แผนที่ชีวิต (22) - พระพรหมคุณาภรณ์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
อันนี้ก็เหมือนกัน ชีวิตของเราที่มีการตกแต่งไปอย่างนั้นอย่างนี้ มีการจัดสรรปรุงแต่งอะไรต่างๆ ก็เพื่อให้ความเป็นอยู่ของเรามีรสชาติแล้วเราก็เพลิดเพลินไปกับการจัดสรรปรุงแต่งเหล่านี้ และมีความสุขสบายไปในระดับหนึ่ง แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อใดเราเข้าถึงความจริง ความจริงนั้นแหละจะเป็นรสที่เลิศที่สุด
สภาพจิตของผู้บรรลุสัจจะ
การเข้าถึงความจริงด้วยปัญญาเห็นแจ้ง ทำให้วางจิตวางใจลงตัวสนิทสบายกับทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่อย่างผู้เจนจบชีวิต
สภาพจิตนี้จะเปรียบเทียบได้เหมือนสารถีที่เจนจบการขับรถสารถีผู้ชำนาญ ในการขับรถนั้นจะขับม้าให้นำรถเข้าถนนและวิ่งด้วยความเร็วพอดี ตอนแรกต้องใช้ความพยายาม ใช้แส้ดึงบังเหียนอยู่พักหนึ่ง แต่พอรถม้านั้นวิ่งเข้าที่เข้าทางดี ความเร็วพอดี อยู่ตัวแล้วสารถีผู้เจนจบผู้ชำนาญแล้วนั้นจะนั่งสงบสบายเลย แต่ตลอดเวลานั้นเขาไม่มีความประหวั่น ไม่มีความหวาด จิตเรียบสนิท ไม่เหมือนคนที่ไม่ชำนาญ จะขับรถนี่ใจคอไม่ดี หวาดหวั่น ใจคอยกังวล โน่นนี่ไม่ลงตัว แต่พอรู้เข้าใจความจริงเจนจบดี ด้วยความรู้นี่แหละจะปรับความรู้สึกให้ลงตัว เป็นสภาพจิตที่เรียบสงบสบายที่สุด
คนที่อยู่ในโลกด้วยความรู้เข้าใจโลกและชีวิตตามเป็นจริง จิตเจนจบกับโลกและชีวิต วางจิตลงตัวพอดี ทุกอย่างเข้าที่อยู่ตัวสนิทอย่างนี้ ท่านเรียกว่าเป็นจิตอุเบกขา เป็นจิตที่สบาย ไม่มีอะไรกวนเลยเรียบสนิท เป็นตัวของตัวเอง ลงตัว
เมื่อทุกสิ่งเข้าที่ของมันแล้ว คนที่จิตลงตัวเช่นนี้จะมีความสุขประจำตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นสุขเต็มอิ่มอยู่ข้างใน ไม่ต้องหาจากข้างนอก และเป็นผู้มีชีวิตที่พร้อมจะทำเพื่อผู้อื่นได้เต็มที่ เพราะไม่ต้องห่วงกังวลถึงความสุขของตน และไม่มีอะไรที่จะต้องทำเพื่อตัวเองอีกต่อไป จะมองโลกด้วยปัญญาที่รู้ความจริงและด้วยใจที่กว้างขวางและรู้สึกเกื้อกูล
ความสุขของพระอรหันต์
เรื่องความสุขอันนี้เป็นเรื่องใหญ่ เรามักลืมมองแง่หรือด้านนี้ของพระพุทธศาสนา ถ้าเปิดดูพระไตรปิฎกและสังเกตให้ดีจะเห็นว่าความสุขเป็นเรื่องใหญ่ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มาก
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ใดเห็นนิพพานเป็นทุกข์ ผู้นั้นไม่มีทางจะได้บรรลุนิพพาน ผู้ใดมองเห็นนิพพานว่าเป็นสุข ก็มีทางที่จะบรรลุได้ ท่านผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์มีความสุขอย่างยิ่ง อย่างที่บางท่านอุทานอยู่เสมอว่า "สุขจริงหนอๆ" พระพุทธเจ้าเองก็ทรงยืนยันพระองค์ว่าทรงเป็นสุข
มีผู้ถามเทียบว่า พระองค์เที่ยวจาริกไป ไม่มีที่อยู่สบาย เดินทางไปโปรดคน เข้าลักษณะที่ว่านอนกลางดินกินกลางทราย อย่างนี้จะมีความสุขอะไร
พระพุทธเจ้าก็ตรัสถามว่า แล้วคุณว่าใครมีความสุข เขาคงนึกไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเอาใครดีก็เลยนึกถึงพระเจ้าแผ่นดินแคว้นนั้น ซึ่งมีทุกอย่าง บอกว่าพระเจ้าพิมพิสารเป็นสุขที่สุด พระพุทธเจ้าก็ตรัสถามว่า พระเจ้าพิมพิสารจะประทับเสวยสุขทั้งวันได้ไหม เขาคิดไปคิดมา บอกว่าทำไม่ได้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราสุขตลอดเวลาเลย จะไม่ดู ไม่ฟัง นั่งเฉยๆ ให้เป็นสุขตลอดทั้งวันก็ได้
พระพุทธศาสนาเน้นมากในเรื่องความสุข จนกระทั่งว่าพูดในแง่หนึ่ง พระพุทธศาสนาก็คือหลักคำสอนว่าด้วยการพัฒนาความสุข
ผู้ที่อยู่ได้โดยไม่ต้องหวัง
พระอรหันต์มีลักษณะพิเศษเหนือกว่าพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ยังใช้ปณิธาน ยังมีความตั้งเป้าหมายว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายที่ดีงามสูงสุดอันนั้น ซึ่งถ้ามองให้ละเอียดก็ยังมีอะไรที่ต้องทำเพื่อตนเอง
ส่วนพระอรหันต์นั้นตรงข้าม พระพุทธเจ้าก็เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้นำของพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายมีลักษณะที่พิเศษคือ เป็นผู้บรรลุจุดหมายแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องทำเพื่อตนเองอีก ตรงข้ามกับพระโพธิสัตว์ ซึ่งต่อไปบรรลุจุดหมายแล้ว จึงจะเป็นพระพุทธเจ้า แล้วจึงจะไม่มีอะไรที่ต้องทำเพื่อตนเองอีก เมื่อไม่มีอะไรที่ต้องทำเพื่อตนเองแล้วจึงจะเป็นบุคคลที่สมบูรณ์ เช่น มีความสุขอยู่ในตัวพร้อมตลอดเวลา
หน้า 31 ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ
Create Date : 21 มกราคม 2557 |
Last Update : 21 มกราคม 2557 9:00:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 547 Pageviews. |
|
|