|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พิมพายโสธราเทวี
วิมุตติรัตนมาลี โดย พระพรหมโมลี
( วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.9)
สุเมธมหาพรหมโพธิสัตว์ผู้มีพระพุทธบารมี เสวยพรหมสมบัติเป็นสุขอยู่ ณ รูปภพพรหมภูมิ โดยควรแก่กาลแห่งพรหมายุขัยแล้ว ก็เคลื่อนแคล้วมาอุบัติเกิดในกามาวจรภูมิอีกเป็นเวลานานหลายแสนหลายล้านชาติหนักหนา โดยที่บางชาติก็อุบัติเกิดเป็นเทวดา ณ สวรรคเทวโลก บางชาติก็บังเกิดเป็นมนุษย์ในมนุษย โลกเรานี้ และบางทีก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดียรฉานด้วยอำนาจแห่งวัฏสงสารบันดาลให้เป็นไป
จนกาลเวลาล่วงไปได้ถึง 4 อสงไขยกับเศษอีก 100,000 มหากัป ตลอดเวลาอันแสนจะยาวนานนี้ อดีตสุเมธฤๅษีผู้ได้รับลัทธยาเทศจากสำนักสมเด็จพระมิ่งมงกุฎทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เฝ้าสั่งสมอบรมพระบารมีซึ่งเป็นเครื่องบ่มพระโพธิญาณเรื่อยมาไม่หยุดยั้ง ทั้งนี้ก็เพราะ เหตุที่มีหฤทัยผูกพันมุ่งมั่น ปรารถนาแต่พระสัมโพธิญาณพุทธบารมีเป็นสำคัญ มีอรรถวรรณนาที่พระโบราณาจารย์พรรณนาถึงการสร้างพระพุทธบารมีไว้ว่า นับแต่ชาติที่เป็นสุเมธฤๅษีนั้น พระนิยโตโพธิสัตว์ซึ่งจะได้มาตรัสเป็นพระสมณโคดมบรมครูเจ้าแห่งเรานี้ ได้เคยสร้างพระพุทธบารมีมาเป็นอเนกอนันต์คือ
เพียงแต่บริจาคโลหิตในวรกายให้เป็นทาน ถ้าจะประมาณกำหนดหมาย ก็มากกว่ากระแสน้ำในมหานที
เพียงแต่บริจาคมังสะ คือ เนื้อในวรกายให้เป็นทาน ถ้าจะประมาณกำหนดหมายก็มากกว่าพื้นแผ่นมหาปฐพี
เพียงแต่ตัดเศียรเกล้าเกสโมลีให้เป็นทาน ถ้าจะประมาณกำหนดหมายเอามารวมกองไว้ ก็จะได้กองใหญ่สูงกว่ามหาสิเนรุราชบรรพต
เพียงแต่ควักนัยน์ตาทั้งสองซ้ายขวาให้เป็นทาน ถ้าจะประมาณกำหนดหมาย ก็จะได้มากกว่าดวงดารากรในนภากาศ
ปรากฏว่าเป็นเวลามากมายหลายชาติทีเดียว ในกาลครั้งยังต้องท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร เพื่ออบรมบ่มพระสัมโพธิญาณพุทธบารมีอยู่นี้ ที่อดีตสุเมธฤๅษีได้เป็นสามีร่วมรักกับเจ้าสุมิตตากุมารี ตามแรงอธิษฐานของนางเมื่อครั้งถวายดอกอุบล 8 ดอก แด่สมเด็จพระมิ่งมงกุฎทีปังกรพุทธเจ้า บางคราวเกิดเป็นมนุษย์บุรุษสตรี ทั้งสองก็ต้องเป็นคู่สามีภริยากัน แม้บางคราวจะเกิดในกำเนิดสัตว์เดียรฉาน ก็ได้เป็นคู่สู่สมภิรมย์รักไม่พรากจากกันไปได้ตลอดกาลอัน แสนจะยาวนานถึง 4 อสงไขยกับเศษอีก 100,000 มหากัปนี้
ในชาติอันเป็นที่ปัจฉิมสุดท้าย สุเมธฤๅษีและสุมิตตากุมารีบุรุษสตรีซึ่งเป็นสามีภรรยาคู่สร้างกันมาแต่ปางบรรพ์ สุดที่จะนับประมาณชาติที่เกิดได้นั้น ต่างก็พากันมาบังเกิดในมนุษย์โลกเรานี้ โดยสุเมธฤๅษีได้มาอุบัติในขัตติยตระกูลณ กรุงกบิลพัสดุ์บุรี ทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าชายอังคีรสราชกุมาร หรืออีกพระนามหนึ่งว่า เจ้าชายสิทธัตถราชกุมาร ส่วนสุมิตตากุมารีสาวโศภาแห่งปัจจันตคามคู่สร้างได้มาบังเกิดในขัตติยตระกูล ณ กรุงเทวทหนครเป็นเจ้าฟ้าหญิงทรงโฉมวิไลลักษณ์ เมื่อทรงจำเริญวัฒนาแล้วก็ได้เป็นเอกอัครมเหสีของเจ้าฟ้าชายสิทธัตถราชกุมาร แห่งกรุงกบิลพัสดุ์บุรี ทรงพระนามว่าสมเด็จพระพิมพายโสธราเทวี
ราตรีกาลวันหนึ่ง เจ้าฟ้าชายสิทธัตถราชกุมาร ผู้มีพระพุทธบารมีเต็มเปี่ยมในขันธสันดานอยู่แล้ว ทรงฟื้นจากนิทรารมณ์สถิตนั่งบนบัลลังก์อาสน์ อันมีความวิเศษประหนึ่งทิพยบัลลังก์แห่งสมเด็จพระอมรินทราธิราช ได้ทอดทัศนาเห็นอาการวิปลาสของคณานางบริจาริกราชนารีทั้งหลาย ให้มีพระทัยสังเวชยิ่งนัก
พิจารณาเห็นสังสารโทษเป็นอันมากทรงปรารถนาจะออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ในราตรีนั้น จึงตรัสสั่งฉันนะอำมาตย์ให้ไปผูกพญาม้ากัณฐกัศวราช ซึ่งเป็นม้าพระที่นั่งเตรียมไว้แล้ว ทรงมีพระประสงค์จะไปทอดพระเนตรเจ้าราหุลโอรส ซึ่งประสูติแต่พระพิมพายโสธราเทวีเมื่อไม่นาน จึงอุฏฐาการเสด็จบทจรสู่ห้องสิริคัพภไสยาสน์แห่งพระอัครมเหสีพิมพายโสธรา เผยทวารห้องเห็นแสงประทีปชวาลาส่องสว่างทอดทัศนาเห็นเจ้าพิมพาราชเทวีบรรทมหลับสนิทเหนือพระแท่นที่สิริไสยาสน์ อันดาษไปด้วยสุคนธมาลาประมาณอัมพณะหนึ่ง คือ 127 ทะนาน และพระพิมพาราชเทวีนั้นทอดพระกรประดิษฐานเหนือพระเศียรพระราชโอรสบ่มิได้รู้สึกพระองค์ ทรงหยุดยืนเหยียบพระบาทบนธรณีพระทวาร เล็งแลพระราชบุตรและพระราชเทวี แล้วทรงรำพึงว่า
"หากอาตมะจะยกหัตถ์เจ้าพิมพายอดเสน่หา เพื่อจักอุ้มอำลาเจ้าราหุลโอรสรักก็น่าที่เจ้าพิมพาจักตื่นฟื้นจากนิทรารมณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ อันตรายแห่งมหาภิเนษกรมณ์ก็จะพึงมี อย่ากระนั้นเลย อาตมะจักอดใจไว้ก่อน ต่อเมื่อได้สำเร็จแก่พระสรรเพชุดาญาณอันบวรแล้วจึงจะกลับมาทัศนาพระลูกแก้วและเจ้าพิมพาเมื่อภายหลัง"
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถราชกุมารบรมโพธิสัตว์ ผู้มีพระอรหัตคุณพุทธบารมีญาณแก่กล้า กำหนดพิจารณาระงับเสียซึ่งความเสน่หาในโอรสและเจ้าพิมพาคู่สร้างบารมีฉะนี้แล้ว ก็ตัดสินพระทัยยกย่างพระบาทจากธรณีพระทวาร เสด็จคมนาการโดยด่วนออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ ทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา เพื่อแสวงหาซึ่งวิมุตติธรรมความหลุดพ้นเป็นเวลาช้านานถึง 6 พรรษา ก็ได้บรรลุพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ สำเร็จเป็นเอกองค์บรมศาสดาจารย์
ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมิ่งมงกุฎศรีศากยมุนีโคดม สมจริงตามพระพุทธฎีกาที่สมเด็จพระมิ่งมงกุฎทีปังกรพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ทำนายไว้แต่ปางบรรพ์
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ ...
ที่มา : //bannpeeploy.exteen.com/20080129/entry
Create Date : 08 ธันวาคม 2552 |
|
51 comments |
Last Update : 8 ธันวาคม 2552 21:54:04 น. |
Counter : 772 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 8 ธันวาคม 2552 21:57:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 8 ธันวาคม 2552 22:57:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: d__d (มัชชาร ) 9 ธันวาคม 2552 7:17:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 9 ธันวาคม 2552 10:51:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 9 ธันวาคม 2552 12:04:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 9 ธันวาคม 2552 14:21:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: nathanon 9 ธันวาคม 2552 14:38:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 124.122.184.209 9 ธันวาคม 2552 16:44:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 9 ธันวาคม 2552 17:42:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 9 ธันวาคม 2552 18:09:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 110.49.190.37 9 ธันวาคม 2552 22:58:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 9 ธันวาคม 2552 23:40:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 10 ธันวาคม 2552 7:22:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 10 ธันวาคม 2552 14:33:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 10 ธันวาคม 2552 14:59:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 10 ธันวาคม 2552 15:58:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋แจน (JJ&TheGang ) 10 ธันวาคม 2552 17:18:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: แพท IP: 124.121.243.101 10 ธันวาคม 2552 18:03:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: deeplove 10 ธันวาคม 2552 18:32:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 110.49.134.78 10 ธันวาคม 2552 21:38:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 10 ธันวาคม 2552 21:46:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 10 ธันวาคม 2552 22:06:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 10 ธันวาคม 2552 23:24:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: อมิธีสท์ 11 ธันวาคม 2552 0:31:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 11 ธันวาคม 2552 7:20:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 11 ธันวาคม 2552 7:25:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 11 ธันวาคม 2552 10:10:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 124.120.162.112 11 ธันวาคม 2552 13:30:19 น. |
|
|
|
|
|
|
เพียรฝึกตนใฝ่รู้ หลักธรรม
จิตเพ่งคิดจดจำ บ่มไว้
หมายเพียรมุ่งตัดกรรม วัฏฏะ
หวังสละจิตสุดท้าย ดิ่งเข้านิพพาน..
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีครับ พ่อระนาดแววไว
ขอเข้ามาอ่าน ตอนพิมพายโสธราเทวี ด้วยคนนะครับ
ขอโมทนาด้วยครับ
...