|
ฮ่องเต้ยอดชั่ว (๑)
ความคิดเห็นที่ 1 ถูกใจ ทหารเสือแผ่นดินถัง (ภาคผนวก)
ตอนที่ ๑๕ ฮ่องเต้ยอดชั่ว (๑)
เล่าเซี่ยงชุน
ตอนที่ ๑ เจ้าเมืองจอมอุบาย
ราชวงศ์ถังในแผ่นดินจีน ได้ครองราชย์ต่อกันมาเกือบสามร้อยปี ถึงองค์ที่ยี่สิบคือ พระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้ ตั้งราชธานีอยู่ที่เมืองเชียงอาน วันหนึ่ง จูอุน หรือเหลียงอ๋อง ผู้รักษาเมืองเปียนเหลียง ได้เอาทองคำร้อยลิ่มเพชรพลอยของดีวิเศษ ต่าง ๆ มากมาย มาให้แก่ หลีเอง ขุนนางผู้ใหญ่ของเมืองเชียงอาน และบอกว่า
.เมื่อพระเจ้าถังเจียวจงขึ้นครองราชสมบัตินั้น ข้าพเจ้ามีธุระอยู่หาได้เข้ามาเฝ้าไม่ บัดนี้ข้าพเจ้าว่างธุระแล้ว จึงได้เข้ามาเฝ้ากราบถวายบังคม ตามธรรมเนียมเมืองขึ้น ขอท่านได้ช่วยนำเข้าเฝ้าด้วย
.
หลีเองก็ยินดีในของกำนัลเหล่านั้น และบอกว่าตนจะเข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบก่อน จะโปรดประการใดแล้ว ตนจะกลับมาพาเข้าไปเฝ้าต่อภายหลัง จูอุนก็คำนับลากลับมายัง กงก๊วนที่พักของแขกเมือง
หลีเองก็เข้าเฝ้าฮ่องเต้กราบทูลว่า จูอุนจะขอเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ก็รับสั่งว่า
..จูอุนนี้เป็นศัตรูต่อแผ่นดิน กระทำอุบายจนพระราชบิดาเราทิ้งบ้านเมืองไป จนเสียสิ้นพระชนม์ในที่กลางป่า ซึ่งจะให้จูอุนเข้ามาเฝ้าครั้งนี้ เรามีความรังเกียจนัก
หลีเองก็กราบทูลว่า
.จูอุนมีทแกล้วทหารเป็นอันมาก เข้ามาอ่อนน้อมโดยดีแล้วก็ควรจะต้อนรับ ครั้นจะไม่ให้เข้ามาเฝ้าก็จะเสียใจ กลับไปเป็นศัตรูขึ้น ยากที่จะปราบปรามได้ ขอพระองค์จงเอาพระทัยดีต่อ ทำลืมความเก่าเสีย
.
พระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้ก็ทรงยอมรับ ตามที่หลีเองกราบทูลนั้น แล้ววันรุ่งขึ้นหลีเองก็พาจูอุนเข้ามาเฝ้า ฮ่องเต้ก็ตรัสปราศรัยว่า
แต่เราได้ราชสมบัติขึ้นแล้ว ก็ยังหาได้พบปะรู้จักกับท่านไม่ ครั้งนี้ท่านเข้ามาหาเราโดยความนับถือ เราขอบใจท่านนัก
จูอุนก็กราบทูลว่า
ข้าพระเจ้าคิดถึงพระเดชพระคุณพระเจ้าตงหัว ซึ่งได้ชุบเลี้ยงให้เป็นอ๋องครองเมืองใหญ่ ก็คิดจะฉลองพระเดชพระคุณไปโดยสติกำลัง ขอพระองค์อย่าได้มีความรังเกียจแก่ข้าพเจ้าเลย
..
ฮ่องเต้ก็ทรงพระเมตตาแก่จูอุน เลิกความรังเกียจกินแหนงสิ้น ครั้นสิ้นเวลาเฝ้า จูอุนกลับไปแล้ว หลีเองก็ให้คนใช้ไปเชิญจูอุนมากินเลี้ยงที่บ้าน เมื่อได้กินโต๊ะเสพสุรากันเป็นที่สบายแล้ว จูอุนก็พูดขึ้นว่า
.ข้าพเจ้าเข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว ดูตึกกว้านบ้านเรือนราษฎรก็ร่วงโรย พระราชวังซึ่งพระมหากษัตริย์เสด็จก้เหี่ยวแห้งอยู่ สิ้นราศรีสมกับคำนักปราชญ์แต่ก่อนได้ทำนายไว้ว่า เมืองเชียงอานเป็นเมืองหลวง พระมหากษัตริย์จะครอบครองได้สิบเก้าองค์แล้ว จะสิ้นชะตาขาดสูญ จะเกิดยุคเข็ญต่าง ๆ บัดนี้ข้าพเจ้าพิจารณาดูเหตุการณ์ภายนอกภายในก็สมจริง ตัวท่านทุกวันนี้ก็เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ซึ่งได้ทำนุบำรุงพระมหากษัตริย์ จะให้มีความเจริญขึ้น ทำไมท่านไม่คิดผ่อนปรนหลีกเลี่ยง ยักย้ายเสียให้พ้นเหตุซึ่งท่านแต่ก่อนทำนายไว้นั้น
.
หลีเองก็ว่า
.ความอันนี้ข้าพเจ้าก็คิดเห็นมานานแล้ว แต่หามีผู้ใดจะเป็นที่คู่ปรึกษาหารือไม่ พอท่านพูดขึ้นครั้งนี้ก็ถูกต้องกับความคิดของข้าพเจ้า ท่านจะเห็นเมืองใดควรจะตั้งเป็นเมืองหลวงได้บ้าง
จูอุนจึงบอกว่า
.เมืองเปียนเหลียงที่ข้าพเจ้ารักษาอยู่นั้น เป็นเมืองใหญ่ เรือกสวนไร่นาก็บริบูรณ์มั่งคั่งมาก ที่ทำเลพื้นแผ่นดินก็กว้างขวาง ในการนี้เป็นคราวชะตาขึ้น ไพร่บ้านพลเมือง ลูกค้าวานิช จะทำมาหากินค้าขายก็มีผลประโยชน์มาก ไข้เจ็บโรคภัยที่จะเกิดแก่มนุษย์ก็น้อย ถ้าท่านเชิญเสด็จพระเจ้าถังเจียวจง ย้ายไปตั้งเมืองเปียนเหลียงเป็นเมืองหลวงแล้ว ก็คงจะมีความเจริญสืบเชื้อพระวงศ์ต่อไปได้อีก การซึ่งจะสร้างทำพระราชวังข้างหน้าข้างใน ให้เป็นที่รโหฐานนั้น ข้าพเจ้าจะรับทำฉลองพระเดชพระคุณก็ได้
..
หลีเองจึงว่าความคิดนี้ดีนัก ตนจะกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ แล้วเมื่อถึงเวลาเข้าเฝ้า หลีเองก็กราบทูลพระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้ ตามที่ได้พูดจาปรึกษากับจูอุนทุกประการ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า
.การอันนี้เราใคร่ครวญดูก็เห็นจริงอยู่ ตั้งแต่พระราชบิดาเราครองสมบัติครบที่สิบเก้า ก็ไม่มีความสุข บ้านเมืองก็เกิดยุคเข็ญต่าง ๆ มาจนทุกวันนี้ ถ้ายักย้ายเปลี่ยนเมืองหลวงไปเสียบ้างก็เห็นจะดีจริง
แล้วฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้หาจูอุนเข้ามาเฝ้า และตรัสว่า
ท่านจะรับทำวังให้เราไปอยู่เมืองเปียนเหลียงนั้น ก็ขอบใจแล้ว จงเอาเงินทองไปใช้ให้พอการเถิด
.
แล้วก็ตรัสสั่งชาวคลังจ่ายเงินให้จูอุน ไปทำพระราชวังในเมืองเปียนเหลียง แต่ขุนนางบรรดาที่เฝ้าอยู่นั้นก็ไม่เห็นชอบด้วย ต่างปรึกษากันว่าจูอุนคนนี้มีอุบายมาก เมื่อครั้งก่อนก็ ล่อลวงชั่นเล่งจือขุนนางผู้ใหญ่ จนพระเจ้าตงหัวสิ้นพระชนม์ด้วยความคับแค้น ครั้งนี้มาคบค้ากับหลีเอง ก็คงจะเป็นอุบายอีก แต่ทุกคนก็ไม่กล้าจะกราบทูลขัดขวาง เพราะเป็นขุนนางผู้น้อย พูดไปก็จะเป็นอันตรายแก่ตัว จึงพากันนิ่งเสียหมด ปล่อยให้การสุดแต่จะเป็นไป
จูอุนได้รับเงินแล้ว ก็พาขุนนางบ่าวไพร่กลับไปเมืองเปียนเหลียง แล้วก็เกณฑ์ทหารและราษฎร ช่วยกันระดมก่อสร้างพระราชวังโดยเร็ว ให้งดงามตามใจจูอุนทั้งที่ข้างหน้าข้างใน ตำหนักน้อยใหญ่ ครั้นทำเสร็จเรียบร้อยก็มีหนังสือบอกไป ให้หลีเองกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ พระเจ้าถังเจียวจงก็รับสั่งให้หาวันฤกษ์ดีที่จะเสด็จออกจากเมืองเชียงอาน และแจ้งกำหนดให้จูอุนทราบ
จูอุนก็จัดทหารสามหมื่น ให้เฮ่งง่วนเจียงนายทหารเอก ยกไปคอยรับเสด็จที่ตำบลปาเหลง เมื่อพระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้เสด็จทรงรถพานางข้างในและขุนนางมาถึง เฮ่งง่วนเจียงและนายทหารทั้งปวงก็คุกเข่าลงคำนับกราบทูลว่า จูอุนให้ตนคุมทหารมาคอยป้องกันระวังรักษาข้าศึกศัตรู ให้เสด็จพระราชดำเนินไปถึงเมืองเปียนเหลียงโดยสะดวก ฮ่องเต้ก็สบายพระทัยหาทรงพระวิตกกลัวสิ่งใดไม่ เสด็จประทับรอนแรมไปตามระยะทาง จนกระทั่งถึงเมืองเปียนเหลียง
จูอุนก็ออกมากราบถวายบังคม เชิญเสด็จเข้าพระราชวังขึ้นอยู่บนตำหนัก ฮ่องเต้เสด็จทอดพระเนตรดูตำหนักน้อยใหญ่ที่ข้างหน้าข้างใน ทำใหม่งดงามสะอาดดี ก็จัดให้นางสนมและพระญาติพระวงศ์อยู่เป็นลำดับกันตามสมควร
เมื่อฮ่องเต้เสด็จมาอยู่เมืองเปียนเหลียงแล้ว ราชการบ้านเมืองก็สำเร็จเด็ดขาดอยู่กับจูอุน ฮ่องเต้มิได้ว่ากล่าวสิ่งใด หัวเมืองบอกข้อราชการเข้ามาเมืองหลวง ก็ไม่มีผู้ใดกราบทูล จูอุนก็ว่ากล่าวตัดสินโต้ตอบไปตามอำนาจของตัวเอง
อยู่มาเป็นเวลานานพอสมควร วันหนึ่งจูอุนก็เชิญหลีเองมากินโต๊ะที่บ้านแล้วพูดกับหลีเองว่า
ตัวเรานี้มีความอุตส่าห์พากเพียรทำการงานทั้งปวงมา ก็มีความปรารถนาจะไม่อยู่ในบังคับท่านผู้ใด บัดนี้พระเจ้าถังเจียวจงก็โลเลไม่เอาราชการ เราคิดว่าราชสมบัติบ้านเมืองนี้ ควรจะได้แก่เราแล้ว ท่านจะว่าประการใด
.
หลีเองได้ฟังก็ตกใจกลัว ไม่อาจจะทัดทานได้ จึงว่า
ข้าพเจ้านี้เป็นข้าแผ่นดิน เมื่อผู้ใดเป็นเจ้าก็จะเป็นข้าสืบไป ท่านจะทำประการใดก็สุดแล้วแต่ปัญญาท่าน ข้าพเจ้าหาขัดขวางไม่
.
จูอุนก็ว่า
ท่านก็นับว่าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ต้องร่วมคิดเป็นปัญญาเดียวกับเรา ซึ่งจะไว้ตัวเป็นกลางอยู่นั้นเราไม่ยอม
.
เมื่อจูอุนตั้งใจจะชิงราชสมบัติให้จงได้แล้ว ก็เข้าไปทูลพระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้ว่า
.พระองค์มาอยู่เมืองเปียนเหลียงก็ช้านาน ยังหาได้เสวยะโต๊ะพร้อมกับขุนนางทั้งหลายไม่ บัดนี้ข้าพเจ้าจัดโต๊ะมาตั้งพร้อมไว้ที่พระที่นั่งลันเต้ยแล้ว ขอเชิญเสด็จไปเสวยให้พร้อมด้วยขุนนางทั้งปวง
..
ฮ่องเต้ก็ไม่ขัดข้องจึงเสด็จไปเสวยโต๊ะกับขุนนาง ในขณะที่เสวยอยู่นั้น จูอุนก็ลุกขึ้นยืนชักกระบี่ออกจากฝัก แล้วร้องประกาศว่า
..กษัตริย์วงศ์ถังเสวยราชสมบัติ บ้านเมืองหาเป็นสุขสบายไม่ ไพร่บ้านพลเมืองก็ได้ความระส่ำระสายเดือดร้อน ท่านทั้งปวงซึ่งมาประชุมอยู่ในที่นี้พร้อมกัน จะทำประการใดบ้านเมืองจึงจะเป็นสุข
..
เฮ่งง่วนเจียงนายทหารเอกของจูอุน ก็ลุกขึ้นชักกระบี่ออก แล้วร้องว่า
.ราชสมบัติบ้านเมืองนี้ เห็นสมควรอยู่แก่ท่านเหลียงอ๋องจูอุน ซึ่งจะได้ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎร ถ้าผู้ใดไม่ยอมก็จะฟันเสียด้วยกระบี่เล่มนี้
ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยที่ร่วมกินโต๊ะอยู่นั้น ต่างก็ตกตลึงกันไปหมด ไม่มีผู้ใดจะคิดคัดค้าน หรือต่อต้านแต่ประการใด เพราะทั้งหมดก็เหมือนฝูงแกะ ที่อยู่ท่ามกลางสุนัขป่า โดยไม่มีหนทางที่จะต่อสู้แต่อย่างใด.
#########
จากคุณ : เจียวต้าย Bloggang เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 53 05:31:02 แก้ไข
Create Date : 28 มกราคม 2559 | | |
Last Update : 28 มกราคม 2559 16:53:57 น. |
Counter : 880 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|