แผนที่ชีวิต (2)
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
ตัวอย่าง นาย ก ได้ยินเสียงระฆังกังวาน (หู+เสียง+วิญญาณทางหู) รู้สึกสบายหู สบายใจ (เวทนา) หมายรู้ว่าเป็นเสียงไพเราะว่าเป็นเสียงระฆัง ว่าเป็นเสียงระฆังอันไพเราะ (สัญญา) ชอบใจเสียงนั้น อยากฟังเสียงนั้นอีก คิดจะไปตีระฆังนั้น อยากได้ระฆังนั้น คิดจะไปซื้อระฆังอย่างนั้น คิดจะลักระฆังใบนั้น ฯลฯ (สังขาร)
ในกระบวนธรรมนี้เวทนาเป็นตัวล่อและชักจูงใจ เหมือนผู้คอยเสนอให้เอา หรือไม่เอา หรือหลีกเลี่ยงอะไร สัญญาเหมือนผู้สะสมเก็บข้อมูลหรือวัตถุดิบ สังขารเหมือนผู้นำเอาข้อมูลหรือวัตถุดิบนั้นไปใช้ปรุงแปรตระเตรียมทำการ วิญญาณเหมือนเจ้าของงาน ใครจะทำอะไรคอยรับรู้ไปหมด เป็นทั้งผู้เปิดโอกาสให้มีการทำงานและเป็นผู้รับผลของการทำงาน
ชีวิตเป็นดั่งกองดอกไม้
พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นคำอุปมา ท่านบอกว่า (การใช้ชีวิตนี้) เปรียบเหมือนช่างร้อยดอกไม้ หรือเรียกง่ายๆ ว่านายมาลาการผู้ฉลาดเก็บเอาดอกไม้สีสันวรรณะต่างๆ จากกองดอกไม้กองหนึ่งมาร้อยเป็นพวงมาลามาลัยบ้าง จัดแจกันบ้าง จัดเป็นพานบ้าง ทำให้เป็นรูปร่างต่างๆ ที่สวยงามอย่างหลากหลายได้ฉันใด คนเราเกิดมาแล้วชาติหนึ่งก็ควรใช้ชีวิตนี้ทำความดีให้มากฉันนั้น
อันนี้เป็นคดีที่มองดูชีวิตของคนเรานี้ว่าเป็นที่ประชุมของส่วนประกอบต่างๆ มากมาย ซึ่งทางพระเรียกว่าขันธ์ 5 และขันธ์ 5 ก็ยังแยกย่อยออกไปอีกมากมาย รวมแล้วโดยสาระสำคัญก็คือ ส่วนประกอบต่างๆ มากมายทั้งด้านวัตถุและทางจิตใจมารวมกันเข้าเป็นชีวิตของเรา สิ่งเหล่านี้ก็คล้ายๆ กับกองดอกไม้ คือ ยังไม่ดี ไม่สวยงาม ไม่ปรากฏคุณค่าอะไรออกมา มันกองอยู่ตั้งอยู่อย่างนั้น จะมองเป็น กองขยะก็ได้ จะมองเป็นกองดอกไม้ที่มีคุณค่าอยู่ในตัวก็ได้ แต่ยังไม่สำเร็จประโยชน์ชัดเจนอะไรออกมา มันก็กองอยู่อย่างนั้น
ทีนี้เราเอาชีวิตของเราที่ตั้งอยู่อย่างนี้ ที่เป็นกลางๆ ไม่ชัดเจนว่าจะมีคุณค่าอย่างไรนั้น เอามาทำความดี ถ้าเราเอาชีวิตนี้มาใช้ทำความดีก็ทำได้มากมาย หรือในทางตรงข้าม จะทำความชั่วก็ทำได้มากมายเช่นเดียวกัน เพราะมนุษย์มีศักยภาพมาก
แต่ในทางธรรม ถ้าเอาชีวิตนั้นมาทำความดีก็จะทำความดีได้มากมาย เราจะเห็นว่าคนที่มีความมุ่งหมายในชีวิต แน่นอนแน่วแน่ในการทำความดี สามารถใช้ชีวิตชาติหนึ่งที่มองเห็นเป็นร่างกายยาววาหนาคืบกว้างศอกเท่านี้นี่เอง ทำสิ่งที่ดีงามได้มากมายมหาศาล สร้างสังคม สร้างชุมชน สร้างประเทศชาติ ตลอดจนสร้างสรรค์อารยธรรมของโลกเป็นความดีงามมากมายเหลือเกิน
ปรับธาตุขันธ์ให้สมดุล
ชีวิตมนุษย์นี่ทางพระท่านเรียกว่าเป็นรูป-นามหรือเป็นขันธ์ 5 เกิดจากองค์ประกอบต่างๆ มากมาย ทั้งรูปธรรมและนามธรรมมาประกอบกันขึ้น และส่วนประกอบต่างๆ เหล่านั้นเมื่อมันทำงานได้สัดได้ส่วนพอเหมาะพอดีกัน ชีวิตของเราก็ดำเนินไปด้วยดี แต่ถ้ามันไม่พอเหมาะพอดีกันขึ้นมาเมื่อไรก็เกิดปัญหาเมื่อนั้น
ดุลยภาพที่มองเห็นได้ง่ายๆ ในชีวิตคนเราก็คือด้านร่างกาย ร่างกายนี่แหละเป็นส่วนที่มองเห็นได้ง่าย คนเรานี้ถ้าส่วนประกอบทางร่างกายขาดดุลยภาพขึ้นเมื่อไร มีส่วนใดบกพร่องทำงานสัมพันธ์กันไม่ดี ไม่ได้สัดส่วน ไม่พอเหมาะพอดี ก็เกิดปัญหา นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าโรคภัยไข้เจ็บ
ทีนี้ถ้าปรับให้เกิดความพอเหมาะพอดี มีสมดุลขึ้น ได้สัดได้ ส่วนแล้ว ชีวิตนั้นเรียกว่ามีองคาพยพอันสมบูรณ์ ก็เป็นอยู่ดำรงอยู่ได้ด้วยดี อันนี้คือหลักที่สำคัญมาก และนี่แหละคือหลักที่เรียกว่าดุลยภาพ
ดังนั้น ดุลยภาพจึงมาสัมพันธ์กับสุขภาพ หมายความว่าถ้าไม่มีดุลยภาพ สุขภาพก็ไม่มี ถ้าหากว่ามีดุลยภาพ รักษาดุลยภาพไว้ได้สุขภาพก็ดำรงอยู่ ดังนั้น สุขภาพจึงอิงอาศัยดุลยภาพ ดุลยภาพก็คือความสัมพันธ์อย่างพอเหมาะพอดี ได้สัดได้ส่วนกันระหว่างองค์ประกอบทั้งหลายนั่นเอง
ใช้ขันธ์ 5 ค้นหาความจริง
ตามปกติมนุษย์มีความโน้มเอียงที่จะยึดถืออยู่เสมอว่าตัวตนที่แท้ของตนมีอยู่ในรูปใดรูปหนึ่ง บ้างก็ยึดเอาจิตเป็นตัวตน บ้างก็ยึดว่ามีสิ่งที่เป็นตัวตนอยู่ต่างหาก แฝงซ้อนอยู่ในจิตนั้น ซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นตัวการที่คอยควบคุมบังคับบัญชากายและใจนั้นอีกชั้นหนึ่ง
หน้า 31
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 19 ธันวาคม 2556 |
Last Update : 19 ธันวาคม 2556 11:44:47 น. |
|
0 comments
|
Counter : 498 Pageviews. |
|
|