ถึงเวลามารื้อปรับ ระบบพัฒนาคนกันใหม่ (6)
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
หลักการทางจริยธรรมนี้ สรุปเป็นหลักเกณฑ์สำหรับใช้เป็นแนวทางและเป็นมาตรฐานวัดการตัดสินใจ โดยพิจารณาองค์ประกอบใหญ่ 2 ประการในการตัดสินใจปฏิบัตินั้น ว่าเป็นอย่างไร คือ
1. ในด้านจิตใจ มีเจตนาดีที่สุด คือทำการนั้นด้วยความตั้งใจดี มีแรงจูงใจดี ปรารถนาดี มีเมตตากรุณา เป็นต้น ต่อชีวิตของเด็กและของมารดา ต่อสังคม เป็นต้น อย่างดีที่สุด
2. ในด้านปัญญา ใช้ปัญญาสูงสุด คือทำการนั้นโดยแสวงหาความรู้ ด้วยการค้นคว้าสอบถามปรึกษา พินิจพิจารณาใช้ปัญญาอย่างดีที่สุด
เมื่อตัดสินใจด้วยเจตนาที่ดีที่สุด และใช้ปัญญาสูงสุดแล้ว ก็จะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่จะทำได้ในกรณีนั้น แล้วก็ลงมือปฏิบัติการโดยใช้ทักษะทางพฤติกรรม ทำอย่างดีที่สุดตามความชำนิชำนาญที่ตนมี เพื่อสนองเจตนาและปัญญาที่ดีและสูงสุดนั้น ก็จะออกผลเป็นพฤติกรรมที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อครบ 3 ด้านอย่างนี้ ก็เป็นจริยธรรมที่ดีที่สุดของบุคคลนั้นที่จะทำได้ในกรณีนั้นๆ เพราะฉะนั้น ในการกระทำทุกอย่างก็ตรวจสอบตนเองได้ โดยใช้เกณฑ์ที่ว่ามานี้ว่า เราได้ทำพฤติกรรมนั้นอย่างดีที่สุด ด้วยเจตนาที่ดีที่สุด โดยแสวงหาและใช้ปัญญาอย่างสูงสุดแล้วหรือไม่ หรือแค่ไหนเพียงไร แล้วสำหรับกรณีนี้ ได้เท่าไรก็เท่านั้น เป็นอันจบกรณีไป ไม่ต้องมัวเดือดร้อนใจ แต่ไม่ใช่จบจริง
แค่นั้น จะต้องเปิดทางที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยมีข้อ 3 ด้วย คือ
3. ในการก้าวต่อของสิกขา เปิดช่องทางที่จะพัฒนาต่อไป คือ ไม่มองการทำที่ดีที่สุดในกรณีนั้นครั้งนั้น ว่าเป็นความเพียงพอแล้วหรือสมบูรณ์แล้ว แต่มองการทำดีที่สุดในกรณีนั้นว่าเป็นการก้าวมาได้ดีที่สุดถึงแค่นี้ ซึ่งจะเป็นฐานให้เราก้าวต่อไป เพื่อในครั้งหน้าเราจะตัดสินใจและทำได้ดียิ่งกว่านี้ การมีท่าทีอย่างนี้เรียกว่าเป็นความไม่ประมาทในสิกขา
ระบบจริยธรรมที่แท้ ซึ่งควบคู่ไปด้วยกันกับสิกขานี้ จะเห็นได้แม้แต่ในบัญญัติของสังคม เช่น กฎหมาย เพราะกฎหมายเป็นต้น เป็นบัญญัติธรรมที่เป็นผลปรากฏหรือเป็นที่แสดงออกแห่งความเจริญ หรือพัฒนาการทางจริยธรรมของสังคมนั้น หมายความว่า กฎหมาย (ในระบบประชาธิปไตย) เป็นผลรวมแห่งเจตนาและปัญญาของมวลชนในสังคมนั้น กฎหมายไม่ใช่เรื่องต่างหากจากจริยธรรม มิใช่เป็นอย่างที่บางคนอาจจะพูดว่า ศีลธรรมหรือจริยธรรมว่าอย่างนั้น แต่กฎหมายจะเอาอย่างนี้
แท้จริง กฎหมายที่ดีจะอิงอยู่กับพัฒนาการทางจริยธรรมของสังคมนั้นๆ กล่าวคือ เมื่อเจตนาและปัญญาที่เป็นผลรวมของคนในสังคมนั้น มีมาได้ถึงแค่นี้ ก็คือสังคมนั้นมีจริยธรรมได้แค่นี้ แล้วสังคมนั้นก็เอาเจตนาและปัญญาเท่าที่มีนั้น มาตราขึ้นเป็นกฎหมาย เพื่อใช้เป็นมาตรฐานพฤติกรรมของคนในสังคมนั้นได้แค่นั้น เราจึงต้องพูดใหม่ว่า จริยธรรมมาถึงแค่นี้ กฎหมายเอามาใช้ได้เท่านี้ ข้อสำคัญก็คือการมองเชิงสิกขาที่ว่า สังคมจะก้าวต่อ คนในสังคมนั้นจะพัฒนากันต่อไป เราจะมีเจตจำนงและปัญญาที่ดีกว่า
หรือสมบูรณ์กว่านี้ แล้วเราก็จะปรับปรุงกฎหมายให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป ไม่ใช่จบเท่านี้
หน้า 31
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ
Create Date : 03 เมษายน 2555 |
Last Update : 3 เมษายน 2555 11:11:47 น. |
|
0 comments
|
Counter : 773 Pageviews. |
|
|