ความสุข ทุกแง่ทุกมุม (3)
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
เมื่อพูดถึงจริยธรรมแล้ว ก็โยงไปถึงการศึกษา ก็เลยซ้อนเข้า มาด้วย คือคนเรานี้ ทางพระท่านเรียกว่าเป็นสัตว์ที่ต้องฝึก จะดีเลิศประเสริฐได้ก็ด้วยการฝึก การฝึกก็คือศึกษา ศึกษาก็คือพัฒนา พัฒนาชีวิตด้วยการศึกษา โดยคนต้องฝึกตนให้ดียิ่งขึ้น เอาดีได้ด้วยการฝึก จะอยู่แค่สัญชาตญาณไม่ได้ จึงเรียกว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ในเมื่อธรรมชาติของมนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องฝึก จะดีจะเลิศจะประเสริฐได้ด้วยการฝึก ก็แสดงว่า การศึกษาเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ เป็นธรรมชาติของมนุษย์อย่างนั้นเอง ที่จะต้องเจริญงอกงามขึ้นไปด้วยการศึกษา จึงย้ำไว้ให้ชัดอีกทีว่า 'มนุษย์คือสัตว์ที่ต้องศึกษา'
ทีนี้ถ้าการศึกษาเดินไปถูกทาง เป็นไปด้วยดี ก็จะต้องเป็นการศึกษาที่มีความสุขคือศึกษาด้วยความสุข หรือเป็นการศึกษา แห่งความสุข ถ้ายังไม่มีความสุข ก็ต้องสงสัยว่ายังไม่ใช่การศึกษาที่แท้ ยังไม่ใช่การศึกษาที่ถูกต้อง การศึกษานั้นพัฒนาชีวิตคน เมื่อคนมีการพัฒนาด้วยการศึกษา ชีวิตของเขาก็พัฒนาขึ้นไปๆ เขาก็ดำเนินชีวิตได้ถูกได้ดียิ่งขึ้นๆ การดำเนินชีวิตที่ดีที่ถูกต้องนั้นนั่นแหละ เรียกว่า 'จริยธรรม'
เพราะฉะนั้น จริยธรรมกับการศึกษาจึงต้องมาด้วยกัน แต่ที่จริง ไม่ต้องบอกว่า 'ต้อง' หรอก เพราะเมื่อมันเป็นธรรมชาติ พอถูกต้องแล้ว มันก็เป็นอย่างนั้นของมันเอง ควรพูดใหม่ว่า จริยธรรมกับการศึกษาจึงมาด้วยกัน นี่ก็หมายความว่า ตัวมนุษย์นี้ เป็นสัตว์ซึ่งมีธรรมชาติที่จะต้องฝึก ต้องหัด ต้องพัฒนา ต้องมีการศึกษา และเมื่อศึกษาถูกต้อง เป็นไปตามธรรมชาติของเขานั้น สอดคล้องกันแล้ว เขาก็จะยิ่งเจริญงอกงามมีความสุขยิ่งขึ้น การศึกษาก็จึงเป็นการพัฒนา ความสุขไปด้วย และพร้อมกันนั้น รวมอยู่ด้วยกัน ก็พัฒนาทุกอย่างที่อยู่ในตัวคนนั้นแหละ ก็คือพัฒนาคนหมดทั้งตัว พัฒนาทั้งคน พัฒนาทั้งชีวิตของเขานั่นเอง
นี่แหละมันจึงไปด้วยกัน ที่ว่าการศึกษาคือการพัฒนาความสุข การศึกษาเป็นการพัฒนาจริยธรรม การพัฒนาจริยธรรมเป็นการพัฒนาความสุข ฯลฯ อะไรต่ออะไรทั้งหมดนั้น ก็คืออยู่ในนี้ก็อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสนั่นแหละว่า ถ้าทำเหตุปัจจัยถูกต้อง ก็ไม่ต้องไปเรียกไปร้อง ธรรมชาติก็เป็นไปของมันเอง ท่านว่าเมื่อเกิดปีติแล้ว กายใจก็เรียบรื่นผ่อนคลาย ไม่ต้องไปเรียกร้อง ไม่ต้องแม้แต่ตั้งใจ ปัสสัทธิก็ตามมา ตามธรรมดาของธรรมชาติ ที่มันเป็นเช่นนั้นเอง
เหมือนแม่ไก่อยากเห็นลูกไก่ ก็ขึ้นไปกกไข่ตามเวลา พอถึงวาระ ลูกไก่ก็กะเทาะเปลือกไข่ออกมา แต่ถ้าแม่ไก่ไม่ขึ้นไปกกไข่ถึงจะไปยืนตะโกนร้องทั้งวันที่หน้าเล้า ทั้งเหนื่อยเปล่า และไข่ก็เน่าไม่ว่าลูกเต่าหรือลูกไก่ ก็ไม่ออกมา สมัยก่อน เลิกสงครามโลกใหม่ๆ รถยนต์ยังไม่ทันสมัยเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าอย่างเดี๋ยวนี้ เวลาจะออกรถ ต้องเอาคนที่ล่ำสันแข็งแรงมายืนหน้ารถ ออกแรงเต็มที่ หมุนเหล็กสตาร์ต บางทีกว่าเครื่องจะติดสตาร์ตรถได้ เหนื่อยแทบแย่ แต่เดี๋ยวนี้เอานิ้วขยับนิดเดียว เครื่องก็ติด สตาร์ตรถได้ทันที
ตรงนี้คือให้แยกและต่อกระบวนการของมนุษย์ กับกระบวน การของธรรมชาติ เราจะใช้ประโยชน์จากกระบวนการของธรรมชาติ เราก็จัดทำกระบวนการของมนุษย์ขึ้นมาเรียกกระบวนการของธรรมชาติให้ทำงาน จะเหนื่อยจะยากลำบากนักหนาหรือไม่ ก็ในตอนกระบวนการของมนุษย์ที่ว่าทำอย่างไร จะเชื่อมให้กระบวนการของธรรมชาติมารับช่วงต่อไปได้
หน้า 31
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ
Create Date : 23 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 23 มิถุนายน 2555 14:02:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 861 Pageviews. |
|
|