Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
4 กันยายน 2550
 
All Blogs
 

เฟอร์กี้'ส์ เอ๊กซ์เปอริเม้นต์

บทนำ

ก่อนอื่น ผมขออนุญาตยกคำคมของคุณ ปริ๊นซ์ เบจิต้า มาใส่ไว้นิดนึงนะครับ

“อังกฤษเป็นต้นตำรับฟุตบอลก็จริง
แต่ด้านแทคติคอันลึกซึ้งซับซ้อน อังกฤษเป็นเหมือนเด็กหัดเดินด้วยซ้ำ”

คือผมเห็นด้วยกับคำพูดนี้เต็มๆ และยังเห็นต่อเนื่องไปอีกว่า ตอนนี้ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ได้ก้าวนำแมนยูไนเต็ดไปแล้วหนึ่งช่วงตัว ในด้านการปรับเอาแท็คติคเข้ามาผสมผสานกับฟุตบอลสไตล์อังกฤษ โดยทั้งสองทีมจะเน้นแท็คติคแบบยุโรปมากขึ้น มีการวางแพลนนิ่งของทีม การเลือกใช้นักเตะในแต่ละนัด อีกทั้งรายละเอียดการเดินเกมที่แตกต่างออกไป เวลาเจอคู่ต่อสู้ที่ต่างออกไป

ในขณะที่แมนยูไนเต็ดเอง เพิ่งจะขยับอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้เอง เท่าที่ผมจับความแตกต่างได้ ก็คือเมื่อโรนัลโด้เริ่มเล่นได้เข้าที่เข้าทางแล้ว นั่นคือจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นเมื่อเห็นการเสริมทีมโดยเซ็นสัญญานานี่ อันแดร์สัน ฮาร์กรีฟส์ และเตเวซเข้ามา จึงเริ่มรู้สึกว่า ป๋ากำลังปรับระบบแบบยกทีมแน่ๆครับ แต่การปรับทีมในครั้งนี้ จะเน้นออกไปทางละติน หรือ แนวโปรตุกีสซะมากกว่าจะเป็นยุโรปเต็มตัวแบบอิตาลีหรือสเปน น่าจะเป็นอย่างที่หลายๆคนเคยพูดไว้ว่า คาร์ลอส เคยรอซ มีอิทธิพลในการทำทีมสูง และเฟอร์กี้ไว้เนื้อเชื่อใจมาก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบนี้ จึงน่าจะเริ่มต้นมาจากเคยรอซนี่แหละครับ

บทวิพากษ์ในวันนี้ จะพยายามเน้นไปที่การปรับระบบทีมของเฟอร์กูสันนะครับ ส่วนรายละเอียดที่ รูนี่ย์เจ็บ โรนัลโด้ถูกแบน จนทำให้รูปเกมเสียขบวนไป จะไม่ขอกล่าวถึง เพราะนั่นมันดูจะอยู่นอกเหนือการคาดคิดของกุนซือไปมาก และทำให้อะไรๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทางอย่างที่ควรจะเป็น หากไปให้น้ำหนักตรงนั้นมากเกินไป จะทำให้เรามองภาพรวมของการปรับระบบคราวนี้ผิดเพี้ยนไปได้ครับ

ในยุคหนึ่ง ไม่นานมานี้ เฟอร์กี้พยายามทดลองปรับทีมมาแล้วครั้งหรือสองครั้ง แต่ด้วยอะไรที่ยังไม่พร้อมหลายๆอย่าง ทำให้ เวรอน, เคลแบร์สัน นั้น ไม่สามารถแจ้งเกิดได้ มีเพียง รุด ฟาน นิสเตลรอย เท่านั้น ที่เอาตัวรอดได้ดีกับระบบหน้าเป้า แต่อย่างไรเสีย นิสเตลรอย เองก็แสดงให้เห็นว่า หากเขามีคู่กองหน้าช่วยแบ่งเบาภาระ แมนยูไนเต็ดจะยิงได้ระเบิดกว่าเล่นหน้าตัวเดียว สุดท้าย นิสเตลรอยก็จากทีมไปอีกคน เป็นอันจบการทดลองก่อนหน้านี้ด้วยความล้มเหลว แต่เป็นความล้มเหลวที่เฟอร์กี้ เองน่าจะเห็น และได้แง่คิด มุมมองต่างๆมากขึ้น จึงนำมาสู่การทดลองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่เฟอร์กี้เคยทำตลอดยี่สิบปีกับแมนยูไนเต็ด ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาว่ากันต่อนะครับ


ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า เฟอร์กี้นั้น ผ่านการผลัดใบของลูกทีมในสีเสื้อแมนยูไนเต็ดมาแล้ว สามหรือสี่ครั้งใหญ่ๆ ผมเองขออนุญาตให้ความเห็นของผมเองดังนี้นะครับ

ยุคแรก การรับมรดกมาจากกุนซือคนก่อนหน้า ปรับปรุง สร้างระบบทีมขึ้นมา เอาคนนั้นออกไป คนนี้เข้ามา จนมาลงตัวที่ชุดที่มีแกนหลักคือ ก็องโต้, ร็อบสัน, ฮิวจ์ส, อินซ์, แม็คแคลร์, ชาร์ป, แคนแคน ชุดนี้ พาทีมคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบหกปี เป็นการสร้างทีมที่กินระยะเวลายาวนานมากครั้งหนึ่ง

ยุคสอง เป็นยุคที่เฟื่องที่สุด คือยุคเฟอร์กี้เบ๊บส์ นั่นเองครับ การดันเอานักเตะดาวรุ่งจากชุดแชมป์เอฟเอ ยูธคัพ ขึ้นมาแบบเกือบยกแผง เป็นชุดที่ลงตัวและกลมกล่อมที่สุด แกนหลักคือ คีน, สโคลส์, เบ๊คส์, กิ๊กส์, ชไมเคิล

ยุคสาม น่าจะเป็นยุคที่เฟอร์กี้เบ๊บส์เริ่มโรยรา หลายคนจากทีมไป มีการดึงคนใหม่เข้ามา แต่ไม่สามารถยืนระยะได้นาน ต้องปรับใหม่อยู่เรื่อยๆ ผู้เล่นแกนหลักในชุดนี้ จึงต่อเนื่องมาจากชุดเฟอร์กี้เบ๊บส์ แต่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆจุด เช่นเบ๊คส์, ชไมเคิล, เออร์วิน, ยอร์ค, โคลจากไป แต่กำลังทดแทนที่ดีที่สุดเท่าที่ได้มาคือ รุด กับริโอ เท่านั้น ไม่ได้เป็นชุดที่ยืนหยัดต่อเนื่องนัก

ยุคสี่ นี่คือยุคที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่ ประกอบด้วยแกนหลักคือ รูนี่ย์, โรนัลโด้ และที่จะปั้นขึ้นมาในอนาคตอันใกล้ให้เป็นตัวหลัก เช่น ฮาร์กรีฟส์, คาร์ริค, นานี่,เตเวซ, อันแดร์สัน ซึ่งต้องพิสูจน์กันต่อไปครับ ว่าจะทำได้หรือไม่


รุ่งโรจน์ถึงขีดสุด

นักเตะชุดที่ว่ากันว่า ดีที่สุดเท่าที่เฟอร์กี้เคยทำทีมแมนยูไนเต็ดมา ก็คือชุดเฟอร์กี้เบ๊บส์ หรือยุคที่สองของเขานั่นเอง โดยจุดสูงสุดของชุดนี้คือการคว้าสามแชมป์หลักในปีเดียว ซึ่งชุดนี้มีตัวจริงประกอบไปด้วย
ปีเตอร์ ชไมเคิล
แกรี่ เนวิลล์, เดนนิส เออร์วิน, รอนนี่ ยอห์นเซ่น, ยาป สตัม
เดวิด เบ๊คแฮม, พอล สโคลส์, รอย คีน, ไรอัน กิ๊กส์
แอนดี้ โคล, ดไวท์ ยอร์ค

ส่วนกำลังเสริมที่รอทดแทนข้างสนามก็มี
ฟาน เดอร์ ฮาวด์
เดวิด เมย์, เฮนนิ่ง เบิร์ก, ฟิลลิป เนวิลล์, เวสลี่ย์ บราวน์
เจสเปอร์ บลอมควิสต์, จอร์ดี้ ครัฟฟ์, นิคกี้ บัตต์, โจนาธาน กรีนนิ่ง
เท็ดดี้ เชอริงแฮม, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, เอริค เนฟแลนด์

จะเห็นได้ว่า ผู้เล่นชุดใหญ่ตัวจริงของชุดนี้ ทำผลงานได้ดีที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมา โดยเฉพาะในแนวรุก ทั้งนี้ ผมจะลองสังเกตให้เห็นเป็นข้อๆไปนะครับ

หนึ่ง กองหน้าทั้งสี่คนที่มีคือ ยอร์ค, โคล, โซลชา, เชอริงแฮม ทั้งสี่ถือเป็นกองหน้าที่มีผลงานสุดยอดในลีกกันทั้งนั้น ต่างคนต่างเคยเป็นดาวซัลโวให้ต้นสังกัดมาแล้ว ไม่ว่าจะจับใครลงสนาม ก็อันตรายไม่แพ้กัน โคลเอง จากตัวเข้าฮอร์ส ก็ได้รับการปรับอยู่เป็นปี จามาเป็นกองหน้าที่พาบอลไปได้ เล่นกับทีมได้ และทำทางให้เพื่อนได้ จนสุดท้าย ทั้งสี่คนนั้น จึงเป็นกองหน้าที่เล่นได้ทั้ง เข้าฮอร์ส, กลางอากาศ, พักบอลพาบอล, ทำทาง และ ยิงคมจากทุกพื้นที่ อีกทั้งยังมีความเข้าใจระหว่างกันสูงมาก ขนาดคนที่ไม่พูดกัน ยังเข้าขากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย

สอง การเล่นของปีก เป็นปีกที่มีความเร็วสูง มีความคล่องตัวจัด และพาบอลไปกับตัวได้เร็วอีกทั้งยังมีปีกที่สามารถวางบอลใกล้ ไกล ได้แม่นยำสุดๆ เมื่อรวมกับการมีกองหน้าที่ครบเครื่อง จึงทำให้ผลิตสกอร์ได้อย่างล้นหลาม

สาม มิดฟิลด์คุณภาพ จะเห็นว่า สโคลส์ กับคีน ตอนรุ่งๆนั้น ทั้งคู่สามารถเล่นได้ทั้งการเป็นตัวรุก หรือตัวรับได้ดีไม่แพ้กัน เมื่อคีนขึ้น สโคลส์จะขึงตรงกลาง คอยดักเก็บบอล เมื่อสโคลส์ขึ้น จะกลายเป็นคีน ที่บงการกลางสนาม และไล่ตัดบอล เมื่อรวมกับสายตาและเซนส์บอลที่ดีเยี่ยมของทั้งคู่ คิลเลอร์พาส จึงเกิดขึ้นบ่อยมาก จากการให้บอลทะลุช่อง อีกทั้งทั้งคู่ยังสามารถยิงไกลได้ดีมาก แนวรุกของแมนยูไนเต็ดในยุคนั้นจึงมีมิติที่หลากหลาย และรุนแรงในการโจมตีคู่ต่อสู้ ยิ่งสมัยนั้น บอลแท็คติคของยุโรป ก็มิได้มีการวางแท็คติครัดกุมแบบสุดๆเหมือนสมัยนี้ ยังมีโอกาสที่เกมเปิดกันอยู่บ้างประปราย ทำให้เราสามารถหาจังหวะเข้าทำได้เรื่อยๆ รวมกับมิติการรุกจากปีกอีก ยิ่งทำให้เกมรุกของเรา อันตรายยิ่งขึ้น จะเห็นว่า ถึงแม้เราตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีก จากน้ำมือมาดริด แต่สามารถยิงมาดริดได้สี่ลูกในบ้าน ธรรมดาซะที่ไหน

สี่ ประตูบ้านที่แน่นหนา ชไมเคิล และเซ็นเตอร์คู่ ที่ยืนตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่นตลอดมา ทำให้การเดินเกมรุก ไม่ต้องห่วงแผงกองหลังมากนัก อีกทั้งชไมเคิลเอง มีการเปิดบอลให้เกมรุกได้อย่างน่ากลัวที่สุด ยิ่งการขว้างบอลด้วยมือเกินกว่าครึ่งสนามที่เห็นกันจนชิน ยิ่งทำให้เกมโต้กลับ ทวีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น

ห้า แบ๊คกับปีก ที่มีการประสานงานกันอย่างรู้อกรู้ใจ เออร์วิน กับกิ๊กส์ เนวิลล์กับเบ๊คแฮม เมื่อแบ๊คเติมเกมอย่างรู้ใจกับปีก จึงสามารถเดินเกมรุกได้อย่างไหลลื่น และต่อเนื่อง ไม่สะดุดหรือติดขัด ไม่ทับซ้อนกัน และเป็นการเติมเกมที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เพราะเออร์วินเอง ก็วางบอลได้แม่นยำไม่แพ้เบ๊คแฮม ส่วนเนวิลล์ก็มีความเร็ว และเปิดบอลได้น่ากลัวจากเส้นหลัง ทำให้เติมเกมเมื่อไหร่ ก็เติมได้จนสุดทุกครั้ง

หก การเดินเกมรุก เป็นการเดินเกมที่ไม่ต้องเคาะบอล หรือถ่ายบอลให้กัน แต่อาศัยการจ่าย การแทงบอลแค่สอง สาม จังหวะ ก็สามารถถึงปากประตูได้แล้ว อีกทั้ง เมื่อใดที่เจอเกมปิด ก็อาศัยการวางบอลที่แม่นยำจากปีกให้กองหน้าที่หาจังหวะขึ้นโหม่งได้ดีสุดๆได้ขึ้นเทคตัว อาการตีบตันจึงไม่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก และการยืนตำแหน่งของตัวรุกในชุดนั้น จะไม่ยืนใกล้ๆกันแต่จะยืนตำแหน่งกันตามสูตร 4-4-2 อย่างเต็มตัว และใช้พื้นที่ของสนาม ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สโคลส์ กับคีน จะไม่เข้าไปหน้ากรอบโทษนอกจากจะไปยิงแถวสองเท่านั้น แต่จะคอยบงการเกมรุกอยู่เกินเส้นกลางสนามมาเล็กน้อยเท่านั้น การจ่ายบอล การให้บอลจึงไม่ใช่แบบชิ่งใกล้ๆตัว แต่เป็นการวางบอลจากหลังสู่ปีก หลังสู่กลาง กลางสู่ปีก แล้วเปิดเข้าปากประตู หรือคิลเลอร์พาสจากกลางทะลุให้หน้าทีเดียวซึ่งเป็นการเข้าทำที่ใช้การต่อบอลน้อยจังหวะ จบด้วยความรวดเร็วครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทีมชุดดังกล่าว ผมว่ายากมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะทำให้กิดขึ้นมาอีกครั้งหรอกครับ ปีกสไตล์เบ๊คแฮมที่เปิดได้จากทุกจังหวะของเกมโดยไม่ต้องแต่งบอล ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ อีกทั้งความสามารถและความเข้าใจระหว่างแบ๊ค ปีก และกองหน้าเช่นนั้น จะทำให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆหรือครับ อย่าลืมว่าแกนชุดนั้น เป็นเด็กที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยูธคัพ และอยู่กับทีมมาโดยตลอด เห็นนักเตะชุดใหญ่เล่นจนชินตา เรื่องการปรับตัวเรื่องความเข้าใจกันจึงทำให้เกิดได้ง่ายๆ ไม่เหมือนการซื้อผู้เล่นใหม่เข้ามา ที่ต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวนานกว่า ทั้งกับสไตล์บอลอังกฤษ, เพื่อนร่วมทีม และระบบของทีม ยิ่งซื้อมาหลายๆตัว ก็ยิ่งยากครับที่จะเข้าใจเข้าขากันได้รวดเร็ว


ทิศทางสู่อนาคต

ทีนี้ หันมาดูการปรับระบบของทีมในชุดปัจจุบันกันบ้าง เมื่อเราได้เห็นพัฒนาการของเกมฟุตบอลที่มีมาจนถึงปัจจุบันนี้ สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งก็คือ แท็คติค การแพลนนิ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมฟุตบอลไปแล้ว การที่ให้นักเตะลงสนามตามสูตรแล้วเล่นไปตามเกมที่ถนัดแค่นั้น จะเปลี่ยนตัวเมื่อต้องการเปลี่ยนเกมหรือเจ็บ มันไม่ใช่คำตอบของฟุตบอลในยุคนี้แล้ว ยิ่งถ้าต้องการความสำเร็จในเส้นทางสายยุโรป อันนี้จะยิ่งเห็นได้ชัด เมื่อหมดยุครุ่งโรจน์ของเฟอร์กี้เบ๊บส์ แมนยูไนเต็ดเองก็ไม่สามารถเข้าสู่รอบชิงได้อีกเลย และส่วนมากจะตกรอบด้วยอเวย์โกล์อีกต่างหาก เคยตกรอบแรกด้วยซ้ำ นั่นแสดงให้เห็นว่า แท็คติคและการวางแผนในรายละเอียดเราสู้เขาไม่ได้ครับ ตรงนี้ อยากให้ย้อนกลับไปอ่านสามบรรทัดแรกของบทวิพากษ์อีกครั้ง

เมื่อเราทราบความจริงข้อนี้แล้ว เราก็ต้องมาดูว่า ทีมเราสามารถปรับอะไรได้บ้าง ซึ่งเฟอร์กี้คงเห็นจากสิ่งที่โรนัลโด้ได้ทำ และที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ อิทธิพลจากเคยรอซ ซึ่งเราได้เห็นก่อนหน้านี้ถึงความพยายามใช้ เวรอน เคลแบร์สัน ความพยายามดึงตัวโรนัลดินโญ่เข้ามาสู่ทีมก็บอกเราเป็นนัยได้เช่นกัน ทีนี้เมื่อดูขุมกำลังของชุดปัจจุบัน เราพอเห็นอะไรบ้าง อันแรกเลยก็คือ ปีกสไตล์คลาสสิคได้บอกลาโรงละครแห่งความฝันในยุคนี้ไปแล้ว และกลายเป็นปีกจอมลีลามากทักษะอย่าง นานี่ โรนัลโด้เข้ามาทดแทน เรื่องที่ต่อเนื่องมาก็คือ เมื่อปีกสไตล์โยนบอลหมดไป กองหน้าที่เน้นการเทคขึ้นโหม่งก็มีความจำเป็นน้อยลง แต่การที่มีปีกจอมทักษะทำให้ความจำเป็นที่ต้องใช้กองหน้าประเภทเดียวกันก็มากขึ้น นั่นคือเตเวซ กับอันแดร์สันถึงได้ถูกดึงเข้ามา เพื่อสอดประสานกับปีกนั่นเอง

ที่พอมองออกต่อมาก็คือ การเอาคาร์ริคมาผสมกับฮาร์กรีฟส์ นั่นแสดงให้เห็นถึงการต้องการแบ่งแยกหน้าที่ออกจากกันระหว่างตัวทำเกมและตัวตัดเกมคู่ต่อสู้ มิใช่การจับคู่แบบสโคลส์กับคีนที่ทั้งคู่ทำหน้าที่สลับกันได้เต็มตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ เราย่อมคาดหวังต่อไปว่า เมื่อสโคลส์จากไป ฮาร์กรีฟส์คงได้จับคู่กับคาร์ริคค่อนข้างแน่ โดยที่คนหนึ่งทำเกมกลางสนาม คอยโฮลด์บอล อีกคนหนึ่งคอยตัดเกมคู่ต่อสู้ ทีนี้ คาร์ริคทำได้เหมือนสโคลส์ไหม ผมสังเกตจากเกมที่แล้ว เมื่อใช้ฮาร์กรีฟส์ นานี่ อันแดร์สัน และเตเวซลงสนามพร้อมกัน จะเห็นว่า สโคลส์ยังคงขึ้นไปบู๊เหมือนเดิม และทำให้พื้นที่ที่มีน้อยอยู่แล้วยิ่งแคบลงไปอีก

ผมจึงลองคิดเล่นๆดูว่า หากเป็นคาร์ริค ที่ไม่ขึ้นบู๊ขนาดนั้น เกมจะเป็นอย่างไร เมื่อคาร์ริคและฮาร์กรีฟส์จะทำหน้าที่แค่กลางสนาม คอยรับบอล จ่ายบอลขึ้นหน้า หรือออกปีก และตัดบอลคู่ต่อสู้มาเล่น ส่วนแนวหน้าใช้ผู้เล่นมากทักษะสี่คนคอยปั่นป่วนคู่ต่อสู้และสลับกันดึงตัวประกบให้เพื่อนสอดเข้าทำ (เอ่อ... อันนี้ขอให้คิดถึงตอนที่ทุกคนเข้าขากันแล้วนะครับ)ไม่ว่าจะเป็น โรนัลโด้ กับนานี่ ด้านกว้าง และเตเวซกับรูนี่ย์ ด้านหน้า หรือจะเป็นอันแดร์สันก็ได้ ส่วนซาฮายังเป็นกองหน้าอีกสไตล์ที่สามารถลงมาเปลี่ยนเกมส์ตามแท็คติคเกมรุกยามที่ต้องการ ส่วนแบ๊คสองข้าง เอวร่าผมไม่ห่วงแล้วเรื่องเติมเกม แต่บราวน์คงไม่สามารถทดแทนแกรี่ได้หรอก เพราะเซนส์เกมรุกสู้แกรี่ไม่ได้เลย เติมเกมทีไรทำเสียแทบทุกครั้ง เรื่องนี้คงต้องรอดูกันต่อไปครับ

ดังนั้น จากที่ว่ามา ผมพอมองเห็นเค้าลางของทิศทางของทีมในอนาคตอยู่บ้าง นั่นคือเราอาจเห็นอาร์เจนติน่าหรือเม็กซิโกสวมใส่ชุดที่มีโลโก้ เอไอจี และตราปีศาจแดงนั่นเองครับ การเดินเกมรุกน่าจะออกมาในสไตล์นั้น ส่วนที่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูกันยาวๆ แต่ตอนนี้ ปัญหาที่เราประสบเป็นข้อแรกแล้วก็คือ คู่ต่อสู้ตั้งรับเต็มกระบวนท่าครับ อย่าลืมว่า เราไม่ใช่เพิ่งเคยเจอเกมตั้งรับ เราเจอมาตลอด เพียงแต่ยุคก่อนหน้านี้นั้น เราเดินเกมบุกด้วยความรวดเร็ว และต่อบอลกันน้อยจังหวะ ซึ่งหลายๆครั้ง มันจบด้วยประตูรวดเร็วเกินกว่าที่คู่ต่อสู้จะตั้งรับหรือตั้งตัวได้ทัน ลองนึกดูเช่น สตัมตัดบอลได้ ออกบอลให้คีน คีนวางบอลต่อให้เบ๊คส์ ตอนนั้น ยอร์ควิ่งหลุดไปถึงหน้ากรอบแล้ว เบ๊คส์โยนไปลงตำแหน่งยอร์คที่ยังเข้าไม่ถึงปากประตู แต่ยังพักบอลและป้ายคืนให้สโคลส์ที่ตามมายิงจากแถวสองได้ การขึ้นเกมแบบนี้ เราเห็นบ่อยมากจนชินนะครับ แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่แล้ว

คุณกระบี่เก้าสำเนียง คุณซุ่มอยู่ ก็พูดไว้หลายครั้งเช่นกันว่า เราถ่ายบอล ให้บอลวนไปเวียนมาจนน่ารำคาญ นั่นแหละครับ หากเราขึ้นบอลในสไตล์นั้น ริโอให้สโคลส์ สโคลส์ออกโรนัลโด้ โด้ยึกยักๆ หลอกซ้ายขวา ไปไม่ได้ ถ่ายคืนบราวน์ บราวน์ไม่มีลีลา ไปไม่ได้ กลับมาที่สโคลส์ มองหาเพื่อน แล้วข้ามฟากมานานี่ เอาแค่ตรงนี้ก็พอ คู่ต่อสู้กลับมากันครบแผงแล้วครับ แล้วสุดท้ายเราก็ทำได้แค่ถ่ายบอล ดึงบอลกลับกลางสนามเพื่อหาช่องใหม่ ก็กลายเป็นวนไปเวียนมาแล้ว นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่า เราไม่ได้เพิ่งเจอการตั้งรับ เพียงแต่เมื่อก่อน เราทำเร็วเกินกว่าเขาจะตั้งรับต่างหาก แต่ตอนนี้ เราทำช้าจนเขาตั้งรับได้ทัน และเมื่อเขาตั้งรับได้ทัน การเจาะแบบที่ทำอยู่ก็ยาก ต้องเปลี่ยนมาใช้สไตล์ซาฮา ที่พักบอลในกรอบ แล้วให้เพื่อนสอดมาเล่นต่อ อย่างที่เราได้เห็นกันไปในนัดล่าสุด

เราจะแก้ปัญหาอย่างไร หากยังต้องการจะเล่นในสไตล์นี้ต่อไป สิ่งที่ต้องทำก็คือ ให้ลูกทีมเข้าใจกันให้ได้เร็วที่สุด และใช้เวลากับบอลน้อยลงในแต่ละคน โดยเฉพาะโด้ กับนานี่ ทั้งนี้ก็เพื่อการจ่ายบอลและขยับหาที่ว่างให้เร็วขึ้น และเร็วพอที่จะโจมตีตอนที่พื้นที่ยังมีช่องว่าง ไม่ใช่อุตส่าห์มาเร็วๆ แล้วมาเสียเวลากับปีกอีกสิบยี่สิบวินาที แค่นั้นก็ไม่ทันกินแล้วใช่ไหมครับ แต่ถ้าหากเข้าขากันซะจนรู้ว่า ใครจะไปตรงไหนโดยไม่ต้องมอง ไม่ต้องหัน จ่ายได้เลย อันนั้นก็ว่ากันไป แต่ตอนนี้จะทำได้ง่ายหรือไม่ หากเทียบกับการเน้นให้ออกบอลเร็วขึ้น ง่ายๆแค่นั้นใช่ไหมครับ ส่วนเรื่องไปซุ่มซ้อมให้รู้อกรู้ใจกัน อันนั้นมันใช้เวลาครับไม่ใช่เดือนสองเดือนจะทำได้ง่ายๆ

อีกเรื่องที่ต้องรีบปรับ ก็คือขุมกำลังสำรอง จะเห็นว่าหากเราใช้เกมแพลนนิ่งลักษณะนี้ เราจะมีแค่ตัวจริงที่รองรับรูปเกมแบบนี้นะครับ ส่วนตัวสำรอง จะเล่นแผนนี้ได้เต็มประสิทธิภาพหรือเปล่า ลองคิดว่า หากมีฮาร์กรีฟส์เป็นตัวตัดเกมจริงจังแล้ว เกิดเจ็บไป เอาโอเช หรือเฟล็ทช์มาตัดเกมแทน ได้วิ่งกันน้ำบานล่ะครับ หรือไม่ก็รูปเกมจะเสียไปอีกต่างหาก อีกเคสหนึ่ง หากนานี่ เจ็บไป โด้ถูกแบนขึ้นมาอีกพร้อมๆกัน ปีกที่เหลือในสไตล์นี้ก็หมดไป อีเกิ้ลส์ก็ไม่ใช่แบบนี้ จะเอามาโยน ก็ต้องเปลี่ยนเอาซาฮาลงมายืนแทน มันดูค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อยนะครับ แต่ถ้าจะทำให้ได้ดี ก็ต้องเทรนพวกขุมกำลังสำรองให้คุ้นเคยกับระบบนี้ ให้เข้าใจเกมแพลนอันนี้ให้เต็มที่ เพื่อเวลาลงมาทดแทน จะได้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงไม่เต็มร้อย อย่างน้อย เจ็ดแปดสิบเปอร์เซนต์ต้องทำได้ครับ ไม่งั้นรูปเกมเสียขบวนแน่ๆ


บทสรุป

เมื่อเราเดินหน้ามาถึงจุดนี้แล้ว ผมไม่คิดว่าเฟอร์กี้จะถอยหลังกลับแล้วล่ะครับ แต่น่าจะเดินหน้าลุยต่อไปเต็มที่มากกว่า อุปสรรคที่เห็นตอนนี้ที่ชัดเจนคือการหายไปของโรนัลโด้ กับรูนี่ย์ ที่ทำให้รูปเกมไม่ต่อเนื่อง อันนั้นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เฟอร์กี้คงยังใจเย็นอยู่และไม่กดดันตัวเองมากนักกับผลงานช่วงนี้ แต่เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่กลับมาลงสนามได้พร้อมกัน แล้วทีมยังคงเล่นกันขาดๆเกินๆอยู่ล่ะก็ เราคงได้เห็นเฟอร์กี้ทำอะไรสักอย่างในตอนนั้นล่ะครับ


คิดเห็นเป็นประการใด บอกกล่าวพูดคุยกันนะครับ

สวัสดีครับ




 

Create Date : 04 กันยายน 2550
0 comments
Last Update : 4 กันยายน 2550 9:48:24 น.
Counter : 593 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.