Group Blog
 
All Blogs
 

ต้นโพธิ์

ฉากชีวิต

ผมกับต้นโพธิ์ ๑๓ ส.ค.๕๙

เพทาย

บ้านข้างเคียงของผมทางทิศตะวันออก เป็นบ้านสองชั้นธรรมดา ปลูกทีหลังบ้านผมไม่กี่ปี หลังผมเกษียณอายุก็เป็นบ้านเช่า มีต้นโพธิ์สูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ขี้นอยู่ริมรั้ว ชิดกับบ้านผม สูงใหญ่เท่ากับต้นโพธิ์ในวัด คนเช่าบ้านเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง มีนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง มาอุดหนุนคับคั่ง โดยเฉพาะมื้อกลางวัน เขาต้องเสียค่าตัดรานกิ่งก้าน ต้นโพธิ์ต้นนี้ แทบทุกปี เพราะกิ่งก้านสาขา ยื่นออกไปในซอย และรากยื่นเข้ามาในบ้านผม ให้ต้องกวาดใบโพธิ์แห้งเป็นประจำ

ผมเคยคุยกันกับเจ้าของร้านว่า จะทิ้งไว้อย่างนี้หรือ ต้องเสียเงินทุกปี เขาบอกว่าเขาเป็นคนค้าขาย ไม่กล้าตัดหรอก ผมก็มาคิดว่า คนไทยก็เป็นเช่นนี้เอง เหมือนกันหมด นับถือพระรัตนตรัย แต่เพิ่มอะไรต่ออะไร ให้ได้ยินอยู่เสมอ

ผมรู้จักต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นอย่างดี เพราะเห็นมาตั้งมันงอกใหม่ ๆ จนสูงประมาณศอกหนึ่ง ผมบอกเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก ว่าตัดเสียเถิดอย่าปล่อยให้โตเลยจะตัดลำบาก เขาก็เฉย ๆแล้วตัวเขาก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น เขาแก่กว่าผม ๒-๓ ปี ป่านนี้คงตายไปแล้ว

แต่ต้านโพธิ์ต้นนี้ยังอยู่ และสูงเลยหลังคาบ้านไปแล้ว กิ่งก้านสาขาแผ่ขยายออกไปทุกทิศ

ก่อนที่จะเป็นร้านปัจจุบัน มีผู้เช่าอยู่รายหนึ่ง ท่าทางจะมีอิทธิพลอยู่ เปิดเป็นร้านอาหารเหมือนกัน แต่มีดนตรีแบบ
คาราโอเกะ และเปิดจนดึกมาก ห้องที่ผมนอนอยู่ใกล้บ้านเขาที่สุด จึงต้องทนฟังเสียงร้องเพลงอันผิดเพี้ยน และเบส
ดังกระหึ่มอยู่ทุกคืน โดยไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ถ้าเป็นเพลงที่ผมร้องได้ ผมก็จะร้องตามเขาไป พอเพลินบ้าง แต่ถ้าเป็นเพลงที่ผมไม่รู้จัก ก็เป็นการทรมานมากกว่าจะหลับตาลงได้

คืนหนึ่งมีเสียงดังโครมคราม และมีคนวิ่งจากกันสาด บ้านนั้นข้ามรั้วสังกะสีบ้านผมเข้ามาหลายคน บางคนปีนรั้วออกไปหน้าบ้าน
บางคนก็ไปแอบอยู่หลังบ้านผม ครั้นมีคนมาเรียกหน้าบ้าน ผมก็เปิดประคูให้ออกไป บางคนก็มีบาดแผลสังกะสีบาดเอาด้วย
เขาว่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ตำรวจหรอก ผมจึงถึงบางอ้อ ว่าเขามีคาราโอเกะบังหน้า ที่แท้เป็นบ่อนการพนันนี่เอง
เมื่ออยู่นานเข้า ก็มีผู้มาอยู่เพิ่มขึ้นด้านหลัง และด้านข้างขวาทิศทิศตะวันออก ทั้งสองบ้านทำห้องน้ำแทนรั้วบ้านเลย
บ้านข้างหลังเคยมีน้ำไหลซึมจนมากขึ้นทุกที จึงบอกเจ้าของบ้าน เขา ก็มาโบกปูนให้จนหายสนิท

ตอนนี้บ้านทางซ้ายทิศตะวันตก ซ่อมแซมแบบสร้างใหม่ เสียงการทำงานหลายอย่างรบกวนประสาทมาก เขาซ่อมทุกอย่าง แต่คงรูปแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงแต่สวยขึ้นมาก คงจะเป็นหอพักนักศึกษาแน่

เมื่อผมกลับมาจากโรงพยาบาล หลังไปนอนป่วยอยู่ห้าวันมาถึงบ้าน ได้นั่งมองเห็นต้นโพธิ์ ต้นนี้อยู่ทุกเวลา เมื่อหัดเดินรอบบ้าน ก็เจอโพธิ์ต้นเล็ก งอกอยู่ในท่อระบายน้ำหลายแห่ง ก็ดึงทึ้งไปหลายต้น

แล้วก็นึกถึงความหลังว่า หลายปีมาแล้ว
ข้างหลังบ้านเดิมเป็นบ้านไม้มี ต้นโพธิ์งอกอยู่ต้นหนึ่ง ตรงที่เป็นห้องน้ำ ก่ออิฐโบกปูน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ใช่บ้านของผม มันโตเร็วมากและทิ้งรากเลื้อยลงมาถึงพื้นดิน ผมต้องตัดรากมัน ไม่ให้ถึงดินได้ มันจึง.โตไม่เร็วนัก จนเขาขายต่อ เจ้าชองใหม่เขารื้อหมดแล้วสร้างใหม่เป็นตึก ต้นโพธิ์ต้นนี้จึงหายไปไม่สูงใหญ่เท่าต้น ทางทิศตะวันออกในปัจจุบัน

ผมมองจากที่นั่งในมุมสบายของผม ก็เห็นความเจริญของมันทุกระยะ จนมันโตใหญ่เท่าต้นโพธิ์เอย่างทุกวันนี้ ผมเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ถ้ามันอยู่ในที่จำกัดอย่างในกระถาง มันจะโตเท่านี้ไหม

ผมจึงเอาต้นหนึ่งมีรากยาวไปตามท่อ แต่ไม่มีที่มุดลงดิน ใส่กระถางเล็ก ๆตูความเติบโตของมัน ก็อยู่ได้ไม่กี่วันก็เฉาตายไป ผมนึกในใจว่าต้นโพธิ์ก็ตายเหมือนกันแฮะ

ผมก็เอาใหม่เอาต้นทื่โตกว่าเดิม มาปลูกในกระถางที่ใหญ่กว่าเดิม ตั้งแต่ ๖ ส.ค.๕๙ ถึงวันนี้ได้สิบวันกว่าแล้ว โดนฝนทุกวัน คงจะรอด ผมบอกมันว่า สู้ต่อไปนะลูก
ผมจะคอยดูทุกวันส่าผมกับต้นโพธิ์นี้ ใครจะเฉาตายก่อนกัน

##########
๑๖ ส.ค.๕๙




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2560    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2560 5:40:57 น.
Counter : 2306 Pageviews.  

มองไปข้างหลัง

มองไปข้างหลัง ของตนแก่คนหนึ่ง ในห้องคนอก่ของพันทิป

ผมเองเวลานี้ก็ถือว่าชีวิตมีกำไรมากแล้วครับ เพราะผมเตรียมพถร้อมที่จะตายมาตั้งอายุ ๕๐ ปี
พิมพ์หนังสืองานศพเล่มแรก

ผ่าน ๖๐ ปี ก็ยังเขียนหนังสืิได้่เวินมากมาน

ผ่าน ๗๐ ปี เริ่มเป็นคนแก่ แต่ก็ยังเขียนหนังสือขายได้ แม้จะน้อยลง ก็ไม่ว่าอะไร
เขียนลงพันทิป ให้คนอ่านฟรีก็ได้

คามัวก็ไปผ่าตัดลอกต้อมาข้างหนึ่งคือข้างขวา
เขัียนหนังสือต่อไปได้ คือสามก๊กคำกลอน แต่ไม่มีใครพิมพ์ให้ ก็พิมพ์เองเอาไว้แตกงานศพ

หนังสืองานศพใช้เงินที่ได้จากค่าเขียนเรื่องสั้น พิมพ์เองได้ ๕ เล่มแล้ว

เล่ม ๒ ชื่อ "เรื่องเล่าของคนวัยทอง" ช่วยงานศพเพื่อน และญาติไปจนหมดแล้ว

อายุ ๘๓ ได้รางวัล"นราธิป" เลยมีสำนักพิมพ์มาขอพิมพ์สามก๊กฉบับลิ่วล้อครั้งที่ ๒ ได้เงินอีกมากมาย
แต่พมพ์ได้เพียง ๒ เล่ม ก็เกิดวิกฤตการจำหน่ายหนังสือเล่ม จึงอดพิมพ์เล่มที่ ๓

เวลานี้จึงพร้อมที่จะตาย เมื่อไรก็ได้ โรคอะไรก็ได้ ดันเกิดเป็นห่วงครอยครัว

แฟนอายุ ๘๓ ม้ำ ๆ เป๋อ ๆ น้องอายุ ๘๒ เป็นโรคหัวใอยู่เดิม ลูกชายก็ป่วย
ยังใช้กรรมไม่หมด เลยยังตายไม่ได้ครับ

งั้นก็แล้วแค่กรรมก็แล้วกันนะครับ.




 

Create Date : 19 เมษายน 2560    
Last Update : 19 เมษายน 2560 8:21:19 น.
Counter : 493 Pageviews.  

ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่เก้า

บันทึกของผู้เฒ่า

ก้าวสู่ทศษวรรษที่เก้า

คราวก่อนได้บันทึกเรื่อง วันสุดท้ายของทศวรรษที่ แปด คราวนี้ก็จะ บันทึกต่อไป แต่พิมพ์มาสองหนแล้ว มีอันเป็นข้อความหายไปทุกที ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ดูซิจะสำเร็จไหม

เมื่อย่างเข้า พ.ศ.๒๕๕๕ อายุ ๘๑ ปี ร่างการก็เริ่มเสื่อมลงอย่างเห็นได้ชัด คือสมองเสื่อม ตามัว จมูกไม่ค่อยได้กลิ่น ฟันหลุดร่วงโหว่แหว่ง ขาแข้งอ่อนเปลี้ย เดินไม่ได้ไกล โดยเฉพาะข้างขวาเดินแล้วปวดสะโพก บางทีแทบทนไม่ไหว กระเพาะอาหารมีโรคกรดไหลย้อน แต่หมอได้ให้ยารักษาทุกอาการ จึงไม่เป็นอัลไซเมอร์ และอย่างอืนก็พอทนไปได้

พ.ศ.๒๕๕๖ อายุ ๘๒ ปี ตาขวามัวมากขึ้น หมอแนะนำให้ผาสตัดลอกต้อกระจก ก็ขอคิดดูก่อน ถึง ธันวาคม ได้รับข่าวว่า “เจียวต้าย” และ “เลาเซี่ยงชุน” จะได้รับรางวัล “นราธิป” ในฐานะที่เรียบเรียงสามก๊ก ฉบับ ลิ่วล้อมานาน ตั้งแต่ ๒๕๓๓ ถึง ๒๕๕๑ ร่วม ๒๐ ปี ทั้ง ๆ ที่เขียนหนังสือมาตั้ง แต่ ๒๔๙๑ ครบ ๖๐ ปี และว่าจะวางมือแล้ว

พ.ศ.๒๕๕๗ อายุ ๘๓ ปี เดือน มกราคม วันที่ ๒๕ ไปรับโล่เกียรติยศรางวัลนราธิป จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ที่ห้องประชุมใหญ่ หอสมุดแห่งชาติ โดยได้แต่ค่ารถเท่านั้น

กุมภาพันธ์ สำนักพิมพ์ คุณธรรมและ ปันปัญญา มาขอลิขสิทธิ์ สามก๊กฉบับลิ่วล้อ ไปพิมพ์ครั้งที่ ๒

ถึงเดือนมิถุนายน จึงตัดสินใจไปผ่าตัดลอกต้อตาชวา ที่โรงพยาบาลพระปงกุฎเกล้า สำเร็จสองดือนเห็นแจ๋ว ทำให้ดีใจมาก และเขียน สามก๊กฉบับคำกลอนได้อีก ๓๐๐ กว่าบทกลอน แต่ไม่มีใครพิมพ์ ต้องพิมพ์เองเอาไว้แจกงานศพ จากเงินที่ได้ในการพิมพ์ครั้งที่ ๒ นี้

พ.ศ.๒๕๕๘ อายุ ๘๔ ปี ความเจ็บป่วยได้กำเริบมากขึ้น โดยเฉพาะขาที่อ่อนแรง บางครั้งเดินแทบไม่ได้และลูกชายก็ป่วย เป็นโรคตับ มีน้ำในช่องท้อง ต้องไปเจาะออก ๓-๕ วันครั้ง ไป รพ.วชิรพยาบาล เขาก็จะส่งไป รพ.กลาง ตามสิทธิ์บัตรทอง ทั้ง ๆ ที่เราจะจ่ายเงินสด เพราะมีประกันที่น้องชายเขาทำไว้ให้ ต้องไป รพ.มิชชั่น ก็เสียเงินนอกสิทธิ์ประกันครั้งละเป็นหมื่น ซึ่งเป็นความทุกขอย่างยิ่ง ทั้งพ่อลูก

พ.ศ.๒๕๕๙ อายุ ๘๕ ปี เป็นเป็นปีที่มีแต่ความทุกข์ บุญเก่าคงจะหมดไปแล้ว เหลือแต่กรรม ที่จะต้องชดใช้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต

ชีวิตได้ผ่านเข้ามาในทศวรรษที่เก้า เป็นปีที่ ๖ พ..ศ.๒๕๖๐ อายุ ๘๖ ปีจะครบใน ๑๙ มีนาคม พ.ศ.นี้ อนาคตไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ชีวิตของเราตั้งแต่เกิด ก็พบกับความยากจนแสนลำบาก กว่าจะผ่านพ้นมาได้ เมื่ออายุเกือบ ๔๐ ปี และมีความเจริญก้าวหน้า มีความสุขสมบูรณ์มาจนถึง ๖๐ ปี เมื่อเกษียณอายุราชการ และ ยังมีความสุขด้วยการเขียนหนังสือ จนถึง อายุ ๘๐ ปี เศษ หลงคิดว่าคงหมดกรรมแล้ว จึงเสวยความสุขนั้นอย่างสำราญใจ หารู้ไม่ว่ากรรมที่ทำตอนนี้จะต้องมาชดใช้เมื่อถึงช่วงท้ายของชีวิต อาจจะพบความทุกข์ยากก่อนตายก็ได้

แต่ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นแล้ว รอแต่เวลาเท่านั้น ว่าเมื่อไรจะถึงจุดจบเสียที.

##########




 

Create Date : 01 มีนาคม 2560    
Last Update : 19 เมษายน 2560 8:28:16 น.
Counter : 420 Pageviews.  

วันสุดท้าย (ของทศวรรษที่แปด)

บันทึกของผู้เฒ่า

วันสุดท้าย (ของทศวรรษที่แปด)



เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๓ เราได้เขียนถึง วันแรกของทศวรรษที่แปด วางในห้อง ไร้สังกัด เวปพันทิป เพื่อนฝูงที่รู้ว่ารุ่งขึ้นจะเป็นวันเกิดครบรอบ ๗๙ ปี ขึ้นวันแรกของ อายุ ๘๐ ของเรา ต่างก็อวยพรวันเกิดกันอย่างมากมาย ทำให้ซาบซึ้งพอควรว่า เรายังมีคนที่หวังดีอยู่อีกไม่น้อย ที่อยากจะให้เรามีชีวิตต่อไป แม้จะอยู่มานานมากแล้วก็ตาม



แล้วเราก็อยู่มาจนถึงวันสุดท้ายของทศวรรษที่แปดจนได้ ใน ๓๖๕ วันที่ผ่านมา เราก็ได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ ในการเขียน บันทึกของผู้เฒ่า วางในห้อง ไร้สังกัด จนอาการขัดข้องของหัวไหล่และสะบักข้างขวาเพิ่มมากขึ้น จึงได้ทุเลาการเขียนลง เหลือวันละครึ่งหน้า แล้วสามวันจึงนำไปวางทีหนึ่ง แต่ก็ไม่มีโรคอื่นที่จะมาคุกคามเอาชีวิตเราเลย



ลองเหลียวไปดูชีวิตที่ผ่านมาทั้งสิบสองเดือน ว่าในแต่ละเดือนมีเหตุการณ์อะไรที่สำคัญในชีวิตเกิดขึ้นบ้าง



มีนาคม



วันที่ ๒๐ ไปถวายสังฆทานที่วัดราชผาติการาม เพราะรูปที่เรานิมนต์ไว้ท่านเท้าเจ็บ ไม่ได้ออกไปรับบาตร



เมษายน



ปีนี้งดจัดงานสงกรานต์ทุกแห่งในกรุงเทพ เพราะมีเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง และการสลายการชุมนุมที่สี่แยกคอกวัว มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ หลายร้อยคน สงกรานต์ถนนข้าวสาร ที่อยู่ใกล้ที่สุด จึงไม่มีงานให้ฝรั่งเที่ยว



ตนเองเดินเหยียบตะปูตำเท้า เลยหกล้มหัวเข่าถลอก รักษากว่าสิบวันจึงหาย แต่ต้องฉีดยากันบาดทะยักอีกเดือนละเข็ม จนครบสามเข็ม



พฤษภาคม



วันที่ ๒๗ เป็นวันครบรอบ ๘๖ ปี ของทหารสื่อสาร สถาบันที่มีพระคุณต่อชีวิตของเราอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง ส่งเรื่องไปให้หนังสือที่ระลึกเช่นเคย เป็นเรื่องของท่านเจ้ากรมที่เพิ่งถึงแก่กรรม



มิถุนายน



เมื่อวันที่ ๒๒ ตอนเช้าถวายสังฆทานภิกษุสามรูป อุทิศส่วนกุศลให้น้า ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่ได้อาศัยมาเจ็ดสิบปีแล้ว



ตอนกลางคืนฝนตกหนัก น้ำนองเข้ามาท่วมพื้นชั้นล่าง ต้องรอจนเช้าจึงให้ลูกชาย จัดการกวาดถูพื้น ตัวเราไม่มีแรงแล้ว



กรกฎาคม



ลูกชายคนเล็กได้รับปริญญาโท มีการฉลองกันนิดหน่อย



สิงหาคม



ผู้มีพระคุณได้ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ ๙๖ ปีเศษ ตั้งศพบำเพ็ญกุศล และรับพระราชทานเพลิง ที่วัดมกุฎกษัตริยาราม



กันยายน



วันที่ ๑๖ เป็นวันตายครบรอบ ๔๖ ปี ของลูกชายคนโต ตักบาตรสามรูปอุทิศส่วนกุศลให้ตามเคยที่ได้ทำตลอดมา



และได้รับการขออนุญาต นำคำคมในสามก๊กของเรา ที่เคยลงในห้องสมุด เวปพันทิป ไปประกอบเรื่องสามก๊ก ฉบับที่พิมพ์ใหม่ มีแทรกภาพฝีมือ ครูเหมเวชกรทั้งเล่ม



ตุลาคม



เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็ง ที่เชียงใหม่ แต่ตนเองกลับป่วยเพราะนอนบนรถไฟไม่หลับ ได้พยายามรักษาตัวไว้ จะกลับมาเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพ แต่พอกลับมาก็หายดี



วันที่ ๑๑ ครบรอบปีที่ ๖๒ ของการเขียนหนังสือ แต่ได้หยุดเขียนมาตั้งแต่ครบ ๖๐ ปีแล้ว



พฤศจิกายน



ทอดกฐินแบบประหยัด แก่วัดบ้านยาง ตำบลน้ำดำ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ที่วัดใหม่ยายมอญ บางขุนนนท์ เพื่อวันเกิดอายุครบ ๘๐ ปี ในเดือน มีนาคม ๒๕๕๔



ธันวาคม



ไปลอยอัฐิและอังคารของท่านผู้มีพระคุณ รวมทั้งของแม่ น้า และคุณตา ที่สัตหีบด้วยการทำพิธีของทหารเรือภาค ๑ เป็นประเพณีที่เราจะเริ่มใช้กับตนเองเหมือนกัน



มกราคม



บันทึกไว้ดังนี้ .....สวัสดีปีใหม่ ย่างเข้าปีที่ ๘๑ อีกสามเดือนอายุก็จะครบ ๘๐ ปี บริบูรณ์ เป็นคนแก่หรือคนชราอย่างแท้จริง ตา หู ฟัน เสื่อมหมด ยังดีที่ไม่ต้องเดินถือไม้เท้า ถ้าเริ่มในปีนี้ ก็จะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยทำอย่างแน่นอน แต่จะนับถอยหลังไปถึงเท่าไรก็ไม่มีโอกาสรู้.........



กุมภาพันธ์



ไปทำบุญวันเกิดน้องสาว ที่วัดคำพราน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี



ดูแล้วก็เป็นชีวิตธรรมดา ของคนธรรมดาเท่านั้น แล้วก็มาถึงเดือน มีนาคม เพื่อนคนหนึ่งในห้องไร้สังกัด เวปพันทิป เอาคำทำนายชะตาชีวิตของคนเกิดเดือนนี้มาวาง อ่านดูแล้วดีมาก จนไม่กล้าคัดลอกมาเผยแพร่ ขอขอบคุณดอกไม้ที่มอบให้ ก็แล้วกัน



จากเดือน มกราคม ซึ่งคิดว่าจะรามือในการเขียนเรื่องลงอินเตอร์เนต เพราะสุขภาพไม่ดี กลับได้เรียนรู้ถึงวิธีที่จะเอาภาพ ในแฟ้มของเรา หรืออัลบั้มของเรา มาวางในหน้ากระทู้ ในบล็อกของเราได้ ทั้งภาพแผ่นโปสการ์ด และภาพที่อยู่ในกล้องดิจิตอล และแม้แต่ภาพในกระทู้อื่น บล็อกอื่น เวปอื่น ก็ทำได้เช่นกัน จึงมีข้อเขียนเล็ก ๆ น้อย ๆ มาวางในกระทู้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย แต่ลงแรงพิมพ์น้อยกว่าเดิม และมีผู้สนใจในภาพโบราณที่เอามาประกอบ บันทึกของผู้เฒ่า และ ภาพเก่าเล่าเรื่อง มากพอสมควร ก็เลยกลับมาตั้งกระทู้ทุกวันเช่นเดิม



เราเคยมีเรื่องคุยกันเล่น ๆ กับเพื่อนในวงน้ำลำไย เมื่ออายุเกิน ๖๐ ปีขึ้นไปแล้วทุกคนว่า เราอยู่มาจนถึงป่านนี้แล้ว อีกเมื่อไรจะตายก็ไม่รู้ เราควรจะเอาเงินที่จะช่วยเวลาไปงานศพเพื่อน มาให้เพื่อนเสียก่อนตอนยังไม่ตายจะดีกว่า แล้วคนรับก็ออกใบเสร็จให้ พอถึงเวลาตายจริง ๆ ก็เอาใบเสร็จใส่ซองไปให้เจ้าภาพที่วัด น่าจะเป็นผลดีแก่ผู้ตายโดยตรงมากกว่า แล้วเราก็คาดว่าเจ้าภาพงานศพของเราจะวางหน้าอย่างไร แล้วก็หัวร่อเฮอากันไปทั้งวง



แต่เมื่อเวลาผ่านมาอีก ๑๐ ปี เราอายุ ๗๒ ปี เพื่อนที่เคยคุยกันในเรื่องนั้น ก็ตายไปแล้วหลายคน โดยไม่มีใครได้รับซองก่อนตายเลย เพราะเป็นเรื่องคุยกันเล่น ๆ สำหรับคนที่ไม่ประมาทต่อความตาย ไม่ได้อยากตาย แต่ก็ไม่หวั่นวิตกต่อความตาย เพราะชีวิตมาถึงปลายทางแล้ว



ในปีใหม่สองสามปีที่ผ่านมา เราก็ได้ทำหนังสือเป็น ส.ค.ส. ส่งให้เพื่อนที่สนใจหลายราย เมื่อจะถึงปีใหม่ พ.ศ.๒๕๕๔ ซึ่งจะครบ ๘๐ ปีบริบูรณ์ ในวันที่ ๑๙ มีนาคม เราจึงเอาหนังสือแจกงานศพ ที่พิมพ์ไว้ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๙ อายุ ๗๕ ปี โดยใช้เงินค่าตอบแทนจากสำนักพิมพ์ ที่พิมพ์เรื่อง “เปาบุ้นจิ้น...ผู้ทรงความยุติธรรม” โดยตั้งใจไว้ว่าตายเมื่อไรเจ้าภาพก็จะได้เอาไปแจกเป็นที่ระลึกในงานศพ จะได้ไม่ต้องเสียเงินอีก แต่ถ้าอยู่ถึงวันนั้น ก็จะได้แจกในงานทำบุญอายุแทน ครั้นเมื่อใกล้เวลาเข้ามาก็ไม่คิดจะทำบุญใหญ่โตอะไร เพราะไม่รู้จะฉลองไปทำไม จึงคิดจะเอามาแจกเพื่อนในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ดีกว่า



แล้วก็ได้เสนอความคิดนั้นออกไป ใน บันทึกของผู้เฒ่า เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ขอให้เพื่อนที่สนใจจะรับหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมีชื่อว่า “สิ่งที่ยังเหลืออยู่” ให้แจ้งที่อยู่สำหรับส่งทางไปรษณีย์ ทางหลังไมค์เพื่อจะได้จัดส่งให้ตามลำดับ แล้วก็จดชื่อเพื่อนที่เคยอวยพรวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว เอามาทบทวนว่าท่านไหนจะต้องการบ้าง ถ้าท่านไหนยังไม่ได้อ่านบันทึกนั้น ก็จะส่งหลังไมค์ไปเตือน แต่ถ้าอ่านแล้วเฉย ๆ ก็ถือว่ายังไม่ต้องการ ซึ่งมีเพื่อนแจ้งชื่อที่อยู่มามากกว่า ๕๐ ท่าน เราก็ทยอยจัดส่งไปจนหมด ก่อนที่จะถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๓



แต่มีอยู่ท่านหนึ่ง มีศรัทธากับกิจกรรมอันนี้ของเรา ได้ขอมีส่วนร่วมในเรื่องที่เราตั้งใจทำให้เพื่อน โดยส่งเงินมาให้จำนวนหนึ่ง ซึ่งท่านคงจะไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยก่อนที่จะจัดงานศพเป็นแน่ แต่บังเอิญตรงกับความคิดเล่น ๆ ของเราเมื่อก่อนโน้นอย่างน่าประหลาด เราจึงกราบรับมุทิตาจิตนั้น ด้วยความขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง



แล้วเราก็ได้ใช้เงินจำนวนนั้นไปในเรื่องที่ท่านศรัทธา คือค่าซองและแสตมป์ที่ส่งหนังสือให้เพื่อน รายละ ๗ บาทเท่านั้น และค่าถ่ายเอกสารหนังสือเล่มอื่นที่ส่งให้ผู้ที่คุ้นเคยเคารพนับถือ ในเดือนธันวาคม และ มกราคม ต่อจากนั้นก็บริจาคทำบุญร่วมกับของเรา ที่ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยให้เจ้าหน้าที่เขียนใบอนุโมทนา เป็นชื่อ “ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม” เพราะเราไม่รู้ชื่อจริงของท่าน จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ ท่าพระจันทร์ วัดอินทรวิหาร เทเวศร์ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ปากเกร็ด วัดโบสถ์สามเสน และมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง หมุนเวียนไปทุกวันอาทิตย์ ตลอดมา และยังมีเหลือก็จะได้ร่วมถวายสังฆทานภิกษุ ในวันเกิดปีนี้ ๓ รูปจนหมดเงินจำนวนที่บริจาคมา ขอได้โปรดอนุโมทนาในกุศลผลบุญครั้งนี้



และจะได้เก็บรวบรวมใบอนุโมทนาเหล่านั้น ใส่ซองไว้ให้เจ้าภาพของเราต่อไป ไม่ทราบว่าเขาจะหัวเราะหรือร้องไห้กันแน่



จึงขอบันทึกไว้ด้วยความซาบซึ้งในกุศลเจตนาของท่านผู้บริจาค และเพื่อให้เพื่อนที่ได้อ่านบันทึกนี้ ร่วมอนุโมทนาโดยทั่วกันด้วย.

##############




 

Create Date : 01 มีนาคม 2560    
Last Update : 1 มีนาคม 2560 9:02:13 น.
Counter : 338 Pageviews.  

เรื่องที่อยากเล่า

บันทึกของผู้เฒ่่่า

เรื่องที่อยากเล่า

เพทาย

ผมเข้ามาในพันทิป ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ และเข้าถนนนักเขียนเป็นห้องแรก ขณะที่มีอายุ ๗๔ ปี มีความรู้พอใช้คอมพิวเตอร์แทนเครื่องพิมพ์ดีดได้ มาก่อนเกษียณอายุราชการ ๒-๓ ปีและได้เขียนหนังสือมาแล้วมากมายหลายร้อยชิ้น ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๑ ทั้งเรื่องสั้น สารคดี พงศาวดารจีนไทย และบันทึกเรื่องสัพเพเหระ ซึ่งได้เอามาวางในถนนนักเขียน ไปได้พักหนึ่ง ผู้อ่านท่านหนึ่งก็ติงว่า เรื่องสั้นของผม มันไม่ใช่หรือไม่ตรงตามแบบฉบับของเรื่องสั้น ทั้ง ๆ ที่เรื่องพวกนั้น ผมได้ส่งไปลงพิมพ์ในวารสาร ได้เงินมาซื้อเบียร์กินมาไม่รู้เท่าไร ในอัตราที่ต่างกัน ตั้งแต่ ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท ๒๐๐ – ๓๐๐ – ๕๐๐ –๘๐๐ – ๑๐๐๐ จนถึงสูงสุด ๒๐๐๐ บาทมาแล้ว ๗๐ กว่าเรื่อง แต่ที่ลงตะกร้าของ บรรณาธิการ ก็ไม่ใช่น้อย

ผมก็ไม่ได้โกรธเคืองและโต้เถียงประการใด ได้แต่เปลี่ยนหัวข้อเป็น ฉากชีวิต แต่ก็ยังคงวางไว้ในหมวดเรื่องสั้น เพราะไม่มีหมวดอื่นที่ตรงกับแนวของเรื่อง ผมก็อยู่มาได้จนครบ ๖๐ ปีในการเขียนหนังสือ เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ และหยุดเขียนเรื่องส่งวารสาร เขียนเฉพาะในพันทิปเท่านั้น จนถึง พ.ศ.๒๕๕๖ อายุ ๘๓ ปี ก็ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รางวัล นราธิป ของสมาคมนักเขียน แห่งประเทศไทย ในฐานะที่เขียนหนังสือมานาน นับว่าเป็นเกียรติแก่คนเขียนหนังสือที่ไม่มีชื่อเสียงอันใดมาก่อนเลย

ท่านผู้ได้รับรางวัลพร้อมกันบางท่าน เสนอว่าควรจะลดอายุผู้รับรางวัล จาก ๘๐ เป็น ๗๕ ปีขึ้นไป เพราะอยู่รอไม่ไหว ซึ่งก็เป็นความจริง นักเขียนหลายท่านที่มีชื่อเสียง ไม่ได้รับรางวัลนี้ เพราะเสียชีวิตไปก่อน และหลายท่านก็เสียชีวิตไปในระยะไม่เกิน ๘๕ ปีนี้เอง

ผมจึงนับว่าเป็นคนเขียนหนังสือที่โชคดีมากคนหนึ่ง เหมือนกัน

ที่ผมนำมาเล่าก็เพื่อจะให้ท่าน ที่รักการอ่านการเขียนในรุ่นหลัง ๆ ได้ทราบว่า การเป็นนักเขียนนั้นต้องใช้ความอดทนสูง ในสมัยนี้ บางท่านเพิ่งเขียนเรื่องแรก ก็อยากจะได้ค่าเรื่องสูง ๆ หรือชนะรางวัลการประกาดต่าง ๆ โดยเร็ว เมื่อไม่ทันใจ ก็เลิกรากันไปหลายราย ถ้าเราจะหาข้อมูลมาเรียบเรียง เป็นเรื่องต่าง ๆ ด้วยใจรักในการอ่านและเขียนไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งเราก็อาจจะพบความสำเร็จสมหวังก็ได้

ผมฝากข้อคิดนี้ไว้ในถนนนักเขียน สำหรับเพื่อนที่เข้ามาทีหลังจะได้แนวความคิด จากคนเขียนหนังสือที่ไม่มีชื่อเสียงมา ๖๐ กว่าปี โดยไม่ได้ย่อท้อหรือเบื่อหน่าย เขียนจนกว่าจะหมดปัญญาหาข้อมูลมาเขียน แม้ว่าเรื่องสั้นที่ตั้งใจเขียนเป็นครั้วแรก ในนามปากกา “เพทาย” จะไม่มีใครรู้จักเลย แต่นิยายอิงพงศาวดารจีน ที่เรียบเรียงจากของเก่าเรื่องสามก๊ก ในนามปากกา “เล่าเซี่ยงชุน” และ “เจียวต้าย“ ในพันทิปนี้ ก็ทำให้สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ได้รู้จัก และยกย่องให้ได้รับรางวัล สนองความขยันหมั่นเพียร และอดทน ในที่สุด ก่อนที่สมองจะเสื่อมไปจนไม่สามารถรับรู้ได้ ขอให้เพื่อนนักหัดเขียนหน้าใหม่โชคดีทุกท่านครับ.

##########




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2560 11:09:04 น.
Counter : 477 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.