แผนที่ชีวิต (24) - พระพรหมคุณาภรณ์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
2. สมาธิ เป็นเรื่องของการฝึกในด้านจิตหรือระดับจิตใจ ได้แก่ การพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ ของจิตทั้งในด้านคุณธรรม เช่น ความเมตตากรุณา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ในด้านความสามารถของจิต เช่น ความเข้มแข็งมั่นคง ความเพียรพยายาม ความรับผิดชอบ ความแน่วแน่มั่นคง ความมีสติ สมาธิ และในด้านความสุข เช่น ความอิ่มใจ ความร่าเริงเบิกบานใจ ความสดชื่นผ่องใส ความรู้สึกพอใจพูดสั้นๆ ว่าพัฒนาคุณภาพ สมรรถภาพ และสุขภาพของจิต
3. ปัญญา เป็นเรื่องของการฝึกหรือพัฒนาในด้านการรู้ความจริง เริ่มตั้งแต่ความเชื่อ ความเห็น ความรู้ ความเข้าใจ ความหยั่งรู้เหตุผล การรู้จักวินิจฉัย ไตร่ตรอง ตรวจสอบ คิดการต่างๆ สร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นการรู้ตรงตามความเป็นจริง หรือรู้เห็นตามที่มันเป็น ตลอดจนรู้แจ้งความจริงที่เป็นสากลของสิ่งทั้งปวง จนถึงขั้น รู้เท่าทันธรรมดาของโลกและชีวิต ที่ทำให้มีจิตใจเป็นอิสระ ปลอดปัญหา ไร้ทุกข์ เข้าถึงอิสรภาพโดยสมบูรณ์
หลักทั้งสามประการที่กล่าวมานี้เป็นส่วนประกอบของชีวิตที่ดีงาม เราก็ฝึกคนให้เจริญงอกงามในองค์ประกอบเหล่านี้ และให้องค์ประกอบเหล่านี้นำเขาสู่การเข้าถึงอิสรภาพและสันติสุขที่แท้จริง
ไตรสิกขา - มรรค
ศีล สมาธิ ปัญญา คือการพัฒนาพฤติกรรม จิตใจและปัญญา เมื่อขยายออกเป็นข้อปฏิบัติก็มาเป็น "มรรคมีองค์ 8" นั่นเอง
ในทำนองเดียวกัน มรรคมีองค์ 8 เมื่อสรุปก็เป็น 3 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ฉะนั้น คือ สมาธิ ปัญญา 3 อย่างของไตรสิกขา กับมรรคมีองค์ 8 ประการจึงตรงกัน กล่าวคือ
ด้านศีล กระจายออกเป็น สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ นี่คือการใช้กายและวาจาให้ถูกต้องงดงาม ทั้งในการ กระทำทั่วไป ในการสื่อสารสัมพันธ์ และในการเลี้ยงชีพให้ถูกต้อง
ด้านจิตใจ มีมากมาย แต่ตัวนำสำคัญมี 3 คือ ต้องมีความเพียรพยายามเดินไปข้างหน้า เรียกว่า สัมมาวายามะ ต้องมีสติเป็นตัวคอยจับคอยกำหนดให้ทำงานได้ และเป็นตัวเตือนให้ไม่เผลอพลาดและไม่ปล่อยโอกาสให้เสียไป เรียกว่า สัมมาสติ กับทั้งต้องมีสมาธิให้จิตแน่วแน่ มีความสงบ ดำเนินไปอย่างมั่นคง เรียกว่า สัมมาสมาธิ
ด้านปัญญา แยกเป็น 2 คือ สัมมาทิฎฐิ มีความเห็นความเข้าใจถูกต้อง และสัมมาสังกัปปะ ดำริถูกต้อง มีแนวทางความคิด ที่จะนำชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง
พอเริ่มกระทบวนการโดยมีความรู้เข้าใจที่ทำให้วางแนวความคิดถูกต้อง ทั้งเจตจำนง ควรเพียรพยายาม และสติที่กำกับ เป็นต้น มาสนองแนวความคิดนี้ พฤติกรรมก็มาสนองเจตจำนงและความเพียรพยายามนั้น จึงดำเนินชีวิตไปด้วยการเรียนรู้และปฏิบัติต่อประสบการณ์และสถานการณ์ต่างๆ อย่างถูกต้องได้ผลดี ไตรสิกขาก็มาประสบกับมรรค
ไตรสิกขาก็คือการพัฒนามนุษย์ให้ดำเนินชีวิตดีงามถูกต้องทำให้มีวิถีชีวิตที่เป็นมรรค
ไตรสิกขาก็คือ การพัฒนามนุษย์ให้ดำเนินชีวิตดีงามถูกต้อง ทำให้มีวิถีชีวิตที่เป็นมรรค ส่วนมรรคซึ่งแปลว่าทาง คือทางดำเนินชีวิตหรือวิถีชีวิตที่ถูกต้องดีงามของมนุษย์ ก็ต้องเป็นวิถีชีวิตแห่งการเรียนรู้ฝึกฝนพัฒนาตนคือสิกขา มรรคกับสิกขาจึงประสานเป็นอันเดียวกัน เมื่อมองในแง่อริยสัจ 4 ก็เป็นอริยมรรค คือเป็นวิถีชีวิตอันประเสริฐ
สังคมเป็นสุขด้วยศีล 5
ในขั้นพื้นฐาน ศีลก็คือการดำเนินชีวิตโดยมีพฤติกรรมที่ถูกต้อง ในการสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและเพื่อนมนุษย์ ตั้งแต่การดู การฟัง การกินอยู่ บริโภค ทำอาชีพการงาน ดังนั้นศีลจึงมีหลายด้าน
ในที่นี่จะพูดถึงศีลพื้นฐานในการอยู่ร่วมสังคม คือ การสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ ซึ่งหมายถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยไม่เบียดเบียนกัน ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ใครๆ โดยเฉพาะในขั้นพื้นฐาน ซึ่งมี 5 ข้อเรียกและรู้จักกันดีคือ ศีล 5
1.เว้น ปาณาติบาต คือ เว้นจากการเบียดเบียนทำร้ายร่างกายทำลายชีวิตกัน 2.เว้น อทินนาทาน คือ เว้นจากการเบียดเบียนกันในด้านทรัพย์สิน 3.เว้น การเมสุมิจฉาจาร คือ เว้นจากการเบียดเบียนล่วงละเมิดกันในเรื่องคู่ครอง ของรัก ของหวง 4.เว้น มุสาวาท คือ ไม่เบียดเบียนกันด้วยการใช้วาจาหลอกลวงตัดรอนประโยชน์ของกันและกัน 5.เว้น สุราเมรัย คือ ไม่เบียดเบียนความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในสังคม เช่น ไม่ทำตนให้เป็นที่น่าหวาดระแวง ที่จะทำให้คนอื่นเกิดความหวาดหวั่นว่า เมื่อเรามึนเมาไม่มีสติอาจจะทำอะไรที่ให้เกิดความเดือดร้อนเช่น อุบัติเหตุขึ้นมา ไว้ใจไม่ได้
รวมความว่าศีลก็คือ การดำเนินชีวิตเป็นอยู่ที่ปราศจากการเบียดเบียน ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น สาระอยู่ที่นี่ พร้อมทั้งด้านตรงข้าม คือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคมมนุษย์
หน้า 31 ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 23 มกราคม 2557 |
Last Update : 23 มกราคม 2557 9:57:50 น. |
|
0 comments
|
Counter : 611 Pageviews. |
|
|