แผนที่ชีวิต (12) - พระพรหมคุณาภรณ์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
งานก็ได้ผล คนก็เป็นสุข
คนที่ทำ (กิจ) ด้วยความรู้เข้าใจถึงสัจธรรม อย่างที่พูดกันว่ารู้เท่าทันความจริงนั้น ใจจะมีปัญญากำกับ ไม่ถูกความยึดติดบีบคั้นจะทำอะไรก็ทำด้วยใจที่โปร่งโล่งและทำได้ผลดี ทั้งใจก็สบายและงานก็สำเร็จด้วย
ข้อ 1 ทำให้กระตือรือร้นมีชีวิตชีวา และชีวิตมีคุณค่า
ข้อ 2 ทำให้ทำการอะไรก็สำเร็จ
ข้อ 3 ทำให้จิตใจโล่งสบายผ่องใส มีความสุข
เรื่องการงานอะไรที่ต้องทำนี้หยุดไม่ได้ ต้องทำ มีปัญหาต้องแก้ทั้งแก้ด้วยความไม่ประมาทและแก้ให้ตรงเหตุปัจจัย แล้วจะได้ทั้งสองอย่าง ดังที่ว่าปัญหาก็แก้ได้ ใจก็สบายด้วย หรือ "งานก็ได้ผล คนก็เป็นสุข"
คนบางพวกมีความไม่ประมาท เพียรพยายามจริงจัง แต่จิตใจเต็มไปด้วยความเครียด ความยึดมั่น ความวุ่นวายใจ เดือดร้อนใจ ทำงานก้าวหน้าไปได้ ไม่ประมาท แต่ใจมีความทุกข์ เครียดมากนี่เสียไปด้านหนึ่ง
สำหรับพุทธศาสนิกชนต้องได้ทั้งสองอย่าง ทั้งความเพียรพยายาม ความเจริญก้าวหน้า ก็ได้ด้วยความไม่ประมาทและความสบายใจที่เป็นอยู่ และทำงานด้วยจิตใจโล่ง โปร่ง เบา ก็ได้ด้วยปัญญาที่รู้เท่าทันความจริงของธรรม
แถมด้วยข้อสาม คือ ทำได้ผล งานสำเร็จ เพราะทำตรงกับเหตุปัจจัย
ทุกปัญหาจัดการได้ด้วยไตรลักษณ์
ในการที่จะแก้ปัญหาของโลก ของชีวิต ของสังคม จะเอาตัวของเราเป็นหลักในการแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องเอาความจริงที่มองเห็นด้วยปัญญา เอาความเป็นไปตามเหตุปัจจัย เอาสติปัญญาเข้ามาแก้
ถ้าเมื่อไรเราพิจารณาปัญหาด้วยปัญญาที่บริสุทธิ์ ไม่มีตัวตนเข้ามาเกี่ยวข้อง มองตามเหตุปัจจัยล้วนๆ เมื่อนั้นปัญญาจะเห็นแจ้งความจริงและแก้ปัญหาได้
ขอสรุปว่า ทั้งสามหลัก คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตตา จะไปรวมกันประสานกับหลักเดียว คือความเป็นไปตามเหตุปัจจัย
1. อนัตตตา ไม่มีตัวตนเข้ามารับกระทบ ก็เพราะเรามองตามเหตุปัจจัย
2. ทุกขัง ที่ไม่เกิดเป็นปัญหาแก่เรา ก็เพราะว่าเรามองตามกระแสความเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่เอากระแสความอยากของเราไปขัดแย้งให้เกิดความบีบคั้น และ
3. อนิจจัง ก็ให้เรามองเห็นความเป็นไปของสิ่งทั้งหลายที่เสื่อมและเจริญนั้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย
จากการมองตามเหตุปัจจัยนี้ จะทำให้เราจัดการกับปัญหาได้อย่างพอดีและปฏิบัติต่อสิ่งทั้งหลายได้ถูกต้อง
หมวด 3
ชีวิตเป็นไปอย่างไร สาวให้ถึง "เหตุปัจจัย"
กฎไตรลักษณ์ที่มีหลักของการเปลี่ยนแปลงอยู่นี้จะต้องโยงไปหาหลักอิทัปปัจจยตา หรือปฏิจจสมุปบาท สองกฎนี้สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ปฏิจจสมุปบาทคือกฎแห่งความเป็นเหตุปัจจัย สิ่งทั้งหลายที่ปรากฏรูปร่างออกมาเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตตา ไม่เที่ยงเป็นต้นนั้น เพราะว่ามันเป็นไปตามหลักเหตุปัจจัย คือเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา ซึ่งมีสาระว่า เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนั้นจึงเกิด เมื่อสิ่งนั้นดับไป สิ่งนี้ก็ดับไป อันนี้เป็นหลักที่สำคัญมาก ฉะนั้นไตรลักษณ์จะต้องโยงไปหาหลัก ปฏิจจสมุปบาท ถ้าเราเห็นหลักปฏิจจสมุปบาทก็ถึงตัวหลักที่แท้จริง
ไตรลักษณ์นั้นเป็นเพียงลักษณะเท่านั้น เป็นอาการปรากฏตัวกฎที่แท้จริงคือปฏิจจสมุปบาท คือกฎของความเป็นเหตุปัจจัยเราจะต้องจับเหตุปัจจัยให้ได้ แล้วตัวนี้แหละจะเป็นตัวนำไปสู่การที่จะปฏิบัติได้ถูกต้อง
เพียงแต่ว่าเห็นสิ่งทั้งหลายเปลี่ยนแปลงไป แล้วปลงว่ามันเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมดา สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา วางใจสบาย อันนั้นเป็นเพียงรู้เท่าทันในขั้นหนึ่ง แต่จะต้องรู้ต่อไปอีกว่า ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะมันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตอนนี้สิเป็นตอนสำคัญ
ความไม่เที่ยงก่อเกิดธรรมชาติ
หลักปฏิจจสมุปบาทแสดงให้เห็นอาการที่สิ่งทั้งหลายสัมพันธ์ เนื่องอาศัยเป็นเหตุปัจจัยต่อกันอย่างเป็นกระแส ในภาวะที่เป็นกระแสนี้ขยายความหมายออกไปให้เห็นแง่ต่างๆ ได้ คือ
- สิ่งทั้งหลายมีความสัมพันธ์เนื่องอาศัยเป็นปัจจัยแก่กัน
- สิ่งทั้งหลายมีอยู่โดยความสัมพันธ์
- สิ่งทั้งหลายมีอยู่ด้วยอาศัยปัจจัย
- สิ่งทั้งหลายไม่มีความคงที่อยู่อย่างเดิมแม้แต่ขณะเดียว
- สิ่งทั้งหลายไม่มีอยู่โดยตัวของมันเอง คือไม่มีตัวตนที่แท้จริง ของมัน
- สิ่งทั้งหลายไม่มีมูลการณ์หรือต้นกำเนิดเดิมสุด
หน้า 31 ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ
Create Date : 08 มกราคม 2557 |
Last Update : 8 มกราคม 2557 12:00:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 560 Pageviews. |
|
|