Lo Impossible เพราะชีวิตเป็นเรื่องเหลือเชิ่อ ปาฏิหารย์เกิดได้เสมอ หนังห้ามพลาด !!
The Impossible ( สึนามิ ภูเก็ต ) .... 3 ดาวครึ่ง ..... ...................มหันตภัยคลื่นยักษ์ซึนามิที่ถล่มภาคใต้ของบ้านเราเมื่อเกือบ 8 ปีก่อนในที่สุดก็ได้กลายเป็นภาพยนตร์มหากาฬฟอร์มยักษ์จนได้ แต่มิใช่ฝีมือของฝรั่งฮอลลีวู๊ดหรอกนะครับ นี่คือหนังนอกสตูดิโอหรือหนังอินดี้ก็ว่าได้ จริงๆมันไม่ใช่อินดี้ซะทีเดียวด้วยตัวเลขทุนสร้าง 30 ล้านยูโรโดยประมาณ ก็หลักๆพันล้านน่ะครับซึ่งก็ถือว่าน้อยมากถ้าหากฮอลลีวู๊ดเอาไปทำต้องมีขั้นต่ำ 70-100 ล้านเหรียญสหรัฐแน่นอนสำหรับหนังโปรดักชั่นระดับนี้ แต่เผอิญว่านี่คือหนังสัญชาติสเปน ทีมงานเสปน โลเกชั่นบางส่วนในสเปน ก็เลยทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก ด้วยความที่ทีมงานกะทำหนังเรื่องนี้เพื่อขายตลาดโลกด้วย ก็เลยไปจ้างดาราดังอย่างพระเอก ยวน แมกเกรเกอร์ ( Moulin Rouge ) และนางเอก นาโอมิ วัตติ์ ( The Grudge ) มาเล่นซึ่งทั้งสองคนนี้มีพร้อมทั้งฝีไม้ลายมือทางด้านการแสดงและความงามทางด้านรูปลักษณ์อยู่แล้ว พูดง่ายๆก็คือหน้าตาดีและฝีมือเยี่ยม ทำให้หนังดูดีและมีราคาขึ้นอีกหลายกิโลขีด และข่าวดีก็คือหนังเรื่องนี้คนไทยได้ดูก่อนคนอเมริกาด้วยซ้ำนะครับ รู้สึกที่เมกาเพิ่งเข้าสัปดาห์นี้นี่เอง คำวิจารณ์ของหนังที่ออกมาจากปากคนที่ได้ดูมาแล้วต่างบ่งชี้ตรงกันว่าหนังดีมาก ซึ่งตัวหนังหลังจากที่ได้ดูเต็มๆมันก็ดีสมคำร่ำลือจริงๆ หนังเต็มไปด้วยความน่าตื่นตา ระทึกขวัญ เร้าใจ ตื้นตันในอารมณ์ ดราม่าในแบบที่ทำได้ถึงขีดสุดครับ ...................คงเพราะนี่คือเรื่องไกลตัวของใครหลายคน ทำให้เรื่องราวของมหันตภัยครั้งนี้ถูกหยิบมาทำเป็นหนังช้าไปนิดนึง ทั้งๆที่น่าทำมานานแล้ว ค่ายหนังคงเชื่อว่าคนดูน้อยคนที่จะรู้สึกอินกับภาพหายนะ ของคลื่นยักษ์ที่ถาโถม ขนาดเราเองที่อยู่ในประเทศที่เกิดภัยพิบัติ ผมเชื่อว่าคนจำนวนมากก็ไม่คาดคิดว่าภาพความรุนแรงมันเกิดขนาดที่เราเห็นในหนัง ก็เพราะเราไม่เคยเห็น เราจึงคิดว่ามันไม่มี ? เช่นเดียวกับคุณงามความดีของมนุษย์ ความหวัง พลังใจ ปาฏิหาริย์ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเลือนหายไปจากใจของใครหลายคน เราเห็นแต่ความเกลียดชัง ความเลวร้าย การหักหลังทรยศ ความไม่น่าไว้วางใจ การทำร้ายกันและกัน จนเราลืมไปและถึงขั้นหมดความศรัทธาในความดีงามของมนุษย์ชาติด้วยซ้ำไป ? หนังเรื่องนี้ทำให้เราย้อนกลับมามองว่าจริงๆแล้วแม้มนุษย์เราจะมีสีดำๆค่อนไปทางเทาๆ แทบจะไม่มีใครขาวหรือค่อนไปทางขาวแล้ว แต่จริงๆถ้าเรามองดีๆ หรือถ้าเราใช้ใจมองอาจจะได้เห็นในสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็ได้ ในสถานการณ์ปกติเราอาจจะไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้ แต่ในเวลาจวนตัวคับขัน บางทีชีวิตมันก็อาจจะมีแง่มุมความงามซ่อนอยู่ก็เป็นได้เช่นกัน ประเด็นแฝงแบบนี้ดูคล้ายๆในหนังรักจับใจเหมือนกันนะครับ บางทีใช้ตามองไม่เห็น ต้องลองหลับตา และแทนที่จะเล่าหายนะระดับมหากาพย์แบบ 2012 คนทำหนังฉลาดที่จะเล่าแค่เรื่องราวที่ส่งผลกระทบกับครอบครัวๆเดียวเท่านั้น แต่เรากลับสัมผัสได้ถึงความน่าสะเทือนใจในระดับถึงขีดสุดๆ ...................ภาพของคลื่นยักษ์ซึนามิที่พัดถล่มเขาหลัก จว.พังงา นั้นเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆของหนังเท่านั้น ไม่น่าถึง 1 ใน 5 ของหนัง แต่ส่งผลกระทบกับเรื่องราวและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม มันช่างน่ากลัวจริงๆครับ ชั่วเวลาพริบตาเดียวที่ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบ คลื่นยักษ์สูงสัก 3 - 4 เมตรพัดโครมเข้ามาและทุกอย่างก็ราบพนาสูรในเวลาชั่วอึดใจ และที่เกิดหลังจากนั้นก็คือสภาพการต้องตะเกียกตะกายเอาตัวรอดของทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นในเวลานั้น ภาพความพยายามในการช่วยเหลือกัน การพยายามหนีให้พ้นความตาย และความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติช่างโอฬารเหนือสิ่งอื่นใดจริงๆครับ บางทีใครจะรอดหรือไม่รอดอาจจะเป็นประสงค์จากอะไรก็ตามที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นไปได้ ครอบครัวที่ประกอบไปด้วย พ่อแม่ และลูกเล็กอีกสามคน ต้องกระสานซ่านเซ็นไปคนละทาง พลัดพรากกันไปด้วยความรุนแรงของคลื่นยักษ์ และรวมถึงความโกลาหลวุ่นวายหลังภัยพิบัติสงบลง ทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน หนึ่งในความเสียดายอย่างนึงของผมก็คือ ผมไม่ได้ลงไปช่วยอะไรกับพี่น้องในภาคใต้ซะเลย ทั้งๆที่ในเวลานั้นผมน่าจะเป็นคนนึงที่สามารถทำอะไรได้ ผิดกับช่วงน้ำท่วมเราจะเห็นว่ามีจิตอาสาเยอะมาก ตรงนี้เพราะผมเชื่อว่าเราส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครคิดว่ามันรุนแรงขนาดนี้ และจำนวนมากก็คงคิดคล้ายๆกันว่าเราจะทำอะไรได้ ทั้งๆที่จริงๆคนเราสามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำได้ และเราล้วนมีศักยภาพที่จะทำในหลายๆอย่างได้บางอย่างอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆแต่ถ้าเราได้ทำ ผลกระทบที่กลับมามันไม่ได้เล็กเลยนะครับ มันใหญ่มาก ...................ฉากที่แม่บอกลูกชายที่โรงบาลว่า ไม่ต้องห่วงแม่ ไปช่วยคนอื่นเถอะ คนเขาช่วยเรามาเยอะแล้วเราต้องช่วยเขาบ้าง ไปทำอะไรก็ได้ ไปหาอะไรทำ แล้วลูกชายก็เดินโซซัดโซเซก่อนจะไปเจอฝรั่งอีกคนที่ตามหาครอบครัว จากนั้นเค้าก็เดินไล่ตะโกนหาญาติพี่น้องคนอื่นที่พลัดพรากกัน แม้จะทำให้เจอได้แค่คนเดียวก็ตาม แต่นั่นล่ะครับ มันคือความตื้นตัน การที่ทำให้คนที่ตามหาลูกได้เจอลูก ทำให้ครอบครัวได้กลับมาเจอกัน โห มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆนะครับ ยิ่งกว่ากู้ชาติ หรือทำบ้าบอแล้วอ้างว่าเพื่อชาติเพื่อสถาบันเป็นใหนๆ หนังมีช่วงโมเมนท์แห่งความซาบซึ้ง ประทับใจ และมอบความหวัง ชี้ให้เห็นถึงความดีของมนุษย์อยู่บ่อยๆแน่นอนว่ามันทำให้เรารู้สึกดีมากๆยิ่งหนังย้ำว่าสร้างมาจากเรื่องจริงของครอบครัวนี้ ยิ่งทำให้เรารู้สึกดีเข้าไปอีกหลายเท่า ผู้กำกับและคนเขียนบทเก่งมากที่เอาหนังอยู่ ทั้งๆที่หัวใจของเรื่องเป็นดราม่าล้วนๆ หายนะที่เกิดไม่ใช่เรื่องว่าคลื่นจะถล่มโลกพังแค่ใหน แต่มันได้ทำลายครอบครัวๆนี้หรือไม่ ? เค้าจะรักษาเยียวยาจิตใจได้ใหมในช่วงเวลาแบบนั้น จะยังเหลือความเป็นคนใหม จะหาทางกลับมาผสานและทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ ( ทั้งในเคสที่อาจจะมีการสูญเสียของครอบครัวหรือไม่ก็ตาม ) อีกฉากนึงที่มีเสียงเด็กร้องแล้วลูกชายกะไม่ช่วยเพราะเห็นว่าตัวเองก็จะไม่รอดแล้วแต่แม่สอนว่า ยังไงเราก็ต้องช่วยต่อให้เราจะต้องตายก็ตาม แล้วสุดท้ายช็อตเล็กๆตรงนี้ก็มีผลถึงฉากจบด้วย ที่น่ายินดีก็คือหนังมาถ่ายทำเมืองไทยเกือบทั้งเรื่อง และให้ภาพลักษณ์เชิงบวกแก่เมืองไทยอย่างมากในทุกๆทาง ซึ่งมีน้อยครั้งมากที่คนทำหนังจะเชิดชูยกย่องคนไทยและเมืองไทยขนาดนี้ น่าดีใจ คนไทยทุกคนต้องดูครับเรื่องนี้ ฟังซาวน์แทรคหนังเพราะๆ เชิญทางนี่ครับ https://www.facebook.com/pages/Sweet-Soundtrack-s-lover/259904340708159 
Create Date : 13 ธันวาคม 2555 |
|
9 comments |
Last Update : 13 ธันวาคม 2555 7:56:48 น. |
Counter : 17227 Pageviews. |
|
 |
|