ข้อคิดในงานการศึกษา (5)
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
ทีนี้กำลังมองว่าถ้าจะรักษาจิตตรงนี้ไปเรื่อยๆ จะทำอย่างไร
ท่านเจ้าคุณ อย่างแรกก็ต้องทำจนคุ้นเคยขึ้นเป็นปกติ อย่างที่สองก็ให้ฝึกทำในสิ่งที่ยากขึ้น เพื่อให้เดินหน้าต่อไป กิจกรรมที่ง่ายจะนำไปสู่กิจกรรมที่ยากขึ้น จึงน่าจะพัฒนาให้มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องให้เด็กมีความใฝ่ที่จะทำ แล้วเด็กก็จะมีความสุขพร้อมกับความเข้มแข็ง เด็กจะก้าวไปสู่การทำอะไรที่ยากขึ้น แต่จะไม่รู้สึกฝืนใจ
ถ้าเมื่อไร เด็กเจอสิ่งยากแล้วเกิดกำลังใจ ใฝ่ทำ ไม่รู้สึกฝืนใจ ไม่ทุกข์ เด็กก็จะเข้มแข็งด้วย สร้างสรรค์ด้วย และสุขด้วย พร้อมกันนั้นการพัฒนาตนก็ไปช่วยเกื้อกูลผู้อื่นด้วย อันนี้ก็เป็นหลักการที่ว่า ในตัวก็ประสานพฤติกรรม กับจิตใจและปัญญา เกิดการพัฒนาตัวเอง พร้อมกันนั้นก็เกื้อหนุนผู้อื่น
ในการเกื้อหนุนผู้อื่นก็จะทำได้ทุกทาง แม้แต่การรับประทานอาหาร มีอะไรดีๆ ก็จะชวนคนอื่น หรือแบ่งอะไรต่ออะไรให้ หรือช่วยบริการบ้าง เป็นการกระทำให้กลมกลืนกัน หลักธรรมก็คือการพัฒนาตัวเองไปด้วย เกื้อหนุนผู้อื่นไปด้วย ควบคู่กันไป
ทำอย่างไรจะให้เด็กเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง อันนี้ก็เป็นเรื่องของปัจจัยต่อเนื่อง คือการที่เราต้องมีระบบของการช่วยเกื้อหนุน และพร้อมกันนั้นก็ไม่มองข้ามหน้าที่สุดท้ายคือการเป็นตัวกลางที่จะช่วยโยงผู้เรียนไปสู่การตระหนักรู้ ปฏิบัติต่อความเป็นจริงของโลกและชีวิต ในการเป็นตัวกลางนั้นเราจะช่วยจัดสรรประสบ การณ์ ช่วยเฝ้าดูช่วยตะล่อมเพื่อให้เขาได้เรียนรู้อย่างเข้าถึงความเป็นจริง ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาตนอย่างถูกต้องมั่นคง ถ้าทำอย่างนี้ได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเพราะเขาจะพึ่งตัวเองได้ ตราบใดที่เรายังต้องช่วยเกื้อหนุนเกื้อกูล ก็คือเขายังพึ่งตัวเอง รับผิดชอบตัวเองไม่ได้ เราจึงต้องพยายามให้เขาประสานกับตัวความจริงให้ชัดให้ได้
ความจริงก็คือการที่สิ่งทั้งหลายนั้นมีกฎธรรมชาติของมันอยู่ ซึ่งเราจะต้องรู้ เราต้องเข้าใจมันให้ถูกต้องตามความเป็นจริงของธรรมชาติ หรือตามกฎของธรรมชาติ และปฏิบัติต่อมันให้ถูกต้อง หรือแม้แต่เอาความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ นี่ก็คือการช่วยให้เขาเรียนรู้เข้าถึงตัวธรรม ไม่ใช่ให้เขาหยุดอยู่แค่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนกับคน (ด้วยเมตตากรุณามุทิตา) แต่ให้เขาก้าวไปถึงความสัมพันธ์กับธรรมโดยเข้าถึงมัน (ด้วยปัญญา) และความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนในขั้นสูงสุด ก็คือการช่วยให้เขาเข้าถึงธรรม คือความเป็นจริงของโลกและชีวิตนี้ จนรู้จักที่จะปฏิบัติต่อสิ่งทั้งหลายอย่างถูกต้องดีด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ที่เราจะช่วยอย่างดีที่สุดจึงยังมีขอบเขต
การช่วยเกื้อหนุนหรือนำเข้าสู่การเรียนรู้มีหลายระดับ อย่างเช่นเราไปบอกข้อมูลให้ 100 เขาอาจจะรับไปได้แค่ 70-80 คือเขาจะได้น้อยลง คุณภาพจะลดลง วิธีนี้จึงยังไม่ใช่วิธีสอนที่ดี
วิธีที่ทำให้เกิดการเรียนรู้มากขึ้น คือการช่วยกระตุ้น เช่น กระตุ้นให้คิด หรืออาจจะกระตุ้นให้เกิดพลังทางจิตใจ เช่นปลุกเร้าคุณธรรมให้มีความเข้มแข็ง หรือเร้าให้เกิดความซาบซึ้ง เกิดความสุขอะไรต่างๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยง ถ้าผู้กระตุ้นมา กระตุ้นด้วยเจตนาร้ายก็อาจกระตุ้นเร้าให้เป็นไปในทางที่เขาต้องการ
อีกขั้นหนึ่ง ผู้กระตุ้นเพียงสร้างจุดกระทบให้เขาเกิดความคิดความเข้าใจของเขาเอง และอาจจะก้าวไปอีกขั้นหนึ่งคือมานำ เสนอปัญหา หรือนำเสนอช่องทางที่เป็นทางเลือกขึ้น เช่นสร้างปัญหาหรือสถานการณ์การเรียนรู้ขึ้น แล้วนำเสนอว่าเรื่องนี้อาจจะคิดอย่างนี้ก็ได้ อาจจะคิดอย่างนั้นก็ได้ เสนอทางเลือกหลายอย่าง เด็กก็มีโอกาสที่จะพิจารณาว่าคิดอย่างไหนดีกว่า และจากตัวอย่างทางเลือกนั้น เขาจะแตกความคิดของเขาเองออกไป เขาอาจจะได้ทางเลือกอื่นๆ เพิ่มเข้ามาอีก และพิจารณาตัดสินใจด้วยตนเอง
วิธีหลังนี้ถือว่าเป็นการสอนได้อย่างดีมาก แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีการพึ่งพา จึงต้องทำอย่างมีเป้าหมาย เป้าหมายของเราก็คือต้องการให้เด็กเป็นอิสระ ในขณะที่กระตุ้นนี้ จึงพยายามให้เขารู้วิธีคิด จนกระทั่งให้เขาสามารถที่จะมองเองคิดเอง เรียนรู้จากสถานการณ์ต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เมื่อไรที่ถึงจุดนี้ ก็จะกลายเป็นว่าสิ่งที่เป็นกลางๆ ไม่มีผู้มานำเสนอหรือกระตุ้นเร้ากลับเป็นเสรีภาพที่กว้างที่สุด
หน้า 31
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 24 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2555 11:57:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 799 Pageviews. |
|
|