แผนที่ชีวิต (8) - พระพรหมคุณาภรณ์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
เพื่อความเข้าใจง่ายๆ ให้ความหมายของไตรลักษณ์ (The Three Characteristics of Existence) โดยย่อดังนี้
1.อนิจจตา (Impermanence) ความไม่เที่ยง ความไม่คงที่ ความไม่คงตัว ภาวะที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมและสลายไป
2.ทุกขตา (Conflict) ความเป็นทุกข์ ภาวะที่ถูกบีบคั้นด้วย การเกิดขึ้นและสลายไป ภาวะที่กดดัน ฝืน และขัดแย้งอยู่ในตัวเพราะปัจจัยที่ปรุงแต่งให้มีสภาพเป็นอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไป จะทำให้คงอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้ ภาวะที่ไม่สมบูรณ์ มีความบกพร่องอยู่ในตัวไม่ให้ความสมอยากแท้จริงหรือความพึงพอใจเต็มที่แก่ผู้อยากด้วยตัณหา และก่อให้เกิดทุกข์แก่ผู้เข้าไปอยากไปยึดด้วยตัณหา อุปาทาน
3.อนัตตา (Soullessness หรือ Non-Self) ความเป็นอนัตตตา ความไม่ใช่ตัวตน ความไม่มีตัวตนแท้จริงที่จะสั่งบังคับให้เป็นอย่างไรๆ ได้
รู้เท่าทันชีวิต
มีคติในทางพระศาสนาสอนไว้เป็นอันมากที่รู้เท่าทันความเป็นจริง เช่น บอกว่าคนเรานี้เกิดขึ้นมาแล้ว นับตั้งแต่นาทีที่เกิดมานั้นชีวิตก็บ่ายหน้าไปหาความสิ้นสุดทั้งนั้น เรียกว่าเป็นชีวิตที่เดินไปหาจุดจบอย่างเดียว สิ่งที่จะทำให้ได้ก็มีแต่ว่าทำอย่างไรจะประคับประคอง บริหารชีวิตของเราให้ดีที่สุดในระหว่างที่เป็นอยู่นั้น
คนเราที่อยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมากนี้ ท่านบอกว่า บางทีเช้าก็เห็นกันอยู่ แต่พอตกเย็นบางคนก็ไม่เห็นเสียแล้ว หรือเย็นนี้เห็นกันอยู่ แต่พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้นก็ไม่เห็นเสียแล้วก็มี จึงเป็นเรื่องที่ต้องมองด้วยความตื่นตัวรู้เท่าทันและไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลา คนบางคนนี้เห็นกันเมื่อสองวันก่อน แล้วระยะต่อมาไม่พบหน้า พอมาได้ยินข่าวอีกทีท่านก็ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ก็ได้แต่อุทานออกมาว่า "อ้าว ก็ยังเห็นดีๆ แข็งแรงอยู่ อะไรกันนี่ เสียแล้วหรือ" เรื่องก็เป็นอย่างนี้ ดังที่เราก็ได้ยินได้ฟังกันอยู่บ่อยๆ"
ท่านผู้ใดหากว่าไม่ได้คิดพิจารณาเลย ไม่ได้เอาคติเหล่านี้มาระลึกไตร่ตรองด้วยความรู้เท่าทัน ก็จะไม่ได้ประโยชน์จากความจริง แต่ถ้าหากนำมาพิจารณาแล้วก็จะได้ประโยชน์จากการที่รู้เข้าใจความจริงนั้น และเป็นประโยชน์แก่ชีวิตของตนด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องของความจริงเกี่ยวกับหลักอนิจจังหรือความไม่เที่ยงแท้แน่นอนนั่นเอง
ประโยชน์ที่แท้ของ "อนิจจัง"
สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่คงที่ มีการเกิด-ดับ ชีวิตของคนเราก็ตาม ก้อนหิน ก้อนดิน อะไรๆก็ตาม มีการเกิดขึ้น ตั้งอยุ่ เสื่อมโทรมมีการสลายไป ต้องแตกดับทั้งนั้นไม่ว่าอะไรก็เป็นอย่างนี้เสมอกัน เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
เรื่องของอนิจจังที่ไม่เที่ยง มีเกิด-ดับเป็นธรรมดานี่ ชาวพุทธเราก็บอกว่าให้รู้เท่าทัน เวลาเกิดภาวะที่เป็นอนิจจัง มีการเกิด การตาย การแตกสลาย การเสื่อมสิ้น หรือมีการพลัด พรากจากกัน ชาวพุทธ ก็มักจะสอนกันให้ปลงว่า โอ้ อนิจจังไม่เที่ยง พอบอกว่าอนิจจังไม่เที่ยว ใจเราก็จะปล่อยวางลงได้ แล้วก็จะสบายใจ ไม่มีทุกข์มาก
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังไว้ การใช้ประโยชน์แค่นี้ยังไม่พอ ยังไม่เชื่อว่าปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ได้เพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น
หลักอนิจจังนั้น พระพุทธเจ้าทรงสอนเพื่ออะไร ท่านให้รู้จักอนิจจังเพื่อจะได้ไม่ประมาท คือ เมื่อรู้ว่าสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่แน่นอน มันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา แม้แต่ชีวิตของเราจะอยู่ไปนานเท่าไหร่ก็ไม่แน่นอน อย่างที่ว่าจะตายวันตายพรุ่งไม่รู้ที่ ฉะนั้นเราจะนอนใจหรือจะนิ่งเฉยเฉื่อยชาอยู่ไม่ได้ มีอะไรจะต้องทำก็เร่งทำเสียโดยไม่ประมาท
ถ้าเป็นนักปฏิบัติธรรมก็ต้องทำแข่งกับเวลาเลย พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ถึงขนาดว่า เวลาแต่ละขณะอย่าให้ล่วงผ่านไปเปล่า
ฉะนั้น หลักอนิจจังจึงมีคติสำคัญอยู่ที่ว่าให้ไม่ประมาท
หลักธรรมที่สำคัญที่สุด
หลักพระพุทธศาสนาย้ำเตือนเราไม่ให้เป็นคนเฉื่อยชา ไม่ให้เป็นคนอยู่นิ่งเฉย ให้มีสติ ตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่า มีอะไรเกิดขึ้นจะเป็นเหตุของความเสื่อม ก็เร่งหลีกละแก้ไขป้องกัน อะไรจะเป็นเหตุของความเจริญ ก็เร่งปฏิบัติจัดทำ
อัปปมาทธรรมนี้ พระพุทธเจ้าตรัสย้ำไว้ไม่รู้กี่ครั้ง ย้ำในฐานะบุพนิมิต ของการศึกษา ย้ำในฐานะปัจฉิมวาจา ย้ำในฐานะที่เป็นธรรมที่ครอบคลุมการปฏิบัติทั้งหมด เหมือนกับ "รอยเท้าช้าง"
หลายท่านคงเคยได้ยินพระพุทธเจ้าตรัสว่า รอยเท้าของสัตว์บกทั้งหลายย่อมรวมลงได้ในรอยเท้าช้างฉันใด ธรรมทั้งหลายก็รวมลงได้ในความไม่ประมาทฉันนั้น ถ้ามีความไม่ประมาทแล้วก็สามารถปฏิบัติธรรมทุกข้อ แต่ถ้าประมาทเสียอย่างเดียว รวมทั้งหลายที่เรียนมาก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่เอามาปฏิบัติ ไม่เอามาใช้
เพราะฉะนั้นจึงให้มีความไม่ประมาท
หน้า 31
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ
Create Date : 28 ธันวาคม 2556 |
Last Update : 28 ธันวาคม 2556 9:27:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 702 Pageviews. |
|
|