Group Blog
 
All Blogs
 
อันความกรุณาผปรานี

เหมือนสายฝนอันชื่นใจ


วันนี้ฉันออกเวรเช้า ลงมาจากตึกที่ฉันปฏิบัติงานอยู่ แม้จะมีความอ่อนเพลียเต็มทีแต่ก็มิได้รีบเร่งที่จะเดินกลับไปยังที่พัก เดินทอดน่องเอื่อยไปเรื่อย

เป็นเวลาที่เย็นมากพอสมควร ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ในตอนกลางวันนั้น ตอนนี้ก็บางตาเต็มที หรือแทบจะไม่มีใครเดินสวนทาง

เมื่อเดินผ่านมาตามทางเดินที่ทอดเชื่อม ระหว่างตึกหนึ่งไปยังอีกตึกหนึ่ง ของโรงพยาบาลศูนย์ ในจังหวัดใหญ่ที่ฉันทำงานอยู่ ตามข้างทางก็จะมีม้านั่งตัวยาว ให้ญาติผู้ป่วยหรือผู้มาใช้บริการได้นั่ง ตั้งอยู่เป็นระยะ ๆ

พอเดินมาใกล้ม้ายาวตัวแรก ตาของฉันก็เหลือบมองไปพบชายชราผู้หนึ่งดูท่าทางทรุดโทรม ทั้งสังขารและเครื่องแต่งกาย นั่งอยู่อย่างเซื่องซึม ข้างตัวแกมีสัมภาระรุงรัง ในจำนวนสัมภาระนั้นก็มีผ้าขาวม้าสีคร่ำคร่า ห่อของวางอยู่เช่นกัน ก็ไม่ผิดอะไรกับเสื้อกางเกงที่แกสวมใส่ ซึ่งฉันก็มิได้สนใจอะไร ยังคงเดินผ่านแกไป

แต่ยังไม่ทันจะผ่านพ้นตัวแก ก็ได้ยินเสียงแกร้องเรียกเบา ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นพนมไหว้ แบบชาวบ้านทั่วไป

“ คุณหมอครับ “

เสียงนั้นทำให้ฉันต้องหยุดชงัก

“ มีอะไรหรือจ๊ะลุง “

เราได้รับการอบรมมาให้ช่วยเหลือ แนะนำคนไข้ในทุกกรณี

“ คุณหมอครับ กรุณาผมด้วยเถิดครับ “

แกพูดทั้ง ๆ ที่ยังพนมมืออยู่เช่นเดิม จนฉันรู้สึกกระดากใจขึ้นมาทันที ผู้ใหญ่รุ่นปู่รุ่นตา แล้วยังมาพนมมือไหว้ฉัน ซึ่งเป็นเด็กรุ่นหลานเหลนแล้วก็ว่าได้

“ ลุงอย่าไหว้ฉันเลยจ้ะ ลุงมีอะไรก็บอกมาเลยจ้ะ “

ลุงแกก็เอามือลงอย่างว่าง่าย

“ ผมจะกลับบ้านแต่ไม่มีค่ารถ แล้วก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย “

ใจฉันไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธและเดินเลยไปได้ จึงซักถามต่อไปจนได้ความว่า แกเป็นคนเพชรบุรี มาป่วยรักษาตัวอยู่ที่นี่ และวันนี้หมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่แกไม่มีเงินติดตัวเลย เพราะไม่มีญาติ ไม่รู้ว่าจะกลับไปได้อย่างไร

แกเล่าพร้อมควักบัตรประจำตัวคนไข้ และถุงยาที่หมอสั่งให้ไปกินที่บ้าน ออกมาให้ดูเพื่อเป็นการยืนยัน ทำให้ฉันต้องคิดอยู่ชั่วอึดใจ

ด้วยท่าทางที่น่าสงสารของแก ทำให้ฉันตัดสินใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงปลายเดือนเต็มทีแล้ว

เมื่อออกปากชวนแก ให้ไปกินข้าวที่โรงอาหารของโรงพยาบาล แกก็หอบหิ้วสัมภาระของแกตามไปแต่โดยดีไม่อิดออด

ระหว่างที่แกกินข้าวราดแกงอยู่นั้น ก็คิดคำนวณว่าแกจะต้องใช้ค่ารถสักเท่าไร เพราะตัวฉันเองไม่เคยไปจังหวัดเพชรบุรีเลย จะไปก็แต่กรุงเทพมหานคร แล้วยังคนละทิศละทางอีกต่างหาก

จนแกกินข้าวจานที่สองหมดไปแล้ว แกก็ยกมือไหว้ให้ศีลให้พร ตามธรรมเนียมของผู้เฒ่าผู้แก่ฉันตัดสินใจส่งเงินให้แกเป็นสองร้อยบาท แกรับไปด้วยมือที่สั่นเทา และให้พรอีกยืดยาว จึงบอกกับแกให้รีบกลับ เดี๋ยวจะมืดค่ำไปใหญ่ แล้วแกจึงลาจากไป

ฉั นเดินกลับมาถึงหอพักด้วยความอิ่มใจ ที่ได้ทำบุญแก่ผู้ยากไร้ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก คืนนั้นจึงนอนหลับสบาย เอิบอิ่มไปด้วยความภูมิใจ

เมื่อตื่นขึ้นก่อนฟ้าจะสว่าง เพื่อไปรับเวรแต่เช้ามืดเนื่องจากไปรับปากเพื่อนร่วมงานไว้ ว่าจะขึ้นเวรเร็วหน่อยก่อนเวลา เพื่อให้เขาลงเวรเร็วเพราะเขามีธุระ จิตใจฉันก็แจ่มใสเป็นสุข หลังจากอาบน้ำแต่งเครื่องแบบแล้ว ก็ออกจากหอพักไปยังตึกที่ทำงาน

อากาศตอนรุ่งอรุณกำลังเย็นสบาย มีลมพัดเอื่อย ๆ มาเป็นระยะ ๆ เพราะใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ทำให้ฉันซุกมือทั้งสองเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงทั้งสองข้าง เดินทอดน่องไปอย่างไม่เร่งรีบ

ขณะที่เดินผ่านเส้นทางเดิมซึ่งมีแสงไฟส่องเพียงสลัว ๆ ก็เห็นว่าที่ม้ายาวข้างทางเดินนั้น มีร่างของใครคนหนึ่งนอนขดอยู่ แต่ฉันไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคงเป็นญาติคนไข้ที่มาเฝ้าไข้ แล้วหนีออกมานอนข้างนอก ตอนที่พยาบาลกำลังปฏิบัติงานตอนเช้ามืดของเวรดึก

เมื่อเดินผ่าน จึงจำห่อผ้าขาวม้ากระดำกระด่างห่อนั้นได้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชายชรา คนที่ฉันทำบุญไปเมื่อเย็นวานนี้เอง ทำให้ฉันชะงักเท้าหยุดลงพินิจพิจารณาร่างอันขมุกขมอม เสื้อผ้าชุดเก่าที่เห็นเมื่อวาน

อดที่จะคิดไม่ได้ว่าฉันทำผิดพลาดไปหรือเปล่า หรือว่าเงินที่ให้ไปนั้นยังไม่พอกับค่ารถ แกจึงยังไม่กลับไปบ้าน หรือว่าแกมีอาการเจ็บป่วยมากจนไปไม่ได้ และจะรอตรวจเช้านี้ หรือว่าแกจะรอให้เช้าก่อนค่อยกลับบ้าน หรือ……

ขณะที่ฉันกำลังคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ยังไม่ทันจะสิ้นกระแสความ ร่างนั้นก็ขยับเขยื้อน แล้วก็ลุกขึ้นนั่งไม่เงยหน้าขึ้นมามอง แกพนมมือไหว้ อย่างที่แกเคยไหว้ฉันมาแล้ว ลุงแกคงจำเราได้ฉันคิดอยู่ในใจ แล้วแกก็เปล่งเสียงอันแหบแห้งออกมาเบา ๆ

“ คุณหมอครับ กรุณาเถอะครับ ผม…………….”

เสียงนั้นทำให้ฉันสาวเท้าก้าวเดินต่อไปข้างหน้า โดยไม่รอฟังให้จบประโยค เพราะมือที่กำประเป๋าตังค์อยู่ในกระโปรงนั้น บอกว่าถ้าขืนชักช้า อาจจะมีเงินเหลือไม่ถึงสิ้นเดือน อย่างแน่นอน.

* * * * * * * *

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 13 ก.ค. 48 06:10:52 ]



ความคิดเห็นที่ 1

ผมวางนิตยสารขนาดพ็อคเก็ตบุ๊คส์ ฉบับที่ลงพิมพ์เรื่องสั้น ชื่อ อันความกรุณาปรานี ซึ่งได้หยิบมาอ่านซ้ำหลายครั้ง จนแทบจะจำข้อความได้ทุกวรรคนั้น ลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ

เรื่องนั้นเป็นเรื่องจากประสบการณ์ของพยาบาลคนหนึ่ง เมื่อหยิบมาอ่านทุกครั้ง ทำนองเพลงประจำสถาบันแห่งหนึ่ง ก็มักจะแว่วเข้ามาในโสตประสาทของผม

อันความกรุณาปรานี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน……

ผมปล่อยความคิดคำนึงให้ล่องลอยไปยังอดีตที่ไม่ไกลนัก

ผู้เขียนเรื่องนี้เป็นสาวน้อยอายุเพียงยี่สิบเศษ ๆ เธอเป็นคนชอบอ่านและใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเขียน เรื่องสั้นนี้เป็นเรื่องแรกของเธอ ถูกส่งมาให้ผมแก้ไขตรวจทาน ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เป็นบรรณาธิการหรือผู้ช่วยบรรณาธิการ นิตยสารฉบับใดทั้งสิ้น นอกจากจะเป็นนักเขียนเล็ก ๆ ที่เพิ่งประสบความสำเร็จ ได้พิมพ์หนังสือเล่มแรกออกวางตลาดเมื่อไม่นานมานี้เอง

ผมพยายาม นึกถึงใบหน้าของเธอ แต่ก็นึกไม่ออก จำได้แต่เพียงว่าเธอมีจมูกโด่งคมสัน ราวกับดาราลูกครึ่งในละครโทรทัศน์

เราพบกันหรือที่ถูกเธอพบผมเป็นครั้งแรก ที่บ้านญาติของเพื่อนผม ในงานอะไรก็จำไม่ได้ ที่มีผู้คนมากมายจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

ผมได้ทราบว่าเธอเป็นหลานของใครคนหนึ่งที่มาในงานนั้น โดยที่เราไม่ได้พูดกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว

ต่อมาจึงได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง ในงานวันเกิดของเพื่อนคนหนึ่งของเพื่อนผม เธอฟังผมคุยถึงเรื่องความสำเร็จในงานเขียนของผม และสนใจในหนังสือที่ผมจัดทำขึ้น เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดแก่เพื่อนคนนั้น

เราจึงได้คุยกันเป็นครั้งแรก และเธอออกปากอยากจะได้หนังสือเล่มนั้นไปอ่านบ้าง เพื่อศึกษาการเขียนเรื่องสั้นแบบที่ผมถนัด ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องในหนังสือที่ระลึกวันเกิดนั้น

ผมจึงส่งไปให้เธอทางไปรษณีย์ ถึงที่ทำงานของเธอในวันหลัง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร

เธออ่านแล้วก็มีหนังสือตอบขอบคุณ และแสดงความชื่นชมในเรื่องต่าง ๆ ที่ผมเขียน กับขอคำแนะนำในการเขียนเรื่องสั้นแบบนั้นบ้าง

ผมจึงได้แนะให้นำเอาประสบการณ์ในการทำงาน หรือพฤติกรรมที่ได้พบเห็น จากคนไข้ พยาบาล หรือแพทย์ ซึ่งน่าจะมีมากมายหลายแบบ ทั้งสุข เศร้า รันทด น่าเวทนา หรือแม้แต่ขำขัน มาเป็นข้อมูลในการเขียน

ซึ่งเธอก็ได้ทดลองเขียนมาให้ผมตรวจแก้ แล้วผมก็บอกชื่อนิตยสารที่สมควรจะส่งไปให้พิจารณา เพราะเป็นนิตยสารที่เปิดกว้างสำหรับเรื่องของนักเขียนมือใหม่ เพียงแต่ว่ามีผู้ส่งไปมากมายจนต้องรอนานเป็นเวลาหลายเดือน หรือร่วมปี กว่าจะได้รับการพิจารณาลงพิมพ์ หรือทิ้งตะกร้า

ผมเตือนให้เธอใช้ความมานะพากเพียรพยายามในการเขียน และความอดทนในการรอคอยให้มาก ผมคาดหมายว่าวันหนึ่งเธอจะพบความสำเร็จสมหวังตั้งใจ แม้ว่าผมจะไม่มีโอกาสได้แสดงความยินดีกับเธอด้วยตนเองก็ตาม

เพราะผมไม่ได้ติดต่อกับเธออีกเลย ตั้งแต่ส่งต้นฉบับเรื่อง อันความกรุณาปรานี คืนไปให้เธอแล้ว เธออาจจะน้อยอกน้อยใจหรือเสียใจ ที่ผมหายเงียบไปไม่ตอบจดหมายของเธอตามประสาคนช่างคิดช่างฝัน

แต่นั่นก็ถือได้ว่าเป็นบทเรียนบทแรก ในการรอคอยแล้วก็พบกับความผิดหวัง ที่นักเขียนมือใหม่แทบทุกคนจะต้องได้พบ บางคนต้องพบอยู่เป็นประจำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะประสบความสำเร็จ หรือบางคนก็ท้อแท้เลิกราวางมือไปเลย

ถึงอย่างไรผมก็ได้ช่วยต่อเติมความใฝ่ฝันของเธอ ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่าง ราง ๆ แล้ว ถ้าเธอมีความมานะอดทนต่อไป ก็คงจะเป็นรูปที่สมบูรณ์ได้ในวันหนึ่ง โดยไม่ต้องมีคำแนะนำจากผมก็ได้

แต่เรื่องไม่ได้ยุติลงเพียงแค่นั้น เรื่องสั้นของเธอที่ส่งไปให้นิตยสารชื่อดัง ตามที่ผมแนะนำนั้น ได้ลงพิมพ์ห่างจากวันที่เธอส่งไป เพียงเดือนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เพราะแม้แต่ผมซึ่งเขียนส่งไปเป็นประจำ ยังได้ลงบ้างหายเงียบบ้าง และเรื่องที่ได้ลงก็มักจะห่างจากวันที่ส่งเป็นเวลาหลาย ๆ เดือน

เธอรีบเขียนมาขอบคุณผมอย่างมากมาย ซึ่งผมก็ได้แสดงความยินดีด้วย จากใจจริง แล้วก็ให้กำลังใจแก่เธอ ที่จะทำงานที่เธอรักนี้ต่อไปได้ดีขึ้น

จากนั้นเธอก็ยังคงเขียนจดหมายมาคุยอีกหลายครั้ง เธอเล่าถึงความเพ้อฝันในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งความว้าเหว่ ความเศร้า ความรัก และความผิดหวังของเธอ ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบไปเลย

เธอจึงต่อว่าที่ผมเงียบหายไปเฉย ๆ และอยากจะได้พบผมอีกสักครั้ง แต่ผมก็ต้องทำเฉยเสีย ด้วยเหตุผลหลายประการ

ทั้ง ๆ ที่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อผมนั้น เหมือนสายฝนที่โปรยความชุ่มชื่นให้แก่จิตใจของผม อย่างที่ไม่เคยได้เป็นเช่นนั้นมานานหนักหนาแล้ว

เธอคงจะเอือมระอากับความนิ่งเงียบ ของผมเต็มที จดหมายของเธอจึงห่างลงและในที่สุดก็หายไป รวมทั้งไม่มีต้นฉบับเรื่องสั้นของเธอ มาให้ผมช่วยตรวจแก้อีกเลย

จนเวลาได้ล่วงเลยไปกว่าครึ่งปี ผมจึงได้รับการติดต่อจากเธออีกครั้ง เมื่อบ่ายนี้เอง

ผมไม่จำเป็นต้องเดา หรือตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้รับอย่างไม่คาดฝัน เพราะภายในซอง สีนวลนั้น มีบัตรเชิญสีเดียวกันกับซอง และมีกลิ่นหอมชื่นใจอบอวลอยู่

* * * * * * * *

ผมหลับตาลง....รู้สึกใจหายเมื่อชีวิตของผมจะต้องกลับไปสู่ความแห้งแล้ง เหมือนพื้นดินแตกระแหง เช่นเดิม.

(จบบริบูรณ์)
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 48 21:02:19
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 48 20:58:26
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 48 20:56:17
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 48 19:13:07

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 13 ก.ค. 48 06:22:42 ]



ความคิดเห็นที่ 2

เศร้าแฮะ...


ลืมดูไปว่าไม่ใช่(เรื่องสั้นหรรษา) ฮือ....

จากคุณ : มาดาม เค - [ 13 ก.ค. 48 09:41:05 ]


ความคิดเห็นที่ 3

มาอ่าน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ซึมซับฝีมือกลับมาบ้าง

จากคุณ : มณีมรกต - [ 13 ก.ค. 48 11:04:51 ]


ความคิดเห็นที่ 4

แหะๆ ไม่เข้าใจช่วงท้าย (อีกแล้ว)
แต่เฉพาะท่อนต้น .. เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย
น้องคนนึงเคยให้ไปมากกว่า 500 .. เจอว่าโดนหลอก
เสียความรู้สึก และชวนให้ไม่อยากทำอะไรอีกเลย

จากคุณ : scottie - [ 13 ก.ค. 48 11:13:17 ]


ความคิดเห็นที่ 5

...สงสัยเป็นการ์ดงานบวชน้องชายเธอแน่ๆเลย เพราะการ์ดงานบวช
สีก็สวยน๊า...

smile
แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 48 11:21:42

จากคุณ : อนงค์นาง - [ 13 ก.ค. 48 11:21:12 ]



ความคิดเห็นที่ 6

moonstar

จากคุณ : :::อาราเร่::: - [ 13 ก.ค. 48 14:08:51 ]


ความคิดเห็นที่ 7

มาส่งยิ้มให้ค่ะ

จากคุณ : Auntie DEE (Auntie DEE) - [ 13 ก.ค. 48 14:30:39 ]


ความคิดเห็นที่ 8

ฮึกๆๆ ซิกๆๆๆๆ...

พออ่านถึงตอนจบแล้วใจหายแว๊บบบบ~เลยอ่ะ

สนุกมากๆ ขอบคุณที่เขียนให้ผมมีโอกาสได้อ่าน...

บอกได้ว่าอ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ ครับ

จากคุณ : ปีกสีมืด (ปีกสีมืด) - [ 13 ก.ค. 48 16:54:05 ]


ความคิดเห็นที่ 9

^ ___ ^

จากคุณ : ต้นชบากับคนตาบอด - [ 13 ก.ค. 48 19:22:21 ]


ความคิดเห็นที่ 10

เมื่อคืนฝนตกตลอดคืน กับวันนี้ก็ตกอีกครึ่งวัน เข้าพันทิปไม่ได้เลย สงสัยน้ำจะท่วมสาย ขออภัยด้วยครับ

ต้องขอบคุณคุณต้นชบากับคนตาบอด คุณอาราเร่ และคุณ Auntie ฯ ที่เข้ามาอ่าน เป็นไงครับตรงข้ามกับเรื่องหรรษาเลยนะครับ

ต้องขออภัย คุณมาดาม-เค ที่ตั้งใจจะมาขำแต่กลับเศร้า ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้แหละครับ มักไม่เป็นเหมือนที่เราอยากให้เป็นครับ.

คุณมณีมรกตน่าจะให้คะแนนผมมากไปไหมครับ

คุณปีกสีมืด เพิ่งได้เห็นชื่อ พร้อม ๆ กับคุณต้นชบา ฯ วันนี้ ขอบคุณที่อ่านแล้วซึ้งครับ

คุณอนงค์นาง ทำให้ผมใจหายเพราะผมไม่ได้เปิดซองดูจนวันนี้ สงสัยน้องชายสึกไปนานแล้วนะครับ

คุณสก็อตตี้ไม่น่างงนะครับ ท่อนแรกเป็นเรื่องสั้นชื่อ อันความกรุณาปราณี เขียนโดยคุณพยาบาล ที่เป็นตัวเอกของเรื่อง ท่อนหลังเป็นเรื่อง เหมือนฝนอันชื่นใจ เขียนโดยเจียวต้ายครับ
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 48 09:07:09

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 13 ก.ค. 48 21:39:02 ]



ความคิดเห็นที่ 11

เหตุผลที่ "ผม" ห่างหาย..ไม่พยายามติดต่อ "เธอ"...

เพียงเพื่อสอนให้ "เธอ" รู้จักอดทน..รอคอย...

และชาชิน...กับการเริ่มต้นอาชีพ "นักเขียน" เหรอคะ

จากคุณ : แมวโต๋เต๋ - [ 14 ก.ค. 48 00:09:21 ]


ความคิดเห็นที่ 12

อืมมมมมมมมมม...................................
อืมมมมม.............................................

จากคุณ : Psycho man - [ 14 ก.ค. 48 05:08:06 ]


ความคิดเห็นที่ 13

มีเหตุผลอื่น ๆ อีกหลายประการ ครับคุณแมวโต๋เต๋ เช่น................(คิดเอาเองครับ)

สงสัยคุณไซโคแมนจะสมน้ำหน้า..............มังครับ.

จากคุณ : เจียวต้าย (เจียวต้าย) - [ 14 ก.ค. 48 06:43:28 ]


ความคิดเห็นที่ 14

อ๋อ งง ไม่เข้าใจความรู้สึกของผมในท่อนที่ 2 ช่วงท้าย
ทำไมต้องใจหาย มันไม่สอดคล้องกับการกระทำของผมหรรือ งง

จากคุณ : scottie - [ 14 ก.ค. 48 13:08:26 ]


ความคิดเห็นที่ 15

อายุยี่สิบเศษๆ หน้าเหมือนดาราลูกครึ่งในจอทีวี

อืมมมม เป็นผมนะ เรียกมาติวตัวต่อตัวแล้ว 555

จากคุณ : อุปกรณ์ประกอบฉาก - [ 14 ก.ค. 48 13:14:05 A:203.113.81.38 X: ]


ความคิดเห็นที่ 16

คุณสก็อตตี้ครับ

เหตุ....มีเธอมาคุยด้วย
ผล.....เหมือนสายฝนที่โปรยความชุ่มชื่นให้แก่จิตใจของผม
อย่างที่ไม่เคยได้เป็นเช่นนั้น มานานหนักหนาแล้ว

เหตุ.....เมื่อเธอเลิกคุยด้วย (เพราะมีคนคุยประจำแล้ว)
ผล......รู้สึกใจหายเมื่อชีวิตของผม จะต้องกลับไปแห้งแล้ง
เหมือนผืนดินที่แตกระแหง เช่นเดิม

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 14 ก.ค. 48 14:27:34 ]


ความคิดเห็นที่ 17

นั่นไง คุณอุปกรณ์ประกอบฉาก เข้าใจถึงความรู้สึกของผมได้เป็นอย่างดีแล้วครับ.

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 14 ก.ค. 48 14:29:51 ]


ความคิดเห็นที่ 18

ก็ไม่ยอมติดต่อ"เธอ"ซะทีนี่นะ
เลยเจอซะ
ซองผ้าป่า!!

...อิอิอิ...

ของท่อนแรกเคยเจอครับ หลายทีแล้ว จนชินว่า
ถ้าอยากทำบุญให้ทาน ผมตรงไปบ้านคนชรา หรือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดีกว่า

* เวลาให้ทานข้างถนน แล้วมารู้ทีหลังว่ามานมีเงินมากกว่าเราซะอีก
จากบุญให้ทาน เลยกลายเป็น บาปที่เกิดโทสะไปแช่งมานซะอีก

จากคุณ : zeromaster - [ 14 ก.ค. 48 15:44:41 ]


ความคิดเห็นที่ 19

ก่อนอื่น เห็นสะดุดคำว่า ปราณี ตั้งแต่แรกค่ะ

ขออนุญาตแย้งนะคะ
ปรานี ที่หมายถึง เมตตา กรุณา ใช้ น.หนู สะกดค่ะ
เพราะ ปราณ ที่ใช้ ณ.เณร จะหมายถึง ลมหายใจ หรือ ชีพจร ค่ะ
ซึ่งไม่เกี่ยวกับ เมตตาปรานี หรือ กรุณาปรานี เลยค่ะ

smile

ส่วนเรื่องการทำบุญทำทานนั้น
คุณเจียวต้ายเคยเสนอเรื่องทำนองนี้ไปแล้ว
และดิฉันก็เคยบอกไปแล้วด้วยว่า

การตั้งใจให้ หรือการสละออก ตรงจุดนั้นก็ได้บุญไปเต็ม ๆ แล้วค่ะ
ส่วนเขาคนที่เราให้ไป เขาจะเอาไปทำอะไร มันก็เรื่องของเขาค่ะ

มัวแต่คิดเสียดายทีหลัง แทนที่จะได้บุญ ได้กุศลเต็ม ๆ ไป ก็กลับมาเกิดอกุศลคือความโกรธ ความหลงแทนค่ะ
มันจะได้ไม่คุ้มเสียกันนะคะ

ที่เข้ามาชี้แจงอีกครั้ง เพราะบางคนอ่านแล้ว
ทำให้เข้าใจผิดไปได้ค่ะ หรืออาจคิดไม่อยากทำบุญทำทานอีก
ดังที่ได้อ่านความคิดเห็นของเพื่อนบางคนค่ะ

ซึ่งไม่เห็นคุณเจียวต้ายเสริมตรงจุดนี้ว่าอย่างไรเลย
จึงขออนุญาตออกมาแสดงความคิดเห็นอีกครั้งหนึ่งค่ะ

wink

ส่วนท่อนสองนั้น
ไม่แน่ใจว่าผมในท่อนนี้มีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่า
ถ้าไม่มี ก็งงว่า ในเมื่อปฏิเสธหรือตัดสินใจเช่นั้นไปแล้ว
จะมานั่งเสียดายทำไม
แสดงว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นของผมนั้น เป็นเพราะอยากครอบครองหรือเปล่าคะ และถึงแม้เธอคนนั้นจะแต่งงานหรือไม่ ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับว่าเธอจะเลิกเขียน เลิกส่งมาให้ช่วยวิจารณ์นี่คะ

แต่ถ้าผมในท่อนนี้มีคู่ครองแล้ว อันนี้ก็อาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกค่ะ
แต่ก็ยังงงว่า แล้วจริง ๆ แล้ว
ผมน่ะ ใจแห้งแล้งอยู่แล้วจริงหรือคะ

(ขอแซวผมหน่อยนะคะ)

haha

จากคุณ : รสา รสา - [ 14 ก.ค. 48 16:43:16 ]


ความคิดเห็นที่ 20

อันความกรุณาปรานี.....เป็นคำร้องในเพลงของนักเรียนพยาบาล ซึ่งดูเหมือนลอกมาจากพระราชนิพนธ์ละครเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ของพระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ ๖ ครับ ผมคงจะจำมาผิด ถ้ามีนักเรียนพยาบาลมาอ่าน กรุณาชี้แจงด้วยครับ แต่ผมก็เชื่อคุณรสา และแก้แล้วครับ

เรื่องทำทานนั้นผมคิดตามที่คุณรสาว่าอยู่เสมอครับ แต่ท่านใดที่ยังปลงไม่ตก ว่าการทำบุญเป็นการชำระกิเลสในจิตของตน ก็ไม่ว่าท่านหรอกครับ

ผมได้บอกแล้วว่ามีเหตุผลหลายประการ ความคิดทั้งส่วนดีและส่วนเลวมันถกเถียงกันอยู่ในใจครับ ที่ไม่เขียนลงไปให้ชัด ก็เพื่อที่จะให้ท่านผู้อ่านได้ตีความกันตามใจชอบครับ

แต่สำหรับผมตีความว่า มันเหมือนหมาเห็นปลากระป๋องครับ กินก็ไม่ได้ แต่ก็ยังไม่วายเสียดาย ประมาณนี้แหละครับ.

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 14 ก.ค. 48 19:11:57 ]


ความคิดเห็นที่ 21

ตอนแรกๆ ไม่เข้าใจเหมือนคุณก๊อตตี้เหมือนกันครับ
เพราะมันกระโดดดดด นิดนึง
แบบต้องอ่านระหว่างบรรทัดมั้ง (ซึ่งผมไม่ชำนิ อิๆๆ)
แต่พออ่านคุยกันไปกันมาข้างล่าง แล้วก็เริ่มเข้าใจได้บ้าง
ก็ยังไม่ได้เข้าใจเรื่องราวหรอก (เพราะไม่ได้เขียนไว้)
แต่ก็เข้าใจแค่ว่า ความรู้สึกมันเกิดขึ้นได้

เรื่องตัวสะกด
กำลังงงเชียว เพราะ บางที่ก็สะกด "ปรานี" บางที่ก็ "ปราณี"
ที่แท้ก็แก้ไปบางจุดแล้วนี่เอง
ก็ขอทักแค่ว่ายังมีจุดที่ไม่ได้แก้ ส่วนใหญ่ตอนอ้างชื่อเรื่องสั้นครับ

แล้วก็ "จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน…" - สุราลัย ครับ
ดาว

จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 14 ก.ค. 48 20:18:51 ]


ความคิดเห็นที่ 22

อา .. งั้นก็เข้าใจถูกแล้วล่ะค่ะ
เป็นผู้หญิงมังคะ เลยรู้สึกว่าทำตัวเองนี่นา แหะๆ
แต่น้องน่ารักนะ ขนาดหายไปนาน เมื่อถึงคราวแจกซอง (อะไรน้อ)
ก็ระลึกถึง .. ผมไม่ดูแลความรู้สึกเธอเท่าไหร่
ก็สมควรแล้วจะให้เธอไปเป็นสายฝนของคนอื่นที่เหมาะที่ควรต่อไป

จากคุณ : scottie - [ 14 ก.ค. 48 20:19:52 ]


ความคิดเห็นที่ 23

ขอบคุณคุณพีทครับ ผมประมาทเองที่เขียนตามความรู้สึก โดยไม่ได้เปิดพจนานุกรมครับ

โธ่...คุณสก็อตตี้ก็ว่าเสียยาวเชียว พูดสั้น ๆ สามคำก็ได้ครับ "สมน้ำหน้า"

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 14 ก.ค. 48 21:07:52 ]


ความคิดเห็นที่ 24

ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมาจากเวนิสวานิชค่ะ แต่ไม่ยืนยันนะคะ ไม่มีหนังสืออยู่กับตัวค่ะ

จากคุณ : หนูจ๋า - [ 14 ก.ค. 48 22:35:55 ]


ความคิดเห็นที่ 25

ผมก็ว่าจะใช่ แต่ไม่แน่ใจ ขอบคุณ คุณหนูจ๋า ครับ

บังเอิญผมเพิ่งเคยเห็นชื่อคุณเป็นครั้งแรก
จึงขอถือโอกาสโฆษณาเรื่องใหม่
(ไม่ต้องตีความ) ครับ.

เสรีไทยสายทหารเรือ
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3606762/W3606762.html

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 15 ก.ค. 48 08:23:32 ]


ความคิดเห็นที่ 26

เป็นบทที่รัชกาลที่หกแปลมาจาก The merchant of Venice ค่ะ แต่ภาษาไทยนี่ไม่แน่ใจชื่อเรื่อง

The quality of mercy is not strained.
It droppeth as the gentle rain from heaven
Upon the place beneath. It is twice blest:
It blesseth him that gives, and him that takes.

หนิงไม่รู้ว่ากลอนภาษาไทยเต็มๆว่าอย่างไร แต่ที่คุณเจียวต้ายยกมา ตรงกับภาษาอังกฤษถึงแค่วรรคที่ 3 ตรง beneath

ถ้าอ่านต่อไป จะบอกถึงว่าไม่ใช่แค่ผู้รับอย่างเดียวที่ได้ ผู้ให้ก็ได้เช่นกัน

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคุณพยาบาลหรือคนไข้ต่างก็ได้รับ "ความกรุณาปรานี" ทั้งสิ้น แล้วทำไมต้องไปคิดอย่างอื่นให้มันเปลืองหัวใจ...

ส่วนสำหรับ "ผม" ในช่วงที่สองก็เหมือนกัน ทั้งตัวเอง ทั้งผู้หญิงคนนั้นต่างได้อานิสงฆ์ของความกรุณาปรานี โดยเฉพาะตอนจบ เธอก็ยังเป็น "สายฝนอันชื่นใจ" อยู่ดี แล้ว "ผม" ก็ยังคงได้รับอยู่ดี แล้วมันจะเป็นพื้นแตกระแหงตรงไหน

สิ่งที่ทำให้ "ผม" คิดแบบนั้นก็เพียงเพราะว่าต้องการให้สายฝนมาอยู่กับตัวเองตลอดไป โดยที่ลืมไปว่า ใครเคยเป็นเจ้าของ "ฝนอันชื่นใจ" ได้บ้าง มันก็เท่านั้นเอง ^^

จากคุณ : peiNing - [ 15 ก.ค. 48 17:54:39 ]


ความคิดเห็นที่ 27

คำร้องจากเพลงของนักเรียนพยาบาลนั้น มีต่อว่า
..............พวกเราเหล่านักเรียนพยาบาล.........
แล้วต่อไปอะไรอีกก็จำไม่ได้ครับ

แต่ของเดิมมาจากบทละครเรื่อง เวนิชวานิช พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ จากบทประพันธ์ของ เช็คสเปียร์ มีว่า

อันความกรุณาปราณี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน

เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันชื่นใจ
แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล
เป็นกำลังเลิสพลังอื่นทั้งสิ้น
เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา..

ผมไปถามท่านผู้รู้มาครับ ท่านจดมาให้อย่างนี้

สำหรับเรื่องแรกนั้น ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับก็สมถวิล แน่ละครับ

แม้แต่เรื่องที่สองก็เช่นกัน เพียงแต่เจ้ากิเลสมันเข้ามาครอบงำ ผมจึงรู้สึกใจหาย เท่านั้นเองครับ

ความจริงผมมาตอบตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงหายไป ต้องตอบใหม่อีกครั้ง ขอบคุณคุณหนิงสำหรับโคลงภาษาอังกฤษครับ..
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 48 16:24:18

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 17 ก.ค. 48 16:22:26 ]



ความคิดเห็นที่ 28

โดยส่วนตัวชอบงานของเช็คสเปียร์ และ พระราชนิพนธ์แปลของรัชกาลที่ 6 มาก

เวลาถอดคำแต่ละคำ งดงามเหลือเกิน ...
ยิ่งโดยเฉพาะเรื่องเวนิสวาณิช นี่

ว่าไปแล้วเรื่องนี้ เลยต่อ กับ "จากฟากฟ้าสุราลัย...สู่แดนดิน" ที่หนูจันทร์เขียนเลยนิ

แถมอีกเรื่องหนึ่งคืออ่านแล้วสะดุ้งไปสิบตลบ เพราะคล้าย ๆ เรื่องจริงของใครบางคนเลย แหะ แหะ

จากคุณ : Tethys - [ 17 ก.ค. 48 21:12:22 ]


ความคิดเห็นที่ 29

ปรานี

smile

จากคุณ : รสา รสา - [ 17 ก.ค. 48 21:30:46 ]


ความคิดเห็นที่ 30

คุณจันทร์ครับ ต่อแต่ชื่อเรื่องนะครับ เรื่องนั้นดีกว่าเยอะเลย เสียดายที่ผมห่างการอ่านนวนิยายมาหลายปีเต็มที ชอบแต่เรื่องสั้นครับ

คุณรสา.........ขออภัยครับ.

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 18 ก.ค. 48 14:23:34 ]


ความคิดเห็นที่ 31

พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ

ให้แง่คิดในหลายๆเรื่องหลายมุมมองเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่น้องพยาบาลคนสวยเขียน ส่วนที่คุณเจียวต้ายเขียน และส่วนที่เป็นความคิดเห็นของผู้อ่าน

สรุปว่าชอบอ่านค่ะwhiterose

จากคุณ : มัชฌิมา - [ 1 ส.ค. 48 08:55:07 ]


Create Date : 05 พฤษภาคม 2559
Last Update : 5 พฤษภาคม 2559 9:52:50 น. 0 comments
Counter : 455 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.