Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องของ บก.

ฉากชีวิต

เรื่องของบรรณาธิการ

"เพทาย"

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว คือประมาณกว่ายี่สิบปีมาแล้ว หรือหลังจากที่ ผมได้เข้าทำงานในหน่วยทหาร ทางแถวสะพานแดงบางซื่อ และเขียนหนังสือส่งไปลงในนิตยสารของหน่วยนั้นมาร่วมสิบปีแล้ว ผมก็ได้รับคำสั่งให้เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ ในการจัดทำหนังสือฉบับนั้น

อย่าได้เข้าใจผิดว่าเป็นบรรณาธิการเป็นอันขาด เพราะตำแหน่งนั้นเป็นของท่านหัวหน้ากอง ส่วนผู้ช่วยบรรณาธิการ ก็ถูกผูกขาดโดยหัวหน้าแผนก ผมจึงได้เป็นเพียงประจำกองบรรณาธิการเท่านั้น แต่บังเอิญเป็นคนชอบเขียน ชอบอ่าน ชอบค้นคว้าหาเรื่อง นายทั้งสองท่านก็เลยมอบให้ผม ทำหน้าที่แทนท่านโดยปริยาย ท่านเพียงแต่คอยชำเลืองมอง พอไม่ให้ออกนอกกรอบที่ได้วางไว้เท่านั้น

เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้จึงไม่ใช่เรื่องของผม แต่เป็นเรื่อง ของบรรณาธิการ คือเป็นเรื่องที่เขียนโดยบรรณาธิการสองท่าน

เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อผมได้รับหน้าที่นั้นแล้ว ผมก็เกิดความอยากรู้ขึ้นมาว่า นิตยสารประจำหน่วยฉบับนี้ ได้เริ่มก่อกำเนิดและดำเนินงานมาตั้งแต่เมื่อไร และทำกันมาอย่างไร ก็ได้ความรู้ว่าเริ่มขึ้นเมื่อ
พ.ศ.๒๔๙๑ ก่อนที่ผมจะเข้ามารับราชการในหน่วยนี้เกือบสิบปี ได้มีบรรณาธิการมาแล้ว ๖ ท่าน จนถึงท่านที่ผมเป็นลูกน้องอยู่นั้นจึงนับเป็นท่านที่ ๗

ผมก็หาเวลาว่างเอาหนังสือฉบับเก่า ๆ ที่มีอยู่ในห้องสมุด ออกมาอ่านดูแนวทางที่ท่านได้เคยทำกันมาแล้ว ก็พบเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมาก เขียนโดยบรรณาธิการ ท่านที่ ๒ หลังจากพ้นหน้าที่ไปแล้ว ส่งมาให้บรณาธิการท่านที่ ๓ พิจารณานำลง

เรื่องนั้นให้ชื่อว่า "คอย" ผมขออนุญาตทั้งสองท่านลอกเอามาลงทั้งดุ้น...เอ๊ย..ทั้งเรื่อง ดังนี้

......พิษสงของการคอย ก่อให้เกิดความเดือดร้อน กระวนกระวายมากน้อยเพียงไร เรา ๆ ท่าน ๆ คงเคยประสบมากับตนเอง อาทิ :-

- เมื่อต้องคอยให้ถึงเวลานัดพบ

- เมื่อสั่งอาหารที่ร้านอาหารไปแล้ว ต้องนั่งคอยอยู่เป็นเวลานาน

- คอยรถโดยสาร

- คอยอยู่ในคิวซื้อบัตร

- คอยระหว่างเดินทางว่าเมื่อไรจะถึง


อะไรเหล่านี้เป็นการคอยประจำวัน ยังมีคนอีกไม่น้อยเหมือนกัน ที่มีการคอยประจำวัน พิเศษไปกว่าที่กล่าวมาแล้ว เช่นคอยเวลาเลิกงานว่าเมื่อไรจะมาถึงสักที

เรื่องที่เราคอยกันเป็นประจำเดือน ได้แก่การคอยเงินเดือนออก ฯลฯ

ทีนี้ คอยประจำปี

- คอยเงินเดือนขึ้น

- คอยตำแหน่งใหม่

- คอยฟังการสอบไล่ของลูก

- คอยฟังว่าที่ไหนจะรับลูกเข้าเรียนได้

นอกจากนี้ยังมีการคอยประจำฤดู ประจำสมัย เช่น ชาวนาคอยฝน นักการเมืองคอยสมัยเลือกตั้ง เป็นต้น

บางพวกก็คอยลมคอยแล้ง เช่น คอยถูกลอตเตอรี่

คอยเป็นนายพล คอยกันจิปาฐะ

การคอยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการคอยประจำวัน ก็คงมีความกระวนกระวายน้อย การคอยเรื่องใหญ่ ๆ เช่นการคอยประจำเดือนประจำปี ก็น่าจะกระวนกระวายมาก ได้อ่านหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่ง เขาวาดภาพการคอยในระยะการเดินทาง ของบรรดาผู้โดยสารรถไฟว่าดังนี้

ส่วนมากของผู้โดยสารร่วมทางกับข้าพเจ้า กำลังต่อสู้อยู่กับความเบื่อหน่าย อ่อนอกอ่อนใจอย่างเต็มที่ สองสามคนหลับมานานแล้ว ทั้ง ๆ ที่หลับก็ดูไม่มีท่าทางอันน่าจะสุขสำราญเสียเลย อีกประมาณ ๑๐ หรือ ๑๒ คน กำลังทรมานตัวเองด้วยการบังคับตน ให้ค้องพูดคุยระหว่างกันและกัน โดยจับต้นชนปลายไม่ได้

สุภาพบุรุษท่านหนึ่งนั่งอ่านหนังสือชวนหัวอยู่อย่างเงียบ ๆ แต่ไม่เห็นเขามีอาการ ว่าจะยิ้มเลยสักครั้งเดียว

สุภาพสตรีสองคนเล่นแก้ปัญหาอักษรไขว้ ข้าพเจ้าเองซึ่งเป็นนักเขียนก็หมดความสามารถ ที่จะเรียกร้องคำและประโยคที่ข้าพเจ้าชอบ มาผูกเป็นบทความหรือเรื่องราวได้ แม้สัก ๒ - ๓ บรรทัด

เพียงแต่คอยบนรถไฟเพื่อจะได้ถึงสถานีที่ตนต้องการยังเพียงนี้ ถ้าคอยพบคู่รักจะสักเพียงไหน

เมื่อการคอยเป็นบ่อเกิดของความกระวนกระวายเดือดร้อนแล้ว ผู้ใดมีเรื่องคอยมาก ก็น่าจะเป็นผู้มีความกระวนกระวายมาก และตรงกันข้ามถ้าผู้ใดกำจัดมิให้มีการคอยอยู่เป็นของตนได้ ตนก็น่าจะไม่มีเรื่องกระวนกระวาย หรือมีก็น้อยที่สุด ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่พึงปรารถนา

เมื่อคิดดูว่าในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งมีเวลาทั้งสิ้น ๑๖๘ ชั่วโมง ถ้าเราไม่ทราบว่าจะทำอะไรเลย เราก็จำเป็นต้องคอยไปจนกว่าจะหมดเวลา ๑๖๘ ชั่วโมง และเมื่อหมดเวลาคอย ๑ สัปดาห์แล้ว เวลาก็มาใหม่อีก ๑ สัปดาห์ ซึ่งถ้าจะคอยต่อไปอีก ก็คอยกันไปได้เป็นเลขทศนิยมไม่รู้จบ

แต่คงไม่มีใครหลงคอยเช่นนั้น เพราะเราต่างมีงานการประจำกันอยู่ ซึ่งทำเวลาให้หมดไปได้ สำคัญอยู่ที่ว่าเราต่างมีความสามารถ ใช้เวลาให้หมดไปได้แตกต่างกันอย่างไรเท่านั้น

บางคนต้องต่อสู้กับเวลาราชการ ที่ท่านกำหนดไว้ให้ปฏิบัติ ประมาณสัปดาห์ละ ๓๓ ชั่วโมงนั้นอย่างเต็มที่ เพราะไม่ทราบว่าจะใช้เวลาเหล่านั้นให้หมดไปในราชการได้อย่างไร จึงต้องไปทำการอย่างอื่นอันไม่เกี่ยวกับราชการเลยก็มี

นอกจากเวลาราชการ ๓๓ ชั่วโมงซึ่งควรใช้ให้หมดแล้ว ก็จำเป็นต้องใช้เวลาไปในการรับประทานและนอนอีก สัปดาห์ละประมาณ ๖๐ ชั่วโมง ทีนี้จะทำอย่างไร กับชั่วโมงที่เหลืออีกถึงสัปดาห์ละ ๕๕ ชั่วโมง ถ้าเฉลี่ยเป็นวัน ๆ ก็เหลือถึงวันละเกือบ ๘ ชั่วโมง

ข้าพเจ้าไม่กล้าเขียนต่อไปได้ว่า ทำอย่างไรจึงจะใช้เวลา ประมาณ สัปดาห์ละ ๕๕ ชั่วโมง ให้หมดการคอยไปได้ โดย -

๑. ไม่ใช้เวลานั้น ทำลายตัวเอง

๒. ไม่ใช้เวลานั้น เสียหายแก่ผู้อื่น

๓. แต่ใช้เวลานั้นได้ประโยชน์ ทำให้ไม่ต้องคอย

เป็นสิ่งแน่ที่ท่านผู้กรุณาอ่านคงคอยให้เรื่องนี้จบเสียที ซึ่งขอน้อมรับด้วยความเคารพ เพราะระลึกขึ้นมาได้ว่า น่าจะเป็นการดียิ่งถ้าใครผู้หนึ่งผู้ใด จะไม่ต้องทำให้ใครผู้หนึ่งผู้ใดต้อง คอย.


เมื่ออ่านเรื่องที่ผมลอกมาตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจพอสมควร แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เขียนมานานกว่าสี่สิบปีแล้วก็ตาม แต่ที่น่าสนใจ มากกว่านั้น ก็คือจดหมายของท่านผู้เขียน ซึ่งนำลงพิมพ์ด้วย มีความว่า

ผมส่งเรื่อง "คอย"มาอภินันทนาการแด่........แล้วแต่บรรณาธิการ พิจารณาใช้ตามสมควร ถ้าบรรณาธิการเห็นว่า พอจะนำลงตีพิมพ์ในนิตยสาร.......ได้ แล้ว ผมใคร่ขอความกรุณาได้กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจปรู๊ฟ ให้ระมัดระวังคำว่า "คอย" ซึ่งมีอยู่ถึง ๔๕ คำนั้น เป็นพิเศษสักหน่อย
โดยความนับถือ
พิพิธ

ท่านบรรณาธิการ ก็ตอบต่อท้ายจดหมายฉบับนี้ว่า

เรื่องนี้ผมลงมือปรู๊ฟเองทีเดียว โดยเฉพาะคำว่า "คอย" ไม่ให้ผิดพลาดไปได้ รวมทั้งสิ้น ๔๖ คำ ทั้งของผมด้วย
บรรณาธิการ

ท่านแรกได้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว ส่วนท่านหลังนั้นเคยมีชื่อเสียงโด่ง ดังอยู่ในวงการโทรทัศน์ เมื่อสามสิบสี่สิบปีก่อน และยังเป็นนักเขียน ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน แต่ถึงแก่กรรมเมื่อ ๒-๓ ปีที่แล้วมานี้เอง

และขอให้ บก.โชคดีเหมือนบรรณาธิการท่านที่เล่ามาก็แล้วกัน.

##########



Create Date : 26 มีนาคม 2552
Last Update : 26 มีนาคม 2552 6:23:30 น. 11 comments
Counter : 1200 Pageviews.

 
มาคอยอ่านเรื่องต่อไปครับ

แต่ที่ถ้าจะยุ่งเป็นจับปูออกนอกกระด้ง

ก็ตรงคอยดูว่า จนท รัฐจะแจกเช็คใบละ2,000 ให้ชาวบ้านครบทุกคน

ไม่เกิดการลงแดงก่อนจะได้รับคิว

และผมก็จะได้ไม่ต้องฟังข่าวแจกเช็คนี้อีก555

คอยๆๆๆๆๆๆ



โดย: hiansoon วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:7:39:19 น.  

 
........สวัสดีค่ะคุณลุงเจียวต้าย.......


โดย: kenkob (เบียร์) IP: 58.9.205.182 วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:11:12:05 น.  

 
ขอบคุณทั้งสองท่าน
ผมได้เอาเรื่องใหม่ของท่าน บก.เจ้านี้
มาลงในวันนี้แล้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:19:08:14 น.  

 
ขอลอก
///น่าจะเป็นการดียิ่งถ้าใครผู้หนึ่งผู้ใด จะไม่ต้องทำให้ใครผู้หนึ่งผู้ใดต้อง คอย.

ชื่อว่าการรอคอย ต้องมีความสุขที่ได้รอคอย
ทว่าในความจริง การรอคอยก็มีความกระวนกระวายใจ มีความทุกข์เจือปนอยู่ดี
ขอบคุณค่ะ


โดย: PANPISA วันที่: 24 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:24:51 น.  

 
สมัยก่อนผมเขียนหนังสือด้วยดินสอหรือปากกา
แล้วก็เอามาพิมพ์ด้วยพิมพ์ดีด
แล้วก็ส่งให้หนังสือพิมพ์

แล้วก็คอยพลิกหนังสือฉบับนั้นดู ด้วยความกระวนกระวายว่าเรื่องของเราได้ลงพิมพ์หรือยัง

เมื่อไม่เห็นในเวลาอันสมควร เราก็เอาไปส่งให้ที่อื่น หรือเขียนเรื่องใหม่ ส่งใหม่ คอยต่อไปใหม่

สมัยนี้พิมพ์เรื่องด้วยคอมพ์ทีเดียวปริ้นท์ส่งไปเลย
ส่งแล้วก็แล้วกัน ไม่ต้องคอย จะลงเมื่อไรก็ชั่ง หรือไม่ลงก็ไม่ว่า

เอามาวางในพันทิปก็ได้(วะ) ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 24 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:00:09 น.  

 
ค่ะ
เขียนฟรี อ่านฟรี ของฟรี
เอ๊ จะมีคุณค่าไม๊นะ ?


โดย: PANPISA วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:54:57 น.  

 
คนที่เข้ามาอ่านเรื่องของเรา แสดงว่าเขาสนใจ

เมื่อเขาอ่านจบแล้ว ให้กี๊ฟ ก็แสดงว่าถูกใจเขา

ถ้าเขาให้ความคิดเห็นก็เป็นประโยชน์แก่เรา

ถ้าไม่มีมีใครมาลงชื่อก็ไม่ทราบว่าจะมีใครมาอ่านบ้างหรือเปล่า หรือไม่มีใครสนใจเลย หรือไม่ถูกใจผู้อ่านสักคนเดียว

แต่เรื่องนั้นก็ย่อมจะมีคุณค่าแก่เราเสมอ เพราะได้กลั่นออกมาจากความคิดที่ตั้งใจจะให้ดีที่สุด

และผลที่เกิดขึ้นข้างต้นนั้น ก็มีคุณค่าให้เราได้พัฒนางานเขียนของเราครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:6:19:08 น.  

 
ค่ะ ทุกๆตัวอักษรมันถูกกลั่นกรองจากสมอง เกิดจากความตั้งใจ
ทุกๆความคิดเห็นก็สำคัญ ช่วยแตกประเด็นความคิดที่เราหลงลืม มองข้ามไป
แต่เจ้ากิ๊ฟ แรกๆก็คงเพราะถูกใจ แต่ต่อไปก็กลายเป็นเกรงใจ ความคุ้นเคยน่ะ
สำหรับหลานคนนี้ มันไม่มีความหมาย
เขียนเพราะอยากเขียน คิดเท่านี้ดีกว่า
หลังอาหาร ถ้ามีขนมหวานได้ทานเพิ่มก็ดีจัง แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ใช่ไม๊คะ ?
ขอบคุณค่ะ


โดย: PANPISA วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:17:58 น.  

 
เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:32:38 น.  

 
...บางพวกก็คอยลมคอยแล้ง เช่น คอยถูกลอตเตอรี่...
อันนี้ผมคอยแล้วคอยเล่า..เอิ้กๆ
ผมเคยส่งจดหมายถึงนิตรสารที่อ่านเป็นประจำ คอยแล้วคอยเล่า พอเขาลงดีใจมาก สมหวังกับการรอ...


โดย: วิรุฬห์ IP: 115.87.85.208 วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:22:00:34 น.  

 
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมรวบรวมเรื่องสามก๊กที่ยังไม่ได้ลงพิมพ์
ส่งให้นิตยสาร ฟ้าหม่น ของทห่ารม้า

บอกไปว่าผมส่งเรื่องมาลงในฟ้าหม่นตั้งแต่ปี ๒๕๓๔
เกือบจะ ๒๐ ปีอยู่แล้ว เวลานี้เลิกเขียนแล้ว หมดชุดนี้ก็จะขอลา

บก.นำจดหมายลงพิมพ์ทั้งฉบับ ก็ยังดีใจทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คอยเลยครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:8:49:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.