ตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 234 "ไหว้ " ประเพณ๊วัฒนธรรมไทย การไหว้


ตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 234 "ไหว้ "
ประเพณีวัฒนธรรมไทย การไหว้
โจทย์โดยคุณ เรียวรุ้ง
 


ความรู้ประเพณ๊วัฒนธรรมไทย การไหว้
(เก็บไว้เป็นแบบอย่าง สำหรับคนรุ่นหลังๆ)

























********


มารยาทในการไหว้
การไหว้









การประนมมือไหว้นั้น ฝ่ามือทั้งสองข้างจะต้องทาบทับกัน
ปลายนิ้วทาบสนิทกัน ทำหลังมือให้โป่งออกเล็กน้อย ไม่้ต้องมาก
เป็นดอกบัวตูมและไม่แบนราบเป็นใบไม้นะครับ และในการยกมือ
ขึ้นมาไว้ จะมีด้วยกัน ๓ ระดับ ขึ้นอยู่กับว่า ไหว้ใคร คือ

๑. ไหว้พระ ประนมมือขึ้น ก้มศีรษะ จรดหัวแม่มือที่กลางหว่างคิ้ว
นิ้วชี้แตะที่เหนือหน้าผาก ก้มหัวให้หน้าขนานกับพื้น ค้อมหลัง
พอประมาณ
๒. ไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส เช่นเดียวกับการไหว้พระ
แต่นิ้วหัวแม่มือจรดปลายจมูก นิ้วชี้จดหว่างคิ้ว
๓. ไหว้บุคคลทั่วไปและผู้เสมอกัน ประนมมือขึ้น ก้มศีรษะเล็กน้อย
หัวแม่มือจรดที่ปลายคาง นิ้วชี้แตะที่จมูก ค้อมหลังพอประมาณ
การกราบพระ แบบ เบญจางคประดิษฐ์

การกราบพระแบบเบญจางคประดิษฐ์ เป็นการกราบที่แสดง
ความเคารพอย่างสูงสุด ต่อบุคคลที่ควรเคารพนับถือสูงสุด
ซึ่งก็คือพระนั่นเอง เบญจางคประดิษฐ์ แปลว่า ตั้งไว้เฉพาะซึ่งองค์ห้า
โดย เบญจ ซึ่งแปลว่า ๕ นั้น หมายถึง อวัยวะทั้ง ๕ อันได้แก่
หน้าผาก มือทั้งสอง และเข่าทั้งสอง โดยอวัยวะที่ว่านั้น เวลากราบ
จะต้องจรดลงให้ติดกับพื้น ซึ่งท่านี้จะปฏิบัติแตกต่างกันใน
หญิง และ ชาย

สำหรับชายนั้น ให้ปฏิบัติ ดังนี้

ท่าเตรียม ท่าเตรียมของชายนั้น จะเรียกว่า ท่าเทพบุตร

ท่าเทพบุตร นั่ง คุกเข่าปลายเท้าตั้ง นั่งบนส้นเท้า ไม่นั่งบนเท้า
แบบนั่งญี่ปุ่นนะครับ มือทั้งสองวางบนหน้าขาทั้งสองข้าง นิ้วมือ
แนบชิดติดกัน ส้นเท้าไม่แบะออก

จังหวะที่ ๑: อัญชลี ยกมือขึ้นประนมมือระหว่างอก ปลายนิ้วชิด
เบนออกจากตัวพอประมาณไม่กางศอก

จังหวะที่ ๒ : วันทา ยกมือขึ้น นิ้วหัวแม่มือจรดหว่างคิ้ว ปลายนิ้วชี้
จรดกลางหน้าผาก พร้อมกับค้อมศีรษะลง

จังหวะที่ ๓ : อภิวาท ทอดมือลงกราบ ให้มือและแขนทั้งสองข้าง
ลงพร้อมกัน ห่างกันเล็กน้อยพอให้หน้าผากจรดพื้นระหว่างมือได้
โดยศอกทั้งสองข้างต่อเข่า ขนานไปกับพื้น หลังไม่โก่ง หรือ
ก้นไม่โด่งจนเกินงาม

การกราบจะกราบ ๓ ครั้ง เมื่อครบสามครั้ง ยกมือขึ้นจบ โดย
ให้นิ้วหัวแม่มือจรดหว่างคิ้ว ปลายนิ้วชี้จรดหน้าผาก แล้วปล่อยมือลง

สำหรับหญิงนั้น ให้ปฏิบัติ ดังนี้

ท่าเตรียม ท่าเตรียมของหญิงนั้น จะเรียกว่า ท่าเทพธิดา

ท่าเทพธิดา นั่งคุกเข่าปลายเท้าราบ นั่งบนส้นเท้า มือทั้งสองวาง
บนหน้าขาทั้งสองข้าง นิ้วมือแนบชิดติดกัน ปลายเท้าไม่แบะออก

จังหวะที่ ๑: อัญชลี ยกมือขึ้นประนมมือระหว่างอก ปลายนิ้วชิด
เบนออกจากตัวพอประมาณไม่กางศอก
จังหวะที่ ๒ : วันทา ยกมือขึ้น นิ้วหัวแม่มือจรดหว่างคิ้ว ปลายนิ้วชี้
จรดกลางหน้าผาก พร้อมกับค้อมศีรษะลง
จังหวะที่ ๓ : อภิวาท ทอดมือลงกราบ ให้มือและแขนทั้งสองข้าง
ลงพร้อมกัน ห่างกันเล็กน้อย พอให้หน้าผากจรดพื้นระหว่างมือได้
โดยศอกทั้งสองข้างคร่อมเข่าเล็กน้อย

การกราบจะกราบ ๓ ครั้ง เมื่อครบสามครั้ง ยกมือขึ้นจบ โดยให้
นิ้วหัวแม่มือจรดหว่างคิ้ว ปลายนิ้วชี้จรดหน้าผาก แล้วปล่อยมือลง

การไหว้พระ

ประนมมือ นิ้วหัวแม่มือจรดหว่างคิ้ว ปลายนิ้วชี้จรดส่วนบนของหน้าผาก

ชาย ยืนตรง ค้อมตัวลงต่ำ พร้อมกับประนมมือขึ้นไหว้

หญิง ยืนตรง ย่อเข่าลงให้ต่ำ โดยถอยเท้าข้างที่ถนัดไปข้างหลัง
พร้อมกับประนมมือขึ้นไหว้

การประเคนของแด่พระสงฆ์

ชาย ใช้ สองมือถือของเดินเข่า เข้าไปในระยะหัตถบาส (ระยะที่มือ
พระท่านเอื้อมมือถึง) ยกของขึ้นประเคนในลักษณะมือต่อมือได้เลย
(คือยกให้ท่านรับได้เลย) เมื่อประเคนเสร็จ จะไหว้หรือกราบก็ได้
แล้วแต่กาลเทศะ เสร็จแล้วถอยออกโดยวิธีเดินเข่า (ถอยออกนะครับ
ไม่ใช่กันหลังขวับ แล้วเปิดแน่บ)
หญิง ใช้ สองมือถือของเดินเข่า เข้าไปในเช่นเดียวกับผู้ชาย ยกของ
ขึ้นประเคนโดยวางบนผ้าที่พระสงฆ์ทอดออกมา เมื่อประเคนเสร็จ
ปฏิบัติเช่นเดียวกับชาย

การกราบผู้ใหญ่

ใช้กราบผู้อาวุโส หรือผู้มีพระคุณ ทั้งหญิงและชาย ให้นั่งพับเพียบ
เก็บปลายเท้า ทอดมือทั้งสองลงพร้อมกัน ให้แขนค่อมเข่้าที่อยู่
ด้านล่างเพียงเข่าเดียว มือประนม ค้อมตัวลง หน้าผากแตะส่วนบน
ของมือ กราบเพียงครั้งเดียว โดยไม่แบมือ เมื่อกราบเสร็จ ประสาน
มือดันตัวลุกขึ้นนั่งในท่าพับเพียบ

การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส

ประนมมือไหว้ ให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ที่ปลายจมูก ปลายนิ้วชี้จรดหว่างคิ้ว

ชาย ยืนตรง ต้อมตัวลงน้อยกว่าระดับการไหว้ผู้มีพระคุณ พร้อม
ประนมมือขึ้นไหว้

หญิง ยืนตรง ถอยเท้าข้างที่ถนัดไปข้า่งหลัง ย่อเข่าลงน้อยกว่าร
ะดับการไหว้พระ พร้อมประนมมือขึ้นไหว้

การไหว้บุคคลทั่วไป

ประนมมือไหว้ ให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ที่ปลายคาง ปลายนิ้วชี้จรดปลายจมูก

ชาย ยืนตรง ต้อมตัวลงน้อยกว่าระดับการไหว้ผู้มีพระคุณ พร้อม
ประนมมือขึ้นไหว้

หญิง ยืนตรง ถอยเท้าข้างที่ถนัดไปข้า่งหลัง ย่อเข่าลงน้อยกว่า
ระดับการไหว้ผู้มีพระคุณ พร้อมประนมมือขึ้นไหว้

การไหว้ผู้ที่เสมอกัน

ยืนตัวตรง ประนมมือ ให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ที่ปลายคาง ปลายนิ้วชี้
จรดปลายจมูก ทั้งชายและหญิง การไหว้จะไหว้พร้อม ๆ กัน

ข้อมูลจาก

https://yupainlove.wordpress.com





หลานกราบพระที่บ้าน


********

สำหรับชาวจีน มีการไหว้หลายครั้ง

การไหว้เจ้า

การไหว้เจ้า เป็นธรรมเนียมประเพณีที่ลูกหลานจีนปฏิบัติ
สืบทอดกันมา ตามความเชื่อที่จะต้องไหว้เจ้าที่และไหว้บรรพบุรุษเพื่อ
ให้เป็นสิริมงคล และนำมาซึ่งความสุขความเจริญแก่ครอบครัว
ในปีหนึ่งจะมีการไหว้เจ้า 8 ครั้ง คือ

ไหว้ครั้งแรกของปี ไหว้เดือน 1 วันที่ 1 คือ ตรุษจีน เรียกว่า “ง่วงตั้งโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่สอง ไหว้เดือน 1 วันที่ 15 เรียกว่า “ง่วงเซียวโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่สาม ไหว้เดือน 3 วันที่ 4 เรียกว่า “ไหว้เช็งเม้ง” เป็นประเพณีที่ลูกหลานไปไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ย
ไหว้ครั้งที่สี่ ไหว้เดือน 5 วันที่ 5 เรียกว่า “โหงวเหว่ยโจ่ย” เป็นเทศกาลไหว้ขนมจ้าง
ไหว้ครั้งที่ห้า ไหว้เดือน 7 วันที่ 15 คือ ไหว้สารทจีนเรียกว่า “ตงง้วงโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่หก ไหว้เดือน 8 วันที่ 15 เรียกว่า “ตงชิวโจ่ย” ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีว่า ไหว้พระจันทร์
ไหว้ครั้งที่เจ็ด ไหว้เดือน 11 ไม่กำหนดวันแน่นอน เรียกว่า “ไหว้ตังโจ่ย”

ข้อมูลจาก

https://www.thaigoodview.com/library/teachershow
/poonsak/chinesenewyear/food.html

*****
วันสารทจีน 2562 ตรงกับวันที่ 15 สิงหาคม 2562

สารทจีน 2562 วันสำคัญของจีน ว่าแต่ ของไหว้สารทจีน
มีอะไรบ้าง วันไหว้สารทจีน 2562 ตรงกับวันไหน พร้อม
อัปเดตประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับวันสารทจีนกัน

สารทจีน 2562 หรือ วันสารทจีน ตรงกับวันที่ 15 สิงหาคม
ตามปฏิทินจีนโบราณ เดือน 7 ถือเป็นเดือนสำคัญที่
ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และยังเป็น
เวลาที่ประตูนรกเปิดให้บรรดาภูตผีออกเร่ร่อนตามสถาน
ที่ต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้อาถรรพ์ ชาวจีนจึงมีการเ
ซ่นไหว้ด้วยของไหว้สารทจีน หลากความหมาย
ที่ปฏิบัติสืบกันมาเนิ่นนานใน.. เทศกาลวันสารท

ทั้งนี้ ในรอบหนึ่งปี คนจีนจะมีไหว้เจ้าใหญ่ 8 ครั้ง
เรียกว่าไหว้ 8 เทศกาลโป๊ยโจ่ย การไหว้เจ้า สารทจีน
หรือ วันสารทจีน ถือเป็นการไหว้ครั้งที่ 5 ตรงกับ
วันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งถือกันว่าเป็นเดือนผี เป็นเดือนที่ประตู
นรกปิด-เปิดให้ผีทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้






วันสารทจีน

ตำราจีนหนึ่งกล่าวไว้ว่า วันที่ 15 เดือน 7 เป็นวันที่เช็งฮีไต๋ตี๋
จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์
และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสาร
วิญญาณร้าย จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ นรกจึงเปิดประตู
เพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญได้
ใน วันสารทจีน นั่นเอง


การไหว้ในเทศกาลสารทจีน ต่างจากการไหว้
ในเทศกาลอื่น ๆ ตรงที่แบ่งการไหว้สารทจีน
ออกเป็น 3 ชุด ดังนี้





สารทจีน ของไหว้ สารทจีน

ของไหว้สารทจีน ชุดแรก สำหรับไหว้เจ้าที่ จะไหว้ในตอนเช้า
มีอาหารคาว-หวาน ขนมไหว้ สารทจีน ก็ใช้ ถ้วยฟู กุยช่าย
ซึ่งต้องมีสีแดงแต้มเป็นจุดเอาไว้ ส่วนขนมไหว้พิเศษที่
ต้องมีซึ่งเป็นประเพณีของ สารทจีน คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน
นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน
และกระดาษเงิน-กระดาษทอง

ของไหว้สารทจีน ชุดที่สอง สำหรับไหว้บรรพบุรุษ
คล้ายของไหว้เจ้าที่ พร้อมด้วยกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ
ตามธรรมเนียม สารทจีน ต้องมีน้ำแกง หรือขนมน้ำใส ๆ
วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชา จัดชุดตามจำนวนของ
บรรพบุรุษ และที่ขาดไม่ได้ในเทศกาล สารทจีน ก็คือ
ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และกระดาษเงิน-กระดาษทอง

ของไหว้สารทจีน ชุดที่สาม สำหรับไหว้วิญญาณพเนจร
ซึ่งไม่มีลูกหลานกราบไหว้ เรียกว่า ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ จะต้อง
ไหว้นอกบ้าน ของไหว้ สารทจีน มีทั้งของคาว-หวานกับ
ผลไม้ตามต้องการ และที่พิเศษคือ มีข้าวหอมแบบจีน
โบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่
ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงิน-กระดาษทอง
จัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้ ในวันสารทจีน

เทพแห่งโชคลาภ ไหว้เจ้าวันสารทจีน




เจ้าเเม่กวนอิม เทพเจ้า




เทพเจ้าโชคลาภ ในวันสารทจีน


ในช่วงหลายสิบปี เทพแห่งโชคลาภที่บันทึกไว้ในระบบ
ความจำของตี๋หมวยใหญ่น้อยทั้งหลายคือ "ฮก-ลก-ซิ่ว"
เทพยอดนิยมอมตะนิรันดร์กาล ที่ไม่ว่าจะเป็นจีนเชื้อสายใด
เป็นคนรุ่นไหน ฮก-ลก-ซิ่ว คือเทพที่อยู่ในความศรัทธา
มายาวนาน ที่สามารถเข้าได้กับทุกงานมงคล ตั้งแต่
งานขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน เปิดสำนักงาน วันเกิด ฯลฯ

หรือหากเป็นเมื่อประมาณ 5-6 ปีผ่านมา "ไฉ่ ซิง เอี้ย"
หรือเทพแห่งทรัพย์ เริ่มยึดครองพื้นที่ศรัทธาในใจผู้คน
มากขึ้น เพราะไม่ว่าคนรวยคนจนไหว้พระไหว้เจ้า
ก็ไม่พ้นเรื่องของเงินทอง

ส่วนเทพแห่งโชคลาภของจีนมี 7 องค์ด้วยกัน คือ
พระยูไล พระโพธิสัตว์กวนอิม พระสังกัจจายน์ พระจี้กง
เทพแห่งเงินตราทั้ง 4 ในศาสนาพุทธ เซียนคู่ และเทพฮก

หลายองค์ที่กล่าวถึงนั้นเป็นเทพที่คุ้นเคยใกล้ชิดไม่เฉพาะ
แต่คนจีน หากรวมถึงคนไทยจำนวนไม่น้อยทีเดียว เช่น
พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่เรามักเรียกกันว่าเจ้าแม่กวนอิม
พระสังกัจจายน์ ที่นั่งยิ้มแฉ่งรับญาติโยม

พระโพธิสัตว์กวนอิม ว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมา หาได้มีตัวตนจริงไม่
แต่เมื่อสร้างแล้วมีผู้กราบไหว้บูชามากมาย จึงพยายามผูกเป็น
เรื่องให้เข้ากับประวัติศาสตร์จีน โดยจัดเรื่องให้พระโพธิสัตว์
เป็นพระราชธิดาของพระราชาองค์หนึ่ง กล่าวไว้ว่าพระนาง
นั้นเดิมเป็นพระธิดาของ พระเจ้าเมี่ยว จวง หวาง
ทรงพระนามว่า เมี่ยวซ่าน ทรงฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนามา
ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ไม่ยอมเข้าสู่พิธีอภิเษกสมรส
ตามพระประสงค์ของพระบิดา

ต่อมาได้เทพทางศาสนาเต๋า คือ เทพไท้ไป๋ซิงจวิน ชี้แนะ จึ
งได้บำเพ็ญบารมีจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์ ด้วยศาสนาพุทธ
และศาสนาเต๋าล้วนเข้าไปสู่วิถีชีวิตของชาวจีนอย่างแยกกัน
ไม่ออก พระโพธิสัตว์กวนอิมของศาสนาพุทธจึงกลายเป็น
เทพของศาสนาเต๋าไปด้วย ไม่ว่าใครจะเป็นพุทธศาสนิกชนก็ได้
เป็นผู้ที่นับถือศาสนาเต๋าก็ดี ล้วนกราบไหว้พระโพธิสัตว์องค์นี้กันทั้งนั้น

พระสังกัจจายน์ หรือพระยิ้ม หรือเรียกกันทั่วไปว่าพระถุงย่าม
ที่รู้จักกันของชาวจีนว่าคือ พระหมี เล่อ โฝว เป็นนามเรียก
ขานเดียวกับพระศรีอริยเมตไตรย แต่แท้จริงแล้วพระยิ้ม
อาจไม่ใช่พระศรีอริยเมตไตรยก็ได้ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ
พระประหลาด ที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ย พุงพลุ้ย มักใช้ไม้เท้า
ที่ทำจากไม้ไผ่เกี่ยวถุงผ้าแล้วแบกไว้บนบ่า มักปรากฏกาย
ไปบิณฑบาตในตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ตลอดเวลา พูดจาผิดจากคนทั่วไป ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น
ที่ไหน ๆ ก็นอนได้หมด มักจะบอกเล่าและทำนายเรื่อง
ในอนาคตที่จะเป็นอันตรายต่อผู้คน ราวกับเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

ความจริงแล้วสิ่งที่ติดตัวของท่านก็มีเพียงถุงย่ามใบเดียว
ท่านมักจะนำของที่บิณฑบาตมาได้เทรวมลงไปในถุงย่าม
ผู้คนเข้ามามุงดู ท่านจะพูดกับคนเหล่านั้นด้วยคำพูด
ที่เปรียบเทียบให้คนรู้เห็นธรรมอันแท้จริง บางคนบอกว่า
ท่านเป็นเทพเจ้า บางคนก็ว่าท่านเป็นบ้า

พระหมีเล่อ หรือพระศรีอริยเมตไตรย เป็นเสียงเรียกขาน
ตามภาษาสันสกฤต Maitreya ความหมายก็คือผู้มีความเมตตา
เป็นนามของพระโพธิสัตว์หมีเล่อของศาสนาพุทธมหายาน
กล่าวกันว่า ท่านเป็นบุตรตระกูลพราหมณ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งหมู่บ้าน
เจี่ยพอหลีชุน แห่งหนานเทียนจู๋ ของอินเดียโบราณ

พระศรีอริยเมตไตรยได้ตรัสรู้ก่อนพระศรีศากยมุนี จากนั้นก็
ประทับอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ในแดนสุขาวดีพุทธเกษตรทาง
ทิศตะวันตก พระองค์ทรงดูแลความสุขของมวลมนุษยชาติ
สืบต่อจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวกันว่าในยุคของ
พระองค์จะมีแต่สิ่งดี ๆ ความสวยงาม และความสุข

พระจี้กง หลายท่านรับรู้เรื่องราวของท่านในฐานะ "พระคนยาก"
เพราะภาพลักษณ์ของพระที่แต่งตัวปอน ๆ ด้วยจีวรเก่าซอมซ่อ
และมีขวดน้ำเต้าบรรจุเหล้าติดตัวอยู่เสมอ หากเบื้องลึกของ
พระจี้กงที่ได้กล่าวไว้คือ พระจี้กงเป็นชาวไถโจว ปัจจุบันคือ
อำเภอหลินไห่ ของมณฑลเจ้อเจียง นามเดิมของท่านคือ
หลี่ ซิน หย่วน ท่านออกบวชที่วัดหลิงอิ่นซื่อ ที่เมืองหางโจว
มณฑลเจ้อเจียง เนื่องจากพระจี้กงไม่นิยมปฏิบัติตามกฎ
ของสงฆ์ ชอบกินเนื้อสัตว์และดื่มเหล้า อีกทั้งมีท่าทางเหมือนคนบ้า
ผู้คนจึงเรียกท่านว่าพระบ้า

พระจี้กงมีจิตใจเมตตา ชอบช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม
อีกทั้งดูถูกพวกข้าราชการที่ชอบกินสินบนและกดขี่ข่มเหงประชาชน
การปฏิบัติตัวของพระจี้กงเป็นที่นิยมนับถือของประชาชนทั้งหลาย
จนเรียกกันว่า ท่านคือพระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้า
กลับชาติมาเกิดในยุคปัจจุบัน

ข้อความข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระเจ้าใกล้ตัว ที่หลายท่าน
คุ้นเพราะเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวจากผู้เฒ่าผู้แก่มาตั้งแต่เด็ก
ในเชิงของตำนานพื้นบ้านที่มีอภินิหารผสมอยู่ด้วย เล่าสู่กันฟัง
เพื่อความสนุก จึงอยากเชิญให้ท่านลองทำความรู้จักกับพระเจ้า
องค์เดิมที่นับถือมานาน รวมถึงพระเจ้าองค์อื่น ๆ ที่เหลือในแง่มุม
ที่มีหลักฐานอ้างอิงได้ ตลอดจนสถานะของเทพแห่งโชคลาภ
เผื่อการไหว้พระไหว้เจ้าในวันสารทจีนจะมีคุณค่า
และความหมายยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ สารทจีน สะท้อนให้คนเราเห็นว่า เมื่อมีชีวิตอยู่
ควรกระทำตัวให้เป็นบรรพบุรุษที่ดี ให้ลูกหลานเคารพ
และกราบไหว้บูชาแม้ยามจากไป ยังดีกว่าจะรอให้
คนทั่วไปมาเซ่นไหว้ตามข้างทาง ขึ้นอยู่ที่ว่า..คุณ !!
จะเลือกเป็นบรรพบุรุษแบบไหน

และในปีนี้ขอให้คนจีนไหว้เจ้าสารทจีนทุกคนช่วยกันรณรงค์
ไหว้เป็นผลไม้ไทย และซื้อสินค้าไทยไหว้เจ้ากัน

ภาพจาก irrigation.rid.go.th
ข้อมูลจาก
https://hilight.kapook.com/view/14824

ขอขอบคุณข้อมูลจากอินเตอร์เนต


 
newyorknurse



Create Date : 31 กรกฎาคม 2562
Last Update : 15 สิงหาคม 2562 8:34:50 น. 0 comments
Counter : 5657 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณkae+aoe, คุณตะลีกีปัส, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณThe Kop Civil, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณALDI, คุณเริงฤดีนะ, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณInsignia_Museum, คุณJinnyTent, คุณnonnoiGiwGiw, คุณKavanich96, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณหอมกร


newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ... United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]






เริ่มเขียนBlog
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553

ยินดีต้อนรับค่ะ

จขบ.บันทึกประสบการณ์ต่างๆ
ระยะเวลาทำงานและระยะเกษียณ
เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ

จขบ.พยายามใช้ชีวิตเกษียณให้มีคุณค่า
รักษาสุขภาพใจและกาย ท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ
ทำสวนดอกไม้ ออกกำลังกาย
สมัครเป็นสมาชิก 24 Hrs Fitness
เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพ
จะได้ไม่เป็นภาระกับคนที่รักและห่วงใย

จขบ.เพิ่มบล็อกสุขภาพ
เพื่อจะได้นำสาระที่มีประโยชน์
เกี่ยวกับสุขภาพทั่วๆไป

จขบ.หวังว่าข้อมูลต่างๆช่วยให้
ทุกท่านที่มาอ่าน รักษาสุขภาพ
ไปตรวจเพื่อเป็นการป้องกัน
และได้รับการรักษาเนิ่นๆ เพื่อ
ชีวิตที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

"A time to enjoy,
a time to spend time with your family
and a time to be with your friends
all comes with retirement"


*****


"Live The Moment"

อยู่กับปัจจุบันขณะ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขี้น
ในอดีตและกลัวหรือกังวล
สิ่งทีเกิดขี้นในอนาคต "วันนี้" และ "ขณะนี้"
คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ !!
ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาทีมีคุณค่า
น่าจดจำเพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมา
และผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และ
หาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ


*********


ขอบคุณ Bloggang ทำให้เราได้เขียนบล็อกต่างๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวด
ทุกๆคะแนน นะคะ

BG Popular Award # 19


BG Popular Award # 18


BG Popular Award # 17


BG Popular Award # 16


BG Popular Award # 15


BG Popular Award # 14


BG Popular Award # 13


BG Popular Award # 12


BG Popular Award # 11


BG Popular Award # 10


BG Popular Award # 9


BG Popular Award # 8

**********



ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2561
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ


ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2560
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ
Flag Counter
New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2562
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
31 กรกฏาคม 2562
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add newyorknurse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.