<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
31 พฤษภาคม 2556

5 ความเชื่อผิด ๆ เรื่องความงาม













1. ชโลมครีมนวดผมตั้งแต่โคนจรดปลาย : โดยปกติเวลาสระผมเรามักจะชโลมครีมนวดผมตั้งแต่โคนจรดปลายเหมือนเวลาใช้แชมพูสระผม แต่แท้จริงแล้วบริเวณโคนผมจะแข็งแรงเนื่องจากเพิ่งงอกใหม่ ส่วนปลายผมต่างหากที่ต้องการการดูแล เพราะงอกออกมานานแล้ว และเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหาย การชโลมครีมนวดผมตั้งแต่โคนผมจะทำให้ผมมันและดูลีบแบน ทางที่ดีควรชโลมครีมนวดผมบริเวณหูลงไปจรดปลายผม ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผมมีน้ำหนักและไม่มันง่าย จึงไม่ต้องสระผมบ่อย


2. ฉีดน้ำหอมหลังสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว : น้ำหอมอาจทำให้ผ้าเป็นรอยด่างดวง และเส้นใยผ้าก็อาจทำให้น้ำหอมมีกลิ่นแปลกออกไป เพราะน้ำหอมถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับผิวหนัง ความร้อนของร่างกายจะส่งผลให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมรวยรินตลอดทั้งวัน จึงควรฉีดหรือแต้มน้ำหอมบนร่างกายก่อนแต่งตัวบริเวณจุดชีพจร เช่นข้อพับหัวเข่า ซอกคอ หลังใบหูและข้อมือ ที่สำคัญไม่ต้องถูข้อมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันหลังจากฉีดน้ำหอมเสร็จ เพราะจะเป็นการทำลายโครงสร้างโมเลกุลของน้ำหอม


3. ไม่ดูแลลำคอ : เมื่อทาครีมบำรุงผิวหน้า อย่าหยุดแค่ที่คาง เพราะผิวหนังบริเวณลำคอบอบบางกว่าผิวบริเวณหน้าเสียอีก ดังนั้นจึงเกิดริ้วรอยง่าย ทางที่ดีควรดูแลผิวที่ลำคอให้เหมือนกับใบหน้า หากทาครีมกันแดดก็เลื่อนมือลงมาบริเวณลำคอด้วย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ครีมสำหรับทาคอโดยเฉพาะ ยกเว้นถ้าครีมที่ใช้มีส่วนผสมของกรดอัลฟ่าไฮดร็อกซี่หรือเรตินอล ให้ลองทดสอบก่อนว่าจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้บริเวณลำคอ


4. ทามอยเจอไรเซอร์รอบดวงตาเพื่อลดอาการบวม : ความชุ่มชื้นในครีมจะเพิ่มน้ำให้ผิว ดังนั้นการทามอยเจอไรเซอร์อาจทำให้รอบดวงตาบวมยิ่งกว่าเดิม ถ้ารอบดวงตาบวมแต่ไม่แดงหรือระคายเคืองให้ใช้น้ำแข็งประคบเป็นเวลา 10 - 15 นาที หรือใช้อายเจลที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน แต่ถ้ารอบดวงตาบวมแดงและคัน สันนิษฐานได้ว่าเกิดจากการแพ้อะไรสักอย่าง


5. อาบน้ำและสระผมจนกว่าจะรู้สึกสะอาดมากๆ : การขัดถูร่างกายหรืออาบน้ำนานจนเกินไป อาจทำให้รู้สึกสะอาดและสดชื่นก็จริง แต่ก็จะเป็นการทำลายน้ำมันตามธรรมชาติที่จะช่วยปกป้องผิวและทำให้ผิวชุ่ม ชื้นด้วย ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำพวกใยขัดตัวหรือแชมพูยาก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทำลายน้ำมัน บนผิวมาก ข้อแนะนำคือไม่ควรอาบน้ำนานกว่า 10 นาที และใช้เวลาน้อยกว่านั้นถ้าอาบน้ำอุ่น


6. ประโคมยารักษาสิวเต็มที่ : ถ้าสิวผุดขึ้นมาบนใบหน้า ไม่ว่าเม็ดเล็กหรือใหญ่ สิ่งที่คนทั่วไปมักจะทำคือโปะยารักษาสิวให้มากและบ่อยเข้าไว้ โดยหวังว่าสิวเม็ดนั้นจะยุบลงโดยเร็ว แท้จริงแล้วยารักษาสิวมีกรดซึ่งจะค่อยๆ ซึมลงสู่ผิว โดยใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะซึมลงหมด การทายามากเกินไปจึงอาจทำให้สิวปะทุมากขึ้น และเกิดอาการแพ้ ผิวหนังแห้ง และระคายเคือง ดังนั้นต้องปฏิบัติตามวิธีใช้อย่างเคร่งครัด โดยส่วนใหญ่จะให้ทาแค่วันละหนึ่งหรือสองครั้งเพื่อป้องกันผิวแห้ง







เรื่องจริงหรือหลอกเกี่ยวกับความงาม (Health and Cuisine)


มีหลายบทบัญญัติสูตร(ไม่)ลับความงามที่ถ่ายทอดกันมาแต่รุ่นคุณแม่ยังสาว รวมทั้งเรื่องราวที่ยังเป็นข้อกังขาว่าเป็นเรื่องจริงหรือเราวิตกและเข้าใจผิดกันไปเองหรือเปล่า เรามีข้อชี้แจงให้คุณทราบค่ะ


การขยี้ตาจะทำให้เกิดริ้วรอย


จริง การขยี้เป็นการรบกวนผิวใต้ตาอย่างรุนแรงทำให้เกิดรอยยับได้ง่าย เมื่ออายุน้อยอาจจะไม่เกิดปัญหาเท่าใดนัก แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความยืดหยุ่นของผิวลดลงทำให้ริ้วรอยอยู่นานขึ้น สังเกตจากคนที่เป็นโรคภูมิแพ้มีอาการคันบริเวณตาบ่อยๆ ก็จะมีริ้วรอยเหล่านี้มากกว่าคนปกติ


เราสามารถกำจัดเซลลูไลต์ให้หายได้อย่างถาวร


ไม่จริง เซลลูไลต์เกิดจากการที่มีของเสีย (Toxin) สะสมอยู่ในไขมันที่ผิวหนังระหว่างชั้นผิวหนังกับกล้ามเนื้อ เมื่อก้อนไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้น เนื้อเยื่อที่รองรับเซลล์จึงรับน้ำหนักไม่ไหวทำให้ผิวถูกรั้งเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนคล้ายผิวส้ม และไม่มี วิธีการไหนที่จะกำจัดเซลลูไลท์ได้อย่างถาวรแม้แต่การดูดไขมัน แต่ครีมกระชับผิวต่างๆอาจช่วยให้ผิวดูแน่นและนุ่มเนียนขึ้น ผิวที่เป็นเปลือกส้มจึง"ดูเสมือน"ว่าบรรเทาเบาบาลง

อย่างไรก็ตาม เราอาจป้องกันเซลลูไลท์ได้ด้วยการควบคุมอาหารประเภทอาหารหวานมันต่างๆ ใช้แปรงใยบวบแปรงผิวเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด รวมทั้งเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายกำจัดของเสียออกจากเซลล์ได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ตกค้างอยู่ตามส่วนต่างๆจนกลายเป็นเซลลูไลท์ในที่สุด และถึงแม้ว่าคุณเผชิญปัญหานี้อยู่แล้วก็อาจทำให้ไขมันลดลงได้เช่นกัน


ปัญหาผิวแตกลายสามารถแก้ไขได้


ไม่จริง เพราะผิวหนังที่แตกลายเกิดจากการยืดของชั้นผิวอย่างต่อเนื่องในภาวะใดภาวะหนึ่งเช่น เข้าสู่วัยรุ่น ผู้ที่อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว หญิงตั้งครรภ์ หญิงที่ให้นมลูก ซึ่งอาจพบรอยแตกที่บริเวณต้นขา หน้าท้อง ก้น สะโพก หรือหน้าอก รอยแตกเริ่มแรกจะเป็นรอยนูนเป็นเส้นสีชมพู ซึ่งยังแก้ไขได้ทันด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำ หรือรับประทานอาหารที่มีสังกะสีมากๆ เช่น ถั่ว ธัญพืช และอาหารทะเล โดยเฉพาะหอย เพื่อช่วยเสริมความยืดหยุ่นของผิว แต่เมื่อรอยแตกนั้นกลายเป็นสีขาวเมื่อไร นั่นหมายความว่าหมดสิทธิ์แก้ไขแล้วล่ะค่ะ


การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ผิวไม่แห้ง


ไม่จริง นี่เป็นความเข้าใจผิดเรื่องการดูแลผิวอย่างใหญ่หลวง เพราะสิ่งที่ช่วยให้ผิวคนเราคงความชุ่มชื้นไว้ได้นั้นคือไขมันไม่ใช่น้ำ แน่นอนว่าการดื่มน้ำช่วยให้อวัยวะภายในต่างๆทำงานได้ดีขึ้น แต่การดื่มน้ำมากๆก็ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าผิวคุณจะสวยนุ่มชุ่มชื่น การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด หรือเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งนานๆน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า


เราสามารถทำให้รูขุมขนเล็กลง


ไม่จริง เราไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงขนาดของรูขุมขนได้ แต่อาจช่วยให้ผิวกระชับขึ้นโดยการมาสค์หน้า ซึ่งจะช่วยให้ผิว "ดูเหมือน" เล็กลงได้ ซึ่งจะให้ผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่ช้าก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกการที่รูขุมขนกว้างเกิดจากต่อมไขมันการผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปและเร่งระบายออกทางรูขุมขน เมื่อมีน้ำมันมากรูขุมขนจึงต้องมีขนาดใหญ่เพื่อให้ระบายได้ทันและไม่เป็นสิวอุดตัน การทำให้รูขุมขนเล็กลงจึงต้องลดการทำงานของต่อมไขมัน เช่น กินหรือทายาที่มีกรดวิตามิน เอ พร้อมกับมีการลอกผิวด้วยการทากรดผลไม้ (AHA ,BHA) ร่วมด้วยก็จะทำให้รูขุมขนเล็กลงได้


การรับประทานยาคุมกำเนิดช่วยแก้ปัญหาสิวได้


จริงและไม่จริง แม้ว่ายาคุมบางชนิดจะมีผลพลอยได้ในการทำให้ปริมาณสิวลดลง แต่แพทย์ส่วนใหญ่ก็ไม่แนะนำวิธีการนี้ เพราะยาคุมที่รักษาสิวได้ ต้องมีส่วนผสมของสารต้านฮอร์โมนเพศชายเท่านั้น (ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนผสมของยาคุมทุกชนิด) ที่สำคัญการรับประทานยาคุมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น ไขมันใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้น หน้าอกโตขึ้นซึ่งอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม ยิ่งคนที่มีประวัติเป็นไมเกรน หรือการอุดตันของเส้นเลือด การใช้ยาคุมอาจทำให้เส้นเลือดอุดตันและเสียชีวิต


คนเราเป็นสิวมากเพราะหน้ามัน


ไม่จริง เพราะหน้ามันและสิวนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เพราะสิวเกิดจากต่อมไขมันอุดตันจนเกิดการอักเสบ ในขณะที่อาการหน้ามันนั้นเกิดขึ้นเพราะต่อมไขมันปล่อยไขมันส่วนเกินออกมาภายนอกเท่านั้น แต่อาการหน้ามันจะเกี่ยวกับสิวก็ต่อเมื่อ ไม่มีการรักษาความสะอาดที่ดีพอจนน้ำมันอุดตันที่ต่อมไขมันจนกลายเป็นสาเหตุของสิว

คนที่มีปัญหาหน้ามันไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินกว่า 2 ครั้งต่อวัน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและยิ่งเพิ่มการผลิตน้ำมันให้มากกว่าเดิม


การหมักผมด้วยมายองเนสจะช่วยให้ผมเงางามขึ้น


จริง เพราะมายองเนสมีส่วนผสมของกรดไขมันและวิตามินอี ซึ่งจะช่วยให้เส้นผมดูสวยงามนุ่มขึ้นได้ แต่จะมีปัญหาตอนล้างออกที่อาจจะล้างออกยากสักหน่อย และเรื่องกลิ่นที่ติดผม อาจจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแม่ครัวก็ได้ จึงไม่แนะนำให้ใช้


การหวีผมวันละ 100 ครั้งจะช่วยให้ผมเงางามขึ้น


ไม่จริง แทนที่จะเป็นผลดีการหวีผมมากเกินไปอาจเป็นการทำร้ายเส้นผมให้เปราะและหักง่ายขึ้น แต่การหวีผมอย่างอ่อนโยนและพอประมาณจะช่วยกระตุ้นรากผมให้ตื่นตัว ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองบริเวณหนังศีรษะดีขึ้น เคอราตินบริเวณเส้นผมที่มีการเสียดสีจากการหวีก็จะดูเป็นเงางาม แต่ทั้งนี้คงต้องเลือกหวีไม้ที่มีปุ่มตรงปลายที่จะช่วยนวดหนังศีรษะได้ดีขึ้นด้วย


การโกนขนจะทำให้ขนที่งอกใหม่ดำและหนากว่าเดิม


ไม่จริง การที่เส้นขนมีสีดำเกิดจากการสร้างเม็ดสีของขุมขนผิวหนัง และการที่เส้นขนจะหนาขึ้น ก็ขึ้นอยู่ขนาดของขุมขนและสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงรากผมว่าสมบูรณ์ดีหรือไม่ การโกนผมจึงไม่ได้ช่วยให้ขนที่งอกใหม่ดำหรือหนาขึ้นกว่าเดิมอย่างที่เข้าใจกัน


การแวกซ์ขนจะทำให้จำนวนขนที่งอกขึ้นใหม่มีจำนวนน้อยลง


จริง ถ้าทำบ่อยๆ เพราะการแวกซ์เป็นการดึงเส้นขนออกมาพร้อมกับรากขนด้วย จึงทำให้ใช้เวลานานกว่าที่จะมีการงอกขึ้นมาใหม่ได้ และเมื่อทำบ่อยครั้งเข้ารากขนที่มีจึงน้อยลง จำนวนขนที่งอกขึ้นมาก็มักจะน้อยลงตามไปด้วย แต่การแวกซ์ขนก็ไม่ถือว่าเป็นการกำจัดขนถาวรแต่อย่างใด




ข้อมูลโดย อินเตอร์เน็ต










Create Date : 31 พฤษภาคม 2556
Last Update : 31 พฤษภาคม 2556 16:16:39 น. 1 comments
Counter : 1065 Pageviews.  

 


โดย: ญามี่ วันที่: 31 พฤษภาคม 2556 เวลา:16:19:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [?]






อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
free counters
who's online
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...











[Add ญามี่'s blog to your web]