Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

20081030 วิพากษ์ UNITED vs WESTHAM

เริ่มเห็นแสงสว่างรำไรที่ปลายอุโมงค์


สวัสดีวันพฤหัสที่สมหวังครับทุกๆท่าน สำหรับวันนี้ ก็มาพบกันในช่วงกลางสัปดาห์มหาสนุกอีกแล้ว กับศึกพรีเมียร์ลีก ที่ดันมามีคิวเตะกลางสัปดาห์ตั้งแต่ต้นฤดูกาล นับว่าแปลกอย่างยิ่ง แต่ก็เอาเถอะ จะมาตอนไหน อย่างไร ถ้าผมว่าง ก็จะมารับใช้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กันทุกๆนัดไปอยู่แล้ว หวังว่าจะไม่เบื่อกันไปก่อนนะครับ

สำหรับเกมเฝ้าสุสานรับมือขุนค้อนของจิอันฟรังโก้ โซล่าคราวนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจพอสมควร ว่าเราจะเก็บสามแต้มได้ แต่ก็อดหวั่นใจลึกๆไม่ได้ เมื่อนึกไปถึงฟอร์มหลุดลุ่ยของเราในครึ่งหลังเกมที่กูดิสัน ปาร์คเมื่อสามสี่วันที่ผ่านมา กลัวว่าหากยังไม่ฟื้น เกมนี้จะกลายเป็นโดมิโน่หรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างที่แอบหวั่นไว้ ค่อยนอนหลับได้เต็มตื่นหน่อย

ดูที่การจัดสิบเอ็ดตัวจริงของท่านเซอร์ มีการสลับสับเปลี่ยนพอสมควร โดยเก็บน้าซาร์ไว้ที่บ้าน//ฮ่าฮ่าฮ่า ให้คุสแซ็คเฝ้าเสา และฟอสเตอร์สำรอง (แสดงว่ากลับมาฟิตแล้ว) ในขณะที่แผงแบ๊กโฟร์ใช้ราฟาเอล, ริโอ, วิดิช และเอวร่า แผงกลางสี่ตัวเลือกใช้โรนัลโด้, แอนนี่, เฟล็ทเชอร์, และนานี่ ส่วนคู่กองหน้าใช้เบอร์บาตอฟ ยืนกับเตเวซ

เบอร์บาตอฟ เตเวซ
นานี่ แอนนี่ เฟล็ทเชอร์ โรนัลโด้
เอวร่า วิดิช ริโอ ราฟาเอล
คุสแซ็ค

ส่วนผู้เล่นสำรองที่รอโอกาสข้างสนาม นอกจากฟอสเตอร์แล้ว ก็ยังมี แกรี่ เนวิลล์, จอห์น โอเช, ไรอัน กิ๊กส์, ไมเคิล คาร์ริค, ปาร์ค จี ซุง และ เวย์น รูนี่ย์ นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมาก เมื่อเห็นไมเคิล คาร์ริค กลับมามีชื่อบนม้านั่งสำรองในที่สุด และได้เห็น คาร์ลอส เตเวซกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้งในเกมนี้ครับ



เริ่มเกม ในช่วงแรกทั้งสองทีมก็พยายามตั้งเกมรุกเข้าใส่กันแบบไม่ต้องดูชั้นเชิงให้เสียเวลา ยูไนเต็ดดูจะเน้นเกมเร็วมากเป็นพิเศษ เมื่อพยายามใช้การออกบอลเร็ว และขยับหาที่ว่างตลอดเวลาเพื่อเข้าโจมตีในกรอบ แต่จังหวะจ่ายให้กันหน้ากรอบยังไม่เข้าที่เข้าทาง มักจะเสียบอลจากการผ่านในจังหวะสุดท้ายอยู่บ่อยๆ แต่ถึงกระนั้น ยูไนเต็ดก็ยังมีจังหวะจบที่เกือบเป็นประตูจากดิมี่ ที่เข้ามาแปบอลจากการผ่านของนานี่แฉลบอัพสันข้ามคานไปอย่างน่าเสียดายในนาทีแรกๆของเกม ในขณะที่ทางขุนค้อนนั้นมีโอกาสตั้งเกมสวนกลับอยู่พอสมควร โดยทำได้ดีบริเวณพื้นที่กลางสนาม แต่ไม่สามารถทะลุผ่านคู่เซ็นเตอร์เข้ามากดดันคุสแซ็คได้มากนัก

ยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำหลังจากผ่านไปเกือบสิบห้านาที เมื่อครองบอลได้เบ็ดเสร็จ จากลูกที่นานี่เปิดผ่านหน้ากรอบผ่านแนวรับขุนค้อนมาถึงโรนัลโด้ที่ซัดด้วยซ้ายเสียบเสาสองเข้าไป เกมหลังจากนั้นยังคงเป็นของเจ้าบ้านที่ต่อบอลกันได้แน่นอนมากขึ้น แอนนี่ดูจะเล่นเป็นตัวรุกในขณะที่เฟล็ทเชอร์เน้นเกมรับมากกว่า ซึ่งหลังจากที่ทั้งคู่เร่งเกมเกินไปจนเสียบอลง่ายๆตลอดในช่วงแรกๆ แต่เมื่อได้ประตูขึ้นนำ ทั้งคู่ดูจะผ่อนคลายลงและเล่นได้รัดกุมมากขึ้น เฟล็ทเชอร์เริ่มดึงจังหวะ และคุมเกมได้ดีขึ้น การพาบอลจากแนวหลังขึ้นหน้าก็ทำได้ดี เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สองเมื่อครึ่งชั่วโมงผ่านไป ดิมี่ทะลุไปรับบอลจากแอนนี่ที่สุดเส้นหลังทางซ้ายก่อนจะดึงจังหวะยกบอลข้ามคอลลินส์ ลากไต่เส้นหลังเข้ามาก่อนปาดเรียดผ่านปากประตูให้โรนัลโด้พุ่งเข้าชาร์จได้สำเร็จเป็นลูกที่สอง

หลังจากนั้นเกมก็ดูเหมือนจะขาดแล้ว ยูไนเต็ดเล่นเน้นแน่นอนมากขึ้น ประคองจังหวะมากขึ้น ในขณะที่เวสต์แฮมมีโอกาสได้ตั้งเกมบ้าง พาบอลรุกขึ้นหน้าแต่ก็ไม่สามารถผ่านแผงแบ๊กโฟร์เข้าไปจบสกอร์ได้ ก่อนจบครึ่งแรก วารอน เบห์รามี่ก็เจ็บและถูกเปลี่ยนออก โซล่าส่งหลุยส์ บัวมอร์ตลงมาแทน และก็จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว


ครึ่งหลัง โซล่าเปลี่ยนตัวด้วยการถอดแม็ทธิว เอเธอร์ริงตันออกมา แทนที่ด้วยแจ็ค คอลลิสัน แต่เกมก็ยังคงเป็นเหมือนช่วงท้ายครึ่งแรก ยูไนเต็ดเน้นการออกบอลเร็ว แต่เพิ่มความแน่นอนมากขึ้น ในขณะที่นักเตะเวสต์แฮมพยายามตั้งเกมรุกเข้ากดดัน แต่ก็ทำได้แค่บริเวณกลางสนามและริมเส้น ไม่สามารถฝ่าแนวรับเจ้าบ้านเข้าไปจบได้สวยๆ นอกจากจังหวะหลุดเดี่ยวของของบัวมอร์ตที่เจ้าตัวจบได้น่าผิดหวัง โอกาสของเจ้าบ้านยังมีมากมายทั้งจากลูกที่โรนัลโด้ดึงบอลหลอกกองหลังเวสต์แฮมก่อนจะเปิดมาให้เตเวซยิงติดบล็อก ทั้งจากจังหวะที่เตเวซได้โขกเหน่งๆติดมือกรีนอีก ท่านเซอร์ขยับเปลี่ยนตัวสองคนรวดเมื่อเหลืออีกยี่สิบนาที โดยการส่งเวยน์ รูนี่ย์ และ ไมเคิล คาร์ริค ลงมาแทน นานี่ และ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ในขณะที่โซล่าก็ถอดลี โบวเยอร์ออก ส่งเฟร็ดดี้ เซียร์ส ลงมาแทน ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไล่ๆกัน การเปลี่ยนตัวคราวนี้ทำให้แนวรุกเรามีครบครันทั้งรูนี่ย์, โรนัลโด้, ดิมี่ และเตเวซ

รูปเกมหลังจากนั้นเราจะเห็นว่า ยูไนเต็ดผ่อนเกมลงไปอีก และเวสต์แฮมมีโอกาสเล่นกับบอลมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถฝ่าแนวรับไปจบสกอร์ได้อยู่นั่นเอง ในขณะที่เกมโต้สวยๆของเจ้าบ้านยังเปี่ยมไปด้วยอันตราย ทั้งจากดิมี่, รูนี่ย์, เตเวซ และโรนัลโด้ เพียงแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมมากนัก โรนัลโด้พลาดแฮททริคไปเมื่อยิงลูกเปิดของเอวร่าไม่ผ่านมือกรีน และในช่วงท้ายเกม ป๋าก็ถอดเอาราฟาเอลออกมาพักให้แกรี่ลงมายืดเส้นยืดสายบ้าง ก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์เดิมจากครึ่งแรก


มาดูกันที่รูปเกมบ้างนะครับ เกมนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดคุยกันมากนัก เมื่อรูปเกมของเวสต์แฮมผู้มาเยือนนั้น ไม่มีอะไรที่พอจะกดดันแนวรับ หรือปัดป้องเกมรุกของเจ้าบ้านให้ท่านเซอร์ได้มาปวดหัวกับการแก้เกมเลย ผมสังเกตดูก็พบว่า การแก้เกมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผู้เล่นที่เห็นเป็นรูปธรรมหน่อยก็คือ การให้เฟล็ทเชอร์และแอนนี่ ดึงจังหวะเกมลงมาบ้างในช่วงสิบกว่านาทีแรกของเกม ที่ทั้งคู่เร่งเกมจนเกินไป พยายามที่จะทำเกมรุกเร็วซะจนจ่ายบอลผิดพลาดแทบทุกจังหวะ และทำให้เวสต์แฮมได้สวนกลับเรื่อยๆ แต่หลังจากนั้น เฟล็ทเชอร์และแอนนี่ก็ลดดีกรีความเร่งรีบร้อนรนลงมา มีการดึงจังหวะ มีการม้วนคืนหลังบ้าง เพื่อเซ็ตเกมให้แน่นอนขึ้น นั่นคือสิ่งที่ผมเห็นในครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังก้ไม่ได้มีการแก้เกมเชิงแท็คติคให้เห็น นอกจากการเปลี่ยนตัวลงมา และปรับรูปแบบเป็น 4-2-3-1 ให้คาร์ริคและแอนนี่ยืนกลาง ใช้แนวรุกสามคนคือ รูนี่ย์, โรนัลโด้ และเตเวซ ดิมี่ค้ำข้างหน้า แต่สี่คนดังกล่าวก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันตลอดเรื่อยๆ ไม่ได้ตายตัวครับ

นอกเหนือจากนั้น ยังเห็นว่า เกมนี้ ไม่มีการเพรสซิ่งเร็ว ไม่มีการไล่บี้ถึงตัวอัดหนักๆจากนักเตะเวสต์แฮม เฟล็ทเชอร์ก็เล่นได้ง่าย และทำหน้าที่ได้โดดเด่นอีกครั้ง มีการบังบอล พลิกบอล เบียดแย่ง และเริ่มเห็นเหลี่ยมบอลที่เก๋าขึ้นของเฟล็ทเชอร์ในเกมนี้ ส่วนแอนนี่ เนื่องจากถูกดันไปเติมเกมรุกเต็มตัว ทำให้ต้องพยายามจ่ายบอลขึ้นหน้าให้กองหน้าและตัวริมเส้นเข้าทำ แต่แอนนี่ยังคงต้องพัฒนาความคมในการออกบอลเร็วอยู่อีกมากครับ จะเห็นชัดๆจากเกมนี้เลยว่า การจ่ายบอลเร็ว การจ่ายจังหวะเดียวของแอนนี่ มีอัตราการผิดพลาดสูงมากๆ โดนฉก โดนตัดบอล จ่ายสั้นไป จ่ายเบาไป ซึ่งเราเห็นจากแอนนี่ตลอดทั้งเกม แต่หากดูที่การจ่ายเมื่อแอนนี่มีเวลาพอ ลูกจ่ายพวกนั้นจะออกแนวคิลเลอร์พาสได้ตลอด ผมจึงมองว่า หากแอนนี่ปรับปรุงความคมและการจ่ายบอลในจังหวะเดียวให้แม่นๆได้กว่านี้ จะดีมากเลย รวมทั้งจังหวะส่องไกลด้วย แต่ถ้าดูผลงานโดยรวมทั้งรุกและรับ รวมทั้งการมีส่วนร่วมกับเกม แอนนี่ถือว่าทำได้ดีครับ เป็นคล้ายๆตัวเซ็ตบอลของเกมรุกในเกมนี้ก็ว่าได้



โรนัลโด้และนานี่ เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าทั้งคู่มีความแตกต่างกันตรงไหน นานี่จะมีความแข็งแกร่งทางร่างกายและทะลุทะลวงได้ดีกว่าโรนัลโด้ จังหวะร่างกายตอนส่องไกลก็ดูจะได้สมดุลและได้น้ำหนักของบอลมากกว่า ที่สำคัญคือจินตนาการในการออกบอลและให้บอลเพื่อนก็ดูจะเหนือกว่า (ในช็อตที่ไม่พยายามฝืนเล่นเองจนตันต้องคายบอล) เพียงแต่ยังต้องการเวลาเพื่อบ่มเพาะอีกระยะ และนานี่จะทำได้สมบูรณ์แบบจากจุดที่เราเห็นแววหรือไม่ ก็ยังไม่มีใครรับรองครับ ในขณะที่โรนัลโด้นั้น เขามาถึงจุดที่พิสูจน์ตัวเองได้ไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่โรนัลโด้ดูมีภาษีกว่านานี่(ไม่นับว่าพิสูจน์ตัวเองแล้วนะ)ในสายตาผมก็คือ ทักษะเฉพาะตัวที่ใช้หลอกล่อคู่ต่อสู้ ความเร็วในการกระชากตอนออกตัว และการรักษาสมดุลตอนใช้ความพริ้วเปลี่ยนทิศทางการวิ่งกระทันหัน การอ่านเกมให้ตัวเองอยู่ถูกที่ถูกเวลาเพื่อจบสกอร์ และความหลากหลายในการจบสกอร์ จะพูดให้เห็นภาพคือ หากจะซื้อไปร่วมทีม โรนัลโด้เป็นการซื้อไปใช้งานได้ทันที ส่วนนานี่คือการซื้อเพื่ออนาคต แต่จะก้าวไปถึงหรือไม่ ก็มีความเสี่ยงในตัวเองอยู่


ในขณะที่เกมลีกผ่านพ้นไปทีละเกมๆ ดิมี่ก็เริ่มคายพิษสงออกมาเรื่อยๆ ลูกที่เรามองว่ามหัศจรรย์สองสามช็อตที่เห็นจากเกมนี้ เขากลับทำให้ดูแบบชิลด์ๆ ไม่ว่าลูกดึงจังหวะยกบอลสุดเส้นหลัง หรือลูกยกบอลก่อนจะตวัดข้ามหัวส่งให้เพื่อน ที่สำคัญ จากสองเกมล่าสุด เขาแสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อความฟิตเพิ่มมามากขึ้น เขาก็วิ่งช่วยเกมได้เหมือนกัน ทั้งรุกและรับ เขาลงไปเล่นหลังเส้นครึ่งสนามหลายต่อหลายช็อต ทั้งลากไปเอง ทั้งจ่ายทำชิ่ง ทั้งวิ่งดึงตัวประกบ ไม่ได้ยืนอยู่แต่ในกรอบเหมือนสามสี่เกมแรกที่ยังไม่ฟิต นี่คงยืนยันได้แล้วว่า เขาไม่ใช่นักเตะขี้เกียจ เพียงแต่เลือกจังหวะที่จะเล่น ที่จะวิ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเองและทีม ซึ่งมันเป็นสไตล์ของเค้า เป็นวิธีที่เค้าเล่นและเติบโตมากับมัน จะให้เปลี่ยนมาเป็นวิ่งไล่ทุกๆช็อตคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบนักเตะสไตล์นี้มากนักหากเทียบกับสไตล์ยอร์ค หรือฮิวจส์ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนหรืออคติต่อเขาแต่อย่างใด ผมก็อยากให้แฟนๆได้เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่นักเตะแต่ละคนเป็นและถนัด หากสุดท้ายดิมี่สร้างตำนานให้ตัวเองที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดได้สำเร็จ ผมก็เต็มใจที่จะยอมรับเขาเป็นตำนานด้วยเช่นกัน ไม่ต่างกับที่ผมเองยอมรับคันโตน่า ยอมรับเชอริงแฮม ทั้งๆที่สไตล์การเล่นลักษณะนี้ ผมชอบน้อยกว่าสไตล์วิ่งสู้ฟัดก็ตาม แต่ผมก็ต้องยอมรับว่า การได้ดูนักเตะประเภทนี้เล่นกับลูกบอล ดูว่าเขาทำอะไรกับบอลได้มากกว่าที่เราคิด และเดาว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อไป มันก็เป็นความสุขและเป็นสิ่งผมเองตื่นเต้นไม่ใช่น้อย ช็อตที่คันโตน่าพักอกและหวดตูมเดียวตุงตาข่ายแบบไม่คาดคิดชนิดบอลไม่ตกพื้น ยังติดตาตรึงใจผมอยู่เลย ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบสไตล์นี้ แต่การเห็นลูกเล่นแบบนี้ในสนาม ก็ถือเป็นสีสันของเกมที่ไม่ควรขาดไปครับ



มาดูกันที่รูนี่ย์และเตเวซ สองคนนี้ก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่าในช่วงนี้เขามีประโยชน์ต่างกัน ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นสไตล์วิ่งพล่านได้ทุกพื้นที่ แต่หลังจากพิสูจน์มาปีกว่าๆ ในช่วงนี้ผมก็พบว่ารูนี่ย์เหมาะที่จะเป็นตัวจบสกอร์ เป็นตัวสุดท้ายที่บอลไปถึงมากกว่าเตเวซ เนื่องจากสภาพของเตเวซที่ผ่านมาตลอดเวลาที่เล่นให้ยูไนเต็ด ผมเห็นว่าสภาพร่างกายเตเวซดูจะแข็งแกร่งน้อยกว่ารูนี่ย์ ทำให้จังหวะสุดท้ายรูนี่ย์มักจะพลิก หรือขืนตัว รวมทั้งเบียดชิงจังหวะไปยิงได้ดีกว่า ในขณะที่เตเวซดูจะเหมาะกับบทบาทตัวพลิกบอลหน้ากรอบและดึงกองหลัง รวมทั้งเป็นตัวประสานงานทำชิ่งให้บอลมากกว่า แต่หากประมาท เตเวซก็สามารถจบสกอร์ได้ดี หรืออาจจะคมกว่ารูนี่ย์ด้วยซ้ำไปหากมองตอนเขาพีคๆ ในขณะที่ดิมี่เองเริ่มประสานงานกับรูนี่ย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังจูนกับโด้ไม่ติด จูนกับเตเวซไม่ติด และคงอีกนาน กว่าจะจูนกันติดหมด เพราะคงไม่มีโอกาสได้เล่นร่วมกันบ่อยนักสำหรับสี่คนนี้

แผงหลังของเราก็มีความนิ่งมากขึ้น หากเทียบกับที่หลุดฟอร์มไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ริโอกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนแผงหลังได้อีกครั้ง เกมนี้เขาไม่ดันขึ้นสูงอย่างเคย ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เกมรับเราดูมั่นคงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จุดหนึ่งอาจเป็นเพราะแบ๊คด้านนี้เป็นราฟาเอล ที่มักเติมขึ้นสูง ทำให้ริโอต้องเน้นการป้องกันพื้นที่มากขึ้นก็เป็นได้ ราฟาเอลเองยังคงโชว์ฟอร์มได้ดีและไม่มีอาการตื่นตกใจยามเสียบอล กลับกล้าที่จะสกัด กล้าเล่น กล้าลุย ผมเองยังเสียดายฟาบิโอที่ป๋าบอกว่าน่าจะติดทีมชุดใหญ่ก่อนราฟาเอล แต่ดันเจ็บไปซะก่อน ทำให้ไม่ได้เห็นฟอร์มกัน วิดิชกับเอวร่าก็เล่นได้ดีตามมาตรฐาน แต่เอวร่ามีช็อเสียบโหดอยู่ลูกหนึ่ง เล่นเอาโดนใบเหลือง ซึ่วลูกนั้นอันตรายมากๆ ดีที่ไม่ได้เปิดปุ่มเข้าไป เพราะหากเปิดปุ่มเข้าไป ด้วยความเร็วและแรงขนาดนั้น ผมว่างานเข้าแน่ๆ ในขณะที่คุสแซ็คไม่ถูกทดสอบเท่าไหร่ แต่การเตะลูกคืนหลังยังมีตื่นๆให้เห็น

เดือน พ.ย. เรามีโปรแกรมดังนี้ครับ
November 2008
01 Nov Barclays Premier League Hull City H
05 Nov UEFA Champions League Celtic A
08 Nov Barclays Premier League Arsenal A
11 Nov League Cup (Carling) Queens Park H
15 Nov Barclays Premier League Stoke City H
22 Nov Barclays Premier League Aston Villa A
25 Nov UEFA Champions League Villarreal CF A
30 Nov Barclays Premier League Man City A

สำคัญที่การออกไปเยือนเซลติก และเยือนอาร์เซนอลติดๆกัน บนเดิมพันที่ว่าหากบุกไปชนะเซลติกได้ ก็น่าจะการันตีการเข้ารอบต่อไปได้แล้ว และอีกเดิมพันที่ว่า หากบุกไปเก็บสามแต้มที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมได้ด้วย ก็จะแซงอาร์เซนอลขึ้นไปที่สามหรือที่สี่ได้สำเร็จ (บนข้อแม้ที่เราต้องชนะ ฮัลล์ ซิตี้ ให้ได้ก่อนเพื่อแซงฮัลล์ขึ้นไปนะครับ) สองเกมลีกที่จะมาถึง คือเดิมพันการไต่อย่างน้อยสองอันดับครับ หากได้หกแต้มเต็ม ก็การันตีอย่างน้อยเลื่อนขึ้นสองอันดับได้เลย

แล้วมารอลุ้นกันนะครับ ว่าผลจะเป็นอย่างไร



สงบใจ




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2551
1 comments
Last Update : 30 ตุลาคม 2551 10:23:09 น.
Counter : 528 Pageviews.

 

แวะมาทักทายครับ ...


^ ^

 

โดย: d_yong IP: 125.25.81.241 1 พฤศจิกายน 2551 11:55:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.