Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

20081027 วิพากษ์ EVERTON vs UNITED

ทอฟฟี่เม็ดที่ขมที่สุดในรอบหลายปี


สวัสดีครับ เริ่มมีสะดุดให้เห็นกันแล้วนะครับ สำหรับทีมปิศาจแดงที่เราๆท่านๆตามเชียร์กัน แต่ไม่ต้องตกอกตกใจกันไป นี่แหละครับ ที่เป็นเอกลักษณ์ของทีมเราที่มีมาเนิ่นนานนมกาเลมาแล้ว แมนฯยูไนเต็ดนั้นไม่ใช่ทีมที่นักเตะทุกๆคนจะสามารถยืนระยะรักษาฟอร์มพีคได้เนิ่นนานเกินแปดนัดสิบนัดครับ ระหว่างนั้น อาจมีช็อตเล็กๆน้อยๆ หรือฟอร์มหล่นไปบ้าง แต่จะคว้าชัยชนะมาได้เรื่อยๆ พอเริ่มหลายๆนัดเข้า ก็จะรูดลงมาที่พื้นนัดหรือสองนัดให้เห็น ตามประโยคหากินของท่านเซอร์ที่บอกว่า just a day-off ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาอีกครั้ง ต่างจากเชลซี ที่จะมีการรักษาฟอร์มพีคได้นานกว่ากันเยอะ

เกมนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราไม่สามารถยืนระยะได้ ประกอบกับเดวิด มอยส์ ปลุกพระใส่คอลูกทีมมาดีมากในช่วงพักครึ่ง ทำให้ครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วนกับครึ่งแรกไปซะอย่างนั้น เอาล่ะ ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียด เรามาดูไลน์อัพทีมเรากันก่อนนะครับ ทีมชีตสิบเอ็ดตัวแรก ก็เป็นการก๊อปปี้ทีมชีตจากนัดเจอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนมาเลยทีเดียว มีต่างกันแค่ตำแหน่งเดียว ก็คือเอาบราวน์ลงมาแทนราฟาเอล ไลน์อัพออกมาเป็นแบบนี้

รูนี่ย์ เบอร์บาตอฟ
โรนัลโด้ กิ๊กส์ เฟล็ทเชอร์ ปาร์ค
เอวร่า วิดิช ริโอ บราวน์
เดอร์ ชาร์

ในขณะที่เดวิด มอยส์ ก็จัดทัพแบบลงมาสู้เช่นกัน ไม่ได้ยัดทะนานกองกลางห้าตัวเหมือนอย่างที่ผมคาดไว้ล่วงหน้า แต่ส่งคู่ดูโอศูนย์หน้า หลุยส์ ซาฮา และ ยาคูบู ลงมาล่าตาข่ายคู่กัน มีอาร์เตต้า, พีนาร์ และ ออสแมน เป็นตัวเก๋าของทีมคอยกำกับเกมตรงกลางสนาม พีนาร์นี่ฟอร์มดีมาตั้งแต่ปีที่แล้วเลยครับ ส่วนอีกโควต้าหนึ่ง มอยส์ส่งเฟลไลนี่ลงมายืนเป็นไลน์สี่คนตรงกลาง แผงหลังถอยฟิลเนวิลล์ไปยืนแบ๊กโฟร์ร่วมกับโยโบ, เลสคอตต์, และจากิลก้า มีที-โฮเฝ้าเสา ซึ่งเอฟเวอร์ตันทีมนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นยูไนเต็ดสาขาแรกก็ได้ เพราะมีทั้ง ฟิลิปป์ เนวิลล์, หลุยส์ ซาฮา และ ทิม ฮาวเวิร์ด ย้ายจากยูไนเต็ดมาร่วมทีม



เริ่มเกมทั้งสองทีมก็จัดเกมเปิดแลกกันให้แฟนๆได้ร่วมลุ้นระทึกกันตั้งแต่แรกทีเดียว ทอฟฟี่เมนตั้งอกตั้งใจมาเล่นเกมรุกในนัดนี้อย่างเต็มที่ สังเกตได้จากสิบห้านาทีแรก ที่ตั้งเกมซดกันได้อย่างเมามัน ยูไนเต็ดที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องเครื่องร้อนช้า โดนลูกครอส ลูกเปิด ลูกทะลุทะลวงจากนักเตะทอฟฟี่เล่นเอาหวาดเสียวไม่น้อย อาร์เตต้ากับพีนาร์ สามารถปั่นป่วนแผงหลังยูไนเต็ดได้น่ากลัวทีเดียว โดยหลุยส์ ซาฮา และยาคูบู ก็ช่วยกดดันผู้มาเยือนได้ดี แต่หลังจากนั้น ผ่านสิบห้านาทีแรกไป ยูไนเต็ดก็ครองเกมได้ในที่สุด กดดันทัพนักเตะทอฟฟี่ให้ถอยลงไปเล่นเกมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะกดนักเตะทอฟฟี่เอาไว้เต็มๆด้วยเกมรุก กิ๊กส์ และเฟล็ทเชอร์ เริ่มจับจังหวะเกมได้มากขึ้น และโชว์ฟอร์มสุดยอดเปล่งรัศมีอยู่ตรงกลางสนามตลอดเวลาที่เหลือของครึ่งแรก และก็เป็นสองคนนี้ ที่ส่งให้ยูไนเต็ดขึ้นนำได้สำเร็จ จากลูกที่กิ๊กส์แทงทะลุขึ้นหน้าให้เฟล็ทเชอร์สอดทะลุเข้าไปแตะหลบกองหลังก่อนจะยิงลอดขาที-โฮเข้าไปในนาทีที่ยี่สิบกว่าๆเท่านั้น

หลังจากนั้น เกมของทอฟฟี่เมนก็ช็อตไปเฉยๆ ปล่อยให้ยูไนเต็ดครองเกมบดเข้าใส่อย่างสบายเท้า โดยมีกิ๊กส์ และเฟล็ทเชอร์เป็นผู้บงการเกมตรงกลางสนาม ซึ่งทั้งคู่ทำผลงานได้เด่นมากๆ และนักเตะทอฟฟี่ก็ไม่ได้เข้ามากดดันมากนัก ทำให้ทั้งคู่มีเวลาครองบอลกับตัวและมองหาตัวจ่ายได้ง่ายขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ฟอร์มของโรนัลโด้และปาร์ค ยังคงไม่กลับมาสุดยอดอย่างที่เราเคยเห็น โรนัลโด้ยังไม่สามารถผ่านคู่ต่อสู้ได้แบบขาดกระจุยสักครั้งเดียว ในขณะที่ปาร์คก็เล่นออกไปในแนวตัวไล่บอลมากกว่าจะเซ็ตเกมรุกทะลุทะลวงอย่างที่มักจะทำได้ดี รูนี่ย์ดูจะกดดันตัวเองเกินไปหน่อยกับความพยายามที่จะทำประตูทีมเก่าให้ได้ ท่ามกลางเสียงโห่ฮาของแฟนๆเจ้าถิ่นทุกๆครั้งที่เขาได้บอล ทั้งสามคนนี้ที่เล่นผิดไปจากฟอร์มดีๆของตัวเองพร้อมๆกัน ทำให้เบอร์บาตอฟต้องเล่นด้วยตัวเองเยอะกว่าปกติ จะเห็นว่าเบอร์บาตอฟเกมนี้ต้องลงไปล้วงบอลและพาบอลขึ้นมาเองหลายครั้งมาก

เกมจนจบครึ่งแรกก็ยังคงเป็นยูไนเต็ดที่ครองเกมรุกเข้าใส่เจ้าบ้านชนิดที่ทำให้แฟนๆอย่างผม นั่งดูอย่างสบายอารมณ์ ดูไปยิ้มไป ทั้งๆที่ผู้เล่นแนวรุกเรายังไม่สามารถประสานงานได้อย่างเต็มที่ แต่มันก็เหมือนไม่น่าตกอกตกใจ เพราะนักเตะเจ้าถิ่นเอง ก็ไม่สามารถต่อกรอะไรได้เลย เกมโต้กลับยังไม่สามารถจบได้แบบเข้าเค้าสักครั้งด้วยซ้ำ หลังจากเสียประตูไป บรรยากาศคล้ายๆท้องฟ้าใสๆ สวยๆ ไม่เห็นวี่แววพายุฝนฟ้าคะนองที่กำลังตั้งเค้าแต่ไกลๆเลยแม้แต่น้อย


เริ่มครึ่งหลัง ทั้งคู่ยังไม่เปลี่ยนตัว ฟ้ายังใสยังสวยสำหรับผม เมื่อคิดว่า เราเครื่องร้อนช้าอีกแล้ว ในขณะที่กองทัพทอฟฟี่เมนที่เพิ่งถูกมอยส์ปลุกพระดีลงมาสู้ใหม่ ผมสังเกตเห็นนักเตะทอฟฟี่เมนทุกๆคน วิ่งเข้าใส่บอลอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับว่าถ้าไม่วิ่งเข้าไล่ ไม่วิ่งเข้าหาบอล จะถูกมอยส์สั่งตัดเงินเดือนอย่างไรอย่างนั้น แต่ผมก็ยังใจเย็น คิดแต่ว่า ทอฟฟี่คงถูกมอยส์จวกมา เดี๋ยวปล่อยให้คึกสักพัก เราเข้าสู่เกมได้ ก็รอประตูที่สองเท่านั้น แต่จนแล้วจนรอด เรากลับเพลี่ยงพล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ พีนาร์, อาร์เตต้า และ เฟลไลนี่ ที่เล่นได้เด่นในต้นครึ่งแรก กลับมาโดดเด่นกว่าเดิม ออสแมนที่เงียบกริบในสี่สิบห้านาทีแรก กลับวิ่งไล่ตัดบอลเล่นเกมรุกขึ้นหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เว้นแม้แต่ฟิล เนวิลล์ และ จากิลก้า ที่ขึ้นสูงมาเล่นเพรสซิ่งอย่างหายใจรดต้นคอตลอดเวลา ทำเอาปิศาจแดงไปไม่เป็น เดินเกมไม่ถูก แผงหลังที่ครึ่งแรกยังมีลูกเหวอนิดๆหน่อยๆ ก็เริ่มเห็นถี่ขึ้น และลูกติดประมาทของริโอก็นำมาสู่ประตูที่สองที่ผมรอ แต่ดันเป็นประตูของอีกฝั่งซะนี่

ริโอที่ถ่างไปปิดเกมโต้กลับทางกราบขวา อ่านจังหวะบอลผิด เตะวืดเต็มๆ ทำให้บอลถูกพาเข้าพื้นที่อันตรายและเป็นสาเหตุของการเตะมุมที่จังหวะต่อเนื่องจากนั้นทำให้เสียประตู เมื่อเนวิลล์ผู้น้องเปิดอย่างงามเข้ากลางประตู เจอกับขุนศึกกลางอากาศทายาทบิ๊กดังค์อย่างเฟลไลนี่ เทคขึ้นสูงกว่าทั้งริโอ ทั้งวิดิชขวิดเสียบโคนเสาสองสุดปัญญาน้าซาร์จะเซฟ และจังหวะนี้ ทำเอาริโอเจ็บสะโพกไปอีกด้วย ซึ่งเมื่อทอฟฟี่เมนตั้งบอลได้โหมเข้าใส่อีกชุด ริโอซึ่งยังเจ็บอยู่ก็แปบอลคืนโกล์พลาดให้ยาคูบูควบไปยิง ดีที่ติดทั้งน้าซาร์และโคนเสาช่วยเซฟไว้ได้ ไม่งั้นคงเจ๊งไปแล้วครับ เกมของทอฟฟี่ที่ลงมาเน้นเพรสซิ่งเร็วและเข้าหนัก ทำเอากิ๊กส์กับเฟล็ทเชอร์ไปไม่เป็น คุมเกมไม่ได้เลย และเสียบอลตลอดเวลา เกมกลายเป็นของทอฟฟี่ไปทั้งครึ่งเวลาหลัง ในขณะที่นักเตะเกมรุกของยูไนเต็ดไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้มากนัก

ท่านเซอร์ร้อนใจเมื่อเห็นลูกทีมเสียกระบวนท่า รีบส่งแอนนี่และนานี่ลงมาในช่วงไล่ๆกัน แทนปาร์ค และรูนี่ย์ ซึ่งรูนี่ย์เริ่มที่จะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว ออกอาการยั่วยุแฟนทอฟฟี่หลังจากตัวเองโดนใบเหลืองไป แต่แอนนี่และนานี่ ลงมาก็ไม่ช่วยให้เกมตรงกลางดีขึ้น เมื่อนักเตะทอฟฟี่ยังคงสวมวิญญาณอึดเต็มพิกัด ไล่บี้ทุกลูกทุกซ็อต จนนักเตะยูไนเต็ดที่ถึงแม้จะลงมาใหม่ ก็ยังไม่สามารถทานแรงเสียดสี ไม่สามารถครองบอลไว้ได้ ขนาดเบอร์บาตอฟ ที่ครองบอลกับตัวดีมากๆ ยังถูกเบียดถูกแซะซะจนไปไม่เป็น และท่านเซอร์ก็ต้องส่งเตเวซลงมาแทนเฟล็ทเชอร์ เพื่อเพิ่มจังหวะจบสกอร์ แต่ก็ไม่สามารถจัดให้ได้ เมื่อการประสานงานทุกๆช็อตมักถูกเจ้าบ้านพัวพันตลอด เสียดายก็แต่จังหวะสุดท้ายที่โรนัลโด้ได้บอลจากการครอสของนานี่ เขาเอาบอลลงได้โล่งๆในกรอบโทษทางซ้าย เหลือเพียงเสาโกล์ และที-โฮ ที่เสียจังหวะไปแล้ว แต่โด้กลับยิงออกข้างแบบไม่ได้ลุ้น ทำให้จบเกมไปด้วยการแชร์แต้มไปอย่างน่าหวาดเสียว



หลังจบเกม ผมซึ่งรู้สึกหงุดหงิดหัวใจอย่างมาก ก็ต้องมานั่งคิดทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเกมๆนี้กันแน่ คิดไปคิดมาก็น่าจะพอเข้าใจถึงความเป็นไปได้ในการอ่านเกมของเดวิด มอยส์ และการเสี่ยงของเขา นั่นคือ การที่มอยส์มองออกว่า กิ๊กส์ และเฟล็ทเชอร์ เป็นคู่กลางเผื่อเลือกของทีม ไม่ใช่คู่กลางอาชีพที่สามารถปรับตัวและยืดหยุ่นกับเกมการเล่นที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ อีกทั้งลูกขยันของเฟล็ทเชอร์ เมื่อมาจูนกับลูกเก๋าและประสบการณ์ของกิ๊กส์ ประกอบกับแดนกลางทอฟฟี่ในครึ่งแรกให้พื้นที่ให้เวลาทั้งคู่มากเกินไป ทำให้เกมตรงกลางถูกคอนโทรลไว้ได้หมดโดยนักเตะผู้มาเยือน ด้วยนักเตะเพียงสองคนเท่านั้น

และเมื่อมอยส์มองออก ผมว่าผจก.ทีมอื่นๆก็คงมองออก อยู่ที่ว่าใครจะกล้าเสี่ยงเหมือนมอยส์หรือไม่เท่านั้น เพราะมอยส์กล้าเสี่ยงครับ มอยส์คงเชื่อมั่นว่า ในวันที่ฟอร์มของปาร์คยังไม่กลับมา ฟอร์มของโรนัลโด้ยังคงรูดลงๆ และรูนี่ย์ถูกกดดันด้วยแรงมุ่งมั่นเกินพอดีของเจ้าตัวจนฟอร์มแกว่ง หากหยุดเกมตรงกลางของสองผู้เล่นยูไนเต็ดได้ ทอฟฟี่ก็มีลุ้น และเขาคิดถูก!!! เมื่อในครึ่งหลังปรับหมากลูกทีมมาเน้นเพรสซิ่งสูงทั้งสนาม ดันฟิลล์ ดันจากิลก้าขึ้นมาเล่นเพรสซิ่งเพิ่มด้วย ออสแมนถูกดันขึ้นสูงมากขึ้นเพื่อไล่บี้เกมตรงกลาง ในขณะที่เฟลไลนี่ก็ยืนสูงเพื่อตัดบอลตั้งแต่การเซ็ตเกมรุกขึ้นมาของยูไนเต็ด อาร์เตต้าและพีนาร์ถ่างออกมาเล่นทางกว้างมากขึ้นเพื่อถ่างโซนแนวรับยูไนเต็ด และให้คู่กองหน้าส่ายหาที่ว่างทุกพื้นที่ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นหน้ากรอบ และที่สำคัญก็คือ มอยส์ใส่ยาบ้า...เอ๊ยไม่ใช่ครับ ใส่ความมุ่งมั่น ความกระหายลงไปในจิตใจนักเตะทุกคน ให้ไล่ทุกช็อต ทุกจังหวะ เสียบได้เสียบ จังหวะที่ต้องหยุด ต้องหยุดให้ได้ อย่าให้พลาด นั่นคือที่มาของเกมครึ่งหลังของทอฟฟี่ที่ผมมองไว้ครับ



นอกจากนี้ เกมนี้ ยังเป็นเกมที่ช่วยยืนยันให้เราได้ตระหนักถึงความเป็นจริงข้อหนึ่งด้วย ที่ว่ากิ๊กส์และเฟล็ทเชอร์ยังไม่ใช่ผู้ที่จะยืนเป็นแกนร่วมกันในพื้นที่กลางสนามในเกมใหญ่ได้ อย่างที่ผมเคยคอมเมนต์ไปแล้วว่ากิ๊กส์นั้น เป็นปีกธรรมชาติ เขาเล่นปีกเป็นอาชีพ และแถมยังเป็นปีกสไตล์อนุรักษ์นิยมอีกต่างหาก ยิ่งนับรวมอายุประมาณพ่อเจมส์ วอห์น ที่ถูกมอยส์ส่งลงสนามท้ายเกม นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะจับเขาไปอยู่ตรงไหนของสนาม กิ๊กส์ก็ยังจะเป็นนักเตะที่ต้องการพื้นที่ในการเล่น มากกว่าที่จะพลิกจะม้วนจะป้ายบอลให้เพื่อนได้ในจังหวะเดียวคล่องๆในพื้นที่แคบๆได้เป็นธรรมชาติแบบกองกลางตัวคุมเกมทั่วๆไป เมื่อรวมกับเฟล็ทเชอร์ ที่เพิ่งขึ้นจะมาเนียน แต่ในมุมมองของผมแล้ว เฟล็ทเชอร์ก็ยังคงเป็นนักเตะสไตล์ลูกหาบอยู่มากกว่า เขายังไม่สามารถพาตัวเองทะลุกำแพงขึ้นมาเป็นผู้นำเกมได้อย่างแท้จริง มันคงต้องอาศัยเวลาอีกสักหน่อย กว่าที่เฟล็ทเชอร์จะพาตัวเองไปถึงจุดนั้นได้

ซึ่งข้อนี้ เราจะสังเกตเห็นว่า ฟอร์มของเฟล็ทเชอร์ในแต่ละเกม จึงมักจะถูกผูกติดอยู่กับฟอร์มของคู่ขาตรงกลาง ที่เขาถูกจับมายืนเล่นด้วยกัน เมื่อสองนัดที่แล้ว เราเห็นกิ๊กส์ คู่กับ เฟล็ทเชอร์ ซึ่งเป็นเกมกับ เวสต์บรอมวิช ทั้งคู่มีพื้นที่ในการเล่นพอสมควร ทำให้กิ๊กส์สามารถครองเกมไว้ได้ และทำให้เฟล็ทเชอร์สามารถฉายฟอร์มได้โดดเด่น กับนัดที่แล้ว ที่แอนนี่ลงมาคู่กับเฟล็ทเชอร์ เป็นเกมกับเซลติค ที่มีพื้นที่เยอะเหลือเกิน มีเวลาพอสมควร แอนนี่ยังเล่นบทลูกหาบให้เฟล็ทเชอร์ด้วยอีกในหลายๆจังหวะ จึงเป็นเกมที่เฟล็ทเชอร์ยิ่งฉายแววได้มากขึ้น แต่กับเกมนี้ เขากับกิ๊กส์ ทำได้ดีมากๆแค่ครึ่งเดียว พอครึ่งหลังที่ทอฟฟี่เมนไม่ให้พื้นที่ ไม่ให้เวลา กิ๊กส์คุมเกมตรงกลางไม่ได้เลย เฟล็ทเชอร์จึงถูกลักพาตัวหายตามไปด้วย เมื่อคู่ขาครองเกมไม่ได้ และเขาไม่มีเวลาไม่มีพื้นที่ให้เล่น


นอกจากนี้ ผลจากเกมนี้ ยังจะพิสูจน์กึ๋นท่านเซอร์และบรรดาสต๊าฟฟ์โค้ชผีแดงได้อีกด้วย เมื่อเห็นจุดอ่อนอีกมากมายที่ต้องปรับแก้ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการบอมบ์กลางอากาศแบบนันสต๊อป ถ้าจะว่าไป มาหนึ่งลูกสองลูกสามลูกนี่ไม่ค่อยหวั่น แต่ถ้ามาเรื่อยๆแบบนันสต๊อปนี่ยุบเลย อันนั้นข้อแรก ข้อที่สองก็คือมิดฟิลด์ตัวกลาง ที่ตอนนี้ขาดแคลนเหลือเกิน ป๋าจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร ให้สามารถยืนระยะต่อไปได้ ไม่หลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ไปเสียก่อน และข้อที่สาม ฟอร์มของลูกทีมในยามโรเตชั่นเช่นนี้ ที่เริ่มตกๆหล่นๆอย่างน่าใจหาย พอนานี่และเฟล็ทเชอร์เริ่มกระเตื้องขึ้นมาพอสมควร ก็ต้องแลกกับการที่ปาร์คและเตเวซฟอร์มดร็อปลงไปมาก โรนัลโด้ก็ยังต้องการเกมเพื่อเรียกจังหวะเดิมๆกลับมา ดังนั้น คงต้องรีเซิร์ฟหนึ่งที่ว่างในไลน์อัพให้กับโรนัลโด้ โดยที่ยังไม่ต้องหวังอะไรจากเขามากนัก แล้วตำแหน่งอื่นจะจัดใครลงไปดีล่ะ เพื่อเค้นฟอร์มโดยรวมของทีมให้ยังดีอยู่

นอกจากอาการบาดเจ็บที่ชิงตัวผู้เล่นไปหลายต่อหลายคน รวมทั้งอาการฟอร์มตกของปาร์คของเตเวซ ที่ทำให้การจัดไลน์อัพต้องปวดหัวมากมาย ผมก็ยังต้องหวังว่า อาการฟอร์มพีคของรูนี่ย์ จะไม่หายไปด้วยพร้อมๆกับการช็อตจากเกมนี้ ที่ถูกตัวเองกดดันจากบทสัมภาษณ์ กรูจะยิงทอฟฟี่ฉลองลูกที่ร้อยเป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งเราๆท่านๆก็เห็นแล้วว่ามันเป็นการกดดันตัวเองและเพิ่มความสับสนในจังหวะของตัวเองให้มากขึ้น แทนที่จะลงเล่นด้วยความสบายใจ ชิลด์ๆ แบบช่วงสุดยอดที่ผ่านมา หวังว่าเจ้าน้องหมูคงไม่เสียความมั่นใจง่ายๆนะครับ



และหลังจากดูน้องหงส์เตะเมื่อคืน ผมมองว่า ราฟาเอล เบนิเตซ พาลูกทีมก้าวผ่านกำแพงมหึมาไปได้อักอันหนึ่งแล้วครับ หลังจากปีที่แล้ว เพิ่งผ่านข้ามกำแพงที่มีชื่อว่า ระบบทีม มาได้ มาปีนี้แกพาลูกทีมก้าวผ่านกำแพง บิ๊กโฟร์ด้วยกัน ได้แล้ว ด้วยการคว้าหกแต้มเต็มๆจากยูไนเต็ดและเชลซีได้สำเร็จ นั่นคือนิมิตหมายที่ดีของลิเวอร์พูล ในการก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว พวกเขาพบระบบทีมที่ลงตัวและผู้เล่นที่เข้ากับระบบดังกล่าวได้ในที่สุด พวกเขาก้าวผ่านความกดดันยามต้องแข่งกับบิ๊กโฟร์ด้วยกันมาได้แล้ว ก้าวย่างต่อไปของหงส์แดงก็จะเหลือเพียงสองขั้นเท่านั้น ก็คือ หนึ่ง การประคองทีมฝ่าฟันมรสุมนักเตะบาดเจ็บนักเตะแบนให้ได้โดยไม่หลุดวงโคจร ซึ่งผมถือว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ ตอร์เรสและสเคอร์เทลแค่สองคนยังไม่ถือว่าวิกฤติครับ เมื่อมองดูว่าหงส์ยังมีแอ๊กเกอร์ที่เคยเป็นตัวจริงของทีม และยังมี เคาท์ กับ คีน ซึ่งก็ถือเป็นกองหน้าชั้นดีอีกสองคน รอเล่นอยู่

ส่วนอีกกำแพงหนึ่งที่เหลือก็คือ การรักษาฟอร์มและความมุ่งมั่นของทีมไว้ให้ได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อฟอร์มตก ก็สามารถดีดกลับมาให้ได้ในนัดหรือสองนัด ไม่ใช่กลายเป็นโดมิโน่เอ็ฟเฟ็คท์ ให้ฟอร์มรูดหายไปสามสี่นัดติดๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร ณ ปัจจุบันขณะ ลิเวอร์พูลทีมนี้ ได้ก้าวขึ้นมาไกลจากต้นซีซั่นที่แล้วมากทีเดียวครับ และน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเขา จะสามารถทำได้ดีขนาดไหน ในซีซั่นนี้



เอาล่ะ เรามาดู โปรแกรมในช่วงเดือนที่จะถึงของเรากันก่อนครับ
October 2008
29 Oct Barclays Premier League West Ham H


November 2008
01 Nov Barclays Premier League Hull City H
05 Nov UEFA Champions League Celtic A
08 Nov Barclays Premier League Arsenal A
11 Nov League Cup (Carling) Queens Park H
15 Nov Barclays Premier League Stoke City H
22 Nov Barclays Premier League Aston Villa A
25 Nov UEFA Champions League Villarreal CF A
30 Nov Barclays Premier League Man City A

มันมีคิวเตะถี่ยิบช่วงนี้เลยนะครับ ไม่มีหยุดพักกลางสัปดาห์จนกว่าจะกลางเดือนหน้าโน่น อย่าลืมตามเชียร์กันนะครับ



สงบใจ




 

Create Date : 27 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 27 ตุลาคม 2551 10:39:22 น.
Counter : 469 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.