Group Blog
 
All Blogs
 

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๖) การรักษาศีล

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๖)

เรื่องของการรักษาศีล

การรักษาศีลที่บ้านนี้ดูจะง่ายดี จึงรับเอามาปฏิบัติเป็นประจำทุกครั้งที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม

ข้อที่หนึ่ง ไม่ฆ่าสัตว์ ข้อนี้หลายท่านบอกว่าทำยาก เพราะบ้านเรามียุง มด แมลงวัน ปลวก หนู งู เราก็ตั้งใจว่าจะไม่ฆ่ามันโดยเจตนาเป็นอันขาด แล้วทำให้ได้ ยุงกัดเราก็เอาผ้าปัด ๆ เอามือลูบ ๆ โดยไม่ตบผัวะ หรือจุดยากันยุงเพื่อไล่ให้มันไปพ้น ๆ เสีย ไม่ใช่เอาดีดีทีจ้องฉีดให้มันตายทั้งกลุ่ม หรือเอาไม้ไฟฟ้าไล่ฟาด จนมีเสียงดังเพียะ ๆ สมัยนี้ห้องนอนส่วนใหญ่จะมีมุ้งลวด อาจจะมียุงเล็ดรอดเข้ามาเพียงสองสามตัว ปล่อยให้มันอาศัยอยู่บ้าง เสียเลือดไปไม่ถึงหยดมันก็อิ่มแล้ว

ส่วนมด แมลงวัน หรือปลวก ก็หายาสมุนไพรมาไล่ให้มันหนีไปเสีย หรือเอาชอล์ก กันแมลง มาขีดเขียนเป็นวง ไม่ให้มันเข้ามายุ่มย่ามกับของกินของใช้ของเราก็ได้ ส่วนหนูนั้นไม่ยากไม่ต้องใช้กับดักหรือกรงดัก หรือเอายางเหนียวมาล่อให้มันติดตัง เป็นที่น่าทุเรศเวทนา เพียงแค่เลี้ยงแมวตัวสองตัว มันเดินวนรอบ ๆ บ้าน หนูก็หายไปหมดแล้ว สำหรับงูนั้นถ้าบ้านไม่รกอย่างกับอยู่ในสวนก็ยากที่จะเจอมันอยู่แล้ว

เมื่อไม่ฆ่าสัตว์แล้วก็พยายามไม่กินสัตว์ได้เป็นดี แต่ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนว่า ไม่ควรยึดติดว่ากินเนื้อหรือกินผัก เรากินอาหารที่เขาปรุงมาเรียบร้อย เป็นแกงเป็นผัดแล้ว ไม่ได้เจาะจงว่าจะกินหมู วัว หรือไก่ เราก็เลยไม่กินสัตว์อะไรที่มันเป็นตัว ๆ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นต้น ส่วนสัตว์ อื่น ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจเกิดมาเป็นอาหารของมนุษย์ เช่น สมองลิง อุ้งตีนหมี หรือบ้องหางจระเข้ นกกระจอกเทศ ฯลฯ เป็นอันว่าไม่ยุ่งด้วยเลย

ศีลข้อนี้ไม่ได้หมายถึงการฆ่าอย่างเดียว แต่ครอบคลุมไปถึงโทสะด้วย ความโกรธ ความเกลียด ความริษยา ความอาฆาต ความพยาบาท ความจองเวร ความหงุดหงิด ความหมั่นไส้ ฯลฯ ก็รวมอยู่ด้วย

วิธีแก้ก็ไม่ยากอะไร ยกเอาความเมตตา ปรารถนาให้เขาหรือมันพ้นทุกข์ และพยายามช่วยให้พ้นทุกข์ ความกรุณาปรารถนาให้เขามีความสุข และพยายามช่วยเหลือให้เขาได้รับความสุข ความพลอยยินดีด้วยเมื่อเขาพ้นความทุกข์หรือมีความสุขแล้ว ความวางเฉยเมื่อเห็นเขาได้รับความทุกข์ ที่เราไม่สามารถช่วยได้แล้ว

ส่วนศีลข้อที่สอง สำหรับเราที่มีบำนาญพอกิน พอเลี้ยงครอบครัวแล้ว ก็ไม่ต้องไปลัก ขโมยใคร หรือไม่อยากได้ของใครที่เขาไม่ได้ให้เรา พอใจอยู่แต่เพียงสิ่งที่เราควรได้เท่านั้น เท่านี้ก็ปลอดภัยแล้ว แต่ควรจะเพิ่มการบริจาคทานด้วย ท่านว่าเมื่อเรามีพอกินแล้ว ส่วนที่เกินก็ควรจะบริจาคให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนบ้าง เราก็พยายามแบ่งเงินเอาไว้ทำบุญทำทานพอสมควร ถ้าเป็นขอทานก็ให้รายละสองบาท ไม่เลือกเพศเลือกวัย ไม่เลือกว่าวนิพกหรือคนพิการ เขาจะเอาไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเขาเอาไปซื้อข้าวกิน เขาก็อิ่ม ถ้าเอาไปซื้อกาวดม เขาก็เมา ไม่เกี่ยวกับเรา

เราพยายามช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเราเสมอ เท่าที่จะทำได้ เพราะมีงบบริจาคสำหรับการสาธารณกุศลทุกเดือน เปลี่ยนที่กันไปเรื่อย ๆ เช่นมูลนิธิเกี่ยวกับเด็ก มูลนิธิเกี่ยวกับคนพิการ มูลนิธิเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ส่วนเรื่องผ้าป่ากฐินก็ปวารณาไว้เลยว่า ใครอยากจะให้ร่วมทำบุญก็ใส่ชื่อไปเลยโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่อย่าเอาไปเป็นประธานหรือรองประธานเลย เพราะจะช่วยเพียงซองละร้อยเดียวเท่านั้น ก็ได้ทำบุญอยู่ทุกปีเป็นประจำ

(ยังไงก็ต้องมีต่อแน่นอน)















 

Create Date : 13 มิถุนายน 2558    
Last Update : 13 มิถุนายน 2558 5:25:54 น.
Counter : 357 Pageviews.  

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๕) เรื่องของธรรมะ

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๕)

เรื่องของธรรมะ

ตั้งแต่เข้ามาใน ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ จนถึงบัดนี้ ได้ตอบคำถามของผู้ที่อยากจะเป็นนักเขียน หลายครั้งหลายคราว ด้วยข้อความที่ว่า อย่าเพียงแต่คิดต้องลงมือเขียนทันที ขั้นแรกก็ลองเขียนบันทึกประจำวัน ค่ำลงก็ลงมือเขียนว่า วันนี้ทำอะไร พบเห็นอะไร ติดต่อคุยกับใคร ตั้งแต่เช้าจนหมดวัน ต้องเป็นคนช่างสังเกตและจดจำ จึงจะมีเรื่องมาเขียน ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปวันหนึ่ง ๆ แล้วก็ลืมหมด ไม่มีอะไรจะเขียน ก็เลยไม่ได้เขียนสักที

ข้อความข้างบนนั้น ไม่ได้สักแต่บอกคนอื่น ตนเองก็ได้ทำมาแล้วตลอดชีวิต จึงได้มีเรื่องอะไรต่ออะไรมาเขียนอยู่ได้ตั้ง ๕๐-๖๐ ปี เรื่องหนึ่งที่บันทึกไว้ก็คือ ธรรมะสำหรับตนเอง เขียนไว้เพื่อสอนใจตนเอง ให้ลดความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้เบาบางลงถึงจะลดไม่ได้มาก แต่ก็พยายามทำบ่อย ๆ ให้เกิดความเคยชินเป็นนิสัย กว่าจะตายก็คงลดได้บ้างหรอกน่ะ

ในรอบปีหนึ่ง มีวันสำคัญทางพุทธศาสนาอยู่เพียงสี่วันเท่านั้น คือ มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ความสำคัญทั้งสี่วันนั้น ผู้อ่านทุกคนย่อมรู้มานานแล้วตั้งแต่เป็นนักเรียน ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ต่างก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมในวันสำคัญเหล่านี้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามความเชื่อหรือความสามารถของแต่ละคน เริ่มตั้งแต่การสมาทานศีลห้า ศีลแปด หรือปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน อย่างน้อยก็ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ฟังเทศน์ฟังธรรม เป็นต้น

เราเองเมื่อยังรับราชการอยู่ ก็ตักบาตรทำบุญ รับศีลฟังธรรมไปตามโอกาส ส่วนชีวิตประจำวันก็ทำบาปไปตามปกติธรรมดา ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย โลภมากอยากได้แต่ไม่ถึงกับเป็นโจร จีบเด็กเสริฟบ้างตามโอกาส โกหกหรือพูดไม่จริงเยอะมากแต่ไม่เคยหลอกลวงใครให้เสียหาย ดื่มสุราเป็นอาจิณ

ครั้นพอเกษียณอายุราชการแล้ว ไม่ค่อยมีการเกี่ยวข้องกับผู้อื่นมากนัก นอกจากการเขียนหนังสือขาย โอกาสที่จะทำบาปก็น้อยลง พอเกษียณมาได้สิบปี ก็รู้ตัวว่าเวลาในการทำชั่วน้อยลง และเรี่ยวแรงที่จะไปทำความชั่ว ก็น้อยลงเช่นกัน จึงคิดว่าอย่ากระนั้นเลย ลองพยายามละเลิกความชั่ว ที่ท่านระบุไว้ในศีลห้าข้อดูบ้างซิ ว่าชีวิตจะขาดรสชาติไปสักแค่ไหน

แต่ความที่เคยชินมาเป็นเวลานานมาก จึงต้องค่อย ๆ ลดลงทีละน้อยก่อน คือตั้งใจจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาก่อน ปีหนึ่งก็มีเพียงสี่ครั้งเท่านั้น ต่อมาก็เพิ่มเป็นวันอาทิตย์ ถ้าทำได้ตลอดปลอดโปร่ง ปีหนึ่งก็จะได้ทำบุญทำกุศลให้แก่ตนเอง ถึงห้าสิบกว่าครั้ง

คิดได้แล้วก็ลงมือทำ แต่ก็ไม่ค่อยครบ เพราะมีมารมาคอยขัดขวางอยู่เป็นประจำ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบัตรเชิญงานต่าง ๆ ที่มักจะจัดกันในวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานอุปสมบท งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ฉลองในโอกาสต่าง ๆ หรืองานฌาปนกิจศพ ถ้าขืนอ้างว่าฉันจะปฏิบัติธรรม เจ้าภาพก็คงจะกล่าวหาว่าบ้า จึงต้องยอมผ่อนผันไปบ้าง แต่ทุกสิ่งที่มีกติกา ถ้าสามารถละเมิดได้สักครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะอ้างเหตุความจำเป็นสักเพียงใด โอกาสที่ละเมิดในคราวต่อ ๆ ไปก็จะมีมากขึ้น ดังนั้น ในปีที่ผ่านมาแล้ว จึงปฏิบัติธรรมไม่ถึงสามสิบครั้งสักปีเดียว

การปฏิบัติธรรมที่คนส่วนมากเข้าใจนั้นก็คือ การนุ่งขาวห่มขาว ไปอยู่ที่วัดคืนหนึ่งหรือสองคืน ได้สวดมนต์ภาวนา รักษาศีลอุโบสถ ฟังธรรม เป็นต้น แต่ท่านอาจารย์บางท่านบอกว่า ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนั้นหรอก ปฏิบัติธรรมที่บ้านก็ได้ ขอให้มีสติระลึกอยู่ทุกขณะ อย่าผิดศีลก็ใช้ได้แล้ว

(เรื่องนี้ยังมีต่อวันหลัง)




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2558    
Last Update : 12 มิถุนายน 2558 6:32:29 น.
Counter : 417 Pageviews.  

ยันทึกของผู้เฒ่า (๑๔) เรื่องของจริยธรรม

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๔)

เรื่องของจริยธรรม

เมื่อ ๑๙ กุมภาพันธ์ ได้รับบำนาญสำหรับเดือนมีนาคม ซึ่งโดยปกติมักจะได้รับประมาณ วันที่ ๒๔ อย่างเร็วก็วันที่ ๒๒ แต่คราวนี้เป็นเดือนที่มี ๒๘ วัน และวันที่ ๒๘ เป็นวันอาทิตย์ บำนาญจะต้องออกก่อนวันรับเงินเดือนของข้าราชการ ๕ วันทำการ จึงมาออกวันที่ ๑๙ ซึ่งเร็วผิดปกติ ในวันนั้นรับเงินจากการกด ATM แล้วก็ส่งไปช่วยงานกุศล สนับสนุนโรงเรียนสองโรงในจังหวัดกาญจนบุรี ของห้องไร้สังกัด เวปพันทิป

๒๐ กุมภาพันธ์ ไปร่วมทำบุญถวายสังฆทาน วันเกิดน้องสาว ที่วัดคำพราน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ใกล้กับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

แล้ววันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ เป็นวันอาทิตย์ ได้ไปทำบุญบริจาคเงินเป็นค่าอาหารถวายพระภิกษุสามเณรนักศึกษา มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ตามวงรอบ ได้หนังสือ พุทธจักร ประจำเดือน พฤศจิกายน ๒๕๕๒ มาเล่มหนึ่ง เปิดอ่านดูเห็นมีเรื่องที่น่าสนใจ คือ คุณธรรม จริยธรรม :นามธรรมที่ยังร่วมสมัย ของ วิเชียร เส้นทอง มีความตอนหนึ่งว่า

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต พ.ศ.๒๕๔๒ ให้ความหมายไว้ว่า หมายถึงสภาพคุณงามความดี ส่วนคำว่า จริยธรรม ให้ความหมายว่า ธรรมที่ที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ ศีลธรรม กฎศีลธรรม

พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ให้นิยามว่า คุณธรรม คือ ธรรมที่เป็นคุณงามความดี สภาพที่เกื้อกูล ส่วนคำว่า จริยธรรม มาจากคำว่า พรหมจรรย์ ซึ่งในพระพุทธศาสนาหมายถึง มรรค คือ วิธีการปฏิบัติสายกลาง ประกอบด้วยองค์ประกอบสี่ประการ บางครั้งก็เรียกว่า “ไตรสิกขา” คือการศึกษา ๓ ประการ อันได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังนั้น จริยธรรม หรือพรหมจรรย์ หรือมรรค และ ไตรสิกขา ทั้งหมดนี้เป็นทางปฏิบัติเพื่อนำมนุษย์ ไปสู่จุดหมายในชีวิต

พุทธทาสภิกขุ กล่าวว่า จริยธรรม แปลว่า เป็นสิ่งที่พึงประพฤติ จะต้องประพฤติ ส่วนศีลธรรมนั้นหมายถึง สิ่งที่ยังประพฤติอยู่ หรือประพฤติแล้ว จริยธรรม หรือ ethics อยู่ในรูปของปรัชญา คือ สิ่งที่ต้องคิดต้องนึก ส่วนเรื่องศีลธรรม หรือ morality นี้ต้องทำอยู่จริง ๆ เพราะเป็นปัญหาเฉพาะหน้า

ระวี ภาวิไล ให้ความหมายว่า จริยธรรม เป็นหลักกำหนดว่า ตนมุ่งอะไรในโลก และพึงปฏิบัติอย่างไร จึงแบ่งจริยธรรมออกเป็น ๓ ข้อ คือ ๑)รู้จักโลก ๒) รู้จักทุกข์ รู้จักชีวิต ๓) รู้จักทุกข์ในชีวิต

วิทย์ วิศทเวทย์ อธิบายว่า จริยธรรม คือ ความประพฤติตามค่านิยมที่พึงประสงค์ โดยใช้วิชาจริยศาสตร์ ศึกษาพฤติกรรมด้านคุณค่า สามารถวิเคราะห์ค่านิยมที่เป็นคู่กัน (dichotomy) สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดดีควรกระทำ และสิ่งใดควรละเว้น

สาโรช บัวศรี กล่าวว่า จริยธรรมคือ หลักความประพฤติที่อบรมกิริยา และปลูกฝังลักษณะนิสัย ให้อยู่ในครรลองของคุณธรรม หรือศีลธรรม

กล่าวโดยสรุป นักวิชาการส่วนใหญ่เหล่านี้ ลงความเห็นว่า จริยธรรม คือ หลักการที่มนุษย์ในสังคมยึดถือปฏิบัติ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขในสังคมนั่นเอง

คัดเอามาเพียงแค่นี้ พอให้รู้ว่าจริยธรรม ที่พูดถึงกันมาตลอดเวลานั้น คืออะไรเท่านั้น ส่วนใครจะมีจริยธรรมสูงส่งหรือน้อยนิดเพียงใด เราไม่ใช่ผู้ตัดสิน ปล่อยให้สังคมตัดสินกันเองดีกว่า ซึ่งน่าจะเข้ากับธรรมะหลังปกของหนังสือฉบับเดียวกันนี้ ที่มีข้อความว่า

อนุปุพฺเพน เมธาวี
โถกํ โถกํ ขเณ ขเณ
กมฺมาโร รชตสุเสว
นิทฺธเม มลมตฺตโน.

Gradually, little by little,
From time to time, let the wise
Remove his own impurities,
As a smith removes dross.

ผู้มีปัญญาพึงขจัดมลทินของตน
ทีละน้อย ๆ ทุก ๆ ขณะ ตามลำดับ
เหมือนช่างเงินช่างทอง
ไล่ขจัดขี้เงินขี้ทองออกฉะนั้น.

##########




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2558    
Last Update : 11 มิถุนายน 2558 7:36:11 น.
Counter : 1457 Pageviews.  

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๓) เรื่องของขอทาน

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๓)

เรื่องของขอทาน

เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ตรงกับวันอาทิตย์ เป็นทั้งวันตรุษจีนและวันวาเลนไทน์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเราทั้งสองงาน แต่เป็นวันที่จะต้องไปทำบุญประจำสัปดาห์ ตามคิวก็ต้องไปวัดปทุมวนาราม ซึ่งอยู่หว่างกลาง ของศูนย์การค้าสยามพาราก้อน และเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเดือนก่อนก็ไปแต่ไม่ได้บริจาคเงินทำบุญ เพราะใบเสร็จรับเงินหมดพอดี ต้องเปลี่ยนไปบริจาคที่โรงพยาบาลสงฆ์ เพราะเป็นทางผ่านของรถเมล์สาย ๗๒ จากประตูน้ำที่จะไปเทเวศร์ แต่ลงผิดป้ายก่อนถึงสี่แยกพญาไท ต้องเดินข้ามแยกไปอีกช่วงหนึ่ง เล่นเอาเหงื่อโทรมตัว

คราวนี้รอรถ ปอ.๕๐๕ จากหน้าวชิรพยาบาล เป็นเวลานานก็ไม่มาสักที พอดีรถ ปอ.๑๖ ผ่านมาจึงรีบขึ้นไปเพราะมองเห็นว่ามีที่นั่ง ถ้าคนแน่นก็คงยังไม่ขึ้น เพราะไม่อยากรบกวนใคร เมื่อกระเป๋าหญิงมาเก็บค่าโดยสาร ก็ควักบัตรผู้เฒ่าให้ดูพร้อมเหรียญสิบบาท แล้วบอกว่าไปสี่แยกราชประสงค์ เพราะใจยังคิดว่าเป็น ปอ.๕๐๕ อยู่ กระปี๋บอกว่าไม่ผ่านค่ะ จึงนึกขึ้นมาได้ว่าสายนี้เขาเลี้ยวตรงสี่แยกราชเทวี ต้องบอกใหม่เป็นสี่แยกมาบุญครอง เธอพยักหน้าบอกว่า สิบเอ็ดบาทค่ะ ระยะทางใกล้กว่าราชประสงค์ซึ่ง ปอ.สีน้ำเงินเก็บแปดบาท สายนี้สีส้มแพงกว่าจึงกลายเป็นสิบเอ็ดบาท ต้องเพิ่มเหรียญบาทอีกอันหนึ่ง

เมื่อลงจากรถโดยสาร ที่ข้างมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์แล้ว ก็เดินเลาะกำแพงไป โดยล้วงกระเป๋าควักเหรียญบาทออกมานับต้นทุน ได้เก้าบาท พอจะแบ่งให้ขอทานได้สามคน แต่ปรากฏว่า ทางเท้าหน้าศูนย์การค้าสยามสแควร์ เปลี่ยนแผ่นกระเบื้องปูพื้นใหม่หมด สะอาดโล่งตาเพราะไม่มีหาบเร่และขอทานเกะกะเหมือนเมื่อก่อน เดินไปจนถึงสามแยกเฉลิมเผ่า หัวถนนอังรีดูนังค์ ต้องขึ้นสะพานลอยคนเดินข้ามถนนพระราม ๑ ด้วยความอดทน เพราะเดี๋ยวนี้ขึ้นสะพานลอยแต่ละครั้ง ทั้งเมื่อยขาและเหนื่อยใจกว่าปีก่อนมาก

เมื่อเดินไปถึงกลางสะพาน จึงเจอขอทานคนแรก ไม่ใช่อุ้มเด็กอย่างที่เห็นประจำ แต่เป็นหญิงมีครรภ์ กระบอกตรงหน้ามีกระดาษเขียนไว้ว่า ทำเพื่อลูกกรุณาเมตตาด้วย เราจึงควักกระเป๋าคว้าเหรียญบาทติดมือออกมาได้สี่เหรียญ เลยหย่อนลงไปในกระบอกทั้งหมด แกก็ให้ศีลให้พรไปตามธรรมเนียม

เมื่อลงจากสะพานลอยเข้าไปในวัดปทุมวนาราม และบริจาคเงินร่วมบูรณะปฏิสังขร พระอุโบสถแล้วก็ออกมาเดินต่อไปทางเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะขึ้นสะพานลอยอีกรอบหนึ่งคงไม่ไหวแน่ ตรงลานหน้าศูนย์การค้าแห่งนี้ จัดการตกแต่งเป็นงานฉลองตรุษจีน ที่เต็มไปด้วยสีแดง ไม่เห็นมีสัญลักษณ์ของวันแห่งความรักเลย

พอเลี้ยวซ้ายถึงเชิงสะพานลอยอีกแห่งหนึ่ง ก็เห็นขอทานคนที่สองมีไม้ค้ำยันรักแร้ เพราะมีขาข้างเดียวยืนอยู่ที่เชิงบันได จึงล้วงกระเป๋าตามสัญชาตญาณ ได้เหรียญบาทติดมือมาสามอัน ก็ใส่ลงในกระบอกที่แกถืออยู่ แกสะดุ้งเพราะไม่ได้มองมาทางเราเลย มัวแต่เงยหน้าสนใจผู้คนที่ลงจากสะพานลอย แล้วก็ผ่านไปคนแล้วคนเล่าเท่านั้น

เมื่อเดินต่อมาถึงป้ายรถเมล์ ก็หลบเข้าร่มเงาต้นไม้เล็ก ๆ แถวนั้น พอได้ลมเย็นโชยมากระทบเสื้อที่เปียกเหงื่อชุ่ม ค่อยชื่นใจหน่อย ก็มองเห็นชายผู้หนึ่งใส่เสื้อยืดคอกลม นุ่งกางเกงขาสั้น ไม่ทราบว่าสีอะไร เพราะทั้งเสื้อและกางเกงตลอดจนแขนขา ทั้งหน้าตาเผ้าผม ก็เป็นสีเดียวกันไปหมด คือสีดำ

เขาผู้นี้เดินไปกลับอยู่ระหว่างความยาว ของศาลาพักผู้โดยสารรถเมล์สองหลังติดต่อกัน เขาคงจะใช้ความสังเกตว่าผู้คนที่ยืนรอรถเมล์อยู่นั้น คนไหนมีท่าทีใจบุญก็จะเข้าไปยกมือไหว้ตรงหน้า ซึ่งส่วนมากเขาก็จะส่ายหน้าหรือโบกมือปฏิเสธเป็นส่วนมาก

เราก็ล้วงกระเป๋าควักสองเหรียญสุดท้ายขึ้นมาถือไว้ในมือ กะว่าถ้าเดินผ่านหน้าก็จะให้ แต่พอผ่านเข้าจริง เขากลับสนใจธนบัตรใบละยี่สิบบาทในมือ จนไม่สนใจเราเลย คงจะดีใจมากเลยเดินหายไป

เรายืนรอรถเมล์ ปอ.๕๐๕ อยู่อีกนานพอควร เพราะเห็นมีคันหนึ่งแล่นไปในทางตรงข้าม ซึ่งไปสุดสายที่มุมสวนลุมพินี ด้านสี่แยกถนนสาทร ทำให้มีกำลังใจรอต่อไป จนชายในชุดดำเดินกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อจะผ่านเราก็แวะเข้ามายกมือไหว้ บอกว่า ขอเงินห้าบาท

ผมก็แบมือให้เห็นเหรียญในมือว่ามีสองบาทเท่านั้น เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่แบมือรับและรีบเดินห่างออกไป เราเห็นผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ใกล้กัน ยิ้มแก้มแทบปริ สงสัยว่าเธอขำขอทาน ที่ไม่ยอมรับค่าตัวซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน

หรือขำเราที่ยังไม่รู้ว่า ขอทานเขาขึ้นราคาตามค่าครองชีพ โดยขอทีละห้าบาทกันแล้วมั้ง อนิจจาอนิจจังกาละมังแตก

เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็หยิบหนังสือธรรมะที่ได้รับแจกมา จากวัดเอี่ยมวรนุช ใกล้แยกบางขุนพรหม เมื่อไม่นานมานี้ อยากรู้ว่าการทำทานด้วยการให้เงินแก่คนขอทาน ได้อานิสงค์อย่างไร ก็ไม่พบ เจอแต่ข้อความว่า

เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย

เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์

เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ

เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจน

เหนุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต

เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน ฯลฯ

ในหนังสือไม่ได้ระบุว่าผู้ใดเขียน หรือสอนไว้ที่ใด แต่มีข้อสรุปท้ายเล่มว่า

ถ้าบุญเราไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเรา จงหมั่นทำความดี ตั้งแต่วันนี้และทุก ๆ วัน เพื่อความสุขความเจริญในภายภาคหน้า

ถึงไม่ทราบว่าเป็นคำสอนของใครแต่ก็น่าจดจำทำตามเป็นอย่างยิ่งทีเดียว

###########




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2558    
Last Update : 9 มิถุนายน 2558 15:56:50 น.
Counter : 427 Pageviews.  

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๒) เรื่องการกินเหล้าให้เด็กดู

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๒)

เดรื่องการกินเหล้าให้เด็กดู

วันก่อนไปเป็นเพื่อนแม่บ้าน ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจตา ซึ่งมาเป็นประจำหลายปีแล้ว ตาเป็นต้อหินผ่าตัดไม่ได้ ต้องหยอดยาไปตลอดชีวิต ยาขวดเล็กนิดเดียวราคาประมาณสามร้อยบาท หมอให้ทีละสามขวด หยอดสามเดือนก็ไปให้หมอตรวจครั้งหนึ่ง คราวนี้มีการหยอดยาขยายม่านตา สามสี่ครั้ง ต้องนั่งรอนานมาก ตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยง

ขณะที่ขึ้นรถ ปอ.๕๐๕ กลับบ้านก็รู้สึกหิวจึงขอลงเทเวศร์ให้แม่บ้านกลับไปคนเดียว กินกระเพาะปลาชามหนึ่งแล้วเห็นแดดจ้าเหลือเกิน เดี๋ยวจะเกิดแพ้แดดเป็นผื่นคันขึ้นมาอีก จึงหลบร้อนเข้าไปอ่านหนังสือพิมพ์ ในหอสมุดแห่งชาติจนเย็นจึงกลับบ้าน

ก็เลยได้ข่าวคืบหน้า ของการกำจัดนกพิราบออกจากสนามหลวง เดิมว่าจะส่งไปเลี้ยงที่จังหวัดราชบุรี แต่ชาวบ้านจังหวัดนั้นคัดค้าน กลัวว่าจะเอาเชื้อโรคไปปล่อยให้เขา กทม.จึงต้องหาที่ใหม่ให้ไปพักในพื้นที่สาธารณะที่ว่าง แถวถนนลาดพร้าว ซอย ๘๗ และ ซอย ๑๐๑ ก่อน แล้วจึงลำเลียงไปเลี้ยงในฟาร์มของ สส.คนหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี

วางแผนว่าจะสร้างกรงใหญ่ห้าหกหลัง ให้นกอยู่อย่างสบาย โดยให้ทาง กทม.สนับสนุนค่าอาหาร เมื่อมีการผสมพันธุ์และนกออกไข่ ก็จะเก็บไข่ทั้งหมด เป็นการคุมกำเนิดไปในตัว

ส่วนที่ว่าจะฝึกให้เป็นนกพิราบสื่อสารนั้น ไม่สามารถฝึกได้เพราะเป็นนกป่า ชอบอยู่ประจำถิ่น และในข่าวระบุว่า เมื่อสัตวแพทย์ตรวจแล้ว พบว่าในตัวนกพิราบพวกนี้มีไรมากมาย ขนเพียงชิ้นเดียวมีไรอาศัยอยู่ถึง ๓๐-๔๐ ตัว ไรพวกนี้เป็นพาหะนำโรคไข้สมองอักเสบมาให้คนด้วย

ทางด้านสนามหลวงก็ได้เริ่มสร้างกรงขนาดใหญ่ มีตาข่ายคลุม แล้วเอาอาหารใส่ไว้ล่อนกให้มารวมกัน แล้วจะได้ทยอยจับไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมด แม้ว่าจะมีพวกพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารนก มาแกล้งบ้างเล็กน้อย ทางเทศกิจก็ไม่ว่าอะไร

แต่ชักชวนให้รับเหมาเอาอาหารนกมาขายให้ กทม.ก็ไม่ร่วมมือด้วย คงแค้นที่มาตัดอาชีพของเขา

การย้ายนกพิราบออกไปจากสนามหลวงนี้ ถ้าทำได้สำเร็จก็เป็นเรื่องที่ดีแก่ส่วนรวม น่าสนับสนุน และการเอาไปเลี้ยงเพื่อเก็บไข่นั้น ถ้าทำได้จริงก็อาจจะได้ค่าอาหารคืน เพราะตามข่าวว่า ไข่นกพิราบเมื่อขึ้นภัตตาคารแล้ว ราคาฟองละสิบบาททีเดียว ไม่รู้โม้หรือเปล่า

ในคอลัมน์สารพันปัญหา ซึ่งเป็นหน้าตอบจดหมายของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ได้มีสตรีผู้หนึ่งเขียนจดหมายร้องทุกข์มาว่า ในจังหวัดของเธอ นิยมการจัดงานแต่งงาน โดยใช้สถานที่ของโรงเรียน เช่นหอประชุมหรือห้องอาหาร เป็นที่ประกอบพิธีและจัดเลี้ยง

โดยทางโรงเรียนได้รับผลประโยชน์ และจัดให้นักเรียนขายหญิงมาเป็นผู้บริการ หรือเด็กเสริฟด้วย ในงานย่อมมีการดื่มสุราเบียร์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นการดื่มของมึนเมาให้เด็กดู ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง

เรื่องนี้ผู้ตอบปัญหาดูเหมือนจะโยนเรื่องให้ผู้เกี่ยวข้อง คือกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาตามระเบียบ

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับกรุงเทพมหานคร ที่โรงเรียนใหญ่ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง หลายโรง ได้จัดงานสังสรรค์วันก่อกำเนิดโรงเรียนบ้าง งานเลี้ยงรุ่นของนักเรียนเก่า หลายรุ่น หรืองานแสดงมุทิตาจิตแด่ครูอาวุโสบ้าง ซึ่งมีคนใหญ่คนโต ที่มีชื่อเสียงในสังคม ที่เป็นศิษย์เก่ามากมายมาร่วมงาน

แต่ละงานก็ไม่ได้ขาดการเลี้ยงสุรายาเมา แม้แต่งานเดียว รวมทั้งโรงเรียนของเราเอง ก็เคยไปร่วมงานกับเขานับเป็นสิบปีที่ผ่านมา โดยไม่ได้ฉุกคิดถึงเรื่องนี้เลย เห็นเป็นปกติไปเสียแล้วด้วยซ้ำ

เพราะการจัดงานเลี้ยงในห้องประชุม หรือกลางสนามหน้าโรงเรียน เป็นการประหยัดค่าเช่าสถานที่ภายนอก ได้เป็นอย่างดี

เมื่อได้อ่านจดหมายร้องทุกข์ฉบับนี้แล้ว ทางกระทรวงศึกษาธิการจะคิดอย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะกฎหมายห้ามดื่มสุราขณะขับรถ และห้ามดื่มสุราในวัด ก็ประกาศใช้แล้ว ถ้าจะเพิ่มการห้ามดื่มสุราในโรงเรียนด้วย โดยเหตุผลข้างต้น ที่ว่าเหมือนการกินเหล้าให้เด็กดูนั้น ก็ไม่น่าจะมีใครคัดค้านได้

เพราะถ้าเราไม่อยากให้ผู้ใหญ่ในอนาคต ดื่มเหล้าเพิ่มขึ้น เราก็ควรป้องกันเสียตั้งแต่เด็ก ประถมมัธยมก่อน ก็น่าจะสมควรแก่เหตุ มิใช่หรือ

##########




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2558    
Last Update : 8 มิถุนายน 2558 17:45:53 น.
Counter : 364 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.