Group Blog
 
All Blogs
 

ความสำนึก(ผิด)

เรื่องสั้น

ความสำนึกผิด

เพทาย

เขานั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ประตูหน้าร้านคนเดียว

นั่งมองดูสายฝนที่ซัดกระหน่ำลงมาอย่างหนักในต้นฤดู ทั้ง ๆ ที่กลางวันร้อนจะตับแตก

ตรงหน้าของเขามีแก้วน้ำแข็งเปล่าใบหนึ่ง
แทนที่จะเป็นแก้วเหล้า อย่างทุกวันที่ผ่านมา ที่ร้านนี้และโต๊ะนี้

เขากลับจากที่ทำงานกำลังจะเข้าซอยหน้าบ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปากซอยมากนัก
แต่ยังไม่สามารถเดินฝ่าเม็ดฝนที่หนาแน่น และลมที่กระโชกแรงไปได้

เขายกแก้วน้ำแข็งที่เย็นเฉียบมีหยดน้ำเกาะรอบ ๆ ขึ้นคลีงกับแก้ม
เพื่อระบายความร้อนผ่าวจากเปลวแดดเมื่อก่อนที่จะมาถึงร้านนี้

เขาตั้งใจจะกลับบ้านแต่วัน จะได้กินข้าวมื้อเย็นกับเธอ
เธอซึ่งเป็นเมียของเขา ที่อยู่ด้วยกันมาร่วมสิบปีแล้ว

แต่ในปีสองปีหลังนี้ เข้าไม่เคยได้กินข้าวมื้อเย็นกับเธอเลย
เพราะมัวแต่เข้าวงเหล้ากับเพื่อนที่ทำงาน และมาแวะที่ร้านนี้อีกนิดก่อนจะเดินเข้าบ้าน

เมื่อถึงบ้านก็เป็นเวลาที่เมียเขาเข้านอนแล้วเกือบทุกคืน

................................เวลาล่วงไป.................ฝนยังกระหน่ำเหมือนเดิม

ถ้าจะมีใครถามเขา เหมือนกับเมียของเขา ที่เคยถามเขาว่าเขามาแวะที่ร้านนี้ทำไม

เขาก็ไม่อาจจะตอบได้อย่างฉาดฉานนัก เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจกับคำที่จะตอบนั้น
เขามานั่งที่ร้านนี้ก่อนจะเข้าบ้าน ก็เพราะถึงจะเข้าไปเวลานั้น
ก็เลยเวลาอาหารเย็นไปนานแล้ว เขาจึงหาอะไรกินพอหนักท้องเสียก่อน

แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด มันยังมีเหตุผลอื่นอีก
เด็กสาวเสริฟตาคมที่พูดไทยไม่ค่อยชัดคนนั้นน่าจะสำคัญกว่า

เขาซื้อเหล้าฝรั่งขวดใหญ่มากินเพียงแก้วสองแก้ว แล้วก็ฝากไว้
เพื่อที่จะได้มาอาศัยกินเวลาค่ำทุกวันที่กลับจากทำงาน

ทั้ง ๆ ที่ร้านนี้มีเด็กเสริฟสามสี่คน แต่เขาจะหาเรื่องคุยกับเด็กคนนี้คนเดียว
ทุกครั้งที่เธอเข้ามาชงเหล้าให้เขา และให้รางวัลไม่มากมายเมื่อจะออกจากร้าน

เขาไม่ได้หวังอะไรจากเธอ เพราะเขามีเมียแล้ว แม้จะไม่มีลูก
แต่เธอผู้นี้ก็มีอายุประมาณที่จะเป็นลูกสาวของเขาได้

...............................ฝนค่อยซาเม็ดลง.........................

จนมาถึงเมื่อวานซืนนี้เอง ซึ่งเขาได้รับข่าวที่ทำให้ตัวชา
จิตใจแห้งเหี่ยวเหมือนต้นไม้บนเกาะกลางถนนในหน้าแล้ง

เธอผู้นั้นได้ลาออกจากร้านกลับไปบ้านเกิดของเธอแล้ว
เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเด็กสาวคนนั้นมีความสำคัญกับชีวิตของมากมายเพียงใด

เมื่อวานเขามานั่งที่ร้านนี้โดยไม่มีเธอ และกินเหล้าที่เหลือเกือบครึ่งขวดจนหมด

และเมื่อกลับบ้านเจอหน้าเมียซึ่งต่อว่าด้วยเรื่องอะไรก็จำไม่ได้
ซึ่งทำให้เขาบันดาลโทสะจนถึงกับออกปากไล่เธอออกจากบ้าน
ทำให้เธอต้องร้องไห้อย่างหนัก ส่วนเขาหลับเหมือนกับสลบไปด้วยฤทธิ์เหล้า

..........................ฝนเริ่มซาเม็ดลงแล้ว.......มีแสงฟ้าแลบและเสียงครืนครางเบา ๆ

เมื่อเช้าก็รีบแต่งตัวไปทำงาน โดยไม่เอาใจใส่เลยว่าเมียของเขาจะอยู่ตรงมุมไหนของบ้าน

ระหว่างทำงานเขาหวนคิดถึงเด็กเสริฟคนนั้น แล้วก็คิดถึงเมียของเขา

ความเป็นจริงย่อมมีค่ามากกว่าความฝัน สิ่งที่สามารถจับต้องได้ย่อมดีกว่าเงาที่เลือนราง
สิ่งที่ผ่านไปแล้วย่อมไม่หวนคืนมาอีก คนที่เขาน่าจะระลึกถึงควรจะเป็นเมีย
ผู้หญิงที่เขาเคยรักและเทิดทูน เมื่อสิบปีที่แล้ว

เขาเพิ่งสำนึกได้ ถึงความผิดของเขาที่ละเลยเธอมาเป็นปี

.........................ฝนเกือบจะหยุดแล้ว........ฝอยฝนปลิวอย่างบางเบา...........................

เขาควักเหรียญสีทองจากกระเป๋าออกมาวางบนโต๊ะเป็นค่าน้ำแข็ง

แล้วก้าวเดินเข้าชอยโดยไม่สนใจกับละอองฝนที่ยังพรมอยู่เล็กน้อย
สองมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงที่ค่อนข้างขื้น

เขาตกลงใจที่จะเลิกกินเหล้า หรือกินให้น้อยลง หรือกลับมากินที่บ้าน หรือ ฯลฯ

ช่างก่อนเถอะ แต่วันนี้เขาต้องกลับไปให้ทันก่อนที่เมียของเขาจะเข้านอน

เขาจะอ้อนวอนขอให้เธอยกโทษให้เขา ที่พลั้งเผลอแสดงกิริยาอาการที่น่าเกลียดกับเธอ

เขาจะยอมทำทุกอย่างที่เธอต้องการ เพื่อแก้ตัวใหม่สักครั้ง

เมื่อเขามาถึงบ้าน...........................ประตูรั้วปิด.........................!

ประตูบ้านก็ปิด หน้าต่างก็ปิด.............................ไม่มีวี่แววของเมีย ! ! !

เธอไปแล้ว............เธอทิ้งเขาไปแล้ว.................โดยไม่ยอมให้เขาแก้ตัว

เธอคงโกรธแค้น และเสียใจ จนไม่ยอมอภัยให้เขาเป็นแน่

เขาคิดอะไรไม่ออก.................................................

ขณะนั้นมีเสียงเรียกชื่อเขาด้านหลัง เมื่อหันไปตามเสียงก็พบหญิงเพื่อนบ้าน

เธอบอกว่า ไม่รู้เรื่องหรอกหรือว่าเมียของเขาอยู่ที่โรงพัก
เธอไปทำอะไรที่โรงพัก แจ้งความที่เขาอาจจะลืมตัวทำร้ายเธอเมื่อคืนนี้หรือ

เธอถูกจับขณะแทงหวยใต้ดินพร้อมกับเจ้ามือ................เพื่อนบ้านบอก.

###########









 

Create Date : 16 เมษายน 2552    
Last Update : 16 เมษายน 2552 6:30:10 น.
Counter : 561 Pageviews.  

เขาปรารถนา

เรื่องสั้นโบราณ

เขาปรารถนา

“เพทาย”

เขายืนพิงเสาไฟฟ้าหน้าปากตรอกแคบ ๆ ที่เป็นทางเข้าไปสู่หมู่บ้านเก่าแก่ ที่มีแต่บ้านไม้ชั้นเดียวและสองชั้นเป็นส่วนใหญ่ จะมีที่เป็นตึกบ้างก็คือหอพักที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ในยุคหลังนี้เท่านั้น

เขาสวมกางเกงขายาวสีเทาขะมุกขะมอม จนจะกลายเป็นสีดำไปแล้ว และสวมเสื้อสีน้ำเงินอ่อนมีลายพาดตามยาวซึ่งอับชื้น และมีขี้เกลือขึ้นที่แผ่นหลัง เพราะเปียกเหงื่อมาหลายเวลาแล้ว

ขณะนั้นเป็นเวลาหัวค่ำของคืนที่ร้อนที่สุดในเดือนนี้ เสาไฟฟ้าต้นที่เขายืนพิงอยู่ บังเอิญหลอดไฟเสีย บริเวณนั้นจึงค่อนข้างมืด แทบจะไม่มีใครที่ผ่านไปมาจะสังเกตว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร

นอกจากจะเห็นแต่หนวดเคราที่รกครึ้ม และผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเพราะไม่ได้เจอหวีมานาน

ถ้าจะเดาอายุก็คงจะเลยวัยฉกรรจ์ไปแล้วไม่นานนัก

เขาเพิ่งลุกขึ้นจากศาลาพักผู้โดยสารรถประจำทาง หลังที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น เมื่อหลายนาทีก่อน หลังจากที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตั้งแต่เย็น ซึ่งทำให้คนที่จะมารอขึ้นรถประจำทาง ต้องถอยห่าง ไม่มีผู้ใดเข้ามานั่งใกล้ชิดติดกับเขา

แม้ว่าเขาจะนั่งสงบเสงี่ยม ไม่ได้รบกวนใครไม่ได้แบมือขอเงินใคร ก็ตาม

รถเมล์หลายสายแล่นเข้ามาจอด แล้วก็ออกไปรอไฟสัญญาณจราจรที่อยู่ไม่ไกล สายแล้วสายเล่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่ยืนรอก็ผลัดกันขึ้นลงชุดแล้วชุดเล่า ไม่มีใครสนใจไยดีเขา มากไปกว่ามองผ่าน แล้วก็จากไปตามทิศทางของแต่ละคน

เขาเพิ่งลุกขึ้นมายืนที่เสาไฟฟ้าต้นนี้ เมื่อได้ยินเสียงครางจ๊อก ๆ ในกระเพาะของเขา จนกลัวว่าคนที่อยู่ใกล้เคียงจะได้ยิน

ความจริงเขาก็ไม่ได้หิวโหยอะไร เพราะได้กินข้าวอย่างอิ่มแปล้มาเมื่อตอนกลางวัน หลังจากที่พระฉันเพลเรียบร้อยแล้ว

เขาอาศัยอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งในสามวัดที่อยู่ใกล้เคียงกัน โดยไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของภิกษุรูปใด ในวัดทั้งสามนั้น

แต่เขาก็สามารถจะผลัดเปลี่ยน เข้าไปช่วยเด็กวัด ล้างจานชามและบาตร แล้วก็ขออาศัยกินข้าวก้นบาตรพร้อมกับลูกศิษย์ที่รู้จักเขาดีได้เสมอ

โดยเขาจะกินข้าวเพียงมื้อกลางวันมื้อเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะแอบนอนหลับอยู่ใต้ร่มไม้ในวัด จนกระทั่งถึงเวลาเย็น จึงจะออกมาเดินเล่นนอกถนน

เขากำลังคอยโอกาสอะไรสักอย่างหนึ่งที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา และเขากำลังจะพบแล้ว

มีชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางและการแต่งกาย บ่งบอกว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ที่อยู่ไม่ไกลนัก ได้เดินผ่านเขาไปโดยไม่ได้สนใจเขาเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ

ชายหนุ่มผู้นั้นคาบบุหรี่อยู่ที่ริมฝีปาก แล้วก็พ่นควันออกมาเป็นทางยาว เขารีบสาวเท้าตามไปทันที นักศึกษาผู้นั้นเดินเข้าซอยไปได้ไม่ไกลก็แวะที่ประตูรั้วหน้าบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้าไปถึงตัว ชายหนุ่มดึงบุหรี่ออกจากปาก โยนทิ้งลงบนพื้น แล้วก็เปิดประตูรั้วก้าวเข้าไปในบ้านนั้น

เขาชะงักอยู่พริบตาเดียว ก็ก้าวไปหยุดอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิทแล้วนั้น ก้มลงหยิบก้นบุหรี่บนพื้นถนน พร้อมกับพึมพำด้วยความดีใจ แล้วก็ดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่เกือบครึ่งมวนนั้นอย่างกระหาย

เมื่อพ่นควันออกมาเป็นทางยาวแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากและใบหน้าอันหม่นหมองของเขา

ความปรารถนาของเขา ได้สำเร็จสมกับที่รอคอยมานานกว่าชั่วโมงแล้ว.

###########




 

Create Date : 12 เมษายน 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2552 12:34:38 น.
Counter : 537 Pageviews.  

ความคิดคำนึง

เรื่องสั้น

ความคิดคำนึง

เพทาย

ภาพถ่ายของเธอที่เขาเห็นเมื่อกี้นี้ ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากภาพที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเขาแม้แต่น้อย คิ้วอย่างนั้น ตาอย่างนั้น จมูกอย่างนั้น ปากที่ยิ้มหวานอย่างนั้น ไม่ได้ต่างกันเลย

เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา

เธอเป็นลูกสาวของป้าที่เขาอาศัยกินข้าวเช้าเย็นอยู่ทุกวัน โดยช่วยค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย

เธอเป็นคนสวยกว่าหญิงสาวในวัยเดียวกันอีกหลายคนในซอยที่เขาอยู่

แต่เธอเป็นหญิงสาวสวยที่สุดสำหรับเขา

......................................เพราะเขารักเธอ

รักมาตั้งแต่เขายังเรียนชั้นมัธยม

และเธออยู่ชั้นประถม

ชีวิตของเธอมีอะไรเหมือนเขาอยู่หลายอย่าง

เธอเรียนหนังสือแค่จบประถมปลาย

เขาก็เรียนไม่จบชั้นมัธยมปลาย

เธอเรียนช่างตัดเสื้อและเสริมสวยที่ร้านมีชื่อเสียงแถวเฉลิมกรุง

เขาไปเรียนกวดวิชาหรือที่สมัยนี้เรียกว่าการศึกษานอกโรงเรียนที่วัดสุทัศน์

เขาไปรอรับเธอทุกเย็น เพื่อกลับบ้านมากินข้าวพร้อมกัน

..................................เพราะเขารักเธอ

และชีวิตของเธอก็ไม่เหมือนชีวิตของเขาอยู่หลายอย่าง

เธอเรียนจบหลักสูตรของสถาบันตัดเสื้อเสริมสวยนั้น

เขาเรียนไปเรื่อยไม่จบหลักสูตรมัธยมปลายสักที

เมื่อเขาไม่ต้องไปคอยรับเธอ เขาก็ได้งานทำ เป็นกรรมกรใช้แรงงาน

ส่วนเธอไปเป็นลูกจ้างร้านตัดเสื้อ คนละทิศกับที่เขาทำงาน

เขายังพยายามที่จะไปรับเธอ

แต่เมื่องานของเขาเลิกเย็น ร้านที่เธอทำงานยังไม่เลิก

เมื่อร้านที่เธอทำงานเลิกเขาก็เมาอยู่ในตลาดแถวนั้นเสียแล้ว

เขากินเหล้าทุกครั้งที่ไม่พบหน้าเธอ

เมื่อไม่ได้กินข้าวพร้อมกับเธอ จึงไม่มีเวลาพบปะพูดคุยกับเธอ

แต่เธอก็ยังทักทายและยิ้มให้เขา ด้วยใบหน้าอ่อนหวานที่ติดตาเขาไปจนยามหลับ

เหมือนในภาพนั้น

แม้เธอจะคอยห้ามไม่ให้เขากินเหล้า เขาก็ไม่เคยโกรธ

.................................เพราะเขารักเธอ

เขาพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น

เพื่อจะได้บอกเธอถึงความรักในใจของเขา

เขาเพียรพยายามอยู่เป็นแรมปี

แล้วเขาก็ได้รับรู้ด้วยความเจ็บปวดว่า

.............................................เธอไม่ได้รัก
เขา

เพราะเธอส่งบัตรเชิญแต่งงาน ระหว่างเธอกับชายคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นหน้า

เขากินเหล้ามากขึ้นจนกลายเป็นไอ้ขี้เมาหยำเป

และไม่ได้พบหน้าเธออีกเลย เพราะเธอไปอยู่บ้านของสามีที่เป็นเสมียนธนาคาร

แต่เขาก็ติดตามข่าวของเธอกับสามีโดยไม่โกรธแค้น

เขาทราบว่าเธอมีลูกชายคนเดียว

สามีก็มีความก้าวหน้าในชีวิตการงาน เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในธนาคารของเขา

จนเป็นถึงผู้จัดการสาขาแห่งหนึ่ง

เขาพลอยยินดีด้วย กับข่าวดีของเธอทุกครั้ง แม้เธอจะไม่มีโอกาสได้รู้เลยก็ตาม

................................เพราะเขายังรักเธอไม่เสื่อมคลาย

แม้ภาพถ่ายของเธอที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเขา จะเก่าคร่ำคร่าลง

ไม่สวยงามเหมือนภาพที่เขาเห็นเมื่อตอนเข้ามา

เขาคงเก็บความรู้สึกดีดีที่มีต่อเธอไว้อย่างทะนุถนอม

ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา

เขายังคงมีชีวิตที่โดดเดี่ยวเดียวดาย

แม้ว่าเขาจะพบผู้หญิงที่ถูกใจอีกหลายคน

แต่ไม่มีคนใดรักเขาเลย

เสียงกริ่งดังกังวานขึ้น...................

เขาจึงสะดุ้งตื่นจากความคิดคำนึง

และลุกขึ้นเดินตามผู้คนชายหญิงที่เดินไปข้างหน้า

................................................................

เขาถอดแว่นตาสีดำเข้มที่สวมใส่มาตั้งแต่หนุ่มออก

เมื่อขึ้นบันไดเมรุไปยืนตรงหน้าหีบลายทองสวยงาม

ใช้สายตาข้างขวาที่ยังดีอยู่เพ่งมองภาพของหญิงสาวที่ตั้งอยู่เคียงข้าง

เธอยังคงยิ้มอย่างอ่อนหวาน ที่ติดตาตรึงใจเขามาชั่วชีวิต

เขาจำได้ ภาพขนาดสามนิ้วที่อยู่ในกระเป๋าของเขา มีลายมือระดับเด็ก ป.๔ ว่า

ฝากไว้ให้ดูยามคิดถึง

แต่ใต้ภาพขนาด ๒๔ นิ้วตรงหน้า มีหนังสือเขียนไว้ด้านล่างว่า

.................ชาตะ ๑ กันยายน ๒๔๗๕....................

.................มรณะ ๑ กันยายน ๒๕๔๗....................


#############

นิตยสารทหารปืนใหญ่
มกราคม ๒๕๕๕








 

Create Date : 11 เมษายน 2552    
Last Update : 25 สิงหาคม 2555 6:24:42 น.
Counter : 575 Pageviews.  

ความหวังของเขา

เรื่องสั้น

ความหวังของเขา

เพทาย

๒๓.๕๐ น. เป็นเวลาบนฝาผนังด้านหนึ่งของห้องอาหาร ที่สมชายมานั่งอยู่ตั้งแต่เวลาสองทุ่มเศษ เขาก้มลงมองหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือของเขา ซึ่งไม่สามารถจะเห็นเข็มสีทองทั้งสองได้ถนัด เพราะเขานั่งอยู่ที่โต๊ะ ในมุมที่มืดที่สุดของห้องอาหารแห่งนั้น

เขายกมือขึ้นกระดิก ให้สาวเสริฟคนหนึ่งที่ผ่านมาใกล้ แล้วทำมือวน ๆ ให้ทราบว่าขอให้เธอคิดเงินค่าเบียร์หลายขวดที่ว่างเปล่า กับจานอาหารจานเดียวที่เขาสั่งมาละเลียดเล่น ตั้งแต่ต้นจนถึงเวลาจะปิดร้าน

เด็กสาวผู้นั้นยิ้มให้เขาและพยักหน้ารับ เธอดูเหมือนจะสวยที่สุดในห้องอาหารแห่งนี้ ในความรู้สึกของเขา ตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาเป็นครั้งแรกเมื่อต้นเดือนนี้ แล้วก็มาอีกทุกวันนับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ซึ่งเป็นวันศุกร์สุดท้ายของเดือน

***********
จากเวลาที่ผ่านมา และการพูดคุยทีละเล็กละน้อย ทุกครั้งที่เธอเข้ามารินเบียร์เติมแก้วของเขา ทำให้เขาได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเธอ อย่างคร่าว ๆ ว่า

เธอเป็นคนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง จังหวัดที่มีสะพานมิตรภาพ ทอดข้ามแม่น้ำอันกว้างใหญ่ แต่เธอมาอาศัยอยู่กับญาติที่อำเภอชายแดนของจังหวัดนั้น และเรียนหนังสือจนจบชั้นประถมปลาย ที่โรงเรียนประจำอำเภอ

เธอเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ ตามที่เพื่อนชวน และได้ที่พักอยู่ที่แฝลตแห่งหนึ่ง ห้องใกล้กันกับเพื่อนคนนั้น และอยู่คนเดียว

เธอมีรายได้ค่อนข้างต่ำ เพียงวันละไม่กี่ร้อย เพราะเจ้าของร้านต้องการให้เธอหารายได้เพิ่มจากเงินรางวัลของลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งเมื่อหารแบ่งกันระหว่างเด็กเสริฟทุกคน รวมไปถึงคนครัวและคนล้างจานแล้ว ก็เป็นเงินเพียงไม่ถึงสองร้อยบาทต่อวัน

เธอตั้งใจบริการให้แก่เขาอย่างดีและรวดเร็ว ทุกครั้งที่เธอมองเห็นแก้วของเขา พร่องลงไปจนเกือบจะหมด เพราะแม้เธอจะยืนอยู่ที่มุมไหนในร้านก็ตาม สายตาของเธอจะพาดผ่านมายังโต๊ะที่เขานั่ง เสมอ

เธอจะพนมมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม พร้อมกับรอยยิ้มที่น่าหลงใหล เมื่อรับเงินรางวัลที่มีค่าเท่ากับรายได้ประจำวันของเธอ จากเขา ซึ่งใช้วิธีซุกธนบัตรลงในกำมือของเธอ ที่วางอยู่บนฝ่ามือของเขา ทุกครั้ง

เธอจะออกจากห้องอาหารนี้ไปพบเขา ที่ป้ายรถโดยสารประจำทาง ซึ่งห่างจากสถานที่ทำงานของเธอ เพียงไม่กี่เสาไฟฟ้า และโดยสารรถแท็กซี่ไปพร้อมกับเขา โดยเขาจะนั่งคู่กับคนขับไปจอดลงที่ปากซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของแฝลตที่เธอพักอาศัย

เธอจะเดินเข้าซอย ที่ค่อนข้างจะมืดและเปลี่ยวนั้นไปคนเดียว เพียงประมาณสามสี่เสาไฟฟ้า ก็จะเลี้ยวลับไปทางซอยแยกด้านซ้าย ซึ่งเธอบอกว่าไม่ไกลจากทางแยกนั้น ก็จะถึงที่พักของเธอ โดยที่เขาส่งเธอด้วยสายตาอยู่บนรถแท็กซี่คันนั้น

คืนนี้ไม่เหมือนกับคืนก่อน ๆ เพราะวันนี้เป็นวันเงินเดือนออก เขามานั่งที่โต๊ะตัวเดิมเร็วกว่าทุกวัน ขวดเบียร์เปล่าบนโต๊ะของเขามากกว่าเดิม เงินรางวัลที่เขาให้กับมือของเธอนั้น มากกว่าทุกวันสักสามเท่า โดยใช้ธนบัตรใบเดียว

เพราะวันนี้เธอจะยอมให้เขาเดินไปส่งจนถึงแฝลต

**************
แล้วรถแท็กซี่ก็จอดลงที่หน้าปากซอยเดิม ที่เขาเคยมาทุกคืน เขาส่งค่ารถให้คนขับโดยไม่รับเงินทอน แล้วรีบลงจากประตูด้านหน้า ก้าวมาเปิดประตูหลังด้านที่เธอนั่ง

เธอก้าวลงมายืนข้าง ๆ เขาซึ่งส่งยิ้มและโบกมือให้กับคนขับ เมื่อได้ยินคำอวยพรแว่ว ๆ ก่อนจะเลื่อนรถออกไปว่า โชคดีนะครับ

เขาน่าจะโชคดีจริง ๆ



ถ้าไม่มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งโผล่ออกมาจากข้างทาง หลังจากที่เดินเลี้ยวเข้าแยกไปทางซ้าย ไม่กี่ก้าว พร้อมกับท่อประปาเหล็ก ยาวประมาณสามฟุตในมือ

เขาเพิ่งนึกได้ก่อนที่จะหมดสติ

ว่าเธอไม่เคยบอกเขาเลย.................ว่า เธอมีแฟนแล้ว.

##########




 

Create Date : 10 เมษายน 2552    
Last Update : 10 เมษายน 2552 15:26:19 น.
Counter : 586 Pageviews.  

ค่าเรื่องของนักเขียน (แก่)

บันทึกของคนเดินเท้า

ค่าเรื่องของนักเขียน (แก่)

เทพารักษ์

ผมเกษียณอายุราชการเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕ แล้ว พอดีลูกชายคนเล็กจบการศึกษา เขาก็ยกเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้ผมใช้ ผมจึงยึดเอาการเขียนหนังสือเป็นอาชีพหลัก โดยนั่งเขียนด้วยคอมพิวเตอร์แทนเครื่องพิมพ์ดีดเก่าแก่ เขียนติดต่อกันทุกวัน ประมาณวันละหกชั่วโมงเหมือนทำราชการ ผมเขียนลุยไปทั้งพงศาวดารจีน พงศาวดารไทย เรื่องสั้นประเภทฉากชีวิต บันทึกของคนเดินเท้า ย้อนอดีต และวรรณคดีไทย รวมทั้งขำขันที่ผมเรียกว่า เรื่องสั้นหรรษาอีกด้วย

ผมเขียนหนังสือด้วยความสนุกสนาน ไม่ได้คิดว่าจะส่งไปพิมพ์ที่ไหน และจะได้ค่าเรื่องหรือไม่ เท่าไร เมื่อส่งให้วารสารของทหารเหล่าต่าง ๆ ในกองทัพบกเกือบครบทุกเหล่าแล้ว ก็ขยายตลาดออกไปถึง หน่วยนอกกองทัพบก วารสารในวงการตำรวจ หนังสือการ์ตูนเก่าแก่

เมื่อได้รับการต้อนรับก็งัดเอาเรื่องที่เขียนสะสมไว้นั้น ออกมาสำเนาส่งไปให้ติดต่อกันไม่ขาดสาย ได้ค่าเรื่องตอนละสองร้อยสามร้อยบาท ก็จ่ายเป็นค่าหมึกพิมพ์ กระดาษพิมพ์ ซองเล็กซองใหญ่ แสตมป์สำหรับส่งเรื่องจนหมด

มีอยู่เพียงสองสำนักเท่านั้น ที่เป็นของพลเรือนให้เงินค่าเรื่อง ๑๕๐๐ และ ๒๐๐๐ บาท รายแรกติดต่อกันอยู่ประมาณเจ็ดปี เขาก็คงจะเบื่อสำนวนของผม ส่งไปดองไว้เกือบยี่สิบตอน เขาก็ไม่ลงให้ จึงเลิกส่ง ส่วนรายหลังได้ลงพิมพ์อยู่ประมาณปี กว่า ก็มีการหยุดปรับปรุง แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย

มีแปลกอยู่รายหนึ่ง คือ วิทยุศึกษา ติดต่อขอเรื่อง พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด ไปอ่านออกอากาศในรายการสำหรับเด็ก ติดต่อกัน ๑๒ สัปดาห์ได้ค่าเรื่อง ๑๘๐๐ บาท จบแล้วก็พอดีมีการปรับปรุงสถานี ให้บริษัทเอกชนรับเหมาดำเนินกิจการแทน

จนกระทั่งถึง พ.ศ.๒๕๔๑ ครบรอบ ๕๐ ปีของการเขียนหนังสือ ขณะที่มีอายุ ๖๗ ปี ก็ได้พิมพ์รวมเล่ม สามก๊กฉบับลิ่วล้อ รวม ๓ เล่ม ได้ค่าเรื่อง ๑๐% ของราคาปกคูณด้วยจำนวนที่พิมพ์ เป็นครั้งแรกในชีวิต

และต่อมา พ.ศ.๒๕๔๕ ก็ได้พิมพ์ ซ้องกั๋ง...วีรบุรุษแห่งเขาเหลียงซาน พ.ศ.๒๕๔๖ ได้พิมพ์ นักรบสองแผ่นดิน กับ อวสานสามก๊ก พ.ศ.๒๕๔๗ ได้พิมพ์ ปกิณกะสามก๊ก พ.ศ.๒๕๔๙ ได้พิมพ์ บุญคุณต้องทดแทนความแค้นต้องอภัย กับ เปาบุ้นจิ้น...ผู้ทรงความยุติธรรม ซึ่งแต่ละเล่มก็ได้ค่าเรื่องเป็นเรือนหมื่นทั้งสิ้น

แม้จะไม่นับว่ามากมายเท่าไรนัก ในเวลานี้แต่ก็เป็นความพอใจของผม ที่เขียนหนังสือด้วยความรักในการเขียนมาตลอดชีวิต

ส่วนวารสารอื่นที่เป็นทหารด้วยกันก็ค่อย ๆ ทยอยหายหน้าหายตาไป ออกไม่ตรงเวลาบ้าง เปลี่ยนบรรณาธิการทีก็เปลี่ยนโยบายบ้าง เลิกพิมพ์ไปบ้าง จนถึงปัจจุบันคงเหลือที่ได้ติดต่อกันอยู่เพียงสามฉบับ

คือ ฟ้าหม่น วารสารของศูนย์การทหารม้า ซึ่งมีเรื่องของผมลงพิมพ์ตั้งแต่ผมเริ่มเกษียณอายุ แม้จะมีช่วงที่ขาดตอนไปบ้างบางปี แต่ก็นับว่านานที่สุด รายนี้ผมขอยกค่าเรื่องให้เป็นค่าบำรุงกิจการไปเลย

ถัดไปก็คือ วารสารกองพลทหารม้าที่ ๑ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งผู้จัดทำคนก่อนเป็นนักเรียนหลักสูตรนายทหารประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร พร้อมกับผมใน พ.ศ.๒๕๓๒ โดยเขามียศร้อยตรี พอผมส่งเรื่องพงศาวดารจีนไปให้เขาเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๙ เขาดีใจมากและติดต่อกันมาจนเขาเลื่อนยศเป็น พันเอก เมื่อปีกลายและพ้นจากหน้าที่ผู้ผลิตวารสารไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องของผมลงพิมพ์อยู่

รายที่สามคือ วารสารข่าวทหารอากาศ ซึ่งเริ่มติดต่อกันเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๖ แม้จะไม่ได้ลงเรื่องของผมทุกเดือน แต่ก็มีลงอยู่อย่างสม่ำเสมอ จนถึงปัจจุบัน

เรื่องค่าแรงของนักเขียนนี้ เมื่อปีที่แล้ว มีเพื่อนในพันทิปเขียนเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของแมว บอกว่ามีสำนักพิมพ์ชื่อดัง ติดต่อขอให้เขียนลงนิตยสารของผู้หญิงฉบับหนึ่งเป็นประจำ โดยจะให้ค่าเขียนเป็นจำนวนที่น่าตกใจมาก คือสามารถจะจ่ายให้ผมได้ถึงหกตอนทีเดียว ไม่ทราบว่าตอบรับไปว่าอย่างไร

แต่สำหรับผมซึ่งเขียนเรื่องที่ได้ค่าเรื่องเพียงตอนละยี่สิบบาทมาแล้ว และเคยเขียนเรื่องมาเป็นสิบ ๆ เรื่อง แต่ได้ค่าเรื่องเพียงสองเรื่องเท่านั้นมาแล้ว ไม่รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใดที่ได้ค่าเรื่องอย่างในปัจจุบัน เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ผมจะไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว

ค่าเรื่องของผมจะให้เท่าใด ผมก็ไม่เกี่ยง วิธีที่จะให้สมัยก่อนต้องเดินทางไปถึงสำนักงานหนังสือนั้น เซ็นรับด้วยตนเอง ต่อมามีการส่งทางธนาณัติ หรือโอนเงินเข้าสมุดบัญชรธนาคารให้เลย หรือบางทีก็เอาธนบัตรสอดเข้ามาในซองจดหมาย โดยไม่ให้ไปรษณีย์รู้ ผมก็ไม่เกี่ยงทั้งสิ้น

แต่รายสุดท้ายนี้เล่นเอาผมหมดปัญญา เพราะผมอยู่ที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร หมายเลขไปรษณีย์ ๑๐๓๐๐ แต่เธอเขียนหมายเลขไปรษณีย์เป็น ๑๓๐๐๐ ซึ่งเป็นอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ผมจะถ่อสังขารไปรับไหวไหมเนี่ย.

############




 

Create Date : 26 มีนาคม 2552    
Last Update : 2 มกราคม 2558 8:10:14 น.
Counter : 513 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.