Group Blog
 
All Blogs
 
คนเกลียดถนน

เรื่องสั้น

ฉันเกลียดถนน

เจียวต้าย

“ รัน..........รันโว้ย “
เสียงเถ้าแก่เม้งตะโกนลั่น ทันทีที่รถเครื่องของบุรุษไปรษณีย์ แล่นออกจากหน้าร้าน เลยเข้าไปในตลาด ปล่อยฝุ่นสีแดงคละคลุ้งอยู่เบื้องหลัง เสียงนั้นแยงเข้าไปปลุกผม ซึ่งกำลังเคลิบเคลิ้มตามเสียงเพลงลูกทุ่ง ของนักร้องเงินล้านขวัญใจชาวอีสาน จากวิทยุทรานซิสเตอร์เมดอินไทยแลนด์ราคาถูก ระหว่างเอกเขนกหลังอาหารกลางวัน ใต้ร่มหูกวางหน้าร้านเครื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับการก่อสร้างของเถ้าแก่เม้ง

ผมก็คือเด็กจับกังและรับใช้จิปาถะไงครับ แต่ชื่อที่แกเรียกนั่น ไม่ใช่ผมหรอกครับ

“ รัน.......ไอ้รัน..........ไอ้............อยู่ไหน มีจดหมายโว้ย “

“ พี่รันไม่อยู่ “

ผมหรี่เสียงวิทยุนิดเดียวเอง รีบตะโกนบอกแกไป

“ เห็นเดินไปทางร้านข้าวแกงป้าเยื้อน “

“ เออ...ไอ้จ๋อง...เอ็งก็ได้ มานี่ซิ “

“ อะไรกันล่ะ จะนอนซะหน่อย “

ผมขยับกายลงจากแคร่อย่างอ้อยอิ่ง เสียดายเพลงที่ฟังกำลังมัน

“ เอาจดหมายนี่ไว้ที ของไอ้รันมัน “

เถ้าแก่เม้งส่งหรือความจริงโยนจดหมายให้ผม เป็นซองยาวสีขาว จ่าหน้าถึงพี่รัน คนขับรถส่งของประจำร้านที่มีอยู่คนเดียว

ก็ใช่ ลูกพี่ผมเอง ที่ซองมีป้ายลงทะเบียนแปะอยู่ หัวมุมซองเป็นตราครุฑ มีชื่อผู้ส่งพออ่านออก

มันเรื่องอะไรกันหว่า............ผมกลับมานอนคิดอยู่ที่เดิม เลิกสนใจกับโฆษกเสียงเหน่อคนโปรด..........ตราครุฑซะด้วย.........คงจะเป็นเรื่องสำคัญแฮะ........ร้อยวันพันปีไม่เคยมีจดหมายมาถึงพี่รัน และแกก้ไม่เคยเขียนจดหมายถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านของแกที่นครพนม หรือแฟนสาว ๆ ในกรุงเทพที่เคยคุยให้ฟัง เพราะแกเขียนหนังสือไม่ค่อยจะเป็นตัว ชื่อตัวเองยังเขียนไม่ค่อยจะถูกเลย.......กูเรียนมาน้อย..........แกเคยบอกผม...............ได้ป.๖ ตก ป.๔ กูทึ้งลำบากอยู่ยังงี้.................

ผมเหม่อมองออกไปบนถนนหลวงที่ทอดจากกรุงเทพไปทางทิศตะวันออก พาดผ่านปากซอยหน้าร้านไม่ไกล พอมองเห็นรถราแล่นผ่านไปมา ท่ามกลางไอไหวระริกของเปลวแดด เสียงเครื่องยนต์นานาชนิดดังวาบเข้ามาเป็นพัก ๆ ไม่ขาดสาย โดยเฉพาะรถบรรทุกสิบล้อหรือสิบแปดล้อเจ้าถนน ที่ทำความรำคาญให้แก่การพักผ่อนฟังเพลงของผมเป็นอย่างยิ่ง

เอ.........หรือจะเป็นเรื่องนั้น ผมแว่บอะไรขึ้นมาในใจ เรื่องเมื่อ ๒-๓ วันก่อน...........ถ้าใช่ก็น่ากลัวจะแย่ซะละมั้งพี่รัน

**********

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 12 ต.ค. 49 09:47:07 ]



ความคิดเห็นที่ 1

วันนั้น เมื่อไม่นานมานี้ เป็นเวลาบ่ายอ่อน ๆ ขณะที่ผมกับไอ้ป่องนอนก่ายหน้าผากอยู่บนแผ่นกระเบื้องเรียบ ซึ่งกองเสมอขอบกระบะรถปิคอัพที่พี่รันขับ ห้อตะบึงมาจากร้านเอเย่นต์อุปกรณ์ก่อสร้างในกรุงเทพ มาตามถนนชานเมืองสายที่ว่า

เสียงเพลงจากวิทยุคู่ชีพของผม ที่ตั้งอยู่ใกล้หัว พิงเก๋งด้านหลังคนขับ กำลังบรรเลงเพลงไทยสากล ที่ชอบเอามาออกคอนเสริร์ตทางทีวีวันเสาร์อาทิตย์ ให้เด็กกรี๊ดกร๊าดกันเป็นว่าเล่น ดูเหมือนจะเป็นเพลงที่ชื่อ “อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย” ฟังแปลกหูพิลึก

.........เมื่อฉันพบเธอ............ฉันเกลียดถนน.............เพราะทำให้เราสองคน..........

พลันก็มีเสียงเบรคดังเอี๊ยดอย่างกระทันหัน รถหยุดพรืดแล้วก้กระตุกไปข้างหน้าอีกนิดหนึ่ง มีเสียงดังตึง วิทยุกลิ้งโค่โล่ ผมกับไอ้ป่องหัวคลอนไปตาม ๆ กัน แล้วรถก็หยุดสนิทลง

ผมชะเง้อคอขึ้นมองไปทางหน้าหม้อ ก็เห็นรถของเราจอดแนบชิดติดอยู่กับรถเก๋งสีขาวสะอาดข้างหน้า อย่างแทบกันชนจะเกยกันทีเดียว ถัดออกไปข้างหน้ารถเก๋ง มีรถสิบล้อบรรทุกทรายกำลังหันรีหันขวางอยู่ พอถอยได้ที่ก็แล่นออกไปเฉย โดยไม่สนใจข้างหลังเลย

พี่รันดับเครื่อง เปิดประตูรถลงไปอย่างเงื่อยหงอย ตรงข้ามกับเจ้าของรถเก๋งคันหน้า ซึ่งเป็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งค่อนข้างสวย ที่ลงจากด้านคนขับโดยปิดประตูดังปัง เธอแต่งกายด้วยเสื้อสีเขียวกางเกงขายาวสีดำเก๋ไก๋

แต่ใบหน้าค่อนข้างจะเป็นสีชมพูตัดกับผิวที่ค่อนข้างจะขาว จะเป็นเพราะความโกรธหรือความร้อนก็ไม่รู้ได้

“ นี่ ขับรถภาษาอะไรกันจ๊ะ “

เสียงของเธอดังกว่าเสียงรถที่แล่นสวนกันไปมาในขณะนั้น

“ ฉันหยุดของฉันอยู่ดี ๆ แล้ว ดันผ่าเข้ามาชนท้ายกันได้ ว่าไง้ “

“ ผม....อ้า...ผม.....”

พี่รันหน้าซีดลงไปกว่าตอนแรกอีกสองเท่า ก้มลงมองกันชนของรถทั้งสองคันที่เบียดกันอยู่อย่างแนบชิด เหมือนไม่เชื่อสายตา

“ ผมเปล่า.............”

แกคงจะตอบตามประสาคนไทยที่เคยปาก

“ บ้า.........ไฟท้ายแหลกละเอียดอยู่นี่ ยังบอกเปล่าอีกเรอะ “

เสียงดังเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า ใบหน้าก็แดงขึ้นตามเสียง พี่รันยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีชายกลางคนก้าวลงมาจากรถคันนั้น ด้านที่นั่งข้างหน้าทางซ้ายมือ เป็นชายร่างผอมเพรียว ผิวค่อนข้างดำ ใบหน้าสี่เหลี่ยมหน้าผากกว้าง ชายผมเหนือขมับมีสีขาวแกมเทาประปราย ใส่เสื้อยืดทันสมัยสีน้ำเงิน แต่กางเกงสีน้ำตาลอ่อน คล้ายเครื่องแบบตำรวจ

“ ว่าไง อั๊วจอดรถรอรถขนทรายถอยตั้งนานแล้ว ลื้อดันทิ่มเข้ามาได้ยังไง ? “

เสียงมีอำนาจพอดูแต่ไม่ถึงตะคอก ภาษาที่ใช้ดูเหมือนเคยได้ยินบ่อย ๆ

“ ผมไม่ได้ตั้งใจเลยครับ เผลอไปนิดเดียวเบรคไม่ทันซะแล้ว “

เสียงของพี่รันเหมือนจะร้องไห้

“ ผมยอมรับผิดครับ “

ตอนนี้ผมโดดลงไปยืนบนถนนแล้ว ส่วนเจ้าป่องยังนั่งอยู่ที่เดิม สภาพรถของเราเรียบร้อยไม่มีรอยบุบสลาย เพราะกันชนสูงกว่าคันหน้า เลยเสยเข้าไปโดนไฟท้ายกรอกขวาแตกกระจาย

“ เอ้า.....ผิดแล้วลื้อจะว่ายังไงล่ะ “

“ ผม.......คือขอโทษด้วยครับ ผมผิดจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจเลย “

พี่รันยกมือไหว้ท่วมหัว

“ ขอโทษทีครับ “

“ ขอโทษได้ยังไง “

เสียงแว้ดจากคุณผู้หญิง

“ รถฉันเสียหายตั้งเท่าไหร่ ขอโทษเฉย ๆ ได้เรอะ จะจ่ายเท่าไรว่ามา “

“ ผม.......ผมไม่มีตังค์เลยครับคุณนาย........ผม “

พี่รันควักกระเป๋ากางเกงข้างซ้ายแล้วก็ข้างขวาจนปลิ้นออกมา ดูเหมือนได้ธนบัตรใบละร้อยกับใบละยี่สิบ อย่างละใบ

“ มีแค่นี้เองครับ ทั้งเนื้อทั้งตัว “

“ จะบ้าหรือไง ไฟท้ายดวงนึง กับไฟถอยหลังดวงนึง อย่างขี้หมูขี้หมาก็ดวงละสามร้อยบาท ค่าแรงอีกต่างหาก นี่ยังไม่คิดกันชนที่ยุบเข้าไปนะ “

จริงอย่างที่คุณผู้หญิงว่า ผมมองดูเศษกระจกสีแดงเหลือของรถญี่ปุ่นคันนั้น กระจายบนพื้นถนน และไฟดวงเล็กสำหรับส่องเวลาถอยหลัง ที่ห้อยร่องแร่ง เหลือแต่กรอบนอก แล้วก็มองดูธนบัตรในมือของพี่รัน มันเทียบกันไม่ได้อย่างว่า

เสียงคุณผู้ชายเอ่ยขึ้นบ้าง

“ นี่ลื้อคิดให้ดีนะ ค่าเสียหายเท่าที่เห็นนี่ ถ้าเข้าอู่อย่างน้อยก็ร่วมพันบาท ลื้อจะบอกแต่ว่าไม่มีเงินไม่ได้หรอก ลื้อไปบอกให้เจ้าของรถเขาจัดการซี ตอนนี้เอาใบขับขี่มาก่อน เดี๋ยวค่อยไปตกลงราคากัน “

“ ไม่มีหรอกครับใบขับขี่ โดนยึดไปเมื่อวานนี้เอง ยังไม่ได้เสียค่าปรับเลยครับ ผมมันซวยจริง ๆ “

“ ไม่รู้ละ จะเอายังไงว่ามาเร็ว “

คุณผู้หญิงแหวขึ้นมาอีก

“ ชั้นร้อนจะแย่อยู่แล้ว “

ผมว่าพี่รันคงจะร้อนกว่านะครับ เพราะเห็นเสื้อคอกลมสีทอ ๆ ของแกเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง แกหันมาทางผม ในขณะที่ผมเงี่ยหูฟังเพลงที่วนกลับมาเป็นเที่ยวที่สอง

..............เมื่อฉันพบเธอ...............ฉันเกลียดตะวัน...........เพราะทำให้ฉันโศกศัลย์..........

“ เฮ้ จ๋อง มีตังค์ติดตัวมั่งมั้ยวะ ช่วยกันหน่อย “

อ้าว ไหงดันมาลงที่ผมด้วยล่ะ

“ ป่อง มีตังค์มั้ย “

ผมโยนลูกให้จับกังด้วยกัน เจ้าป่องควักแบ๊งค์ร้อยออกมาจากกระเป๋าส่งให้โดยดี ผมก็เลยต้องแนบแบ๊งค์สีน้ำเงินปนม่วง ห้าสิบบาทน่ะครับ ส่งให้พี่รันอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก โดยแอบขยักไว้สิบบาท

พี่รันรับเอาไปรวมไว้พลางควักกระเป๋าเสื้อ ได้ใบละยี่สิบอีกสองสามใบ รวมใส่ฝ่ามือยกขึ้นพนมเหมือนจบตอนทำบุญผ้าป่า แล้วยื่นให้คุณผู้หญิงทั้งหมด

“ กรุณาเถิดครับ อย่าคิดเต็มที่เลย นึกว่าสงสารผมเถอะ ผมมีทั้งหมดแค่สามร้อยเอง “

คุณผู้หญิงผงะถอยหลัง เหมือนอุ้งมือของพี่รัน มีเชื้อโรค

“ บ้าที่สุด ดูถูกกันรึไง เสียหายตั้งพันให้สามร้อย เกินไปหน่อยแล้วย่ะ ฉันไม่เอาหรอก ไปตกลงกันที่โรงพักดีกว่า “

ผมเห็นเหงื่อตามท้ายทอยพี่รัน หยดย้อยลงไปในคอเสื้อเป็นสาย เขาเปลี่ยนเข็มหันไปทางคุณผู้ชาย ซึ่งยืนเท้าตัวถังรถเก่งอยู่ใกล้ ๆ

“ โหสิให้ผมเถอะครับ อย่าเอาเรื่องเอาราวเลย ผมไม่มีเงินจริง ๆ ถ้าเถ้าแก่รู้ผมก็โดนไล่ออกแน่เลย เมื่อวานก็โดนยึดใลขับขี่ไปแล้ว ช่วยผมหน่อยเถอะครับ “

“ อะไรกันวะ เอะอะก็ไม่มี...........ไม่มีแล้วขับรถมาได้ยังไง เอาบัตรประชาชนมาดูซิ ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน? “

“ ผมชื่อหิรัญครับ อยู่ร้านเถ้าแก่เม้งรับเหมาก่อสร้าง เลยสะพานลอยข้างหน้าไปนิดเดียว บัตรผมก็ไม่มีครับ ขาดอายุไปต่อแล้วยังไม่ได้เลย “

“ อูวะ อะไรก็ไม่มีซักอย่าง ไม่จริงละมั้ง “

“ จริง ๆ ครับเจ้านาย ผมไม่โกหกหรอกครับ สาบานได้ ไม่เชื่อถามไอ้พวกนี้ดู “

แน่ะโยนมาให้ผมอีกแล้ว ผมเลยถอยห่างออกมาจากที่เกิกดเหตุ แต่ก็ยังอยากรู้ว่าเรื่องมันจะลงเอยในรูปใด สงสัยพี่รันเอาตัวไม่รอดแน่คราวนี้

“ ผมก็รับผิดทุกอย่างแล้ว เจ้านายจะเอาอะไรกับผมอีก ผมไม่มีก็บอกตรง ๆ ว่าไม่มี ให้แค่นี้ก็หมดตัวแล้ว แถมเป็นหนี้เด็กสองคนนี่ด้วย อย่าให้ผมถูกไล่ออกอีกเลยครับ “

ว่าพลางพี่รันก็ยกมือไหว้ประหลก ๆ คุณผู้ชายโดนลูกตื๊อของพี่รันเข้าชักงงไปเหมือนกัน ชายตาไปมองดูคุณผู้หญิงเป็นเชิงหารือ แต่คุณผู้หญิงสบัดหน้ากลับ

“ พี่ช่วยจัดการด้วยก็แล้วกัน จะเอายังไงก็เอา แดดร้อนจะตายชักแล้ว “

ว่าแล้วเธอก็เปิดประตูรถ เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย คว้ากระดาษหนังสือพิมพ์มากระพือพัดเพยิบ ๆ

“ เอางี้ “

คุณผู้ชายตัดสินใจ ควักปากกาและสมุดพกออกมาจากกระเป๋าหลัง ลงมือจดเบอร์รถปิคอัพของเรา

“ แปดสอง ขีด หนึ่งหกแปดหนึ่ง กรุงเทพ เอ้าบอกชื่อนามสกุล ชื่อร้าน เบอร์โทรศัพท์มาเร็ว “

“ เจ้านายจะเอาไปทำอะไรครับ “

“ ลื้อบอกมาก่อนก็แล้วกัน ไม่งั้นไปโรงพัก “

โดนยื่นคำขาดแบบนี้พี่รันหมดท่า ต้องยอมบอกโดยดี คุณผู้ชายวางสมุดพกลงบนกระโปรงหลังรถ จดยิก ๆ แล้วก็เงยหน้าขึ้นบอกว่า

“ คืองี้ เดี๋ยวอั๊วจะเอารถไปซ่อมที่อู่ ราคาเท่าไหร่อั๊วจะจ่ายก่อน แล้วลื้อผ่อนใช้ทีหลัง แต่ตอนนี้เอามาห้าร้อย กันลื้อเบี้ยว “

“ โธ่เจ้านาย ผมมีแค่สามร้อย จะไปเอาที่ไหนมาให้อีก ยกให้ผมเถอะครับ “

“ ไม่มีก็เอานาฬิกานั่นมาประกันไว้ก่อน “

คุณผู้ชายสวนควันด้วยเสียงเรียบ หน้าตาเฉย พี่รันก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือข้างซ้ายแล้วยิ้มแหย

“ ของเลหลังหลุดจำนำน่ะครับ ไม่มีค่าอะไรหรอกเจ้านาย อย่าเอาไปเลยครับ “

ในใจแกคงนึกว่า คุณผู้ชายนี่กระดูกชะมัดเตี่ยเลย

“ ถ้างั้นก็ไม่ตกลง “

ว่าแล้วคุณผู้ชายก็เดินเข้าไปนั่งในรถข้างคนขับ ปิดประตูปัง พี่รันหันมามองหน้าเป็นเชิงหารือผมกับเจ้าป่อง

ขณะเดียวกันกับที่ชายหญิงทั้งสองในรถเก๋งก็ปรึกษาอะไรกัน โดยเราไม่ได้ยิน เพราะรถติดแอร์ปิดกระจกอยู่

พี่รันเดินไปยืนหน้าละห้อยอยู่ริมหน้าต่างรถด้านซ้ายรอชตากรรม สักครู่คุณผู้ชายก็ไขกระจกลง

“ เอ้าว่าไง จะไปหยิบยืมใครที่ไหนก็จัดการซะ อย่าชักช้าเสียเวลา “

พี่รันถอนหายใจเฮือก

“ เจ้านายขับรถตามผมไปถึงทางแยก เลยสะพานลอยข้างหน้านะครับ ผมจะยืมร้านข้าวแกงให้ แต่เจ้านายต้องยกที่เหลือให้ผมนะครับ จะให้กราบตีนหรือยังไงก็ยอม อย่าให้ผมต้องตกงานเลยครับ “

“ เออ “
คุณผู้ชายคงจะเผลอพยักหน้าหงึก พี่รันรีบยัดเยียดเงินที่กำไว้นานแล้ว ใส่มือคุณผู้ชายแล้วรีบกลับมาขึ้นรถโดยไม่ฟังเสียง ผมก็รีบกระโดดขึ้นกระบะท้ายตามอย่างว่องไว

รถทั้งสองคันแล่นตามกันมาอีกไม่ไกลนัก พี่รันก็เลี้ยวข้ามถนนไปทางขวามือ จอดหน้าร้านป้าเยื้อนที่อยู่ปากทางเข้าซอยร้านเถ้าแก่ รถเก๋งสีขาวสะอาดคันนั้นตามมาจอดอยู่ห่าง ๆ ทางด้านท้ายรถ

พี่รันลงจากรถรีบก้าวเข้าไปในร้านข้าวแกง เจรจากับป้าเยื้อนอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะมีเหตุขัดข้องอะไรบางประการ เห็นป้าเยื้อนสั่นหัวทำท่าจะปฏิเสธแต่สุดท้ายก็เปิดกล่องใส่เงิน นับธรบัตรให้หลายใบ พี่รันรีบรับไปเจรจากับท่านทั้งสองที่นั่งรออยู่ในรถทางหน้าต่างด้านซ้ายตามเคย

ผมมองจากบนกองแผ่นกระเบื้องเรียบท้ายรถปิคอัพ เห็นแต่พี่รันก้มตัวอยู่ข้างรถ คงจะต่อรองอะไรกันอีก สักพักหนึ่งก็ยกมือไหว้สุดท้ายก็กราบลงบนขอบหน้าต่าง ก่อนที่กระจกติดฟิล์มจะถูกไขขึ้น แล้วรถคันนั้นก็เลี้ยวกลับไปทางฝั่งเดิมอย่างกระชากกระชั้น กรวดเม็ดเล็กๆบนไหล่ทาง กระจายฟุ้งตามล้อรถ เรามองอยู่จนลับสายตาไป พี่รันจึงเดินกลับมาที่รถ

“ เป็นไง ได้ความมั้ย “

“ ได้กะห่าอะไร ป้าเยื้อนมีอยู่ในเก๊ะแปดสิบบาทเท่านั้น รวมกันเป็นสามร้อยแปดสิบ แกจะถีบกูตายห่ะ ต้องอ้อนวอนแทบแย่ แต่สงสัยได้แอร์เย็นลงหน่อยทั้งสองคน..........เฮ้อ “

พี่รันปาดเหงื่อบนหน้าผากสลัดทิ้ง

“ นึกว่าไม่รอดเสียแล้วกูเอ๋ย “

“ แล้วเค้ายกให้เลยเหรอ ที่เหลือน่ะ “

“ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็คงขาดอีกไม่กี่ร้อยหรอกว่ะ ขอก็แล้ว กราบก็แล้ว ยังจะเอาเรื่องอีก ก็หน้าด้านเต็มทีละวะ “

**********

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 12 ต.ค. 49 10:03:38 ]


ความคิดเห็นที่ 2

ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะชื่อผู้ส่งจดหมายฉบับนี้
ลงชื่อ พ.ต.ต.สำรวย นามสกุลยาวอ่านยาก
ภาษาไทยของผมก็ไม่ค่อยแตก พอ ๆ กับพี่รันเหมือนกัน

เสียงเพลงจากวิทยุเปลี่ยนจากรายการลูกทุ่ง เป็นเพลงลูกกรุงที่ฟังคุ้นหู

.......เมื่อฉันพบเธอ........ฉันเกลียดถนน........เพราะทำให้เราสองคน...........ต้องพรากจากกัน...............

พี่รันเดินเข้ามาจากปากซอย ใบหน้าดูหมองคล้ำพอ ๆ กับก้อนเมฆ ที่ทะยอยผ่านเข้ามาบดบังแสงอาทิตย์อันเร่าร้อน ให้หรุบหรู่ลง ลมพัดกรูเกรียวเหมือนฝนใกล้จะตก ฝุ่นสีแดงในซอยหมุนว่อน เสียงเพลงยังคงดังอยู่

.....เมื่อฉันพบเธอ......ฉันเกลียดตะวัน.......เพราะทำให้ฉันโศกศัลย์.....นับวันรอเธอ......

เขาดึงจดหมายไปจากมือผมอย่างงง ๆ แล้วก็นั่งลงบนแคร่ ฉีกออกอ่านเงียบ ๆ ผมมองหน้าเขาอย่างจับจ้องจดจ่อ ด้วยความอยากรู้เรื่อง

สีหน้าที่เฉยเมยของเขาเปลี่ยนไปเป็นยิ้มละมัย แล้วก็ขยายยิ้มมากขึ้น สุดท้ายถึงกับหัวเราะออกมาเต็มเสียง แล้วล้มตัวลงนอนหงายบนแคร่ หัวเราะต่อไปอย่างเบิกบานสำราญใจ

ผมคว้าจดหมายที่หล่นจากมือของเขามาอ่านอย่างกระหาย มันเป็นข้อความสั้น ๆ คล้ายโทรเลข

นายหิรัญ................... ขึ้นต้นลอย ๆ อย่างนี้..............เรื่องที่แล้วมาไม่ต้องเป็นห่วง เสียค่าซ่อมไปพันกว่าบาท แต่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องให้นายเดือดร้อน เพราะบังเอิญแฟนฉัน เขาถูกเลขท้าย ๒ ตัว งวดนี้ ๕ คู่ จึงส่งเช็คไปรษณีย์มาให้นาย ๔๐๐ บาท ขอบใจที่เลขท้ายรถของนาย ให้โชคแก่เรา.............สำรวย

ลมฝนกระโชกมาอีกตลบ ความร้อนระอุยามบ่ายค่อยคลายลงไป ฝนจากใต้ฝุ่นเป็นฝอยเล็ก ๆ พรูพรายลงมากระทบใบหูกวางเสียงพร่า แล้วค่อย ๆ ดังขึ้น ทำให้เสียงเพลงดูเหมือนแผ่วจางลง

...............เมื่อฉันพบเธอ..............ฉันเกลียดโชคร้าย...............เพราะทำให้ฉันกลับกลาย............เป็นคนรักเธอข้างเดียว..................

############

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 12 ต.ค. 49 10:07:50 ]


Create Date : 05 พฤษภาคม 2559
Last Update : 5 พฤษภาคม 2559 9:15:26 น. 0 comments
Counter : 374 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.