Group Blog
 
All Blogs
 
บันทึกของผู้เฒ่า (๕) สามก๊กฉบับลิ่วล้อ ตอนแรก

บันทึกของผู้เฒ่า (๕)

เมื่อวันพุธที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๓ ได้ไปทัศนาจรกับเพื่อน ที่เคยรับราชการในกรมการทหารสื่อสารด้วยกันมาเมื่อ ๔๐ ปีก่อน รวม ๙ คน เป็นทหารสื่อสาร ๕ คน ทหารสรรพาวุธ ๒ คน เป็นเพื่อนพลเรือนหนึ่งคน และเป็นลูกทหารสื่อสารหนึ่งคน แยกออกเป็นชายสี่คน หญิงห้าคน ออกเดินทางจากสวนอ้อยประมาณ ๐๖.๓๐ น. ขาไปแวะวัดญาณสังวราราม เดินดูมุมที่ยังไม่เคยเยี่ยมแม้จะมาแวะหลายครั้งแล้วก็ตาม

แล้วไปแวะฐานทัพเรือสัตหีบ ลงชมเรือโดยการขึ้นบันไดไปบนดาดฟ้าของ ร.ล.จักรีนฤเบศรพร้อมกับยลโฉม ร.ล.พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งจอดเทียบอยู่ด้านหัวเรือ และ ร.ล.ตากสิน ที่กำลังแล่นผ่านออกไปในทะเลหลวงอย่างสง่างามด้วย

แล้วไปดูศูนย์เพาะพันธุ์เต่าทะเลที่หน่วยรักษาฝั่ง จากนั้นแวะกินก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารกลางวัน ที่ตลาดสัตหีบ แล้วจึงเข้าที่พักอาคารรับรองของสวัสดิการทหารเรือ อ่าวเตยงาม โดยจ่ายค่าที่พักในราคากันเองเพราะเป็นทหารบก

เวลาประมาณสี่โมงเย็นขึ้นรถตู้คันเดิม จะไป หาอาหารเย็นที่สโมสรหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ่าวดงตาล แต่สโมสรปิดปรับปรุงจึงขึ้นภูเขาไปถึงแหลมฟ้าผ่า ซึ่งเป็นที่ตั้งประภาคารหรือกระโจมไฟ อาภากร และเป็นที่ตั้งศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แล้วก็ย้อนกลับมากินอาหารเย็นที่สโมสรเรือใบ ติดกับอาคารที่พักของเรานั่นเอง

รุ่งขึ้นวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ กินอาหารเช้าฟรีของที่พักแล้ว ก็ออกเดินทางกลับโดยเส้นทางเลียบทะเลพัทยาผ่านหาดจอมเทียน จนมาจอดแวะหนองมนเพื่อให้ฝ่ายสตรีลงไปจ่ายเงิน แล้วก็เลี้ยวเข้าบางแสน ผ่านแหลมแท่นอ้อมเขาสามมุขไป แวะกินอาหารกลางวันที่ร้านโพธิ์ทะเลหลวง ซึ่งลัดเลี้ยวเข้าไปจนถึงริมทะเล ในขณะนั้นน้ำขึ้นเต็มเปี่ยม มีลมหนาวพัดแรงจนเย็นยะเยือกตลอดเวลา ขนาดพัดลมหมุนได้เองโดยไม่ต้องเปิดไฟ

อิ่มท้องแล้วก็ออกเดินทางไปแวะที่หมู่บ้านอ่างหินหรืออ่างศิลา นึกว่าจะมีใครลงซื้อครกหินหรือสาก(กระเบือ) มีแต่แม่บ้านคนหนึ่งซื้อกระถางดินเผาเล็ก ๆ เป็นรูปน่ารักสำหรับปลูกไม้ประดับ

จากนั้นก็แวะวิหารเซียน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก เป็นวิหารที่มีรูปปั้นเซียนของนิกายมหายาน ปางต่าง ๆ เป็นตึกสูงสี่ชั้น ซึ่งผู้เฒ่าเดินขึ้นบันไดไปชั้นเดียวก็เข่าอ่อน ต้องวนเวียนชมความวิจิตรพิสดารแค่ภายนอก ปล่อยให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ขึ้นไปเพียงสามคน

จากนั้นก็บึ่งรถเข้ากรุงเทพทางถนนมอร์เตอร์เวย์ เป็นระยะทางเท่าไรไม่รู้ แต่ใช้เวลากว่าชั่วโมง ทำให้มีการกระสับกระส่าย อยากจะลดน้ำหนักแต่หาที่จอดไม่ได้เลย คิดจะจอดตรงที่จอดรถฉุกเฉิน แล้วเอารถบัง แต่ฝ่ายสตรีที่มีจำนวนมากกว่าห้ามไว้ เพราะเธอเหล่านั้นก็มีความประสงค์เช่นเดียวกัน จำต้องกัดฟันทนจนถึงด่านเก็บเงินครั้งสุดท้าย จึงมีที่ให้ปลดทุกข์ ดูลักษณะแล้วเป็นสถานที่สร้างใหม่เอี่ยม เข้าใจว่าคงจะมีผู้ร้องเรียนหลายราย ที่มีทุกข์เช่นเดียวกับเรา

แล้วก็มาลงจากทางด่วนที่ถนนพระรามหก ข้างคลองประปาสามเสน แล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาของตน ซึ่งมีทั้งรังสิต บางกรวย พรานนก และสวนอ้อย ด้วยความเรียบร้อย

วันรุ่งขึ้นศุกร์ที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๓ ผู้เฒ่าปวดเมื่อยไปหมดทั้งต้นคอ หัวไหล่ บั้นเอว และหัวเข่า ด้วยความที่ต้องมุดเข้าเข้ามุดออกรถตู้ เดินขึ้นลงที่ลาดเขา และเรือจักรี ฯ รวมทั้งขึ้นบันไดเพื่อไปไหว้พระไหว้เซียนหลายแห่ง

แต่ก็ยังคิดถึงเพื่อนในไร้สังกัด รีบเอาสามก๊กฉบับย่นย่อมาวางไว้ก่อน รุ่งขึ้นจะได้เอาตอนแรกมาวางให้ทันใจ

ปรากฏว่าเมื่อมาถึงวันนี้ เสาร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๓ วางสามก๊กฉบับลิ่วล้อตอนแรกชุด โจรปล้นเมือง เมื่อเวลาประมาณ ๐๖.๓๐ น. ได้หมายเลข m8798105 แล้วก็เตร่ไปดูกระทู้อื่น ๆ พอจะเลิกไปกินอาหารเช้า ๐๗.๐๐ น. ลองดูว่าจะมีใครเห็นหรือยัง ก็อันตรธานไปเสียแล้ว

เรื่องสามก๊กอันเป็นวรรณคดีไทย จากพงศาวดารจีน ที่ว่ากันว่าเป็นยอดของวรรณคดีร้อยแก้ว ในยุครัตนโกสินทร์นี้ ช่างเป็นอาถรรพ์ใน รัตนโกสินทร์ศกสองร้อยยี่สิบกว่าปีเสียจริง ๆ

คงจะต้องใช้วิธีเล่าเรื่องย่อแบบ ตอนเกริ่นนำนั้นเสียทั้งหมดก็เป็นได้



สามก๊กฉบับลิ่วล้อ ชุด โจรปล้นเมือง

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

ขุนโจรปล้นเมือง

"เล่าเซี่ยงชุน"

ในรัชสมัยพระเจ้าเลนเต้ มีโจรก๊กหนึ่งเป็นพี่น้องกันสามคน โจรก๊กนี้มีอิทธิพลแผ่กระจายออกไป ครอบคลุมประชาชนถึงแปดหัวเมือง หัวหน้าใหญ่มีสามคนพี่น้อง คนโตชื่อ เตียวก๊ก คนรองชื่อ เตียวโป้ และคนสุดท้องชื่อ เตียวเหลียง
พี่น้องทั้งสามอาศัยอยู่ในเมืองกิลกกุ๋น วันหนึ่งพี่ชายใหญ่เดินทางไปเที่ยวหายาบนภูเขา พบชายแก่คนหนึ่งผิวหน้าอ่อนดังทารก ตาเหลืองเหมือนตาเสือ มือถือไม้เท้า พาเตียวก๊กเข้าไปในถ้ำ แล้วมอบตำราให้สามฉบับ ให้เอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ สำหรับช่วยเหลือคนทั้งปวงให้อยู่เย็นเป็นสุข แต่ถ้าคิดร้ายมิซื่อตรงต่อแผ่นดินแล้ว จะมีภัยอันตรายมาถึงตัว เตียวก๊กก็กราบไหว้รับเอาตำรานั้นมาศึกษาที่บ้านทั้งกลางวันกลางคืน จนมีความรู้กว้างขวาง จึงตั้งตัวเป็นผู้วิเศษ เรียกว่า โต๋หยิน

พอดีปีนั้นมีโรคห่าระบาดใหญ่ในเมืองกิลกกุ๋น ชาวเมืองเจ็บไข้ได้ป่วยกันแทบจะทุกหลังคาเรือน เตียวก๊กจึงเขียนเลขยันต์ตามตำรา แจกให้ชาวเมืองเก็บไว้รักษาก็หายไข้ มีคนนับถือเลื่อมใสมาสมัครเป็นลูกศิษย์ ให้สั่งสอนวิชาประมาณร้อยเศษ

เตียวก๊กก็ตระเวนเดินทาง ไปรักษาคนไข้ตามหัวเมืองใหญ่น้อยต่าง ๆ ผู้คนก็นับถือเพิ่มมากขึ้นทุกที จนมีศิษย์เอกที่ตั้งให้เป็นนายบ้านตามตำบลต่าง ๆ ทั่วไป ตำบลใหญ่ก็มีคนอยู่ประมาณหมื่นเศษ ตำบลน้อยก็ประมาณหกเจ็ดพัน จัดเป็นหมวดหมู่มีธงบอกยี่ห้อรวมถึงสามสิบตำบล

เตียวก๊กก็ตั้งตนเป็นใหญ่คิดจะเป็นฮ่องเต้ ทางเมืองลกเอี๋ยงราชธานีจึงจัดกองทัพ ออกมาปราบปราม และป่าวร้องให้หัวเมืองต่าง ๆ ข่วยกันจัดทหารมาร่วมด้วย

จึงมีผู้มีฝีมือหลายคนยกกองทหารของตนมาช่วยปราบปรามโจรก๊กนี้ ตนสามพี่น้องตายไปหมด บ้านเมืองก็สงบลง ผู้ที่อาสามาปราบโจรก็ได้รับราชการเป็นเจ้าเมืองไปตาม ๆ กัน

ในจำนวนผู้อาสาเหล่านี้ ต่อมาก็เป็นตัวเอกของนิยายเรื่องสามก๊กทั้งสิ้น เช่น
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย โจโฉ ตั๋งโต๊ะ ซุนเกี๋ยน

และบรรดาคนหนุ่ม ที่อาสาเข้ามาปราบโจรโพกผ้าเหลืองครั้งนี้ ต่อมาก็ได้เจริญเติบโต มีกำลังเข้มแข็ง แยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า สู้รบแย่งชิงอำนาจกันเอง

ทั้งฝ่าย แซ่โจ แซ่เล่า และ แซ่ซุน จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน อีกเก้าสิบเจ็ดปี จึงหมดยุคของสามก๊กลงโดยสิ้นเชิง.

##########


Create Date : 06 มิถุนายน 2558
Last Update : 6 มิถุนายน 2558 8:11:57 น. 0 comments
Counter : 316 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.