แผนที่ชีวิต (20) - พระพรหมคุณาภรณ์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
หาสุขเจอย่อมมีแต่กำไร
คนที่ทำจิตใจตัวเองให้มีความสุขได้ มีความสุขที่ท่านเรียกว่า ทางจิตและทางปัญญา สามารถมีความสงบในใจของตนเองและความสุขได้ อย่างที่เรียกว่ามีสมาชิกหรือมีความสุขจากการรู้เท่าทันเข้าใจความจริงของสิ่งทั้งหลาย เป็นความสุขทางปัญญาเนื่องจากเห็นแจ้งความจริง เป็นความปลอดโปร่ง โล่ง ไม่มีความติดขัดบีบคั้นใจ อันนี้เป็นความสุขภายในของบุคคล ถ้าคนมีความสุขประเภทนี้เป็นรากฐานอยู่ภายในตนเองแล้ว การหาความสุขทางวัตถุมาบำเรอตามหู จมูก ลิ้น กาย ก็จะมีขอบเขต ท่านเรียกว่ารู้จักประมาณ
ถ้าเรามีความสุขข้างในแล้ว ความสุขที่ได้ข้างนอกก็เป็นความสุขที่เดินเข้ามา เป็นของแถมหรือกำไรพิเศษ และอิ่มอยู่เสมอ
แต่ถ้าเราไม่มีความสุขในจิตใจ มีใจเร่าร้อน กระวนกระวายหรือมีความเบื่อ มีความเครียด มีปัญหาอยู่ภายในใจของตนเองแล้ว พอหาวัตถุมาบำเรอตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็จะต้องมีปัญหาต่อไปอีก คือ หนึ่ง ไม่สามารถมีความสุขได้เต็มที่ สอง เมื่อทำโดยมีปมปัญหาในใจก็ทำอย่างไม่พอใจ ทั้งทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายและตัวเองก็ไม่ได้ความสุขจากภายนอกเต็มที่ด้วย และประการสำคัญคือ พอทำอะไรออกมาเพื่อหาความสุขเหล่านั้นก็ทำให้เกิดการปะทะ กระทบซึ่งกันและกัน เลยกลายเป็นปัญหาสังคมขยายบานปลายออกไป
ความสุขทวนกระแส
ในพระพุทธศาสนานั้น การเข้ามาปฏิบัติตามธรรมชาติเป็นชีวิตที่ทวนกระแสสังคม ทวนกระแสโลกของมนุษย์ทั่วๆ ไปที่เขาเข้าใจว่าที่ดีที่สุขเป็นอย่างไร โดยที่ท่านยืนยันตัวเองได้ว่าท่านมีชีวิตที่ดีงามและมีความสุขอย่างแท้จริง บางท่านถึงกับอุทานออกมาว่า "สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ" อะไรทำนองนี้ ถ้าทำได้ตามนี้แล้วชีวิตส่วนตนก็มีความสุข และเราก็สามารถทำสิ่งที่เรียกว่าเป็นการบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมไปด้วย
ชีวิตทวนกระแสก็จะเป็นเพียงอาการภายนอกที่ปรากฏ แต่ภายในตัวเรามันเป็นกระแสที่เป็นไปเองของตัวเราที่เราไม่ต้องไปทวนเลย
คนที่มีชีวิตทวนกระแสอย่างถูกต้องจะต้องมีแนวทางและจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน และเราจะมุ่งไปในแนวทางนั้นอย่างสอดคล้องกับความเข้าใจ ความจริง และความปรารถนาที่แท้จริงของชีวิตจิตใจจนกระทั่งว่าที่ทวนกระแสนั้นกลายเป็นเพียงอาการที่เขาว่ากัน แต่ในใจที่แท้จริงชีวิตของเราไม่ได้ทวนเลย กลายเป็นความสะดวกสลายสำหรับเรา เป็นความดีงาม เป็นความสุข เป็นการกระทำที่เราทำได้เป็นอัตโนมัติของเราเอง เมื่อเราไปถึงขั้นนี้แล้ว มันจะเป็นชีวิตทวนกระแสที่สมบูรณ์โดยไม่ต้องทวน ซึ่งเป็นไปได้ตัวของเราเอง
อันนี้จึงจะเป็นความสำเร็จที่จะมีผลออกมา ผลตอนแรกคือต่อชีวิตของตนเอง เป็นพยานยืนยันตัวเอง แล้วแผ่ผลออกมาสู่สังคมภายนอก อย่างนี้ก็จะเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของมนุษย์ เริ่มจากตนเองเป็นต้นไป อย่างน้อยก็จะเป็นแบบอย่างที่ดี ที่งาม ที่ประเสริฐ มีคุณค่า เป็นประโยชน์ เป็นทางที่จะขยายกระแสใหม่ออกไป
ว่าด้วยทุกข์ แต่ปฏิบัติแล้วเป็นสุข
เครื่องทดสอบความถูกต้องอย่างหนึ่งของการปฏิบัติธรรมก็คือ การได้ความสุขที่เกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัตินั้น ไม่เฉพาะในญาณต่างๆ เท่านั้นที่มีความสุขเป็นองค์ประกอบสำคัญ ในการปฏิบัติทั่วไปตัวตัดสินความถูกต้องก็มีความสุขเป็นองค์ธรรมสำคัญที่จะต้องเกิดขึ้นด้วย
กล่าวคือ ในกระบวนการปฏิบัติที่ถูกต้องได้ผลก้าวหน้าไปสู่จุดหมายนั้น ท่านจะกล่าวอยู่เสมอถึงองค์ธรรมต่างๆ ที่จะเกิดตามกันมาเป็นชุด ได้แก่ เกิดความแช่มชื่นเบิกบาน (ปราโมทย์) แล้วก็เอิบอิ่มใจ (ปีติ) จากนั้นกาย-ใจก็ผ่อนคลาย (ปัสลัทธิ) ความสุขก็เกิดตามมา (สุข) แล้วจิตก็ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว (สมาธิ) ต่อแต่นั้นก็สามารถเกิด ญาตทักศนะ ตลอดไปจนถึง วิมุตติ คือ ความหลุดพ้นในที่สุด
พระเจ้าปเสนทิโกศลเคยกราบทูลพระพุทธเจ้าแสดงความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยว่า พระองค์เสด็จไปในที่ต่างๆ เห็นนักบวชบางพวกซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณไม่ผ่องใส ผอมเหลือง ตามตัวสะพรั่งด้วยเส้นเอ็น ไม่ชวนตาให้อยากมอง แต่พระภิกษุทั้งหลายในพระพุทธศาสนานี้สดชื่น ร่าเริง มีใจเบิกบาน มีอากัปกิริยาน่ายินดีมีอินทรีย์เอิบอิ่ม ไม่วุ่นวาย มีลักษณะของความสงบจิตมั่นใจ
ข้อความสองตอนข้างต้นดูคล้ายขัดกันเป็นทำนองว่า ทฤษฎีว่าทุกข์ แต่ปฏิบัติเป็นสุข แต่ความจริงไม่ขัดกันเลย หากสอดคล้องกันดีและเสริมกันด้วยซ้ำ
พูดตามหลัก อริยสัจ ว่า มองอริยสัจข้อ 1 เห็นทุกข์ ทำตาม อริยสัจข้อ 4 เป็นสุข
หน้า 31
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ
Create Date : 18 มกราคม 2557 |
Last Update : 18 มกราคม 2557 8:10:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 767 Pageviews. |
|
|