Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
7 กันยายน 2550
 
All Blogs
 

---ของเก่า 11พฤษภาคม 2550--- Youngster Gangs from Chelsea VS Man UTD

ก่อนอื่น ขออนุญาต คุณ ก็แค่ชื่อสมมติฯ นิดนึงนะครับ ขอโพสข้อความของคุณ (ที่ตอบในกระทู้ผมไว้ครับ) เพื่อเป็นอีกมุมมองหนึ่ง สำหรับผู้เล่นดาวรุ่งเชลซี ซึ่งผมยอมรับว่าการมองเกมโดยรวม และการดูผลงานการเล่นของผู้เล่นเป็นรายๆไป ซึ่งค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้สมาธิในการดูตลอดเวลา อาจทำให้เกิดความแตกต่างกันในรายละเอียดได้ครับ ก็ดีครับ จะได้มีหลายๆเหลี่ยม หลายๆมุม ไว้วิเคราะห์ พูดคุยกันครับ




ค้นหาฝั่งเชลซีบ้าง

เริ่มจากเด่นสุดในฤดูกาลนี้ก็มิเกล (วิเคราะห์ฟอร์มอย่างเดียวอย่าพึ่งแขวะให้เสีบรรยากาศ) คือก่อนจะเป็นเรื่องเป็นราวนี้เคยเล่นในตำแหน่งกลางรุกกึ่งกองหน้ามาก่อน ทำให้ทักษะติดตัวพอมี แต่จากปัญหาบาดเจ็บของกองหลังทำให้คนที่ควรจะเล่นโฮลด์บอลอย่างเอสเซียงต้องถอยไป แล้วจับมิเกลมาเล่นตัวตัดเกม ซึ่งดันทะลึ่งเข้าท่ากว่าที่จะกลับไปเล่นตัวรุก เพราะมีทางบอลที่ใช้ได้และพละกำลังตามสไตล์นักเตะผิวสี ส่วนการครองบอลจ่ายบอลมีอยู่แล้วจากตำแหน่งที่เคยเล่นเดิมๆ ทำให้อาจต้องเล่นตำแหน่งนี้ถาวรเพราะมาเกเลเล่แก่แล้วและเอสเซียงมีดีกว่าการไปไล่ตัดบอล แต่หากจะเป็นที่ไว้ใจของมูริญโญได้ต้องควบคุมใบเหลืองใบแดงให้เก่งกว่านี้ อย่าเสียแบบโง่ๆ เพราะตำแหน่งนี้เสี่ยงต่อการไปอาบน้ำสูง ซึ่งหากเดินออกสนามในเกมบ่อยๆมูริญโญคงไม่ปลื้มแน่ และทีมคงลำบาก ต้องเอาอย่างมาเกเลเล่ที่เป็นตัวตัดเกมแต่เสียใบแดงน้อยมาก ใบเหลืองโอเคยังไงก็เป็นตัวตัดเกมต้องเสียกันบ้างแต่มาเกเลเล่มักจะเสียในจังหวะที่เป็นประโยชน์ต่อเกม

คาลู - เกือบกลายเป็นไรท์ ฟิลิปส์สอง มาแรกๆนี่จะเลี้ยงมันลูกเดียวเหมือนกัน การจับบอลก็ไม่สะดวกที่จะเล่นต่อเนื่อง มาช่วงหลังๆนี่แหล่ะที่ดูเด่น และกับการบาดเจ็บในบรรดาเกมรุกทำให้กลายเป็นตัวความหวังในการสร้าสรรค์เกมรุกไป อย่างสองสามนัดที่ผ่านมานี่ป่วนแบ็กได้ใจเลย อย่างนัดนี้ก็กวนคีแรน ลีที่ครึ่งแรกจับซินแคลร์อยู่หมัดได้สนุกเลย อย่างนึงที่รอต่อไปคือเรื่องความคมที่หากไม่ไหวจริงๆจากกองหน้าตัวที่สาม อาจจะต้องไปเล่นเป็นปีกอาชีพเลย เพราะด้วยความสามารถส่วนตัวก็เหมาะกับทางนั้นจริงๆ ส่วนความแข็งแกร่งเทียบกับต้นฤดูกาลก็เริ่มพัฒนามาแล้ว หนึ่ง-หนึ่งนี่เบียดแซะไม่อยู่เหมือนกัน ปีหน้าคงพึ่งได้

ดิยาร่า - นี่ก็โอเค จินตการในการเล่นเด่นพอจะดีดหนีเก้าอี้สำรอง และหากรีบตักตวงช่วงน้ำกำลังขึ้นจนได้ไปติดทีมชาติ และหากยังได้เข้าๆออกๆทีมชาติบ่อยเข้าก็จะได้ส่งผลทั้งทางด้านความมุ่งมั่นและจิตใจ เพราะจากหลายๆเกมที่ได้ลงยังพอมีโอกาวพัฒนาได้อยู่ ปัญหาดันไปอยู่ที่ตำแหน่งการเล่นซึ่งดันไปเด่นเอากับตำแหน่งชั่วคราว ซึ่งต่อให้เด่นยังไงหากแบ็กอาชีพกลับมา ก็ต้องเสียตำแหน่งให้เขาไป ไอ่ครั้นจะกลับลงไปตัดเกมกลางสนามตามถนัดก็ยังไม่ได้สร้างผลงานในตำแหน่งที่ต้องการอย่างชัดเจน และก็มีตัวเอ้ขวางอยู่เยอะ แถมไอ่คนข้างบนดันมารุ่งในตำแหน่งเดียวกันอีก ความเฮงซวยของดวงชะตาไอ่น้อง

ซินแคลร์ - ความเร็ว มี เทคนิค มี ความมั่นใจ สูง แต่ดูจะสูงไปที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เพราะมีหลายจังหวะที่ตะพัดตะพือเลี้ยงจนเสียบอล คือมั่นใจยังไงก็ต้องอย่าลืมว่าตนมาจากทีมเยาวชนโอกาสแสดงบนเวทีมันน้อย แต่โอกาสแก้ตัวมันน้อยกว่า คือถ้าไม่เป็นโล้เป็นพายแต่เป็นนักเตะซื้อเข้ามาใหม่ยังไงก็ยังจะได้โอกาสพิสูจน์จนเบื่อได้ แต่การเป็นเยาวชนส่วนตัวย่อมถูกมองว่าจะเก็บไว้ดองก็ไม่เสียหายทางธุรกิจหรือการโจมตีจากแฟนบอล ทำให้สิ่งที่ควรจะแสดงเมื่อได้รับโอกาสคือประโยชน์ต่อทีม ไม่ใช่เทคนิคส่วนตัว รอบเบน โจ โคล ไรท์ฟิลิปส์ เคยโชว์ให้เห็นแล้วว่านักเตะที่มีแต่เทคนิคส่วนตัว ไม่มีส่วนสังคม จะถูกชะตากรรมเช่นใดในยุคมูริญโญ

ซาฮา - มีประโยชน์ในการเรียกเรตติ้งจากสาวๆ 55 ดรอกบางี้ เอสเซียงงี้ คาลูงี้ โคลงี้ ไรท์ฟิลิปส์งี้ จะให้บรรยากาศที่สแตมฟอร์ดบริดจ์มันทะมึนๆอย่างเดียวรึไง เอาแบบพอไปเบียดซาฮาใหญ่ในค่ายสีแดงเขาบ้าง อันนี้มองแย้งกับเจ้าของกระทู้บ้างตรงที่ผมเห็นบทบาทหมอนี่น้อยมากในเกมริมเส้น (ไม่ทราบว่าจำผิดคนกับคาลูรึเปล่า) แต่กับเรื่องการเล่นแบบสไตล์ดรอกบาคือการเล่นบอล พักบอล ถ่ายบอล โอเค ดูเท่าทันจินตการพวกรุ่นพี่ๆได้สบาย แต่ร่างกายไม่อำนวยแบบดรอกบา ปัญหาอยู่ที่ตำแหน่งการยืนขณะที่ไม่มีบอลยังไม่เข้าใจกับทีม ยังต้องเข้าออกบ่อยกว่านี้

จากคุณ : ก็แค่ชื่อสมมุติในเน็ต - [ 10 พ.ค. 50 19:39:53 ]




ทีนี้ มาดูทางมุมมอง “สงบใจ” บ้างครับ

ผมขอเน้นแค่ดาวรุ่งที่ยังไม่ค่อยมีโอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่นะครับ ส่วนพวกที่มีโอกาสได้ลงมาบ่อยๆแล้วนั้น จะขอยกเว้นไปนะครับ (เพราะวันนี้ ผมขอเน้นดาวรุ่ง แบบเนื้อๆครับ)

มาดูฝั่งดาวรุ่งกุมารทองเชลซีกันก่อนครับ



สก๊อตต์ ซินแคลร์

กองหน้า ดาวรุ่งสัญชาติอังกฤษ วัยเพิ่งครบ 18 ไปไม่นาน เป็นผลิตผลของทีมเยาวชน บริสตอลโรเวอร์ส มีลีลาการเล่นที่ค่อนข้างใจถึง มีความกล้าในการเลี้ยงจี้เข้าหากองหลังฝ่ายตรงข้าม มีความเร็วและมีความแข็งแกร่ง หากได้โอกาสลงสนามเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างสม่ำเสมอ จะสามารถก้าวขึ้นมากลายเป็นผู้เล่นกองหน้าที่มีพิษสงรอบตัวได้ไม่ยาก สไตล์การเล่นดูคล้ายๆ กองหน้ากึ่งปีกซะมากกว่าที่จะเป็นกองหน้าสไตล์เข้าฮอส หรือประเภท ดร็อกบา

เพียงแต่ว่าในวันที่เซิ้งแข้งกับแมนยูไนเต็ดที่ผ่านมานั้น เขามักจะไปไม่ผ่าน คีแรน ลี ที่ได้ยืนเป็นแบ๊กขวาในวันนั้นนะครับ (ลี ยืนในครึ่งเวลาแรกได้เด่นมาก) แถมบราวน์ก็ซ้อน ลี ได้ไม่มีที่ติในช่วงครึ่งแรก ทำให้เกมของซินแคลร์ (ที่ผมมองอาจจะต่างไปจากคุณ “ก็แค่ชื่อสมมติฯ” นะครับ) ในช่วงก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกไปนั้น มักไปติดขัดอยู่ที่บริเวณกรอบโทษ หรือไม่ก็เส้นหลังครับ แต่ถ้ามองในแง่ของการรับบอล ผ่านบอล จ่ายบอลให้เพื่อน มากกว่าจะดูจังหวะที่ตัวเขาจะทะลุทะลวงเข้าไป ตรงนั้นก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวครับ ยิ่งมองว่าอายุแค่สิบแปดนี่ ผมมองว่าอนาคตค่อนข้างไกลครับ




เบน ซาฮาร์

กองหน้าดาวรุ่งวัยไม่ครบสิบแปดปีสัญชาติยิวผู้นี้ เชลซีเซ็นสัญญามาจาก ฮาโปเอล เทลอาวีฟ เมื่อปีที่แล้วนี่เองครับ รู้สึกว่าค่าตัวเพียงแค่ 320,000 ปอนด์เท่านั้น มีทักษะการเล่น การคอนโทรลบอลบนพื้นที่ดี สังเกตได้ว่าเวลาเขาได้บอล หรือครองบอล จะเสียบอลค่อนข้างยาก บังบอลได้ดี ผมเองมองว่า เบน ซาฮาร์ นั้นมีไหวพริบ มันสมอง และการเล่นในแนวทางที่เป็นทีมเวิร์ค มากกว่าซินแคลร์ เราจะไม่ค่อยเห็นเขาฝืนเลี้ยง หรือเล่นในจังหวะยากๆเลย ดูแล้วเบน ซาฮาร์ ชอบที่จะเล่นง่ายๆมากกว่าครับ ประมาณว่า ผ่านได้ก็ไป ถ้าดูแล้วยากก็จ่าย ซึ่งผู้เล่นในลักษณะนี้จะสามารถสร้างปัญหาให้กองหลังได้มากทีเดียว เพราะจะเข้ามาซ้อนสองก็ไม่ได้ เดี๋ยวแกจ่าย เพื่อนก็จะว่างเลย ครั้นจะปล่อยให้เป็น 1 ต่อ 1 ก็มีโอกาสที่เขาจะผ่านมาได้ ไม่ใช่น้อย ส่วนใหญ่กองหลังจะกลัวกองหน้าประเภทนี้มากกว่าสไตล์เลี้ยงตะลุย หรือรอเข้าฮอสครับ

จากที่ผมได้เห็น เบน ซาฮาร์ ลงสนามในวันนั้น เขาถูกส่งลงมาแทน ซินแคลร์ ซึ่งมีอาการบาดเจ็บจากการถูกเสียบข้อเท้า ผมมองว่า เบน ซาฮาร์ ทำผลงานได้ดีกว่าซินแคลร์เสียอีก ในแง่ของทักษะ และความสามารถเฉพาะตัว เขา เล่นกับ กาลู สามารถผ่าน คีแรน ลี เข้าไปสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้หลายครั้ง แต่ตรงจุดนี้ มีหลายทรรศนะที่มองว่า เป็นพราะ คีแรน ลี ถูกไข้เหลืองเล่นงานไปแล้ว ทำให้ไม่กล้าเข้า ไม่กล้าเสี่ยงเล่นถึงลูกถึงคน เหมือนเมื่อตอนที่เล่นงานซินแคลร์ครับ อีกอย่าง ช่วงหลังๆของเกมวันนั้น เชลซีเองโหมบุกหนักด้วย ทำให้กองหลังเราเริ่มที่จะปั่นป่วน แล้ว เบน ซาฮาร์ ก็ฉวยโอกาสดังกล่าว ใช้ความสามารถของเขาสร้างโอกาสให้ทีมได้เป็นอย่างดี ทำให้ผมมองว่า หมอนี่มีไหวพริบ และความนิ่งเกินอายุครับ



เมื่อเห็นฝีมือลายมือของดาวรุ่งเชลซีกันแล้ว ก็ลองวกมาดูดาวรุ่งของป๋ากันบ้างนะครับ

โทมัส คุสแซ็ค (ให้เป็นดาวรุ่ง เพราะเป็นนายทวารครับ ถือว่าอายุยังน้อย)

นายทวารดีกรีทีมชาติโปแลนด์ วัย เบญจเพส ที่ติดสอยห้อยตามทีมไปศึกเวิลด์คัพ 2006 ผู้นี้ อยู่ในสัญญายืมตัวมาจาก เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และจะกลายเป็นผู้เล่นของแมนยูไนเต็ดในเดือน กรกฎาคม 2007 นี้ (อ้าว แล้ว ฟอสเตอร์ ผมจะอยู่ไหนล่ะครับ) เขามีความสามารถค่อนข้างสูง และกล้าเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัวอะไร และยังสามารถเซฟลูกยากๆได้บ่อยๆอีกด้วยครับ

สำหรับเกมเมื่อสองวันก่อนนั้น คุสแซ็ค ก็โชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดี โดยมีหลุดอยู่หนึ่งจังหวะ ซึ่งผมมองว่าน่าจะมาจากปัญหาการกะระยะห่างครับ เพราะ หากจำกันได้ ก่อนหน้านั้นเขาได้ออกมาตัดลูกครอส และถูกเทอร์รี่โถมเขามาโหม่ง ทำให้ทั้งคู่ชนกัน จนคุสแซ็คได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตาขวา (ถ้าจำข้างไม่ผิดนะ) แต่ลักษณะอาการบาดเจ็บดูเหมือนคนถูกต่อยเบ้าตาเลยครับ เขียวๆม่วงๆบวมๆรอบเบ้าตา ซึ่งก็น่าจะส่งผลต่อความสามารถในการมองอยู่พอสมควรครับ แต่โดยรวมแล้ว ผมถือว่าฟอร์มของคุสแซ็ค อยู่ในขั้นไว้ใจได้เลยครับ

คีแรน ลี

ฟูลแบ๊กวัยไม่เต็มสิบเก้าดี เป็นผลิตผลจากอคาเดมี่ของป๋าเองโดยตรง ก้าวขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ของป๋าในเกมพรีเมียร์ลีกเป็นนัดแรก สดๆ ร้อนๆ โดยก่อนหน้านั้น ก็ได้รับโอกาสบ้างในเกมลีกคัพ แต่ก็เคยลงมาเจอกับเซลติกครั้งหนึ่งในเทสติโมเนียลแมทช์ของรอย คีน

ลี มีลีลาการเล่นที่แข็งแกร่งเกินหุ่น (หุ่นยังบอบบางมากครับ) มีความเร็ว และดูจะชอบเติมเกมรุกด้วย สไตล์เหมือนกับจะก๊อปปี้มาจากแกรี่ เนวิลล์ไม่มีผิด เพียงแต่ยังคงต้องอาศัยประสบการณ์เพื่อเพิ่มความนิ่ง ความเก๋า และความเยือกเย็นอีกพอสมควร ดังที่เราจะสังเกตได้ว่า ครึ่งแรกที่ยังไม่ถูกโหมมากนัก เขาสามารถจัดการการเติมเกมทางกราบของมิเกล และ ซินแคลร์ได้ดีมาก แถมทำได้หลายจังหวะต่อเนื่องกันด้วย

แต่พอเริ่มโดนเชลซีโหม และอาจรวมกับที่โดนไข้เหลืองมาก่อนแล้ว ก็ทำให้คีแรน ลี เล่นตกลงไป พลาดให้ซาฮาร์ กับ ซาโลมอง กาลู และ โจ โคลหลุดไปหาบราวน์ได้อยู่เรื่อยๆ ครับ


ตง ฟาง โจว

กองหน้าวัยยี่สิบสองนิดๆ จากเมืองจีนผู้นี้ ได้เซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทัพป๋าตั้งแต่มกราคม 2004 แต่ไม่เค้ย ไม่เคยได้โอกาสลงเล่นชุดใหญ่เลยครับ เพราะไม่เคยได้รับอนุมัติเวิร์ค เพอร์มิต จึงถูกยืมตัวไปเล่นให้ รอยัล อันทเวิร์ปอยู่สามปี และมักถูกเรียกตัวมาร่วมทีมปรีซีซั่นทุกๆครั้ง เขาเพิ่งได้เวิร์ค เพอร์มิตมาเมื่อปีนี้เอง และถูกเรียกตัวกลับมาร่วมทัพอสูรแดงอย่างจริงๆจังๆเมื่อต้นปีนี้เองครับ โดยได้เบอร์ 21

ตง เป็นผู้เล่นกองหน้าที่รูปร่างจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใหญ่ บึ้กเท่าพวกสไตล์แอฟริกัน-อเมริกัน แต่ก็จัดว่าสูงใหญ่หากเทียบกับผู้เล่นของแมนยูไนเต็ดหลายๆคน ลีลาการเล่น การพักบอล การพลิกตัว พาบอล ถือว่าเป็นกองหน้าที่มีอนาคตคนหนึ่ง จังหวะที่เขาได้บอลและโดดเดี่ยวอยู่กับหลังเชลซีสองสามคนนอกกรอบโทษ เขายังสามารถพลิกตัวกลับมายิงได้ดี ถึงจะไม่เข้า แต่ก็ถือเป็นสัญชาตญาณที่ดีที่กองหน้าควรมี สรุปก็คือ หากไม่ได้มองกันว่าเป็นเรื่องของการตลาดสำหรับเปิดตลาดในประเทศจีนแล้ว ตงก็ถือเป็นขุมกำลังที่น่าสนใจ และน่าให้โอกาสในการพัฒนาฝีเท้าเพื่อประเมินศักยภาพต่อไปครับ


คริส อีเกิ้ลส์

ปีกขวาวัยยี่สิบเอ็ดครึ่งชาวอิงก์ลันด์ ผลผลิตจากทีมเยาวชนวัตฟอร์ด ที่ก้าวเท้าเข้าแคมป์ป๋าเมื่อวัยสิบหก ไล่เลี่ยกับการส่งแดนนี่ เว็บเบอร์ไปให้วัตฟอร์ด ได้ผ่านการยืมตัวมาหลากหลายสัญญาตลอดสามสี่ปีที่ผ่านมา และเลือกที่จะกลับมาซบต้นสังกัดป๋าเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากไม่ค่อยได้ลงเป็นตัวจริงให้ เอ็นเอซี ไนจ์เมเก้นในปีนี้สักเท่าไหร่

อีเกิ้ลส์ เป็นอีกคนที่ค่อนข้างบอบบาง ผมเองก็แปลกใจที่แคมป์ป๋าทำไมฝึกเด็กออกมาบอบบางจัง หรือว่ารุ่นหลังๆนี่จะเน้นเด็กเล็กๆบางๆ เอาความคล่องมาก่อนก็ไม่ทราบนะครับ สังเกตมาหลายรุ่นแล้ว ไมว่าแชดวิก, จิลเลสพี, บัตต์, เบ๊คแฮม, กิ๊กส์, เนวิลล์ แต่ในจำนวนดังกล่าวก็มีหลายคน ที่มาฟิตกล้ามเนื่อให้ล่ำให้แข็งแกร่งขึ้นในภายหลัง คือถ้าบางไปเนี่ย จะเบียดปะทะไม่ค่อยไหว ทำให้เสียบอลง่ายกว่าน่ะครับ

กลับมาดูกันต่อ อีเกิ้ลส์นี่ถือว่าเป็นปีกความเร็วจัดอีกคนที่ปีศาจแดงครอบครองอยู่ เขาสามารถพาบอลไปกับตัวได้ดี มีลีลา ชั้นเชิงและทักษะเฉพาะตัวที่ถือว่าใช้ได้เลย แถมมีการยิงที่เฉียบคมอีกด้วย หากยังจำจังหวะยิงปิดท้ายเอฟเวอร์ตันที่เพิ่งผ่านมาได้นะครับ ผมว่าการที่อีเกิ้ลส์ยิงลูกลักษณะนั้นได้ ก็น่าจะแสดงให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ปีศาจแดงจะมีตัวปั่นฟรีคิกหวังผลได้สักที หวังว่าป๋าจะจับอีเกิ้ลส์ฝึกปั่นฟรีคิกบ่อยๆหน่อยนะครับ เบื่อฟรีคิกหนูโด้แล้วครับ อีกอย่าง อีเกิ้ลส์มีทักษะในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่งได้ดีนะครับ เพียงแต่วันนั้นโดนซ้อนตลอด และได้บอลไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เพื่อนก็ไม่ค่อยเติม ทำให้เกมไม่ค่อยได้ขึ้นหน้า แต่ก็ยังเห็นว่าอีเกิ้ลส์มีจังหวะลากเลื้อยอยู่เรื่อยๆ ถือเป็นตัวความหวังของทีมเหมือนกันครับ




ทีนี้ ก็มาถึงผู้เล่นสำรองเขี้ยวๆที่เหลือของเชลซีกันบ้าง

คูดิชินี่, เทอร์รี่, เอสเซียง, แฟร์เรร่า, มาเกเลเล่, ไรท์ ฟิลลิปส์, โจ โคล, เวย์น บริดจ์ พวกนี้คงไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะครับ หลายคนอาจเป็นตัวสำรองของทีมก็จริง แต่ดีกรีไม่ธรรมดาแล้ว ประสบการณ์ลงสนามโชกโชนกว่าตัวจริงบางรายเสียอีก เฮ้อ... ว่าแล้วก็ให้อิจฉาบูจัง

มาดูตัวอื่นๆกันดีกว่าครับ

ซาโลมอง กาลู

ศูนย์หน้าชาวไอวอรี่ วัยย่างยี่สิบสอง ที่ย้ายมาจากเฟเยนูร์ด ร๊อตเตอร์ดาม เมื่อปีที่ผ่านมาด้วยค่าตัวระหว่างแปดถึงสิบล้านปอนด์ เป็นกองหน้าที่ได้รับการจับตามองจากโค้ชหลายคน ว่าเล่นด้วยพรสวรรค์ที่สูงส่ง ไม่ว่าจะเป็น กีย์ รูซ์, โยฮัน ครัฟฟ์ หรือแม้แต่ แวน บาสเท่นเองยังอยากได้กาลูมาเล่นให้ฮอลแลนด์เลยครับ

ที่กล่าวมาก็น่าจะเป็นการยืนยันถึงศักยภาพในตัวของเขาได้เป็นอย่างดี กาลูมีความเร็ว มีความคล่องตัวสูง และมีทักษะกับบอลที่ดี ยิ่งการที่เขาสามารถเล่นในสไตล์ดร็อกบา และสามารถเล่นเป็นปีกได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้เขาน่ากลัวขึ้นสำหรับกองหลัง หากเขาสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งในการเบียดปะทะให้ดีขึ้นกว่านี้ รวมทั้งความคมในการปิดสกอร์ เขาจะก้าวขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ได้ไม่ยาก




ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า

หรือนิว มาเกเลเล่ ในสายตาแมวมองเชลซี ที่คว้าตัวจากเลอ อาฟร์ มาเข้าก๊วนเมื่อสองปีที่แล้วในราคาค่าตัวสี่ล้านปอนด์ เด่นในการเป็นตัวตัดเกม และสามารถเล่นเป็นแบ๊กได้อีกต่างหาก ดิยาร์ร่านั้นออกจะโชคร้ายพอควร เพราะตำแหน่งที่เขาเล่นได้นั้นมีแต่ซูเปอร์สตาร์เดินกันยั้วเยี้ยไปหมด ทั้งมาเกเลเล่ ที่ยังเล่นไหวอยู่, มิเกล ดาวรุ่งพุ่งแรงอีกดวง, หรือเอสเซียง ที่ถูกมอบบทบาทตัวรับ เพราะตัวรุกมีเต็มทีมไม่ว่า บัลลัค หรือ แลมพ์ โอกาสของเขาจึงมีไม่ค่อยมากนัก

แต่ฝีไม้ลายมือจัดว่าเข้าขั้นเลย สำหรับนักเตะคนนี้ คืออาจจะไม่เด่นมากนัก แต่ก็ดูกลมกลืน ไหลลื่นไปกับเกมการเล่นอยู่ตลอดเวลา สามารถเติมเกมรุกได้ค่อนข้างดี และช่วยตัดเกมได้เรื่อยๆครับ โดยรวมผมว่าเขาได้โอกาสลงสนามน้อยไปหน่อยครับ เทียบกับฝีเท้าระดับนี้ ที่สามารถยืนตัวจริงให้ทีมระดับพรีเมียร์ชิพได้สบายๆ

จอห์น โอบี มิเกล

มิดฟิลด์สัญญาเจ้าปัญหา วัยยี่สิบหมาดๆ ผู้นี้ เริ่มฉายแววออกมาซะทีหลังจากผ่านไปเกือบหมดฤดูกาลแล้ว โดยเขามีความแข็งแกร่ง อึด และมีเซนส์บอลดีเกินอายุ สามารถสร้างสรรค์เกมรุกร่วมกับพี่ๆร่วมทีมได้อย่างไม่เคอะเขิน และถอยลงมาตั้งรับก็ได้ไม่โฉ่งฉ่าง ข้อเสียอย่างเดียวของเขาก็คืออารมณ์จุดเดือดต่ำนั่นเอง ที่แก้ไม่หายสักที หากแก้ไขตรงจุดนี้ได้เมื่อไหร่ และรุ่นพี่ที่โรยราได้อำลาสนามไป เขาก็น่าจะได้โอกาสเป็นตัวหลักของทีมได้ไม่ยากครับ



ของปีศาจแดงมั่ง

ไม่พูดถึง โอเล่, ไฮน์เซ่, คาร์ริค, รูนี่ย์, เฟล็ทเชอร์, สมิธ ที่ค่อนข้างเป็นตัวจริงสม่ำเสมอในฤดูกาลนี้นะครับ

เวส บราวน์

เป็นแมน ออฟ เดอะ แมทช์ ของผีแดงได้เลยในนัดนี้ เล่นดีมากครับ ดูนิ่ง และเยือกเย็นผิดวิสัยจตุรเทพเป็นที่สุด เป็นเกมที่เขาเล่นได้ดีน่าจะที่สุดของฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ ช่วยซ้อนฟูลแบ๊กได้ตลอด เก็บตกการเข้าชนของโอเชไม่มีพลาด สกัดการโจมตีทางอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม ถือว่าเขาเล่นเด่นมากเลยครับ


จอห์น โอเช

เป็นตัวเข้าชน และไล่บอลตัวแรก หน้ากรอบโทษของแมนยูไนเต็ด โดยมีบราวน์คอยเก็บตกอีกทีหนึ่ง โอเชเล่นในนัดนี้ได้ไม่พลาดอะไรครับ คล้ายๆกับความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ แต่ก็มีส่วนร่วมกับเกมอยู่เรื่อยๆ


คีแรน ริชาร์ดสัน

เอ่อ... เก็บไว้ท้ายสุดเลยนะเนี่ย แต่พูดไม่ออกครับ หมอนี่อายุย่างยี่สิบสามแล้วครับ (แต่ทำไมยังติด ยู 21 อยู่ก็ไม่ทราบนะครับ เห็นเกิดปี 84 แต่ยังติดทีมกันอีกหลายคนเหมือนกัน วานผู้รู้ไขข้อข้องใจให้ด้วยครับ) เป็นผู้เล่นปีกพรสวรรค์คนหนึ่งของทัพยูไนเต็ด (เป็นคอมเมนต์ตอนก้าวขึ้นมาแรกๆครับ) เพียงแต่ว่าตอนนั้นกับตอนนี้ ก็ไม่เห็นแตกต่างกันเลยครับ เป็นหนึ่งในจตุรเทพที่คงอยากจะเป็นไปตลอด ไม่อยากถูกปลดออกไปมั้งครับ

เห็นพี่แกเล่นบอลยากๆตลอด ชอบพาตัวเองไปจนตรอกยังไงไม่ทราบ บางครั้งก็ฝืนยิงซะงั้น หรือไม่ก็ควบพาบอลไปสุดเส้นหลังไม่มองซ้ายมองขวา พอเงยหน้ามา อ้าวไม่มีใครเติมทัน แล้ววิ่งขึ้นไปทำมายไม่ดูครับ แต่ก็ยังคงถูกเก็บไว้กับทีมต่อไป เพราะเวลาถูกยืมตัวไปเล่นที่อื่น พี่แกเล่นเป็นเทวดาตลอดเลย ป๋าคงกลัวว่าหากขายไปแล้วจะไปแปลงเป็นเทพที่อื่นกลับมายิงตัวเองไส้แตกน่ะครับ ป๋าเลยเก็บไว้ เผื่อจะแปลงเป็นเทพได้ที่โรงละครของเรา


ของแมนยูเองจะน้อยไปหน่อย เพราะวันนั้นไม่ได้บุกเลยครับ เลยมีข้อมูลไม่มากเท่าไหร่ ต้องขออภัยไว้ด้วยครับ และข้อเขียนอาจจะยาวยืดไปนิด แต่ก็เขียนไปด้วยอารมณ์สนุกดีครับ หวังว่าผู้อ่านคงสนุกไปด้วยนะครับ ขอบคุณครับ




 

Create Date : 07 กันยายน 2550
0 comments
Last Update : 7 กันยายน 2550 8:07:40 น.
Counter : 458 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.