Group Blog
 
All Blogs
 
เพื่อนเก่า

เรื่องสั้น

เพื่อนเก่า

" เพทาย "

เช้าวันหนึ่ง เสียงกริ่งโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของผมได้ดังขึ้น ขณะนั้นผมกำลังยุ่งอยู่กับเอกสารปึกใหญ่ตรงหน้า จนไม่อาจจะละมือเอื้อมไปรับโทรศัพท์ได้ เจ้าลูกน้องของผมที่นั่งโต๊ะติดกัน จึงต้องลุกขึ้นมารับสาย ครู่หนึ่งก็หันมาบอกว่า มีญาติของผมมารออยู่ที่ห้องอาหารของหน่วยงาน ผมให้เขาถามชื่อแซ่ดูก่อน เขาบอกว่าชื่อ ยุทธ มีธุระสำคัญต้องการพบด่วน ผมดูเวลาแล้วเห็นว่าจวนเที่ยง ก็บอกให้เขารอสักครู่ เดี๋ยวจะลงไปหา

ยุทธเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายสิบกับผม เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๗ พร้อมกับนักเรียนรุ่นนั้นทั้งหมด ๑๐๘ คน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองกองร้อยสี่หมวด เฉพาะหมวดที่ ๑ กองร้อยที่ ๑ ซึ่งผมอยู่ด้วยกันเกือบสามสิบคนนั้น ต่างก็สนิทสนมกันเป็นอันดี เพราะได้กินนอนเรียนเล่น ร่วมกันมาเป็นเวลา ๖ เดือนเต็ม แต่ที่ใกล้ชิดกันมากจนจำพฤติกรรมของแต่ละคนได้ดี และยังคบหาสมาคมกันต่อมา หลังจากออกรับราชการแล้วอีกหลายปี ก็มีอยู่หลายคน

ส่วนยุทธนั้นเวลาเรียนนั่งโต๊ะติดข้างหลังผม ชอบคุยชอบถามอยู่ทุกวิชา แม้กระทั่งเวลาสอบ จนจะถูกครูลงโทษเอาหลายหน พอถึงเวลากินข้าวที่โรงเลี้ยงเพื่อนก็ไม่ค่อยอยากจะเข้าแถวใกล้ ๆ เพราะเขากินกับเร็ว วงละสี่คน เขาจ้วงแพล็บเดียวก็หมด ต้องกินข้าวคลุกน้ำปลา มีแต่ผมซึ่งเลื่อนไปเลื่อนมาก็ตรงกับเขาแทบทุกที แต่เขาก็ไม่เคยเหลือกับข้าวไว้ให้ผมเหมือนกัน

สมัยที่มีเสือพรานไปรบในประเทศที่สาม เขาก็อาสาสมัครไปด้วย แต่ก็ไม่เห็นรวยกลับมาเหมือนคนอื่นเขา มีแต่อาการของคนติดสุราเรื้อรัง เขาบอกว่าอยู่ท่ามกลางความตาย มันก็ต้องกินเหล้าย้อมใจให้กล้า ตอนหลังได้ข่าวว่านายขอลาออกจากราชการ จึงไปบวชอยู่ที่วัดแถวบ้านเกิด แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวสึกเดี๋ยวบวช และชอบแวะเวียนมาให้ผมได้ทำบุญอยู่บ่อย ๆ เขาบอกว่าผมเป็นเพื่อนที่ดีของเขา เขาไม่รู้จะไปหาใคร เขาก็ต้องมาหาผม ผมก็ปวารณาตัวว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกกันได้ เขาก็บอกว่าไม่ช่วยเพื่อนก็หมาละวะ แต่ลงท้ายก็หายหน้าไป

ตัวผมเองนั้นต่อมาก็ได้เข้าทำงานอยู่ในวงการโทรทัศน์ หลายปีเข้าก็ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น พอลืมตาอ้าปากได้บ้างไม่ถึงกับซื้อรถเก๋งหรือผ่อนบ้านอย่างคนอื่นทั้งหลาย

เมื่อปีก่อนพระยุทธก็มาหาผมถึงที่ทำงานแห่งนี้ บอกว่าเลิกดื่มเหล้าได้เด็ดขาดแล้ว จึงกลับมาบวชใหม่ ตั้งใจจะไม่สึกอีกแล้ว ผมเห็นใบหน้าผ่องใสมีน้ำมีนวล ไม่มีเค้าเดิมที่เมาทั้งวัน จึงเที่ยวตามเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกสามคน มาพบที่ห้องอาหารของที่ทำงาน เพื่อช่วยอนุโมทนา เราจัดอาหารเพลมาถวาย แล้วก็ร่วมใจกันบริจาคปัจจัยไปรวมหลายร้อยบาท

แต่เมื่อผมลงจากห้องทำงาน มาพบเขาในคราวนี้ เขากลับไปเป็นยุทธ คนเดิมอีกแล้ว ใบหน้าบวมฉุ ดวงตาแดง น้ำตาฉ่ำ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมอซอเต็มที ผมชะงักพูดทักทายไม่ออก รีบควักกระเป๋าเงินออกมา หยิบธนบัตรในละห้าสิบบาทส่งให้ แต่เขาไม่ยอมรับ แถเข้ามาใกล้แล้วตะคอกว่า

"อะไรกันวะ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาหาทั้งที ให้แค่ห้าสิบก็หมาละวะ"

ผมจึงเปลี่ยนใจยัดธนบัตรใส่กระเป๋ากางเกง แล้วก็บอกลา

"ขอโทษทีวะเพื่อน เราลางานแล้ว จะไปเยี่ยมแม่ยายป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลว่ะ"

ว่าแล้วก็รีบจ้ำอ้าวออกจากที่ทำงานไป โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองเพื่อนอีกเลย ได้ยินแต่เสียงเอ็ดตะโร เกี่ยวกับแม่ ๆ อยู่เบื้องหลังฟังไม่ถนัด

ใครจะว่าใจดำก็ยอม ผมอายลูกน้องสาว ๆ ที่กำลังหัวเราะคิกคักกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่นั่นเต็มที.


###########

นิตยสารทหารปืนใหญ่
เมษายน ๒๕๔๔



Create Date : 23 กรกฎาคม 2558
Last Update : 23 กรกฎาคม 2558 7:41:04 น. 0 comments
Counter : 382 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.