อสูรพรางใจ กู่หลิง
ทายาทแห่งหุบเขาพญายมล้วนแต่ประหลาดนักและโม่เยี่ยนซินเองก็ไม่ต่างไปจากคำกล่าวนี้ เธอควรค่ากับคำว่าอสูรใบ้ยิ่งนัก และในความเย็นชาที่ไม่มีใครเข้าถึงจิตใจของเธออย่างแท้จริงอะไรกันคือเหตุผลที่ทำให้โม่เยี่ยนซินเดินทางมาเพื่อนำเอาของหมั้นหมายที่ไร้คู่หมั้นกลับคืนหรือโม่เยี่ยนซินมีความปรารถนาอื่นที่ไม่มีใครล่วงรู้จิตใจที่ซับซ้อนของผู้หญิงเช่นเธอ
สกุลมู่หรงที่เคยยิ่งใหญ่กลับไม่เหลืออะไรแม้ลูกหลานจะพยายามสักเพียงใดก็ไม่อาจคืนมาได้อีกแล้วเหลือเพียงแค่มู่หรงชาวประมงที่ไร้เกียรติยศศักดิ์ศรีดั่งเช่นบรรพบุรุษเคยสร้างไว้แต่ในยามที่คล้ายว่าจะได้ทุกอย่างกลับคืนมาหรือว่ากลับไปตกต่ำยิ่งกว่าที่เคยเป็น มู่หรงต้วนอี้กลับได้พบปะกับคู่หมั้นหมายที่เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมีตัวตนพร้อมกับเรียกร้องให้เขาต้องทำให้พันธะของการเป็นทายาทคนโตของสกุลหมู่หรง
เหตุผลในการทำเช่นนี้มีเพียงโม่เยี่ยนซินเท่านั้นที่เข้าใจแต่ไม่มีคำอธิบายใดๆ หลุดออกมาจากปากของอสูรใบ้เช่นเธอทั้งที่การแต่งเข้าสกุลมู่หรงล้วนแต่เต็มไปด้วยความลำบากยากเข็ญจนเหมือนคนโง่ที่แสดงตนในยามนี้หากแต่การเลือกสามีเช่นมู่หรงต้วนอี้ก็คงอาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่าถูกต้องเป็นที่สุดเขาเป็นคนดีจนกลายเกือบจะโง่งมแต่เหนือกว่าสิ่งนั้นคือเขากลับเข้าใจในตัวเธอยิ่งกว่าผู้อื่น
ไม่คิดว่าวาสนาที่มาพร้อมกับภรรยาใบ้คนหนึ่งจะสูงส่งถึงปานนี้มู่หรงต้วนอี้ไม่คิดมาก่อนว่าโม่เยี่ยนซินจะเป็นคู่ชีวิตที่เพียบพร้อมได้ถึงเพียงนี้เธอไม่เกรงกลัวความลำบากและอาจจะเป็นดาวนำโชคนำความมั่งคั่งที่สกุลมู่หรงในรุ่นเขาไม่เคยรู้จักมาก่อนก็เป็นได้ หากแต่ความสุขนั้นคล้ายกับชิงชังมู่หรงเพราะความทุกข์สาหัสกำลังจะมาเยือนอีกคราและครั้งนี้มู่หรงต้วนอี้คือผู้ต้องแบกรับเคราะห์กรรมนั้นไว้
ชะตาจะพลิกผันให้โม่เยี่ยนซินต้องรับมือกับทุกข์โศกสักเพียงใดเธอไม่หวาดหวั่นแต่สิ่งเดียวที่เธอไม่อาจทนได้ การตามจองล้างจองผลาญจากคนที่ต่ำช้าและเมื่อเธอคือทายาทพญายมใบ้สิ่งเดียวที่จะยุติได้คือการจัดการอย่างเด็ดขาดและทำให้ทุกคนได้รู้ว่าสะใภ้ใบ้แห่งสกุลมู่หรงเช่นเธอไม่ใช่คนที่ใครๆ ควรมีเรื่องได้และปรารถนาเดียวในตอนนี้ที่เธอต้องการก็คือการได้สามีอย่างมู่หรงต้วนอี้กลับคืนมา
หากเขาไม่ได้ภรรยาเช่นโม่เยี่ยนซินก็อาจไม่รู้เลยว่าชะตากรรมจะเป็นเช่นไรอย่างนี้แล้วการที่เขาจะเข้าใจในความรู้สึกของเธอจึงไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็นเลยบางครั้งความรักไม่จำเป็นต้องสื่อสารด้วยคำพูดเสมอไป เพียงใช้ใจก็เพียงพอและมู่หรงต้วนอี้ก็ต้องเข้าใจสิ่งที่เขาต้องรับมือกับใหม่เสียใหม่ แม้ไม่อยากทำหากแต่ถ้ามันแลกกับครอบครัวของเขา มันก็คือสิ่งที่จำเป็นเมื่อเขาได้ความรักจากสตรีผู้ไม่นิยมการพูดจาหากใช้สายตาสื่อสารเขาก็ต้องตอบแทนเธอด้วยรักหมดใจ
หลังจากออกแนวบ่นไปไม่น้อยในเล่มอสูรเจ้าน้ำตา เล่มนี้ทายาทของหุบเขาพญายมก็ยังคงเป็นสตรีเช่นเดียวกับเรื่องที่สาม และความประหลาดของเธอก็คือไม่ยอมพูดจาจนคล้ายว่าเป็นคนใบ้ ใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกยินดียินร้ายต่อผู้คนบนโลกนี้ และความตั้งใจที่ทุกคนคิดว่าเธอจะเดินทางมาเอาของหมั้นหมายจากสกุลที่เคยต้องแต่งงานด้วยกลับคืน แต่เธอดันมาทวงสัญญาแต่งงานแทน คล้ายว่าเป็นคนโง่เพราะสามีของเธอตกอับจนแทบไม่เหลืออะไร แต่อะไรกันทำให้เธอยอมทนเป็นสะใภ้ชาวประมงยากไร้ ซึ่งคำตอบคงอาจเป็นคำว่าความดีก็คงว่าได้(หรือเปล่า) จนเปลี่ยนไปว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวที่เข้าใจว่าเธอเป็นเช่นไร เธอไม่ได้เย็นชาหรือไร้หัวใจ แต่มีความปรารถนาเต็มเปี่ยมแค่จะมีใครเข้าใจ ซึ่งคนนั้นก็คือพระเอก และเมื่อเขาต้องรับเคราะห์ใหญ่ที่ไม่ได้ก่อ ผู้ทำให้เกิดเรื่องนี้ก็ต้องรับกรรมไป และคืนความถูกต้องให้กลับมาสู่ครอบครัวสามีซึ่งเธอเองก็ตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่ามันคือสิ่งที่เธอจะต้องทำให้สำเร็จในการมอบหมายของผู้เป็นมารดา
คงหาคนปกติในหุบเขาพญายมแทบไม่มีเลย เรื่องนี้นางเอกถึงกับมีสภาพคล้ายคนใบ้แต่ไม่ได้เป็นใบ้เพราะเธอไม่พูดจากับใครแม้แต่พ่อแม่ตัวเอง เรียกว่าสามปีจะพูดเสียประโยคหนึ่ง ไม่รู้ทนอยู่ได้ยังไงนะเนี่ย นอกจากจะไม่พูดแล้ว หน้าตาก็เย็นชายิ่งนัก ต่อให้สวยแค่ไหนก็คงจะไม่ไหวจริงๆ แต่ใครเลยจะรู้ว่าบางทีหญิงใบ้แบบนางเอกอาจจะมีค่ามากกว่าหญิงงามที่มีทรัพย์สินมั่งคั่งหากแต่เย่อหยิ่งจนสุดทนก็เป็นได้
หลังจากที่ต้องเจอมุกกตัญญูประกาศิตกันไปในอสูรยั่วยิ้มแล้ว เล่มนี้ก็ดูจะคล้ายๆ ต้องดำเนินเรื่องในแนวนั้น แต่ดีกว่านิดหนึ่งตรงที่ไม่ถึงกับต้องขนาดที่ว่า อะไรก็ต้องเป็นศรีทนได้ คงเพราะตัวร้ายแบบร้ายตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเพียงแค่พี่สะใภ้และหลานๆ ยิ่งอยากจะตัดขาดญาติมิตรจากสกุลที่ตกต่ำแบบนี้แล้วก็เลยไม่ต้องอดทนไปจนเกือบจบเรื่อง แต่เราก็เกิดภาวะประมาณว่าอะไรจะต้องทนให้คนไม่ดีมานั่งโขกสับด้วยเหตุผลแค่ว่าพี่สะใภ้ก็เหมือนแม่ ว่าเช่นไร ต้องการอะไรก็ต้องอดทน จะทำตัวร้ายดีเช่นไร ฝ่าฝืนจรรยาที่มีมาก็ไม่ได้อีก จะบ้าตาย ถ้าเป็นพี่สะใภ้ที่เป็นคนดีก็ว่าไป ดันเป็นตัวร้ายแบบไม่ลืมหูลืมตาขนาดนั้น เรียกว่าไม่มีความสำนึกเลยก็ว่าได้
แม้จะไม่ต้องมาในมุกต้องอดทนต่อทุกสิ่งอย่าง หากนางเอกมาในมาดของซูเปอร์วูแมนตัวจริง ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ ศรีสะใภ้ที่หาไม่ได้อีกแล้ว เก่งกาจไปทุกเรื่องจนเรื่องการที่เธอไม่พูดเป็นเรื่องไม่สำคัญไปเลย จึงไม่แปลกที่บ้านนี้จะรักนางเอกมาก พระเอกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นและความรักของเขาก็ดูจะลึกซึ้งมากจริงๆ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจนางเอกโดยที่เธอไม่ต้องพูดอะไรสักคำ รู้ในสิ่งที่แม้แต่พี่น้องนางเอกก็ไม่รู้ว่านางเอกลึกๆ เป็นคนยังไง เธอไม่ใช่คนไม่แคร์โลก แต่เป็นคนประหลาดชนิดหนึ่งที่ต้องไปอ่านเพื่อหาคำตอบเองในเล่ม จะเรียกว่าพิลึกสุดขีดก็คงว่าได้ แต่ในเมื่อชุดนี้รวมคนประหลาดไว้ด้วยกัน เป็นแบบนี้อีกคนก็คงไม่น่าตกใจแล้ว
แต่ในเรื่องนี้เรียกว่ารักในโลกเงียบก็คงว่าได้ พระเอกเองก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรด้วย เงียบเหมือนเมียตัวเอง ทั้งๆที่ไม่ใช่คนใบ้ เลยคงจะถูกใจนางเอกด้วยก็ว่าได้ พระเอกจัดว่าเป็นคนค่อนข้างอ่อนโยนถ้าเทียบกับพระเอกในบรรดาห้าเล่ม ดูจะมีคุณธรรมมากว่าชาวบ้าน เห็นได้จากเป็นพวกปรารถนาอะไรเลยจนไม่คิดว่าจะนำภัยมาสู่ตน หรือความคิดในแง่บวกต่อยุทธภพในช่วงเกือบท้ายเล่ม จนรู้สึกว่าพระเอกนี้เหมาะสมกับการเป็นพวกบัณฑิตมากว่าจะมาเป็นจอมยุทธไปเลย
สำหรับเรื่องที่บ่นมาทุกเล่มว่าเรื่องมันจะเร็วไปไหนก็คงไม่ต้องบอกแล้ว เพราะยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ดีกว่าอสูรเจ้าน้ำตาสักหน่อย เพราะเนื้อเรื่องของเล่มนี้ยังชวนติดตามอยู่บ้าง แต่ส่วนที่ขัดใจมากหน่อยคงเป็นแนวความคิดดีสุดโต่งของพ่อและพระเอก แต่ยังจัดอยู่ในข่ายพอรับได้ เอามาหารเฉลยกับความร้ายกาจของนางเอก ซึ่งถ้าใครไม่ทำคนในครอบครัวเธอก่อน เธอก็จะไม่แสดงออก จะมีคนปรามนางเอกก็คงมีแค่พระเอกคนเดียวอีกเช่นกัน สามีพ่อพระ ภรรยาเป็นนักฆ่าก็คงกล่าวได้เช่นนั้น
แล้วเรื่องนี้สนุกไหม ก็ยังถือว่าสนุกอยู่นะคะ เพราะนางเอกเป็นคนที่แปลกๆ แล้วตัวพระเอกทำให้เราเข้าใจว่า เขารักผู้หญิงคนนี้จริงๆ คือถ้าไม่รักจริงก็คงไม่เข้าใจเมียที่ไม่พูดของตัวเองดีมากมายขนาดนั้น จนพี่ใหญ่อย่างตู๋กูเซี่ยวอวี๋ได้รู้จักน้องสาวร่วมสาบานคนนี้ก็จากพระเอก เลยยอมรับในตัวน้องเขยคนนี้ไม่ยากเย็นนัก
แต่ก็ยังส่วนที่ทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจอยู่เล็กน้อย ประเด็นที่นางเอกไม่อยากพูดก็พอรู้แล้วในตอนที่นางเอกบอกสามีตัวเอง แต่อะไรกันละทำให้เธอเป็นแบบนั้น มันมีอะไรที่กลายเป็นว่าสรุปแล้วอยากจะรู้ก็เลยไม่รู้ต่อไป คนที่รู้ก็มีแค่พระเอกคนเดียว แล้วฉันจะไปเข้าใจได้ไง ก็เป็นแค่คนอ่านนี้ หรือเขาไปเฉลยไว้ตรงไหน รู้แค่นางเอกไม่ชอบพูดมันสิ้นเปลืองเวลาก็แค่นั้น ก็ได้แต่เดาๆ กันไป เคลียร์ให้คนอ่านหน่อยก็คงจะดี ค้างคาชะมัด
ความไม่ค่อยสมจริงในช่วงท้ายเรื่อง หลังจากสกุลของพระเอกได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา ทุกอย่างที่เสียไปได้คืนแม้แต่กิจการที่ล่มสลายไป แล้วฟื้นฟูทุกอย่างได้ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งอ่านแล้วก็ขัดๆ กันไปหน่อย แม้ตัวพ่อของพระเอกจะได้รับการถ่ายทอดความรู้แต่ไม่รู้เลยว่าเคยลงมือทำหรือเปล่า เพราะความยิ่งใหญ่ของบ้านพระเอกล่มสลายไปตั้งแต่รุ่นปู่ ก็ไม่น่าจะฟื้นตัวในงานที่ต้องมีอาศัยทักษะได้ไวขนาดนั้น มันเลยสำเร็จรูปไปสักนิด แต่ก็อย่าไปเอาอะไรมากจะดีกว่า ถือว่าอ่านเอาสนุกๆ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้แล้วในนิยายจีนแนวนี้ คนตายยังฟื้นได้เลยนี้
แต่รวมๆ แล้วเรื่องนี้สนุกนะคะ เพราะว่าเนื้อเรื่องมันมีหลายรสชาติดี อย่างความรักของพระเอกกับนางเอกก็เห็นได้เด่นชัดมาก เรียกว่าจากคนที่ไม่ได้รักใคร่กันมาก่อน แต่ต้องลำบากมาด้วยกัน กลายเป็นมองตาก็รู้ใจกันไปเลยทีเดียว พระเอกทำให้นางเอกสิ่งที่ไม่มีใครทำได้คือพูดหนึ่งประโยคก่อนเวลาสามปีได้ และเป็นภรรยาที่หัวอ่อนเชื่อฟังสามี แต่อย่ามาคิดร้ายกับสามีเธอ เธอจะกลายเป็นนักฆ่าเลือดเย็นทันที แต่พระเอกอาจจะยังมีความเป็นคนไม่ประหลาดเท่าเมียตัวเอง ความเด่นของเขาอาจจะสู้นางเอกหรือพี่ๆ ไม่ค่อยได้มากนัก ท้ายเล่มนี้เจอการถากถางทางเพื่อให้สกุลมู่หรงกลับมาเป็นที่นับหน้าที่ตาจากแผนการของพี่ใหญ่ตู๋กูเซี่ยวอวี๋อีก ซึ่งคิดไปก็ทำนองว่า คนกันเอง คนเป็นญาติเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรมอบให้เพราะเขาคือน้องเขยของตัวเอง ไม่ช่วยคนในครอบครัวแล้วจะไปช่วยใคร เหมือนอย่างที่บอกไปว่าตู๋กูเซี่ยวอวี๋ ในเล่มของตัวเอง ดูไม่ค่อยโดนใจมากนัก แต่พอเขามาอยู่ในเล่มของน้องๆ ทุกคน พี่ท่านแทบจะแย่งบทบาทความเด่นไปเลย อาจจะมีแค่จวินหลินโจวที่เขาข่มไม่ลง แต่น้องเขยสองคนนี้สู้เขาไม่ได้เลย แต่ยังไงก็ตามที มู่หรงต้วนอี้ยังจัดว่าเป็นเขยของหุบเขาพญายมที่ยังโดนใจมากกว่าฟางอิงจากอสูรเจ้าน้ำตาค่ะ อ่านแล้วถูกใจในความรักที่ดูแล้วซาบซึ้งของคู่สามีภรรยาที่ใช้สายตาสื่อสารมากกว่าคำพูดคู่นี้