แผนที่ชีวิต (19) - พระพรหมคุณาภรณ์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
มีท่านผู้รู้เปรียบเทียบไว้เหมือนว่าพื้นถนนปัดกวาดแล้ว ถึงจะยังมีฝุ่นมากก็นับว่าสะอาด ขยับขึ้นมาเป็นพื้นบ้าน ต้องฝุ่นน้อยลงจึงจะนับว่าสะอาด แต่กระจกแว่นตาฝุ่นนิดเดียว ก็เห็นชัด ต้องไม่มีละอองจับเลยจึงจะนับว่าสะอาด
พื้นถนนเราใช้สำหรับรถวิ่งหรือให้คนเดินผ่าน สะอาดแค่ไม่เกะกะไม่เลอะเทอะก็ดีแล้ว ใช้งานได้ แต่กระจกแว่นตา ถ้าสะอาดแค่อย่างพื้นถนนก็ยังดูอะไรไม่เห็นใช้ประโยชน์ยังไม่ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะรองรับงานที่ประณีต คุณภาพก็ต้องถึงขั้น ชีวิตจิตใจที่จะเข้าถึงสิ่งประเสริฐขึ้นไปก็ต้องประณีตพอ จึงจะถึงได้
พัฒนาจิตใจให้งอกงาม
ภาวนา แปลว่า ทำให้เกิดให้มีขึ้น ทำให้เป็นขึ้น สิ่งที่ยังไม่เป็นก็ทำให้มันเป็น สิ่งที่ยังไม่มีก็ทำให้มันมีขึ้น เรียกว่า ภาวนาเพราะฉะนั้นจึงเป็นการปฏิบัติ ฝึกหัด หรือลงมือทำ ภาวนาจึงแปลอีกความหมายหนึ่งว่าการฝึกอบรม
ฝันนั้น เมื่อยังไม่เป็นทำทำให้มันเป็น อบรมนั้น เมื่อยังไม่มี ก็ทำให้มีขึ้น ยิ่งกว่านั้น เมื่อทำให้เกิด ให้มี ให้เป็นขึ้นมาแล้ว ก็ ต้องทำให้เจริญงอกงามเพิ่มพูนพรั่งพร้อมขึ้นไปด้วยจนเต็มที่
ภาวนาจึงมีความหมายตรงกับคำว่า "พัฒนา" ด้วย และจึงแปลง่ายๆ ว่า "เจริญ"
ในภาษาไทยแต่โบราณมาก็นิยมแปลภาวนาว่าเจริญ เช่น เจริญวิปัสสนาเรียกว่า "วิปัสสนาภาวนา"
ตกลงว่า ภาวนา แปลว่า การฝึกอบรมหรือการเจริญ หรือการทำให้เป็นให้มีขึ้นมา และพัฒนาให้งอกงามบริบูรณ์
ประเภทของการภาวนา
การภาวนาในระดับที่เราต้องการในที่นี้แยกเป็นสองอย่าง คือ จิตตภาวนา การฝึกอบรมจิตใจอย่างหนึ่ง และ ปัญญาภาวนา การฝึกอบรมปัญญาอีกอย่างหนึ่ง
ถ้าใช้ตามนิยมของภาษาสมัยใหม่ เจริญแปลว่า พัฒนาเพราะฉะนั้นจิตตภาวนาก็แปลว่า การพัฒนาจิตหรือพัฒนาจิตใจ ส่วนปัญญาภาวนาก็แปลว่า การพัฒนาปัญญา
จิตตภาวนานั้นเรียกง่ายๆว่า สมถะ บางทีก็เรียกว่า สมถภาวนา สมถะนี้ตัวแก่นของมันแท้ๆ คือสมาธิ เพราะสมถะนั้นแปลว่าความสงบ ตัวแก่นของความสงบก็คือ สมาธิ ความมีใจแน่วแน่ สมถะนั้นมุ่งที่ตัวสมาธิ จะว่าสมาธิเป็นสาระของสมถะก็ได้ ฉะนั้นก็เลยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "สมาธิภาวนา"
คำว่า จิตตภาวนา ก็ดี สมถภาวนา ก็ดี สมาธิภาวนาก็ดี จึงใช้แทนกันได้หมด
ต่อไปอย่างที่สอง ปัญญาภาวนานั้นเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า วิปัสสนาภาวนา การเจริญวิปัสสนามุ่ง ให้เกิดปัญญา คือ ปัญญา ที่เข้าใจความ จริงของสิ่งทั้งหลาย ปัญญาในขั้นที่รู้จักโลกและชีวิต ตามความเป็นจริงเรียกว่า "วิปัสสนา" แปลว่ารู้แจ้ง ไม่ใช่รู้แค่ทำมาหาเลี้ยงชีพได้เท่านั้น แต่รู้สภาวะ รู้สภาพความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลาย จึงเรียกว่า วิปัสสนา ซึ่งก็เป็นปัญญาระดับหนึ่งนั่นแหละ
เพราะฉะนั้น วิปัสสนาภาวนา ถ้าจะเรียกให้กว้างก็เป็นปัญญาภาวนา
สาระสำคัญของวิปัสสนา
วิปัสสนาจะมีวิธีปฏิบัติมีเทคนิค อย่างไรก็ตาม สาระหรือหลักการของมัน มีอันเดียว คือ การรู้เห็นตามเป็นจริง หรือรู้เห็นตามที่มันเป็น ไม่ใช่รู้เห็นตามที่ เราคิดให้มันเป็น ไม่ใช่รู้เห็นตามที่อยากให้มันเป็น
คนเรานี้มักจะเป็นอย่างนั้น คือรู้ เห็นตามที่คิดให้มันเป็น เรียกว่า คิดปรุงแต่งไป แล้วมันก็เหมือนจะเป็นตามที่คิด อย่างนั้น เมื่อใดรู้เห็นตามที่มันเป็นของ มันจริงๆ ก็เรียกว่า นี่ละ เกิดวิปัสสนาความรู้แจ้งแล้ว วัตถุประสงค์ของวิปัสสนา ตัวหลักการที่แท้ก็เท่านี้เอง คือผู้เห็นตาม ที่มันเป็น
ชีวิตอันประเสริฐล้ำค่า
ชีวิตของเราก็มีโอกาสที่จะเตลิดไปได้มาก จะโน้มไปในทางที่จะมีความหลงระเริง มีความมัวเมา แล้วก็มีความทุกข์ในประการต่างๆ เพราะไม่มีหลักยึดของจิตใจ เวลาประสบ "อนิฏฐารมณ์" ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ขัดแย้ง สิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามปรารถนา ก็ไม่มีความรู้เท่าทันที่จะมาคิดพิจารณา ก็มีแต่ความทุกข์ มีแต่ถูกกระทบกระแทก บีบคั้นอย่างเดียว
ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเป็นคาถาอย่างที่อาตมภาพได้ยกมากล่าวเบื้องต้นว่า
"บุคคลใดจะมีอายุอยู่ตลอดร้อยปี แต่ไม่เคยมองเห็นการเกิดขึ้นและการเสื่อมสลายไป ชีวิตของคนนั้นไม่ประเสริฐเลย สู้คนที่มีปัญญามองเห็นความเกิดขึ้น และความดับไป แม้เป็นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก็ไม่ได้"
ชีวิตของคนที่เป็นอยู่แม้ขณะเดียว แต่มองเห็นการเกิดขึ้นแล้วดับไปนั้นประเสริฐกว่า
หน้า 31 ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ
Create Date : 17 มกราคม 2557 |
Last Update : 17 มกราคม 2557 10:53:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 550 Pageviews. |
|
|