|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สมเด็จพระพิมพารำพัน ๒
วิมุตติรัตนมาลี โดย พระพรหมโมลี
( วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.9)
"ข้าแต่พระแม่เจ้า บัดนี้ สมเด็จพระปิ่นเกล้ามงกุฎประชาสัสสุราธิบดีมีพระราชโองการตรัสสั่งให้มาเชิญเสด็จว่า วันนี้ สมเด็จพระสรรเพชญ์พระองค์ผู้เคยทรงเป็นพระภัสดา เสด็จมากระทำภัตกิจสถิตอยู่ในพระราชนิเวศน์สถาน จะโปรดประทานพระสัทธรรมเทศนา เพื่อระงับโศกาพระแม่เจ้าให้บรรเทาที่โทมนัสมานานวัน ขอเชิญเสด็จพระแม่เจ้าจงไปกับเกล้ากระหม่อมฉัน ในกาลบัดนี้เถิด อย่าชักช้า"
สมเด็จพระนางเจ้าพิมพาราชเทวี ได้ทรงสดับสารฉะนี้ ก็ยิ่งแสนช้ำกำสรดเศร้า สองพระกรค่อนพระทรวงเข้าถึงปริเวทนาการพิลาป พระเนตรนองอาบไปด้วยอัสสุชลวารีมีพระเสาวนีย์ตรัสแก่นางเปสกานารีนั้นว่า
"เมื่อสักครู่นี้ เจ้ากล่าวว่าอย่างไรนะ ดูเหมือนเจ้าว่าสมเด็จพระอิสราเจ้ารับสั่งให้เราขึ้นไปดูองค์พระภัสดา จริงดั่งนี้หรือประการใด"
"ข้าแต่พระแม่เจ้าซี่งเป็นใหญ่กว่าทุกนารีในกรุงกบิลพัสดุ์บุรี สมเด็จพระอิสราเจ้ารับสั่งให้เชิญเสด็จจริงเหมือนดั่งกราบทูลเป็นแน่แท้ เกล้ากระหม่อมฉันจะได้แสร้งเสกสรรเอาเท็จมาเจรจาก็หามิได้"
ทรงครุ่นคำนึงถึงเหตุการณ์อยู่ชั่วครู่ แล้วสมเด็จพระนางซึ่งกำลังตกลงอยู่ในความทุกขโทมนัส จึงมีพระเสาวนีย์ตรัสสั่งด้วยความน้อยพระทัยว่า
"ดูกรเจ้าเปสกานารีเอ๋ย อันตัวพิมพา ครานี้ไม่เหมือนก่อน ด้วยกลายเป็นคนกาลกิณี มีจักขุนทรีย์วิกลวิการไปทุกสิ่ง เป็นความจริงนะเจ้า ครั้นพิมพาจะขึ้นไปเฝ้าก็น่าจะทำให้เสื่อมเสียพระสิริอัปภาคย์ไป ขอเจ้าจงใคร่ครวญดูให้ดีเถิดว่า แต่ปางก่อนยามเมื่อยังอยู่ในพระราชนิเวศน์ คือ ยังไม่เสด็จออกบรรพชา สมเด็จพระลูกเจ้าก็เคยเสด็จไปเสด็จมาเข้าออกในนิเวศน์แห่งพิมพานี้เป็นนิตยนิรันดร์ทุกวันทุกราตรี ไม่ต้องมีเปสกานารีหรือนางกำนัลคนใดไปทูลเชิญเสด็จไปเสด็จมา ทรงปรารถนาจักเสด็จมา ก็ย่อมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง สถิตเหนือพิจิตรอลังการอาสน์ ตรัสประภาสแย้มสรวลเล่นตามสบายพระทัย
บางเวลาพิมพานี้ยังไม่ทันที่จะมารับเสด็จ พระองค์ก็เสด็จไปสู่ที่สรง ทรงตักอุทกวารีด้วยสุวรรณภาชนะขันทองล้างพระบาทด้วยพระหัตถ์เอง แล้วเสวยโภชนาอันพิมพาประจงตกแต่งไว้ถวาย แล้วเสด็จไปนิสัชนาการสำราญพระวรกาย บนพระแท่นที่สิริไสยาสน์ที่พิมพานี้ตกแต่งปูลาดไว้
บัดนี้ ไฉนจะให้พิมพาไปเฝ้าพระภัสดาในที่อื่นเล่า เจ้าจงไปกราบทูลตามคำของพิมพาในกาลบัดนี้เถิดว่า พิมพานี้เป็นหญิงกาลกิณีไม่อาจที่จะใช้นัยนาจ้องมองสมเด็จพระลูกเจ้าผู้ภัสดา ให้ทรงเสื่อมเสียพระสิริไปโดยใช่เหตุ มิฉะนั้นแล้ว สมเด็จพระลูกเจ้าคงจะไม่เสด็จหนีออกบรรพชา
ดูกรเจ้าเปสกานารี เจ้าจงกลับไปกราบทูลสมเด็จพระอิสราธิบดีเจ้าผู้เป็นใหญ่ในกบิลพัสดุ์เถิดว่า พิมพานี้ขอถวายอภิวันท์ให้ทราบเหตุ คือ ตั้งแต่วันสมเด็จพระลูกเจ้าเสด็จออกบรรพชา พิมพาหญิงกาลกิณีนี้ ก็็มีแต่โศกาดูรเดือดร้อนเร่ารุมสุมในทรวงเสมอเหมือนมีภูเขาหลวงเข้ามาทุ่มทับทุกวารวัน คงเป็นเพราะโบราณกรรมอันตนกระทำไว้มีกำลังกล้า พิมพาปลงใจเสียเช่นนี้ ก็มิได้มีความขัดหฤทัยต่อผู้ใด สู้อดกลั้นหักห้ามจิตมิให้คิดถึงความละอายว่าเป็นม่าย จึงอุตส่าห์ดำรงชนม์ยืนนานมาจนป่านฉะนี้
บรรดาพระประยูรญาติที่กรุงเทวทหบุรีได้สดับข่าวที่พิมพาชอกช้ำระกำใจ ก็ให้พลอยเศร้าสลดซบเซาไปด้วยโศกาปิ้มประหนึ่งว่าจะพากันจมลงในกลางมหาสมุทร กล่าวคือ ความโศก อันเกิดจากพิมพาได้เสวยวิปโยคทุกขเวทนาไร้ร้างบำราศภัสดา ก็แลคราวนี้ สมเด็จพระลูกเจ้าผู้ภัสดาเสด็จมาถึงกรุงกบิลพัสดุ์ได้ถึง ๓ วันกับทั้งวันนี้ คงจะเป็นพราะพิมพาเป็นหญิงกาลกิณีไม่สร่างซา จึงมิได้ทรงกรุณาปรานีเสด็จลีลาศมาสู่นิวาสสถานของพิมพา เสด็จออกจากพาราไปเสียทุกวัน
แม้นว่า กาลวันนี้ พระองค์มิได้ทรงมีพระกมลหมายมั่น เอื้อเฟื้อในพิมพาเสด็จออกจากพาราไปในขณะใด ชีวิตของพิมพาก็จะบำราศจากสรีรกายไปในขณะนั้น แต่รักษาชีวันรอท่าพระราชสวามีมาก็ช้านาน เห็นจะขาดสูญสังขารสุดสิ้นเป็นแม่นมั่นในวันนี้ หากว่ากุศลแห่งพิมพายังรักษาบำรุงอยู่ ก็คงจะบันดาลให้สมเด็จพระลูกเจ้าผู้ภัสดา เสด็จมาหาพิมพาอันจะเป็นเหตุให้มีชนมายุยืนยาวสืบไป
แม้นว่าพระลูกเจ้ามิได้ทรงพระกรุณาเสด็จมา จะให้พิมพาไปหาเองนั้นย่อมเป็นการไม่สมควร และพิมพาก็จะถวายบังคมลาในวันนี้ จะกระทำให้สิ้นสุดโศกีที่ทนทุกขเทวษมานานวัน มิให้ทุกข์นั้นปวัตตนาการทรมานหฤทัยสืบไปเบื้องหน้า ขอเปสกานารีเจ้าจงไปกราบทูลพระกรุณา ตามถ้อยคำพิมพารำพันสั่งดั่งนี้เถิด"
นางเปสกานารี ได้สดับคำรำพันฉะนี้ ก็ให้แสนสุดที่จะสงสาร รีบอัญชลีคมนาการไปกราบทูลตามคำพระราชสุณิสานั้นทุกประการ ในที่เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ซึ่งเสด็จอยู่ ณ ที่นั่นเป็นมหาสันนิบาตมากมาย ทั้งพระอริยสงฆ์และอำมาตย์ราชบริพารทั้งหลาย เมื่อได้ทรงเสวนาการข่าวสารแห่งพระพิมพาราชเทวีศรีสะใภ้ยอดสงสาร สมเด็จจอมนราภิบาลบรมกษัตริย์ ก็ทรงมีพระราชดำริจะให้สมเด็จพระสัพพัญญูผู้บวรดนัยได้ทรงทราบถึงความเป็นไปแห่งเจ้าพิมพา ขณะที่พระองค์เสด็จออกบรรพชาเพื่อแสวงหาโมกขธรรม จึงกราบทูลด้วยพระวาจาพรรณนาถึงคุณเจ้าพิมพาเทวีเป็นอันมาก แล้วในที่สุดก็กราบทูลขึ้นอีกว่า
"ข้าแต่พระสัพพัญญูผู้มีเพียรพยายามชำนะแก่สงคราม และกอบด้วยพระมหากรุณา ขออาราธนาเสด็จพระพุทธลีลาสู่นิวาสสถานแห่งเจ้าพิมพาราชเทวีในกาลบัดนี้เถิดพระเจ้าข้า แม้นว่าพระชินสีหเจ้าไม่ทรงอาศัยพระมหากรุณาเสด็จไปสู่นิเวศน์ของเจ้าพิมพาด้วยพระองค์เองแล้วไซร้ ก็น่าที่เจ้าจะเสียใจโศกาดูรเดือดร้อน ด้วยความรักเป็นกำลังคับคั่งอยู่ในกมลสันดาน เห็นเที่ยงที่จะดับสูญสิ้นสังขารภายในสิริไสยาสน์นั้นเป็นมั่นคง ผิว์เจ้าพิมพาปลดปลงชีวาตม์แล้ว เห็นว่าพระหลานแก้วราหุลกุมารก็จะทำลายล้างชีวาตม์ไปตามพระชนนี
เมื่อเป็นเช่นนี้ อันว่าประเวณีที่จะสืบขัตติยวงศ์ก็จะพินาศ บ่มิอาจวัฒนาถาวรสืบไป อนึ่ง ในกาลก่อนแต่เสด็จออกบรรพชา เจ้าพิมพากับ พระองค์ก็เคยสนิทเสน่หา จะได้เคลื่อนคลาดธุลีพระบาทบทมาลย์ แม้แต่สักเพลาหนึ่งก็หามิได้ ดังนั้น ในกาลบัดนี้ จึงใคร่ที่จะขอรับพระราชทานชีวาเจ้าพิมพาไว้ อย่าให้ถึงชีวิตอันตรายในครั้งนี้เลย พระเจ้าข้า"
สมเด็จพระบรมโลกุตมาจารย์ เมื่อได้ทรงสดับอาราธนากถา แห่งพระพุทธบิดากราบทูลฉะนี้ จึงทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า
"ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภาร อันคำอาราธนาที่พระองค์ดำรัสนี้ เป็นการชอบสมควรยิ่งนัก ผิว์วันนี้ ตถาคตมิได้ไปเยี่ยมเยือนถึงนิเวศนสถานแล้วไซร้ ก็น่าที่เจ้าพิมพาจะมีดวงหฤทัยภินทนาการเป็นแม่นมั่น และเจ้าพิมพาราหุลมารดานี้ เป็นผู้ที่มีคุณแก่ตถาคตเป็นอันมากมาแต่อดีตกาลประมาณกว่าแสนชาติ ในชาตินั้นๆ เมื่อตถาคตบำเพ็ญบารมีทาน มีบุตรทานเป็นต้นในชาติใด เจ้าพิมพาก็เต็มใจยินยอมพร้อมร่วมศรัทธาในมหาบริจาคด้วยดีจะได้มีจิตคิดขัดแย้งกำเริบพิโรธ และมิได้เกิดความปราโมทย์ยินดีด้วยแม้แต่สักครั้งก็หามิได้ ตั้งแต่บำเพ็ญพระบรมโพธิญาณบารมี
คุณความดีของพิมพาเจ้าก็ล้ำเลิศประเสริฐโดยยิ่งจะหาสิ่งใดที่จะเปรียบปานนั้นมิได้ จนตราบเท่าชาตินี้ถึงปรมาภิเษกสมัย ได้สำเร็จแก่พระสรรเพชญโพธิญาณเห็นปานฉะนี้ จะหาสตรีใดดุจพิมพาซึ่งมีกมลเจตนาช่วยบำรุงพระกฤษฎาภินิหารให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณนั้น มิได้มีเลย ผิว์ตถาคตจักเมินเฉยไม่กระทำปัจจูปการสนองคุณความดีของเจ้าในครั้งนี้ เจ้าพิมพาราชเทวีก็จะคลาดจากประโยชน์ยิ่งใหญ่ไปอย่างน่าเสียดายนัก"
เมื่อสมเด็จพระพุทธบิดา ได้เสาวนาการพระพุทธบรรหารเช่นนั้น ก็ทรงชื่นชมโสมนัสเหลือประมาณ กราบทูลอาราธนาสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ขึ้นอีกว่า
"ข้าแต่พระอนันตญาณมุนี กาลบัดนี้ สมควรแล้วที่องค์พระประทีปแก้วจะเสด็จพระพุทธลีลาศสู่ปรางค์ปราสาทแห่งเจ้าพิมพา ขออาราธนาเสด็จเถิด พระเจ้าข้า"
กาลครั้งนั้น สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์อันกตัญญูกตเวทีเข้าตักเตือนพระหฤทัยจึงเขยื้อนพระวรกายอุฏฐาการจากบวรบัญญัตตาอาสน์ ประทานบาตรทรงให้พระพุทธบิดาเสด็จบทจรตามไป โดยให้พระมหาขีณาสพทั้งหลายยังคงรออยู่ในที่นั่น มีพระพุทธบัญชาให้ตามเสด็จแต่เพียงคู่อัครสาวกทั้งสอง คือ พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลาน์ทำหน้าที่เป็นปัจฉาสมณะ แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินไปสู่ปราสาทแห่งสมเด็จพระพิมพาราชเทวี พลางมีพระพุทธฎีกาตรัส แก่สองอัครสาวกว่า
"ดูกรสารีบุตรและโมคคัลลาน์ เจ้าพิมพาราหุลมารดานี้ เป็นสตรีมีคุณแก่ตถาคตเป็นอันมาก ในกาลบัดนี้ ผิว์นางจักจับบาทตถาคตลูบคลำสัมผัสและโศกาดูรพิลาปด้วยกำลังเสน่หา เธอทั้งสองจงอย่าได้ห้ามปราม จงปล่อยให้นางทำไปตามอัธยาศัย ให้นางพิไรรำพันปริ เวทนาการไปจนกว่าจะสิ้นโศก หากว่าจักห้ามนางในขณะนี้แล้วไซร้ นางก็จะวางวายม้วยมุดมรณาอาสัญ มิได้ทันเป็นสุพรรณภาชนะทองรองรับสดับพระธรรมเทศนา และตถาคตนี้ก็ยังประกอบไปด้วยเป็นหนี้แห่งเจ้าพิมพา ยังมิได้ปลดเปลื้องไปให้พ้น จะได้โอกาสเลิศล้นทดแทนใช้หนี้แก่เจ้าพิมพาก็แต่ในกาลครั้งนี้
อนึ่ง ตถาคตนี้ก็เป็นผู้มีราคะ โทสะ โมหะ ปราศจากขันธสันดาน เป็นสมุจเฉทปหานสิ้นสูญมูลรากเด็ดขาด มิอาจบังเกิดเจริญอีกสืบไปในเบื้องหน้า ครุวนาดุจยอดตาลที่ถูกตัดขาดมิอาจวัฒนาการสืบไป จะได้หวั่นไหวด้วยราคาทิกิเลสนั้น ย่อมเป็นอันมิได้มีอีกดังนั้น หากเจ้าพิมพาราชเทวีที่ไม่ได้พบเห็นตถาคตมานาน เจ้าจักเข้ามาลูบคลำสัมผัสด้วยความเสน่หาตามประสาสตรี ขอเธอทั้งสองจงอย่าห้ามปรามในครั้งนี้เลย"
ตรัสบอกแก่คู่อัครสาวกผู้ทำหน้าที่เป็นปัจฉาสมณะฉะนี้แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เปล่งพระพุทธรังสีให้โอกาส เพียงดังภาณุมาสสักแสนดวงที่บังเกิดปรากฏเหนือยอดไกรลาสบรรพตมหาหิมวัตคีรี ถ่องแถวพระรัศมีทั้ง ๖ ก็ไพโรจน์โชตนาการส่องสว่างเข้าไปภายในปราสาทสิริไสยาสน์แห่งพระนางพิมพาราชเทวี มีประมาณเท่าลำต้นตาล พุ่งเข้าไปโดยช่องสีหบัญชรทวารกาญจนปราสาท โอภาสไปทั่วบริเวณพระราชมณเฑียรทั้งสิ้น เพื่อจะให้บังเกิดความเลื่อมใสโสมนัสแก่พระนางพิมพา แล้วก็เสด็จพระพุทธลีลาเข้าไป ด้วยพระพุทธสิริวิลาสอันงามสุดที่จะหาอะไรมาเปรียบได้ สถิตบนรัตนบัลลังก์อาสน์มณฑล ดุจดวงทินกรสถิตเหนือยอดยุคนธรสิขรินทร์
ฝ่ายว่าอเนกนางสนมทั้งสิ้น ได้ทอดทัศนาเห็นสมเด็จพระสัพพัญญูพร้อมกับคู่อัครสาวก เสด็จเข้าสู่พระมณเฑียรสถาน ทรงนิสัชนาการเหนือรัตนบัลลังก์อาสน์ ด้วยพระพุทธลีลาอันงามสุดประมาณเช่นนั้น ต่างก็พากันเข้าไปทูลพระพิมพาราชเทวีซึ่งกำลังทรงพระโศกีหมองไหม้ด้วยหทัยทุกข์ว่า
"ข้าแต่พระแม่เจ้า บัดนี้ สมเด็จพระปิ่นเกล้ากษัตริย์ภัสดาเสด็จมาสถิตบนรัตนบัลลังก์อาสน์ดังแต่กาลก่อนแล้วนะ พระแม่เจ้า"
เมื่อสมเด็จพระนางพิมพาราชเทวี ได้ทรงสดับนางสนมพากันมาทูลความฉะนี้ก็ให้ดีพระหฤทัยค่อยเคลื่อนคลายระบายพระอัสสาสะปัสสาสะอันร้อนผ่อนยาวออกได้ จึงอุฏฐาการลุกขึ้นฉับพลันทันใด พระกรจูงหัตถ์พระราหุลบวรดนัย มิได้ทันทรงประดับสรรพาภรณ์ รีบด่วนบทจรมาสถิตยังธรณีพระทวาร ปรารถนาจะทอดทัศนาการพระบรมราชสามีพระอัสสุชลวารีก็ให้มีเป็นอันหลั่งไหลนองพระนัยนากว่าร้อยพันหยาด
พอเหลือบเห็นองค์พระมุนีนาถ น้ำพระอัสสุชลนัยน์ก็ไหลหลั่งดั่งกระแสสายสินธุ์นทีธาร ทำให้พระนางมิอาจจะได้ทอดทัศนาการสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์โดยสะดวกเป็น ปรกติสุขได้ จึงตรัสพิไรรำพันพ้อต่อน้ำพระเนตรว่า
"อนิจจา น้ำตาเอ๋ย! กระไรเลยเจ้าช่างไม่เวทนาต่อพิมพา ช่างไม่มีความเมตตาปรานีต่อพิมพานี้บ้างเลยหรือไร จะขอโอกาสเจ้าแต่พอเพ่งพักตร์พระราชสวามีให้เต็มเนตรก็มิใคร่จะได้ แกล้งไหลหลั่งพรั่งไปไม่หยุดยั้ง กำบังเสียซึ่งทัศนวิสัยมิให้ได้เชยชมพระอุดมรูป สิริวิลาสถนัดตา
แลพิมพานี้ก็ให้โอกาสแก่เจ้าให้ไหลออกมาสิ้นกาลช้านาน คณนาได้ถึงเจ็ดแปดปีเศษ ยังไม่พอแก่โศกาดูรเทวษหรือประการใด นี่น้ำตาเจ้าจะก่อกรรมทำเวรแก่เรานี้ไปถึงไหนหนอ ไฉนจึงไม่รู้จักเพียงพอเสียทีเล่า เฝ้าหลั่งไหลมิรู้ขาดสายวางวายฉะนี้แล้วพิมพาจะได้มีโอกาสได้ทอดทัศนาพระราชสามีที่จากไปนานได้อย่างไร ขอน้ำตาเจ้าจงให้โอกาสแก่เราในกาลนี้สักหน่อยเป็นไรหนอ"
สมเด็จพระนางเจ้ามีพระเสาวนีย์ตัดพ้อบริภาษอัสสุธาราดั่งนี้ แล้วก็ค่อยมีสติอดกลั้นเสียซึ่งความโศก ค่อยคลานเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระกรกอดเอาข้อพระยุคลบาทซบพระเศียรลง ถวายนมัสการ พลางทรงพระพิลาปกราบทูลด้วยเนื้อความว่า
"ข้าแต่พระลูกเจ้าบรมราชสวามี โทษของกระหม่อมฉันพิมพานี้ คงจะมีมากถึงขั้นเป็นหญิงกาลกิณีหรือไร สมเด็จพระลูกเจ้าบรมราชสวามีจึงเสด็จหลีกหนีออกไปบรรพชา ปล่อยให้พิมพานี้ต้องอาดูรด้วยเสน่หาแต่กาลยังดรุณภาพ พระองค์มิได้ตรัสบอกให้ทราบแสร้งทรงสละข้าพระบาทไว้ไม่มีพระอาลัย ดุจก้อนเขฬะในปากพระชิวหาอันถ่มออกจากพระโอษฐ์มิได้โปรดปราน
เสด็จบำราศร้างจากนิวาสสถาน ในยามรัตติกาลออกไปทรงบรรพชา เบื้องว่าข้าพระบาทพิมพานี้มีโทษหนักแล้วก็แล้วไปเถิด แต่พระลูกแก้วราหุลราชบวรดนัยเพิ่งประสูติจากพระครรภ์ในวันนั้น ยังมิได้รู้ผิดชอบประการใด นั่นจะมีโทษสิ่งไรไปด้วยเล่า พระผ่านเกล้าจึงแกล้งทอดทิ้งไว้ให้ร้างพระปิตุรงค์
อนึ่ง อันตัวพิมพาข้าพระบาทบงกชนี้ เหล่าเนมิตตกาจารย์ผู้ชำนาญรอบรู้ดูลักษณะก็ได้ทำนายทายทักไว้แต่ยังเยาวทาริกาว่า จะมีบุญญาธิการอภินิหารใหญ่ยิ่งสมควรเป็นมิ่งมเหสีอดุลกษัตริย์จักรพัตราธิราช แลคำทำนายทายทักนั้นก็เคลื่อนคลาดเพี้ยนผิด กลับแปรพิปริตไปสิ้นใช้ไม่ได้
อันที่จริงควรจักทำนายว่า พิมพานี้จะเป็นม่ายได้อัปยศความชอกช้ำระกำใจแต่ยังสาวคราวมีลูก นั่นแลจึงจะถูกจะต้องเป็นที่สุด ประการหนึ่ง ศากยราชนารีมีศักดิ์ใหญ่ทรงพระนามว่า กีสาโคตมี ได้เคยสดุดีสรรเสริญไว้ว่า สตรีใดได้พระลูกเจ้าเป็นพระราชสวามี สตรีนั้นนับว่ามีบุญกุศลมหาศาล ดับเสียได้ซึ่งหทัยทุกข์เป็นสุขนิตยนิรันดร์ คำสรรเสริญสดุดีนั้นก็ให้มีอันเป็นวิปลาสคลาดเคลื่อนไปอีก ด้วยว่าพิมพาข้าพระบาทนี้ได้พระลูกเจ้าเป็นพระราชสวามี บัดนี้ ไม่เห็นจะมีสุขแต่อย่างใด กลับได้แต่ทุกข์อาดูรเทวษบ่มิเว้นวาย"
สมเด็จพระพิมพาเทวีเจ้าบรรยายปริเทวนากถา โดยนัยดังพรรณนาฉะนี้ แล้วก็กลิ้งเกลือกพระอุตตมางคโมลี เหนือหลังพระบาทสมเด็จพระจอมมุนี โศกีพิลาปรำพันอยู่หนักหนา
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ ...
ที่มา : //bannpeeploy.exteen.com/20080129/entry
Create Date : 20 ธันวาคม 2552 |
|
82 comments |
Last Update : 20 ธันวาคม 2552 16:54:37 น. |
Counter : 1398 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ไผ่สีทอง IP: 180.183.69.42 20 ธันวาคม 2552 17:31:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 20 ธันวาคม 2552 18:25:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 114.128.41.162 20 ธันวาคม 2552 18:59:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: nathanon 20 ธันวาคม 2552 20:47:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 20 ธันวาคม 2552 20:47:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 20 ธันวาคม 2552 20:52:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 20 ธันวาคม 2552 21:15:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 20 ธันวาคม 2552 21:28:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 20 ธันวาคม 2552 21:30:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 20 ธันวาคม 2552 21:42:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 21 ธันวาคม 2552 7:13:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 21 ธันวาคม 2552 8:34:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 21 ธันวาคม 2552 20:39:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 21 ธันวาคม 2552 21:14:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 21 ธันวาคม 2552 21:50:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต่ายจิ (NENE77 ) 22 ธันวาคม 2552 13:25:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องข้าวเหนียวกะพี่หมูปิ้ง (MooBamBam ) 22 ธันวาคม 2552 15:17:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 22 ธันวาคม 2552 15:44:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 22 ธันวาคม 2552 19:17:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 22 ธันวาคม 2552 19:51:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 22 ธันวาคม 2552 19:52:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 22 ธันวาคม 2552 20:07:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 23 ธันวาคม 2552 6:52:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 23 ธันวาคม 2552 11:52:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) 23 ธันวาคม 2552 12:25:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 23 ธันวาคม 2552 12:53:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 23 ธันวาคม 2552 16:41:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 24 ธันวาคม 2552 9:07:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 24 ธันวาคม 2552 9:26:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 24 ธันวาคม 2552 18:25:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV IP: 125.26.110.31 24 ธันวาคม 2552 21:22:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: deeplove 24 ธันวาคม 2552 22:31:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 24 ธันวาคม 2552 23:41:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paradijs 25 ธันวาคม 2552 0:53:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: tukta (tukta510 ) 25 ธันวาคม 2552 1:05:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: nathanon 25 ธันวาคม 2552 2:51:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 25 ธันวาคม 2552 3:34:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 25 ธันวาคม 2552 3:53:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 25 ธันวาคม 2552 7:58:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 25 ธันวาคม 2552 8:13:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) 25 ธันวาคม 2552 8:51:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 25 ธันวาคม 2552 9:18:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 25 ธันวาคม 2552 11:03:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: อิ่ม_Aim 25 ธันวาคม 2552 11:42:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: อมิธีสท์ 25 ธันวาคม 2552 12:30:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องข้าวเหนียวกะพี่หมูปิ้ง (MooBamBam ) 25 ธันวาคม 2552 12:36:35 น. |
|
|
|
|
|
|
เพียรฝึกตนใฝ่รู้ หลักธรรม
จิตเพ่งคิดจดจำ บ่มไว้
หมายเพียรมุ่งตัดกรรม วัฏฏะ
หวังสละจิตสุดท้าย ดิ่งเข้านิพพาน..
|
|
|
|
|
|
|
ขอเข้ามาอ่าน สมเด็จพระพิมพารำพัน ๒
ด้วยคนนะครับ
ขอโมทนาดด้วยนะครับ
จะขอติดตามอ่านตอนต่อไปนะครับ
ขอให้พ่อระนาดแววไวมีความสุขเยอะๆ นะครับ