รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
6 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

ความคมชัดในวิปัสสนา

บทความนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ได้เจริญสัมมาสติ จนเกิดการแยกตัวของจิตออกมาแล้ว อันป็นอีกขั้นของการปฏิบัติ ซึ่งเป็นระดับวิปัสสนาปัญญา ถ้าท่านเป็นมือใหม่ อาจอ่านไม่รู้เรื่องก็ได้ครับ

************************************

เมื่อนักภาวนาได้ลงมือเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ อย่างถูกทางแห่งสติปัฏฐาน เมื่อจิตมีกำลังมากพอ นักภาวนาจะได้พบกับปรากฏของจิตแยกตัวออกมาจากขันธ์ 5

เมื่อจิตได้แยกตัวออกมาจากขันธ์ 5 ได้แล้ว ใหม่ ๆ นักภาวนาจะพบว่า การแยกตัวของจิตนี้ ยังไม่แน่นอนนัก กล่าวคือ บางครั้ง ก็แยกตัว บางครั้ง ก็ยังกลับวิ่งเข้าไปยึดขันธ์อีก ที่เป็นอย่างนี้ เพราะว่า กำลังของสัมมาสมาธิยังไม่ตั้งมั่นพอนั้นเอง

คนทั่ว ๆ ไป มักเข้าใจในปรากฏการณ์ทางโลก เมื่อใช้ประสบการณ์ทางโลกมาตัดสินปรากฏการณ์ทางธรรมแล้ว ย่อมผิดพลาดได้ทันที เพราะปรากฏการณ์ทางธรรมนั้น สัพเพ ธรรมา อนัตตา
โดยเฉพาะ สังขตธรรม นั้น จะเป็นไตรลักษณ์ เมื่อนักภาวนาพบว่า จิตแยกตัวออกมาได้แล้ว ถ้าเอาประสบการณ์ทางโลกมาตัดสิน ก็จะได้ว่า จิตแยกตัวได้ ก็คือ จิตจะแยกตัวอย่างนี้ตลอดไป ซ๊่งในทางธรรมนั้น ไม่ใช่อย่างนั้นครับ จิตแยกตัวออกมาได้ก็จริง แต่ด้วยเหตุปัจจัยแล้ว จิตก็อาจหลงเข้าไปยึดในขันธ์ได้เสมอ จิตจะไม่เข้ายึดขันธ์ได้มีทางเดียว คือ จิตได้แตกตัวออกไม่เป็นดวงอีกต่อไป ซึ่งเป็นระดับของการตื่นตัวขั้นสูงสุดในนักภาวนา

ถ้าท่านได้ลงมือปฏิบัติไปจนจิตแยกตัวได้ ก็ขอให้เข้าใจดังที่ได้อธิบายมาแล้วครับว่า ในระดับนี้ จิตยังหลงเข้ายึดขันธ์ได้เสมอ ดังนั้น การหมั่นฝึกฝน.อย่างถูกต้อง.ต่อไปเรื่อย ๆ ยังต้องมีอยู่ แล้วความก้าวหน้าก็จะเพิ่มมากขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ และขออย่าได้หวังผลในการภาวนา

*****
เมื่อจิตแยกตัวออกมาจากขันธ์ จิตจะเห็นขันธ์ได้ว่า อันว่า ขันธ์นี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ทีมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ซึ่งการเห็นขันธ์นี้ ก็ไม่ใช่เป็นว่า จะเห็นขันธ์ 5 พร้อม ๆ กันในคราวเดียวกัน ซึ่งการเห็นขันธ์ของนักภาวนานั้น ขันธ์อะไรที่เกิดได้แรงจะเห็นตัวนั้นเด่นชัด ในขณะที่กำลังเห็น.ขันธ์ตัวใด.เด่นชัดอยู่ ขันธ์ตัวอื่นจะไม่เห็น เช่น ในขณะที่นักภาวนาเห็นสังขารขันธ์ เช่น อารมณ์โกรธ เกิดขึ้นมา ในขณะที่กำลังเห็นสังขารขันธ์(อารมณ์โกรธ)อยู่ นักภาวนาจะไม่เห็นขันธ์ตัวอื่น

หรือ ในขณะที่นักภาวนาเกิดปวดท้อง ซึ่งเป็นเวทนาขันธ์ นักภาวนาจะเห็น เวทนาขันธ์ เด่นชัด ในขณะที่กำลังเห็น เวทนาขันธ์อยู่ ขันธ์อย่างอื่นก็จะไม่เห็นครับ

แต่ถ้าในขณะที่ไม่มีอะไรเกิดเด่นชัดขึ้นของขันธ์ เช่น จิตใจสบาย ๆ ไม่มีทุกข์เวทนา ไม่คิดอะไรในสมองเลย นักภาวนาจะพบแต่การทำงานของอายตนะ กล่าวคือ ตามองเห็นภาพ หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น กายได้รู้สัมผัสทางกาย จิตใจได้รู้อาการที่กำลังจิตใจสบาย ๆ

อีกประการหนึ่ง การรู้ ขันธ์ นั้น ว่านี่คือ เวทนาขันธ์ นี่คือสังขารขันธ์ ก็ยังต้องอาศัยสัญญาขันธ์ ที่ได้ฟัง ได้ยินมาจากคำสอนของพุทธศาสนา ซึ่งเป็นชื่อของสมมุติบัญญัติที่ตั้งขึ้นมา ถ้านักภาวนาไม่เอาชื่อสมมุติบัญญัติมาเทียบเคียง นักภาวนาจะเห็นขันธ์ทุกอย่างเป็นพลังงานที่เกิดดับวูบ ๆ เท่านั้น นี่คือธรรมชาติล้วน ๆ ซึ่งเป็นความเป็นจริงทางปรมัตถ์ธรรม

ถ้านักภาวนาไม่ได้ศึกษาปริยัติธรรม นักภาวนาจะพบเห็นแต่กลุ่มก้อนของพลังงานที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการเป็นไตรลักษณ์ของขันธ์เอง ถ้านักภาวนาไม่สนใจปริยัติธรรม ไม่ต้องการทราบชื่อ ไม่ต้องการทราบเรื่องราวของขันธ์ ไม่ต้องการจะเทียบเคียงในสิ่งที่นักภาวนาได้พบจริง ๆ กับตำรา มุุ่งแต่ภาวนาไปเพื่อการพ้นทุกข์เท่านั้น อย่างนี้ก็ได้เช่นกัน

เมื่อนักภาวนาได้ลงมือภาวนาต่อไป จนเกิดญาณเห็นจิต นักภาวนาจะได้พบกับจิตที่นิ่งสงบเพิ่มขึ้นมากอีก 1 สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมก่อนหน้าคือการเห็นขันธ์ เห็นอายตนะ

ซึ่งเช่นเดียวกัน ถ้ากำลังญาณยังไม่มั่นคงอย่างที่สุด การเห็นจิตที่นิ่งสงบก็จะเกิดว่า บางคร้งก็เห็น บางครั้งก็ไม่เห็น

แต่เมื่อการภาวนาจนได้กำลังญาณแก่กล้า จิตได้แตกตัวออกเป็นความว่างเปล่าแล้ว เมื่อนักภาวนาได้สัมผัสความจริงอันสูงสุด นักภาวนาจะพบกับสภาวะแห่งการไร้ความคิด เมื่อไร้ความคิด ทุกสรรพสิงก็ไร้ความหมาย

การภาวนานั้น ปัญญาที่เห็นขันธ์ ปัญญาญาณที่เห็นจิตที่นิ่งสงบ ต้องอาศัยเวลาค่อย ๆ เพาะบ่มจน นักภาวนาเห็นได้ทั้งขันธ์และจิต ชัดขึ้น ชัดขึ้น ซึ่งใหม่ ๆ จะเห็นได้ไม่ชัดก่อน ในขณะที่เห็นได้ยังไม่ชัดพอ ก็จะยังไม่เข้าใจดีพอ แต่เมื่อเห็นบ่อย ๆ ก็จะเห็นได้ชัดขึ้นไปเรือ่ย ๆ เมื่อเห็นได้ชัดมากขึ้น นักภาวนาก็จะเข้าใจมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เอง




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2554
4 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 14:46:57 น.
Counter : 1048 Pageviews.

 

โมทนาสาธุกับธรรมทานค่ะ


การไม่คิดได้ เป็นสุขในโลกจริงๆ ค่ะ

 

โดย: chaosy IP: 101.108.181.106 6 มิถุนายน 2554 21:29:51 น.  

 

โมทนาสาธุค่ะ


ตามอ่านอยู่ตลอดค่ะ

 

โดย: แครอทอร่อย IP: 223.205.26.118 7 มิถุนายน 2554 9:34:54 น.  

 

เข้ามาทักทายคะ ยังระลึกถึงตลอดนะคะ

สาธุค่ะ :0

 

โดย: benyapa IP: 75.141.115.78 20 มิถุนายน 2554 5:03:58 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 14:53:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.