี้ล่ะ หือ"


 


 


เขาหยอกล้อกับเด็กคนหนึ่ง (อายุประมาณ 2-3 ขวบ) อยู่ ขากางเกงของเธอถูกพับขึ้น เธอถือกะบะทรายเด็กเล่นไว้ที่มือข้างหนึ่ง มีรอยเปียกน้ำดวงใหญ่อยู่ที่เสื้อของ Quil


 


 


"ฉันพนัน ห้าเหรียญเลยว่าเด็กคนนั้นจะชนะ" ฉันเอ่ยออกมา


 


 


"อ่าว Jake"


 


 


Claire ขว้างกะบะอันนั้นไปเข่าของQuil "ลง ลง!!"


 


 


เขาวางเธอลงอย่างระมัดระวัง แล้วเธอก็วิ่งมาหาฉัน กอดขาฉันไว้


 


 


"คุงลุง ..เ..จ"


 


 


"เป็นไงบ้าง Claire"


 


 


เธอหัวเราะ "ดูสิ Q...will... เปียกหมดแล้ว"


 


 


"ฉันเห็นแล้วจ้ะ แม่เธออยู่ไหนเหรอ"


 


 


"ไป ไป ไปแล้ว" Claire เอ่ยออกมา "หนูอยู่กับ Quil ทั้งวันเลย" เธอปล่อยฉัน และวิ่งไปหา Quil เขาอุ้มเธอขึ้นมา และจับเธอพาดบ่า


 


 


 


"ดูเหมือนทั้งคู่จะมีความสุขดีนะ"


 


 


"จริงๆแล้ว สามต่างหาก นายพลาดงานปาร์ตี้ ตีมเจ้าหญิงน่ะ เธอทำมงกุฎให้ฉัน แล้ว Emily ก็แนะนำให้เธอแต่งหน้าให้ฉันด้วย"


 


 


"ว้าว ฉันขอโทษนายด้วย ฉันแค่ไม่อยากไปเท่าไรน่ะ"


 


 


"ไม่ต้องห่วงไปหรอก Emily มีรูปเยอะแยะเลย"


 


 


"นายนี่มันประหลาดจริงๆ"


 


 


Quil หัวเราะ "Claire มีความสุข ฉันก็ดีใจแล้ว"


 


 


ฉันกรอกตาไปมา มันยากที่จะเชื่อเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ตั้งแต่อายุเท่า Sam หรือแม้กระทั่งเด็กทารกเหมือน Quil ฉันสัมผัสได้ทุกครั้งว่าพวกเขามีความรู้สึกสงบและความมั่นใจในตัวอีกฝ่ายเสมอเวลาอยู่ด้วยกัน


 


 


Claire สะกิดที่ไหล่ของเขา และชี้ไปที่พื้น "Quil ฉันอยากได้ ไอ้นั่น อยากได้ไอั่นั่น"


 


 


"อันไหนเหรอ สีแดงใช่มั้ย"


 


 


"ไม่ใช่ เดี๋ยว"


 


 


Quil คุกเข่าลง แล้ว Claire ก็กรีดร้องออกมา ดึงผมของเขาเหมือนกับดึงขนม้า


 


 


"สีฟ้าเหรอ"


 


 


"ไม่ ไม่ ไม่...." เด็กผู้หญิงร้องเสียงดัง


 


 


 


ส่วนที่แปลกที่สุดก็คือ Quil สนุกพอๆกับที่เธอรู้สึก เขาไม่ได้มีสีหน้าเหมือนกับพ่อแม่ที่พาเด็กๆมาเที่ยวชายหาดคนอื่นๆเลย ฉันเคยเห็น Quil เล่นเกมเด็กปัญญาอ่อนเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่เบื่อเลยซ้ำ


 


 


และฉันก็ไม่อาจเห็นเขาเป็นตัวตลกได้หรอก จริงๆแล้วฉันอิจฉาเขามากต่างหาก


 


 


 


ถึงแม้ว่ามันจะแย่เมื่อเขาต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกสิบสี่ปี แต่อย่างน้อยสำหรับพวกเรามนุษย์หมาป่า มันมีข้อดีก็คือพวกเราไม่ได้แก่ขึ้นตามกาลเวลา ทำให้เรื่องเวลานั้นไม่เป็นประเด็นมากนัก


 


 


"Quil นายเคยคิดที่จะไปเดทบ้างมั้ย"


 


 


"หา"


 


 


"ไม่ ไม่ ไม่เอาฉีเหลือง.." Claire ตะเบ็งเสียงออกมา


 


 


 


"นายก็รู้ ฉันหมายถึงผู้หญิงจริงๆนะ ไม่ใช่มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กทั้งวันทั้งคืนอย่างทุกวันนี้"


 


 


Quil จ้องมาที่ฉัน แล้วก็อ้าปากค้าง


 


 


 


"เอาอันนั้น เอานั้น" Claire กรีดร้องออกมาเมื่อเขาหยิบอันที่ไม่ถูกใจขึ้นมา เธอดึงผมเขา


 


 


"ขอโทษนะ Claire สีม่วงนี่เป็นไงล่ะ"


 


 


"ไม่เอา" เธอหัวเราะ "ม่ายเอาฉีม่วงงง"


 


 


"ใบ้ฉันหน่อยสิ นะ ฉันขอร้องเด็กน้อย"


 


 


Claire ฉุกคิดนิดหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยออกมา "สีเขียว"


 


 


Quil จ้องไปที่หินนั้น แล้วก็หยิบหินสี่อันที่เป็นสีเขียวล้วนทั้งหมด


 


 


"ฉันหยิบถูกอันใช่มั้ย"


 


 


 


"ใช่"


 


 


"อันไหนล่ะ"


 


 


"ท้างงงหมดเลย"


 


 


เธอก้มลงไปหยิบหินทั้งหมด แล้วเขาก็รีบวิ่งไปที่ parking lot เพราะกลัวว่าเธอจะไม่สบาย เมื่อเห็นว่าเสื้อของเธอเปียก นี่เขาแย่กว่าพวกแม่ๆที่โอเวอร์อีกนะเนี่ย


 


 


"ขอโทษนะที่ฉันบอกให้นายไปเดทกับสาวน่ะ" ฉันเอ่ยออกมา


 


 


"ไม่หรอก มันเจ๋งมากเลยนะ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย"


 


 


"ฉันพนันได้เลยว่า เธอจะต้องเข้าใจนาย นายก็รู้เมื่อเธอโตขึ้น เธอไม่บ้าหรอกเมื่อนายจะมีชีวิตของตัวเองในขณะที่เธอยังใส่ผ้าอ้อมอยู่เลย"


 


 


"ไม่หรอก ฉันรู้ดี ฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องเข้าใจมันแน่"


 


 


แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย


 


 


 


"แต่นายจะไม่ทำอย่างนั้น ใช่มั้ย" ฉันเดา


 


 


"ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนั้นเลย ไม่เคยจะเห็นอะไรแบบนั้น ฉันไม่ได้สังเกตเห็นผู้หญิงพวกนั้นอีกแล้ว ไม่เห็นใบหน้าของพวกเธออีกเลย"


 


 


 "จริงๆแล้วถ้าพูดเรื่องมงกุฎอันนั้นกับที่ว่านายแต่งหน้านะ บางที Claire อาจจะมีอีกเรื่องที่ต้องกังวลก็ได้"


 


 


Quil หัวเราะออกมา แล้วก็ถามว่า "นายว่าใช่มั้ย ศุกร์นี้ Jacob"


 


 


"ใช่ ก็ว่างนะ"


 


 


เขารีรอที่จะถาม แต่แล้วก็เอ่ยออกมา "นายคิดที่จะออกเดทบ้างมั้ย"


 


 


ฉันถอนหายใจ


 


"นายก็รู้ Jake บางทีนายอาจจะต้องคิดเรื่องการใช้ชีวิตบ้าง"


 


 


เขาไม่ได้เหมือนกำลังจะพูดล้อเล่น เสียงของเขาดูจริงจัง และนั่นยิ่งทำให้มันแย่ลงไปอีก


 


 


 


"ฉันไม่เห็นหน้าพวกเธอเลย Quil ไม่เห็นเลย"


 


 


Quil ถอนหายใจเช่นกัน 






Free TextEditor




 

Create Date : 24 มกราคม 2552   
Last Update : 25 มกราคม 2552 13:14:57 น.   
Counter : 630 Pageviews.  


Breaking Dawn (Twilight Saga IV) - Episode 7.3

ฉันต้องการเขาเหมือนกับที่ฉันต้องการอากาศหายใจ มันไม่ใช่ทางเลือก...แต่มันเป็นความจำเป็น



อาจจะเป็นเพราะว่าฉันนึกภาพถึงสิ่งที่เลวร้ายมากๆ

อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยนึกภาพว่าตัวเองจะแต่งงานได้ จนกระทั่งฉันก็แต่งแล้ว

ฉันไม่นึกเลยว่าตัวเองจะมีลูก จนกระทั่งได้มีจริงๆ





เมื่อฉันวางมือลงบนท้องตัวเอง รอปฏิกริยาจากเด็กคนนั้น น้ำตาฉันก็ไหลอาบแก้ม





"Bella?"





ฉันหันไปหาเขา รู้สึกกังวลเมื่อได้ฟังน้ำเสียงของเขา มันทั้งแสนจะเยือกเย็นและระมัดระวัง สีหน้าก็เหมือนกับเสียงของเขานั่นแหล่ะ ช่างดูว่างเปล่าและแข็งกระด้าง



แล้วเขาก็เห็นว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่



"Bella" เขารีบวิ่งมาหาฉันทันที และจับหน้าฉันเอาไว้ "เธอเจ็บเหรอ"



"ไม่ ไม่"



เขาดึงฉันมาไว้แนบอก "อย่ากลัวไปเลยนะ เราจะถึงบ้านในอีกสิบหกชั่วโมงข้างหน้า เธอจะไม่เป็นไร Carlisle จะเตรียมพร้อมเมื่อเราไปถึงที่นั่น เราจะจัดการเรื่องนี้กันเอง เธอจะไม่เป็นไร เธอจะไม่เป็นไรนะ"



"จัดการเรื่องนี้เหรอ เธอหมายความว่ายังไงน่ะ"



เขาเอนตัวออก เพื่อจะได้มองหน้าฉัน "เราจะเอาสิ่งนั้นออกก่อนที่มันจะทำร้ายเธอ อย่ากล้วไปเลย เราจะไม่ปล่อยให้มันทำร้ายเธอได้หรอก"





"สิ่งนั้นเหรอ" ฉันทวนคำพูดเขา





เขามองไปทางประตูหน้า "แย่แล้ว ฉันลืมว่า Gustavo จะมาถึงวันนี้ ฉันจะไปไล่เขาก่อน เดี๋ยวฉันกลับมานะ" เขาเดินออกไปจากห้อง



ปราศจากการพยุงจากเขา เข่าฉันอ่อนทันที



Edward พึ่งเรียกลูกของฉันว่า "สิ่งนั้น" เขาบอกว่า Carlisle จะเอามันออกไป





"ไม่นะ" ฉันกระซิบอย่างแผ่วเบา





ฉันเข้าใจผิดมาโดยตลอด เขาไม่ได้ต้องการเด็กคนนี้ ไม่ได้ต้องการมันเลย เขาต้องการที่จะทำร้ายเด็กคนนี้ มโนภาพที่แสนจะสวยงามของฉันพังทลายไปสิ้นเชิง แปรเปลี่ยนไปเป็นบางอย่างที่ดำมืด ทารกน้อยกำลังร้องไห้ แขนของฉันอ่อนแอเกินกว่าที่จะปกป้องเขาได้





ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันจะอธิบายให้เข้าฟังรู้เรื่องได้ยังไง แล้วถ้าฉันทำไม่ได้ล่ะ หรือว่านี่จะอธิบายที่ Alice เงียบไปตอนเราคุยโทรศัพท์กัน Alice เห็นเรื่องนี้มาก่อนแล้วใช่มั้ย ภาพที่ Edward กับ Carlisle ฆ่าเด็กคนนี้ก่อนที่จะได้ลืมตาดูโลก





"ไม่นะ" เสียงของฉันแข็งกร้าวขึ้น ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด ไม่มีวันยอม



ฉันได้ยินเสียง Edward พูดภาษาโปรตุเกสอีกครั้ง โต้เถียงกับใครสักคน เสียงของเขาใกล้เข้ามา แล้วฉันก็ได้ยินอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงผู้หญิง





เขาเดินตรงมาที่ห้องครัวก่อนเธอ เดินมาหาฉัน เขาเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนโยน และพึมพำอะไรบางอย่างข้างหูฉัน



"เธอยืนยันว่าจะทิ้งอาหารไว้ให้เรา เธอทำอาหารเย็นให้เราน่ะ" ถ้าเขาไม่โกรธอยู่ ฉันรู้ดีว่าเขาก็คงจะกรอกตาไปมาแล้ว "มันเป็นข้ออ้างน่ะ เธอต้องการจะมั่นใจว่าฉันจะยังไม่ฆ่าเธอ" เสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง



Kaure เดินอย่างกระวนกระวายไปมา ในมือกำลังถือจานอาหาร ฉันหวังว่าตัวเองจะพูดภาษาโปรตุเกสได้ หรืออย่างน้อยก็ภาษาสเปนก็ยังดี จะได้ขอบคุณเธอ ผู้ซึ่งกล้าทำให้แวมไพร์โกรธ แค่ต้องการจะอยู่เช็คความปลอดภัยของฉันเท่านั้น





ตาของเธอมองเราสลับไปมา ฉันเห็นเธอมองดูสีหน้าของฉัน และน้ำตาในดวงตาของฉัน เธอพูดพึมพำอะไรที่ฉันไม่อาจเข้าใจได้ แล้วเธอก็วางจานบนเคาท์เตอร์



Edward โยนอะไรบางอย่างไปให้เธอ ฉันไม่เคยเห็นเข้าทำตัวไม่สุภาพแบบนี้มาก่อน เธอกำลังจะหันหลังจากไป กลิ่นตัวของเธอที่เต็มไปด้วยกลิ่นหัวหอมกับปลา ทำให้ฉันต้องรีบวิ่งไปที่อ่างล้างมือเพื่ออาเจียน ฉันรู้สึกว่ามือของ Edward อยู่ที่หน้าผาก และได้ยินเสียงปลอบประโลมพึมพำผ่านหูของฉัน มือเขาหายไปชั่วครู่ และฉันได้ยินเสียงตู้เย็นปิดลง แล้วมือเย็นๆของเขาก็กลับมาอยู่ที่หน้าของฉันอย่างรวดเร็ว





ฉันบ้วนปากทำความสะอาด ในขณะที่มือของเขาก็ยังคงจับหน้าฉันอย่างทะนุถนอม





ฉันรู้สึกถึงเด็กคนนั้นขยับตัวเล็กน้อย





มันโอเคแล้วนะ เราโอเคแล้ว ฉันปลอบเด็กคนนั้น



Edward จับฉันหมุนตัว เพื่อโอบฉันไว้ ฉันพักศีรษะไว้บนบ่าของเขา มือของฉันจับที่ท้องเบาๆ





ฉันได้ยินเสียงกรอบแกรบ ฉันเลยมองขึ้นไป





ผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ที่นั่น รั้งรออยู่ที่ประตู เธอยื่นมือออกมาราวกับว่าเธอพยายามหาทางที่จะช่วยฉัน ตาของเธอจ้องมาที่มือของฉัน ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ อ้าปากค้าง


 


แล้ว Edward ก็เห็นท่าทีของเธอ เขาผลักฉันไปอยู่ข้างหลังเขา


 


ทันใดนั้น Kaure ก็ตะโกนมาที่เขาเสียงดัง เสียงของเธอดังข้ามโต๊ะราวกับมีด เธอก้าวมาข้างหน้าเขย่าตัวเขา มันง่ายเหลือเกินที่จะให้ความหวาดกลัวในดวงตาของเธอ


 


Edward ก้าวไปหาเธอด้วยเช่นกัน และฉันจับแขนเข้าไว้แน่น หวาดกลัวต่อท่าทีของเขาแทนผู้หญิงคนนั้น แต่เสียงของเขากลับทำให้ฉันแปลกใจ ราวกับว่าเขากำลังอ้อนวอนผู้หญิงคนนั้นอยู่ ฉันไม่คิดว่าเขากำลังพูดภาษาโปรตุเกสอีกต่อไป


 


 


ณ​ ช่วงเวลานั้นเอง ผู้หญิงคนนั้นจ้องมาที่เขาด้วยความสงสัย แล้วตาของเธอก็หรี่แคบลงเมื่อเธอตะโกนถามเขาออกมาด้วยภาษาที่ฉันไม่เข้าใจ


 


ฉันมองหน้าเขาเศร้าลงและดูจริงจังมากขึ้น เมื่อเขาพยักหน้า เธอก็เดินถอยหลังกลับไป เขาเอื้อมมือไปคว้าเธอ และชี้มาทางฉัน แล้วเขาก็วางมือไว้บนแก้มฉัน เธอตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้ง ชี้หน้าเขา เมื่อเขาเห็นดังนั้นเขาก็เอ่ยอ้อนวอนอีกครั้ง


 


 


สีหน้าของเธอเปลี่ยนแปลงไป เธอจ้องไปที่เขาด้วยความสงสัยบนใบหน้าของเธอตลอดเวลาที่เขาพูด สายตาของเธอเลื่อนมาสบกับตาของฉัน เขาหยุดพูด และดูเหมือนว่าเธอเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอมองเราทั้งคู่ และก็เดินมาหาเราอย่างไม่มีสติ


 


 


เธอทำมือเป็นลูกบอลลูนยื่นออกมาจากท้องของเธอ นี่เธอกำลังเล่าตำนานเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดกระหายเลือดล่าเหยื่อให้ฉันฟังเหรอ หรือว่าเธอจะรู้ว่าอะไรกำลังเติบโตอยู่ในท้องของฉัน


 


 


เธอเดินอีกสองสามก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างไตร่ตรองไว้อย่างดี เธอถามคำถามอีกครั้งโดยที่เขาก็ตอบกลับอย่างเคร่งเครียด แล้วเขาก็กลายเป็นฝ่ายถามบ้าง เธอรั้งรอที่จะตอบแล้วก็ค่อยๆส่ายหัวช้าๆ เมื่อเขาพูดทวนซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เสียงของเขาก็ช่างเศร้าซะเหลือเกิน ทำให้ฉันมองหน้าเขาด้วยความตกใจ ...​หน้าของเขาแสดงออกถึงความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจน


 


 


และเพื่อเป็นการตอบคำถามนั้น เธอค่อยๆเดินมาหาฉันอย่างช้าๆ และวางมือบนท้องของฉัน เธอเอ่ยภาษาโปรตุเกสออกมาคำหนึ่ง


 


 


"Morte" เธอถอนหายใจเงียบๆ แล้วก็เดินหันหลังจากไป


 


ฉันรู้ภาษาสเปนพอที่จะเข้าใจคำๆนั้น


 


Edward นิ่งไปอีกครั้ง เขามองด้านหลังของเธอด้วยทีท่าราวกับถูกทรมาน และเมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ ฉันก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดขึ้น และค่อยๆจางหายไป


 


 


Edward ไม่ได้ขยับอีกเลยจนกระทั่งฉันจะเดินไปที่ห้องน้ำ เขาจับไหล่ฉันไว้


 


 


"เธอจะไปไหนเหรอ" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว


 


 


"แปรงฟันอีกครั้งน่ะ"


 


 


"อย่าไปสนใจที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเลยนะ มันก็เป็นแค่ตำนานโบราณที่เอาไว้หลอกผู้คนเพื่อความบันเทิงเท่านั้น"


 


 


"ฉันไม่เข้าใจอะไรเลย" ฉันบอกเขา ถึงแม้ว่ามันจะไม่จริงไปซะหมด ชีวิตของฉันวนเวียนอยู่กับตำนานทั้งสิ้น ...​ตำนานที่กลายเป็นจริงขึ้นมา


 


 


"ฉันจะแปรงสีฟันเธอแล้ว เดี๋ยวฉันไปหยิบให้นะ"


 


 


เขาเดินนำฉันไปที่ห้องนอน


 


 


"เรากำลังจะไปจากที่นี่ใช่มั้ย" ฉันถามเขา


 


 


"เร็วที่สุดเมื่อเธอทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว"


 


 


เขารอจนกระทั่งฉันแปรงฟันเสร็จ และยื่นแปรงสีฟันคืนให้เขา


 


 


"ฉันจะเอากระเป๋าไปไว้ที่เรือนะ"


 


 


"Edward"


 


 


เขาหันกลับมา "มีอะไรเหรอ"


 


ฉันรีรอ พยายามที่จะคิดอะไรสักสองสามวินาทีตามลำพัง "เอ่อ...เธอช่วยแพคอาหารไปให้ฉันด้วยได้มั้ย เธอก็รู้ เผื่อฉันหิวกลางทางน่ะ"


 


 


"ได้สิ" เขาเอ่ยออกมา สายตาของเขาอ่อนโยนลง "อย่ากังวลอะไรไปเลยนะ เราจะไปหา Carlisle ในอีกสองสามชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว มันกำลังจะจบลงแล้วล่ะ"


 


 


ฉันพยักหน้า ...​ไม่เชื่อกับคำพูดเหล่านั้น


 


เขาผละออกจากห้องไป ในมือถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วย


 


 


ฉันหมุนตัวไปทั่ว เพื่อหาโทรศัพท์ที่เขาลืมไว้ที่เคาท์เตอร์ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลืมของทิ้งไว้อย่างนี้ แต่เขาก็พลาดไปเพราะใจมั่วแต่ครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่


 


 


ฉันเปิดมันออก และหาเบอร์โทรศัพท์ ฉันดีใจที่เขาปิดเสียงมือถือ กลัวว่าเขาจะจับได้ เขาจะอยู่ที่เรือแล้วรึยัง หรือว่ากลับมาแล้ว เขาจะได้ยินฉันจากที่นี่มั้ยถ้าฉันคุยโทรศัพท์


 


ในที่สุดฉันก็เจอเบอร์ที่ต้องการ คนที่ฉันคิดว่าจะไม่โทรหาเลยตลอดทั้งชีวิตนี้ ฉันกดปุ่ม send และเอาโทรศัพท์แนบหู


 


 


"ฮัลโหล" เสียงนั้นตอบรับฉัน


 


 


"Rosalie เหรอ" ฉันกระซิบ "นี่เบลล่านะ ได้โปรดเถอะ เธอต้องช่วยฉันนะ"


 


 


 


 จบ Book 1 Bella 















 

Create Date : 22 มกราคม 2552   
Last Update : 22 มกราคม 2552 23:27:04 น.   
Counter : 656 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  

BaTT~TaBB
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add BaTT~TaBB's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com