เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 พฤศจิกายน 2552
 
 

เราสามคน...หนทางเดียว23(นิยามรักที่ต่างกัน)

นลินมองลูกชายสองคนกำลังพยายามจับคอกแล้วโยกเข่าเล่น จากนั้นก็โยกกันเองเล่นอีกก็มองแล้วรู้สึกแปลกๆ บางครั้งเด็กๆ ก็หาอะไรมาเล่นกันเองอย่างสนุกสนาน

“มองอะไรน่ะ” เขตต์เดินเข้ามาแล้วเห็นนลินหยุดมองลูกๆ ก็แปลกใจ

“ดูเจ้าแฝดรุ่นเล็กกำลังโยกเข่าอยู่ค่ะ กำลังคิดอยู่ว่าคงอยากจะเต้น” นลินยิ้มขำอย่างเอ็นดูลูกๆ ก่อนหันมาถามเขา “วันนี้ไม่ไปพร้อมพี่ขันธ์เหรอคะ”

“ไม่จ๊ะ พี่มีเรียนน่ะ อีกอย่างงานก็ขนมาทำหมดแล้ว ที่เหลือไม่มีอะไร เดี๋ยวก็คงโทรบอกเอง” เขาจูบเรือนผมเธอเบาๆ เพราะเพิ่งเจอกันตอนสายๆ เมื่อคืนเธออยู่กับคู่แฝดเขาทั้งคืน

“อ๋อค่ะ มานี่เลยเจ้าตัวเล็ก มาโบกมือลาปาปาเลย” นลินจับลูกสองคนมาโบกมือลาพ่อที่กำลังจะออกบ้าน

“วันนี้กลับดึกหน่อย มีสัมมนาแหละ อดหอมแก้มเจ้าตัวป่วนก่อนนอนเลย” เขตต์พูดก่อนก้มลงหอมแก้มลูกทีละคน ซึ่งตอนนี้ถูกแม่จับกอดเอาไว้คนละข้างเป็นการหยอกเล่น

“กลับดึกก็หอมได้ค่ะ แต่อย่าทำให้ตื่นนะคะ ไม่งั้นโอ๋เองด้วย” นลินพูดแล้วยิ้ม ก่อนถูกเขาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอย่างเอ็นดู

“พี่ไปก่อนนะ” เขตต์บอกแล้วเดินออกไปจากห้อง

นลินมองตามแล้วก็หันมาสนใจลูกๆ ต่อ

*****************************************


ขณะที่เขตต์เดินออกไปจากบ้านอย่างอารมณ์ดีในช่วงเช้า หากในช่วงเย็นเขากลับไม่รู้สึกแบบนั้น เมื่อเจอแอบบี้ที่งานสัมมนาและถูกหญิงสาวตามติดประชิดตัว

“ถอยออกไปดีกว่า ผมคิดว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะ” เขตต์พยายามปลดมือเธอออกอย่างสุภาพ

“ไม่เห็นมีอะไรจะต้องเข้าใจเลยค่ะ คุณก็แค่กลับไปอยู่บ้านเท่านั้น” แอบบี้ไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ

“เสียใจนะ แอบบี้ ผมไม่คิดจะคบใครอีกต่อไปแล้ว” เขตต์พยายามอธิบาย

“คุณแค่อยากกลับไปอยู่กับผู้หญิงที่เป็นคนรักของคู่แฝดคุณน่ะเหรอ พอเถอะ คุณจะบ้าไปแล้วเหรอ ผู้หญิงที่คุณไม่มีวันได้แตะต้องน่ะเหรอ” แอบบี้เริ่มหัวเสียมากขึ้น

“แอบบี้ ผมมีความสุขแบบนั้น ขอแค่ให้ได้อยู่กับคนที่ผมรัก จะฐานะไหนผมก็จะยอมรับ” เขตต์ไม่บอกความจริงทั้งหมด เพราะไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องทำผิดซ้ำเดิมอีก

“ผู้หญิงเลวๆ คนหนึ่ง คุณกลับให้ความสนใจมากกว่าฉันเหรอ” แอบบี้หัวเสียมากขึ้น

“อย่าพูดถึงเขาแบบนั้น พอเถอะแอบบี้ ผมว่าเราต่างคนต่างไปดีกว่านะ ดึกแล้วผมกลับก่อนนะ” เขตต์พยายามเลี่ยง แต่แอบบี้กลับเซมาหาเขาแล้วเป็นลมไป “คุณเป็นอะไร แอบบี้”

แอบบี้ทำตาปรืออย่างมีจริต ก่อนคอพับคออ่อนแล้วพยายามหาที่นั่ง เธอรู้ว่าจะทำยังไงให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่พยายาม และสำหรับเธอไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่เตรียมการ

*****************************************


เสียงถอนหายใจดังขึ้นหลายครั้งในห้องที่ทุกคนอยู่ เขตต์นั่งเครียดอยู่ห่างๆ ทำให้คู่แฝดเขาต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย แล้วสะกิดถาม

“มีอะไร” ขันธ์เห็นอาการไม่ปกติของคู่แฝดมาพักใหญ่ แต่ไม่ถาม เพราะรู้ว่าจะถูกว่าอีก

เสียงถอนหายใจไร้คำตอบ เขาอึดอัดที่ต้องปิดความจริงเอาไว้ แต่ก็กลัวว่าเธอจะโกรธและบอกลาเขาอีก

“มีอะไรก็ไปสารภาพซะ เห็นท่าทางนายแล้วมันขัดนัยน์ตาว่ะ” ขันธ์ก้มลงอ่านหนังสือต่อ หลังจากเงยหน้ามองนลินที่นั่งอยู่กับลูกๆ

เขตต์กระแทกลมหายใจรวบรวมความกล้าอีกครั้ง แล้วเดินเข้าไปหาเธอ “พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ลินไปห้องพี่หน่อยได้ไหม”

นลินอุ้มเจ้าตัวเล็กคนหนึ่งอยู่ เห็นสีหน้าจริงจังของเขาก็พยักหน้า แล้ววางลูกที่เบาะเช่นเดิม “อยู่กับดาดาไปก่อนนะลูก”

ขันธ์ได้แต่ส่ายหน้า เมื่อต้องเป็น ‘ดาดา’ ให้ลูกๆ ซึ่งบางครั้งก็ยังสับสนเรียกเขาว่า ‘ปาปา’ เป็นระยะ แต่จะเอาอะไรกับเด็กที่ยังพูดไม่ชัด แล้วเจ้าตัวเล็กก็เดินเตาะแตะมาหาเขา ก่อนตีขาเขาเบาๆ แล้วเรียกเขา

“ดาดา” ธรรม์ตีขาพ่อเบาๆ แล้วก็โยกเข่าเล่นอีก

ขันธ์อุ้มลูกขึ้นมาแล้วหอมแก้มเบาๆ อย่างเอ็นดู “เต้นไหม ลูก เดี๋ยวพ่อเปิดเพลงให้นะ”

พอเปิดเพลงเจ้าตัวเล็กก็โยกกันใหญ่ ธารที่กำลังนั่งเล่นก็เข้ามาร่วมวง แล้วเจ้าตัวเล็กทั้งสองก็จับมือกันแล้วเต้นเป็นวง ขณะที่ ‘ดาดา’ ต้องคอยระวังไม่ให้ล้มไปทั้งคู่

ทีนี้เจ้าตัวเล็กก็นึกว่าพ่อจะเล่นวิ่งไล่จับ วงก็เลยแตกฮือ พร้อมเสียงหัวเราะ ขันธ์จับลูกทีละคนจนสำเร็จ หากเขาก็ปล่อยให้เด็กๆ วิ่งหลบอย่างสนุกสนาน

*****************************************


อีกห้องหนึ่งกำลังเครียด เขตต์เปิดประตูให้เธอเข้าไปก่อน แล้วก็ถอนหายใจหลายรอบ โดยไม่พูดอะไร ขณะที่นลินนั่งกอดอกมองเขาที่เก้าอี้ยาวปลายเตียง

“มีอะไรเหรอคะ” นลินถามขึ้นเมื่อเขาไม่พูดสักที

เขตต์กระแทกลมหายใจอีกครั้งเรียกสติ ก่อนเดินมาคุกเข่าต่อหน้าเธออย่างรู้สึกผิด “พี่ขอโทษ คือที่วันก่อนพี่กลับเช้าน่ะ พี่อยากอธิบาย คือว่า...”

ขณะที่เขาพยายามเรียบเรียงคำพูด นลินก็ถอนหายใจยาวออกมา แล้วบอกให้เขาลุกขึ้น “ขึ้นมานั่งข้างๆ ลินเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้วช่างมันเถอะ”

“ลินรู้เหรอ เฮ้อ พี่ว่าแล้วเชียว แต่พี่ไม่ตั้งใจหรอกนะ พี่ไม่ตั้งใจจริง เอ่อ ลินอาจจะคิดว่าผู้ชายชอบแก้ตัวแบบนี้ แต่มันเป็นความจริงนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด คือ พี่ตั้งใจจะกลับบ้าน” เขตต์ยังไม่ยอมลุกขึ้น แต่ยังคงนั่งต่อหน้าเธออยู่อย่างนั้น

นลินถอนหายใจยาว ก่อนแตะไหล่ทั้งสองข้างของเขา “ลินควรจะหึง แต่มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ พี่ก็บอกแล้วว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ คนเราผิดพลาดกันได้ และในเมื่อพี่ก็ซื่อสัตย์กับลิน ลินก็ไม่ควรจะโกรธพี่ถูกไหมคะ”

เธอจำสีหน้าเขาในเช้าวันนั้นได้ดี เขาทั้งอึดอัดและรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเขาตั้งใจ เขาก็เพียงแต่โกหกเธออย่างลื่นไหล แต่นี่เขาไม่ทำแบบนั้น เขาบอกแต่ว่าเมาขับรถกลับไม่ไหวจึงค้างที่บ้านเพื่อน แม้โกหกแต่ก็เพราะไม่ต้องการทำร้ายจิตใจเธอ

“ลินไม่โกรธพี่เหรอ ไม่หึงเลยเหรอ” เขตต์กลับตีความไปอีกอย่าง...หรือเธอหมดรักเขาแล้ว จึงไม่คิดหวง

“หลายวันมานี่พี่ก็อึดอัดใจพอดูอยู่แล้ว ก็เท่ากับพี่ถูกลงโทษแล้วล่ะค่ะ แต่ลินไม่อยากให้ครอบครัวเราอยู่บนความเสี่ยง ลินหวังว่าพี่จะไปตรวจร่างกายให้เรียบร้อยก่อนนะคะ” นลินเตือนเขาด้วยดี

ไม่ควรมีใครเอาความประมาทมาสู่คนในครอบครัว...

“เรื่องนั้นพี่คิดแล้วล่ะ พี่ไปตรวจมา แล้วก็ให้ตรวจสารที่ตกค้างในร่างกายด้วย คือพี่คิดว่าพี่ถูกวางยาน่ะ ใช่เมื่อก่อนพี่อ่อนแอ ถ้าถูกดึงก็อาจไขว้เขวได้ง่ายๆ แต่นี่พี่รู้สึกว่าพี่ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย” เขตต์บอกตามที่รู้สึกอย่างซื่อตรง และหวังว่าเธอจะเชื่อเขา

“ลินเชื่อค่ะ” นลินพูดแล้วก็ยิ้มให้ เธอกอดเขาแล้วบอกตามตรง “ลินเชื่อว่าพี่ซื่อสัตย์กับลิน อีกอย่างพี่เลือกหมอที่ใกล้ชิดลิน แสดงว่าพี่บริสุทธ์ใจ แล้วก็ฉลาดมากด้วยที่เลือกหมอชาร์ล”

“ก็พี่อยากให้แน่ใจว่าพี่ไม่ได้โกหกนี่ แต่ไม่ได้อยากให้เกิดจริงๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง” เขตต์รู้ว่าผลยังไม่ออก อย่างน้อยก็ต้องรออีกเป็นอาทิตย์

นลินเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าเขา ก่อนอธิบาย “อย่าไปกังวลเลยค่ะ ลินไม่โกรธพี่จริงๆ แต่พี่ควรระมัดระวังให้มากกว่านี้นะคะ”

“ว่าแต่ลินรู้ได้ยังไงว่าพี่ไปตรวจกับหมอชาร์ล เขาโทรมาบอกเหรอ” เขตต์ออกอาการงุนงงที่เธอกลับรู้เรื่อง

“ชาร์ลเขาไม่ได้โทรบอกลินหรอกค่ะ แต่บังเอิญลินได้ยินพี่ขันธ์คุยกับเขา ก็พอเดาเรื่องได้ อย่าคิดมากเลยนะคะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว” นลินยิ้มให้เขามั่นใจอีกครั้ง

เขตต์มองดวงหน้าเธออย่างไม่เข้าใจนัก รู้สึกว่ามีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป หากเขาไม่แน่ใจว่าอะไร หรือเพราะความรู้สึกเธอเปลี่ยนไปแล้ว หรืออาจเพราะเธอเชื่อใจเขาจริงๆ อย่างที่พูดก็ได้

“เป็นอะไรไปคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือว่าอยากให้ลินหึง ไม่เอาค่ะ ลินเหนื่อยแล้ว เวลาหึงมันหงุดหงิด รำคาญใจแล้วก็สับสนด้วย” นลินอธิบายให้เขาสบายใจอีก

ใช่...เธอสบายใจ เมื่อคิดได้แบบนี้ ชีวิตเธอวุ่นวายเพียงพอแล้ว และเธอไม่อยากปวดหัวอีก เธอต้องเรียนรู้ที่จะดูแลความรู้สึกตัวเอง ต้องควบคุมมันให้ได้ เพราะไม่อยากให้เกิดความเครียด

ที่ผ่านมาผลตรวจสุขภาพจิตเธอไม่ค่อยดีนัก มีความเครียดสะสมมากจนเกินไป ทำให้รู้สึกอึดอัดแน่นหน้าอกเป็นบางช่วง หากเธอต้องพยายามปล่อยวางทุกอย่างลงบ้าง เพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่เห็นลูกเติบโตทีละก้าว

เขตต์ถอนหายใจยาว แล้วมองเธออีกครั้ง เขาคาดเดาอารมณ์เธอไม่ถูก ก่อนถามขึ้น “ลินยังรักพี่อยู่ใช่ไหม”

นลินหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก และอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าเหรอหราของเขา “ทำไมจะไม่รักละคะ พี่คิดมากอีกแล้วนะ ลินสิที่ต้องถามพี่ แหม แต่ทำไมพวกพี่ชอบถามลินอยู่เรื่อย พวกพี่ออกจะหน้าตาดี มีเงินมีฐานะทางสังคม ลินสิไม่มีอะไรเลย”

เขตต์ซบอกแล้วโอบกอดเธอที่กำลังนั่งอยู่เอาไว้ แล้วบอกตามจริง “ลินลืมแล้วเหรอว่าลินปฏิเสธพี่ตั้งกี่ครั้ง หนีไปตั้งกี่หน ความมั่นใจอะไรจะเหลือล่ะ อย่างน้อยได้ฟังก็ยังดีไง”

“พี่อยากให้ลินทำอะไรเหรอคะ ลุกขึ้นมาโกรธด่าว่าพี่เหรอ ต้องหึงแบบนั้นเหรอคะ” นลินถามแล้วก็หัวเราะ ก่อน ทุบเขาอย่างไม่จริงจังนัก “นี่แหนะ ทำให้ลินเสียใจเหรอ นี่แหนะ คนไม่ดี”

เขตต์ก็ต้องหัวเราะแล้วหลบเป็นพัลวัน แล้วเธอก็เปลี่ยนจากทุบเป็นจั๊กจี้เขาแทน “พอเถอะๆ พี่ยอมแพ้แล้ว แค่นี้พี่ก็ดีแล้วล่ะ พี่รู้สึกว่าลินใส่ใจพี่มากกว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกันช่วงที่รู้จักกันแรกๆ ซะอีก”

“แน่นอนสิคะ ตอนนั้นลินไม่แน่ใจว่าจะได้อยู่กับพี่ไหม ลินไม่แน่ใจว่าจะผิดหวังไหมถ้าปล่อยใจไปกับพี่ เพราะการที่ลินเล่นหัวหรืออ้อนพี่ มันทำให้ลินอยากอยู่ใกล้ชิดพี่มากขึ้นเรื่อยๆ ลินกลัวค่ะ” นลินยอมรับความจริงกับเขา

เขตต์ยกมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาจูบ ก่อนยกขึ้นแนบหน้า “ก็สมควรที่ลินจะกลัว เพราะพี่ทำตัวไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ พอได้รู้จักลิน พี่ก็รู้สึกเป็นอิสระมากอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากกรอบความคิดเดิมๆ แต่แล้วพี่ก็ค้นพบว่าพี่ไม่รู้จักใช้อิสระให้ดีพอ มันยิ่งทำให้พี่เห็นแก่ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ”

นลินจูบหน้าผากเขาเบาๆ ก่อนซบหน้าที่ศีรษะเขา “ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปเราก็คอยดูแลกันและกันนะคะ”

“ถ้าลินรักพี่ให้มากๆ หน่อย อะไรแบบนี้ พี่จะมีกำลังใจขึ้นมากเลยเชียวล่ะ พี่อยู่แบบนี้ได้ คือพี่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้เหมือนกัน กลัวลินไม่รักพี่” เขตต์เปลี่ยนไปซบตักเธอ คนตัวโตก็พยายามซบจนได้

“ทำไมลินจะไม่รักพี่ละคะ เพียงแต่รักของลินอาจไม่เหมือนกับนิยามรักของคนทั่วไป แล้วนิยามรักที่ลินมีให้พี่ก็อาจไม่เหมือนพี่ขันธ์ และอาจไม่เหมือนที่พี่กับพี่ขันธ์มีให้ลิน แต่มันไม่สำคัญเลย ถึงคำว่า ‘รัก’ ของเราไม่ใช่ความหมายเดียวกัน หากเราสามารถอยู่ร่วมกันได้ จะนิยามอย่างไรก็ไม่สำคัญ ถ้ายังรู้สึกว่ารักกันอยู่นะคะ” นลินอธิบายให้เขาเข้าใจ

เขตต์นิ่งคิดตาม และรู้ว่าเธอพูดความจริง เขากับขันธ์อาจใช้นิยามที่เกือบคล้ายกันในการรักเธอ แต่เธอนั้นคงต้องใช้นิยามที่แตกต่างออกไปที่จะรักพวกเขาสองคนที่แตกต่างกัน

“เมื่อก่อนลินคิดแต่ว่าถ้านิยามรักเราแตกต่างกันคงอยู่กันยาก เพราะความต้องการและมุมมองที่แตกต่าง แต่ทำไมเราจะต้องจากกัน เพียงเพราะแข็งขืนต่อกันเพื่อให้ได้อะไรก็ไม่รู้มา ทำไมเราไม่ถนอมกันและกัน เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน ถ้ายึดมั่นแล้วมันเจ็บ ลินว่าถึงเวลาที่ต้องปล่อยวาง ในเมื่อเราไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

ตอนแรกลินไม่เข้าใจ แต่หลังจากที่ทรมานตัวเองกับการพยายามควบคุมจิตใจ ให้เป็นไปตามแบบแผนของสังคม พี่ขันธ์ทำให้ลินเข้าใจและยอมรับความจริงมากขึ้น ถ้าไม่ทำให้ใครต้องเป็นทุกข์ และต่างก็มีความสุข ลินก็พร้อมแล้วค่ะ ที่จะอยู่กับคนที่ลินรักทั้งสองคน” นลินอธิบายจนกระจ่าง โดยไม่สนใจว่าเขาจะเข้าใจมากแค่ไหน

นี่คือการตัดสินใจของเธอ...

“รู้อะไรไหม ต่อไปนี้พี่จะให้ครอบครัวเรานำทางชีวิตพี่ พี่จะไม่หลงทางอีกไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะมีกันและกัน” เขตต์ให้คำสัญญาที่เขามั่นใจ

นลินเพียงตอบรับก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนเปิดประตูเข้ามา เธอเห็นเขาเหมือนอาบน้ำใหม่ จึงขมวดคิ้วสงสัย “ทำไมพี่ขันธ์ต้องอาบน้ำใหม่ด้วยคะ”

ขันธ์ยิ้มแห้งๆ ก่อนบอก “พอดีว่าเล่นกับเจ้าตัวเล็กทั้งสองมากไปหน่อย น้ำผลไม้กระจายเต็มตัวเลย แต่ก็ได้ผล หลับไปแล้วทั้งคู่ ก็เลยมาเรียกเขตต์ไปช่วยอุ้มพาไปที่ห้องน่ะ นอนบนเบาะทั้งคู่เลย”

“อ๋อ ได้สิ” เขตต์ลุกขึ้นยืนแทบจะทันที

ดึกแล้วก็เป็นเวลาส่วนตัวของใครของมัน แม้แต่พ่อบ้าน พี่เลี้ยงหรือใครต่อใคร บ้านหลังนี้มีระเบียบเวลาชัดเจน ไม่ถึงกับใช้ใครตลอดเวลาอย่างไม่รู้จักว่าใครจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน

ช่วงเวลาที่เหลือจึงเป็นเวลาของครอบครัวอลวน...

*****************************************


หญิงสาวแปลกหน้าเข้ามายังบ้านหลังนี้ด้วยความรู้สึกเหมือนกำชัยชนะเอาไว้ และเมื่ออาเธอร์เข้ามาบอก คุณแม่เต็มเวลาก็ขมวดคิ้ว ก่อนมองลูกๆ นั่งเล่นด้วยกัน แล้วก็วางมือจากคอมพิวเตอร์

เธอเพิ่งกลับมาเดินงานเขียนอีกครั้ง เพราะการเลี้ยงลูกฝาแฝดรักสนุกแถมด้วยพ่อฝาแฝดขี้อ้อน ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาจับงานเขียนมานานมาก แต่เมื่อมีโอกาสก็ต้องถูกขัดจังหวะอีก

เมื่อถึงห้องรับแขก ก็พบกับหญิงสาวที่เขตต์เคยพาไปบ้านพักตากอากาศ หากนลินก็ทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ อืม อาเธอร์บอกว่าคุณต้องการพบฉัน ไม่ทราบคุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”

แอบบี้มองแล้วก็นึกแปลกใจ ไม่ว่ายังไงเธอก็มีภาษีดีกว่า แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แค่อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ เมื่อเห็นสายตาที่สบมาก็ได้สติ “ฉันอยากให้คุณปล่อยดีนส์ไปซะ อย่าพยายามให้ความหวังเขา รู้ไหมว่ามันทำให้คนอื่นลำบาก”

นลินกระแทกลมหายใจเบาๆ ก่อนพูดตามมารยาท “ฉันว่าคุณคุยกับเขาดีกว่านะคะ ฉันไม่ได้ตัดสินใจให้เขา และฉันไม่ได้ให้ความหวังเขา เพราะฉันมีครอบครัวที่ดีอยู่แล้วค่ะ”

“เขาไม่ฟังใครแต่ดูเหมือนเขาจะฟังคุณอยู่คนเดียว ถึงเขาจะไปหาฉันแต่ก็ยังกลับมาหาคุณ คุณไม่รู้สึกสงสารเขาบ้างเหรอคะ ที่ตัดใจไม่ลงเพราะมีคุณอยู่แบบนี้” แอบบี้พยายามหว่านล้อมอย่างใจเย็น ทั้งที่ไม่ชอบหน้าคู่กรณีสักนิด

“ฉันจำเป็นต้องอยู่กับครอบครัวฉัน ถ้าเขาต้องการจะไปอยู่กับคุณ ฉันก็รั้งเขาไว้ไม่ได้ นอกเสียจากว่าเขาเต็มใจอยู่ที่นี่เอง ฉันบังคับให้เขารักคุณไม่ได้ บังคับให้เขาตัดใจจากฉันไม่ได้ ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของเขา หวังว่าคุณจะเข้าใจ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ” นลินบอกอย่างไม่ใส่ใจนักและไม่จำเป็นต้องตอบทุกอย่างที่ผู้หญิงคนนี้อยากรู้

“ดูเหมือนคุณเองก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้นะ ฉันเข้าใจ เขานิสัยดีแต่คงไม่เหมาะกับผู้หญิงนิสัยแบบคุณหรอก ที่อาศัยมารยาเพื่อให้เขาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ หรือว่าดึกๆ ก็ลักลอบไปหาเขา เพื่อให้เขายังอยู่กับคุณล่ะ” แอบบี้พูดด้วยความโกรธและได้ผล

นลินหันกลับมาด้วยสายตาแข็งกร้าว “อย่าพยายามเอาความคิดสกปรกมาทำให้ชีวิตฉันต้องมัวหมอง ถ้าคุณไม่มีปัญญารั้งเขาเอาไว้ ก็ไม่ควรจะโทษคนอื่น ทั้งหมดอาจจะอยู่ที่คุณหรือเขาแต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันไม่เคยคิดจะรั้งเขาเอาไว้ถ้าเขาไม่รักฉัน”

“อ๋อ เธอจะบอกล่ะสิว่าเขารักเธอ ถึงต้องการอยู่กับเธอ เธอมันเห็นแก่ตัว เสียดายที่เขารักเธอ แต่เธอไม่เคยจะคิดทำอะไรเพื่อเขาบ้าง ปล่อยเขาไปซะ อยู่กับฉันเขายังมีความสุขมากกว่ามานั่งทรมานกับการอยู่กับเธอ ที่ตอบสนองเขาไม่ได้สักอย่างแม้แต่เรื่องเซ็กซ์” แอบบี้โกรธจัดต่อว่าอย่างเสียหายแบบไม่เกรงใจใคร

นลินกระแทกลมหายใจแรงๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนรักษาความสงบและพยายามเก็บความจริงเอาไว้ “คุณกลับไปซะ ถ้าคุณไม่ใช้สมองคิด ฉันไม่จำเป็นต้องมารับฟังอะไรจากคุณ ถ้ามีอะไรที่คุณข้องใจให้ไปคุยกับเขา ถ้าคุณต้องการตัวเขากลับไปหรือคิดว่าเขามีความสุขกับคุณมากกว่าฉัน คุณก็ควรจะไปคุยกับเขา ไม่ใช่ฉัน”

แอบบี้ยิ่งโกรธเมื่อได้ยินแบบนั้น และเมื่อนลินหันหลัง เธอก็กระชากแขนนลินอย่างแรง จนนลินเสียหลักลงไปนั่งกับพื้น เธอก็ยิ้มหยัน “เธอนี่มันผู้หญิงชั้นต่ำหวังสูงจริงๆ ได้คู่แฝดเขาแล้วยังหวังจะเอาเขากลับไปใช่ไหม”

นลินก็โกรธจัดเช่นกัน จึงลุกขึ้นยืนแล้วกระแทกลมหายใจอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังกลับไปเดินออกไปจากห้องอีกครั้ง หากก็ถูกกระชากกลับมาอีก แล้วถูกตบหน้าอย่างแรง

“นังร่านไร้ยางอาย สำส่อนไม่เลือก” แอบบี้ถึงกับสติแตกขึ้นมาและคร่อมร่างนลินไว้ก่อนพยายามตบ

ส่วนนลินก็พยายามปัดป้องเท่านั้น เพราะรูปร่างที่แตกต่างกันทำให้เธอตกเป็นรองอยู่มาก “อาเธอร์”

เสียงเปิดประตูเข้ามา อาเธอร์ตกใจที่เห็นนายสาวถูกกระทำ จึงรีบจับร่างหญิงสาวที่อยู่ด้านบนออกจากนายสาว ก่อนมีคนอื่นเข้ามา และช่วยกันพาแอบบี้ออกไป

นลินหน้าแดงเพราะถูกตบไปหลายฉาด เธอกำมือแน่นอย่างหัวเสีย จึงไม่กลับไปที่ห้องลูก แต่กลับไปที่ห้องเธอแทน เพราะไม่อยากเอาอารมณ์เสียไปลงกับลูก

เธอหงุดหงิดจนทำอะไรไม่ถูก แต่สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในห้อง เธอพยายามตั้งสติก่อนรับสาย “สวัสดีค่ะ”

“ลินเป็นยังไงบ้าง เอ่อ พี่เสียใจ พี่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าโกรธพี่เลยนะ เขาจะไม่มีวันได้มาวุ่นวายกับลินอีก” เขตต์รีบบอกรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว

“โธ่ พี่เขตต์ ลินไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เล็กน้อย” นลินพยายามปรับเสียงให้ร่าเริง แต่ก็ยากเพราะเจ็บใจ

“มันไม่เล็กน้อย อย่าพูดแบบนั้น เฮ้อ อยากกลับไปหาลินแต่งานยุ่งจริงๆ เลย พอเสร็จงาน พี่จะรีบกลับนะ” เขตต์หวั่นใจกับปัญหาที่ค้างคา เขาไม่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามแก้ ยิ่งมีแต่ปัญหา

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวลินจะออกไปดูลูกแล้ว พี่ก็ทำงานให้เรียบร้อยก่อนนะคะ พี่ขันธ์จะได้ไม่ว่าเอา” นลินพยายามสงบใจ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต่อว่าเขา เมื่อไม่มีใครตั้งใจให้เกิด ยกเว้นผู้หญิงคนนั้น

“ไม่ต้องห่วงนะ เขาจะทำอะไรลินไม่ได้อีกต่อไป พี่จะจัดการขั้นเด็ดขาด” เขตต์พูดอย่างเข้มแข็ง ถ้าแอบบี้ไม่ยอมจบ เขาก็พร้อมจะจัดการให้จบ

“ค่ะ อย่าคิดมากนะคะ ลินไม่เป็นไรจริงๆ” นลินพยายามปลอบเขา ทั้งที่ในใจนั้นย่ำแย่กว่าอะไร แต่เธอต้องเข้มแข็ง แม้จะไม่มีอะไรยอมให้เธอได้พักจากความวุ่นวายเหล่านี้

ดูเหมือนชะตากรรมพยายามทำให้ชีวิตเธอสับสน และตอกย้ำให้จิตใจเธอแย่ลงเรื่อยๆ แม้จะยอมให้เธอได้พักบ้าง และได้เก็บเกี่ยวความสุขชั่วขณะ แต่ก็นับว่าช่วงเวลานั้นช่างสั้นเหลือเกิน...

ชีวิตเธอไม่หวั่นแม้เจอความทุกข์ แต่หัวใจเธอเป็นเพียงก้อนเนื้อ ที่ต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อผ่านพ้นสิ่งต่างๆ หากมันคงยาก...แต่เธอก็ยังมีความหวัง

หวังให้วันพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้เสมอ...

*****************************************


เสียงถอนหายใจดังขึ้นเมื่อเขาฟังน้องชายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ขันธ์ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดนิดๆ ที่คนที่เขารักถูกทำร้ายในบ้านของเขาเอง

“ฉันว่านายจัดการปัญหาเองมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะจัดการแทนแล้วล่ะ” ขันธ์สรุปเมื่อน้องเขาเล่าจบ

“ฉันพยายามแล้ว ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่เคยไปหาเขาอีกเลย เวลาเรียนก็แยกนั่ง ย้ายตารางเรียนด้วย โอ๊ยทำไมมันวุ่นวายแบบนี้วะเนี่ย” เขตต์สบถออกมาอย่างหัวเสีย

“เคลียร์งานเสร็จหรือยัง กลับบ้านไปปลอบเมียดีกว่าว่ะ” ขันธ์มองเอกสารต่างๆ ที่จัดการหมดแล้วอย่างเบื่อหน่าย ก่อนลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ

“จัดการวันนี้เลยได้ไหม อยากให้มันจบ” เขตต์ถามขึ้นเมื่อนึกถึงปัญหาที่ตามมา

“ได้น่ะ ได้ แต่ขอไปดูลินก่อนได้ไหม นายคิดว่ามันน้อยเหรอ ลินถูกตบเลยนะ ฉันว่ายัยบ้านั่นรอได้แหละ แต่ความรู้สึกลินสำคัญกว่า” ขันธ์มองท่าทางสับสนของน้องชายที่เหมือนจะถูกดึงรั้งสองด้าน จึงตบไหล่ทั้งสองข้าง “กลับบ้านก่อน”

เขตต์ได้แต่พยักหน้าช้าๆ และทำตาม “ฉันเสียใจจริงๆ”

“รู้ถึงไม่ด่านายไง อย่างที่ลินบอกคนเราผิดพลาดได้เสมอ” ขันธ์โอบไหล่พาน้องชายกลับบ้าน ก่อนถามขึ้นมา “มันจะเป็นไหมที่ต้องเรียน ความสามารถบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องเข้าห้องเรียนก็สามารถทำได้ ถ้ารู้จักแบ่งเวลา”

“นายพูดถูก ฉันจะลาออก ไม่เรียนก็ได้ วุฒิเอามาก็เท่านั้น” เขตต์เห็นด้วย เพราะถ้ามันยังนำปัญหามาให้เขาไม่จบสิ้น เขาก็พร้อมจะจัดการมันซะ

ขันธ์พยักหน้าช้าๆ ที่น้องชายให้ความร่วมมือ และต่างก็ขึ้นรถตัวเองกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านก็ตรงไปห้องลูกๆ ก่อน และเมื่อรู้ว่าเธออยู่ในห้องพักผ่อนอยู่ก็ตามเข้าไปในห้องเธอ เห็นเธอหันหลังให้ประตูและหลับอย่างสงบ

เขตต์ตรงไปที่เตียง ก่อนขึ้นไปนั่ง แล้วกอดเธอจากด้านหลัง ทำให้นลินรู้สึกตัว ขณะที่ขันธ์เดินช้าๆ มาดูเธอที่ด้านก็เห็นรอยแดงที่ยังไม่จางหายไปซะทีเดียว

“ผู้หญิงคนนั้นทำขนาดนี้เลยเหรอ” ขันธ์มองแล้วถามขึ้น

“ช่างมันเถอะค่ะ เห็นอาเธอร์ว่ายังไงก็คงไม่เจอผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว” นลินพยายามฝืนยิ้ม

เขตต์ขมวดคิ้วตามและมองรอยที่ยังเห็นชัดเจนอยู่ ก่อนส่ายหน้า “เกินไปแล้วนะ บ้าชะมัด”

“แล้วนี่ลินเป็นอะไรหรือเปล่า ต้องไปหาหมอไหม” ขันธ์ถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่าค่ะ ลินสบายดี ก็แค่รู้สึกง่วงเท่านั้นเองค่ะ อีกอย่างถ้าเด็กๆ มีอะไร เดี๋ยวคุณแมรี่ก็มาเรียกค่ะ” นลินพยายามทำให้ตัวเองตื่น

“โกรธมากใช่ไหมเนี่ย ทีหลังกรี๊ดกลับไปเลย หรือไม่หาอะไรทุ่มใส่ พี่ก็ไม่ว่าหรอกนะ ถ้ากลัวเขตต์ว่าก็บอก พี่จะรีบไล่เขตต์ออกจากบ้านไปเลย บ้านนี้ลินเป็นใหญ่จ๊ะ” ขันธ์พูดขำๆ ก่อนหลบหมอนที่คู่แฝดเขวี้ยงมา

“ทีหลังอย่าเก็บกดรู้ไหม ลิน พี่ไม่ว่าถ้าลินจะทำแบบที่ขันธ์พูด” เขตต์กอดลินเอาไว้ ปล่อยให้เธอพิงเขา ก่อนมองคู่แฝดอีกรอบ “อย่ามายุให้ยาก”

ขันธ์ถึงกับหัวเราะออกมา แต่เมื่อมองดวงตาปริ่มไปด้วยน้ำตาก็ต้องรีบปลอบ “โอ๋ๆ พี่พูดให้ลินสบายใจนะ อย่าถือสาพี่นะ”

เขตต์รีบกอดเธอเอาไว้แน่น แล้วหอมแก้มเธอเบาๆ “พี่รักลินนะ ไม่อยากให้ลินทรมาน ไม่อยากให้ลินเก็บกด ไม่อยากให้ลินเครียด พี่กลัวว่าลินจะเป็นโรคหัวใจ เพราะงั้นไม่ต้องเกรงใจหรอก”

“ก็ไม่อยากจะเกรงใจ แต่ลินไม่อยากวุ่นวายนี่คะ กลายเป็นว่าโดนตบอยู่คนเดียว” นลินทำหน้างอที่ทุกคนคิดว่าเธอไม่สู้คน

ไม่สู้กับลดความวุ่นวายแตกต่างกัน เธออยากให้ปัญหาจบไป แต่กลับทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเธอไม่สู้ การที่เธอเดินหนี ไม่ได้แปลว่าเธอยอมแพ้ แค่ไม่ต้องการบ้าไปกับผู้หญิงคนนั้น แต่กลายเป็นช่องทางให้รังแกอีก

“ไม่ต้องห่วง พี่จะจัดการเอาคืนให้เอง” ขันธ์พูดแล้วก็ทิ้งศีรษะลงที่ตักเธอ ก่อนเงยขึ้นมองเธอที่มีหน้าน้องชายเขาซ้อนอยู่ เขามองแล้วก็ขำ

“ขำอะไร” เขตต์ถามขึ้นอย่างงงๆ

“ก็เหมือนมองตัวเองอีกแบบไง ฮ่าๆ” ขันธ์นึกขำที่เห็นสีหน้าที่แตกต่างของตัวเองยามอยู่กับเธอ อาจเพราะเขาไม่เคยเห็นสีหน้าตัวเองเวลาอยู่กับเธอก็เป็นได้ นึกแล้วก็สนุกไปอีกแบบ

ถ้าเราไม่เรื่องมากกับชีวิต...ชีวิตก็ง่ายขึ้น

*****************************************


เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเธอเห็นว่าใครมาก็เรียบเปิดประตูและต้อนรับด้วยอ้อมกอดอย่างเสน่หา จากนั้นก็ตามด้วยจูบ แต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

เขาผลักเธอออกก่อนเดินเข้าไปในห้อง รอยยิ้มเย็นที่น่าแปลกใจทำให้เธอชักสงสัยว่าไม่ใช่คนเดียวกัน เขาหมุนตัวมามองเธอ ก่อนยิ้มอีกครั้ง

“เธอคงรู้แล้วสินะว่าฉันไม่ใช่ดีนส์” ขันธ์พูดขึ้น ก่อนเดินไปนั่งที่เก้าอี้ยาว เขาไม่สนใจหลอกเธอ ถึงแม้จะทำได้ เพราะเคยมาแล้ว

“คุณมาที่นี่ทำไม” แอบบี้เริ่มเกรงในความผิดขึ้นมา เพราะเธอไปก่อเรื่องกับผู้หญิงของชายหนุ่มคนนี้เข้าให้

“มาเตือนคุณว่าอย่ายุ่งกับน้องชายผมหรือผู้หญิงของผมอีก ผมว่าเราต่างคนต่างไปดีกว่านะ คุณก็ไปของคุณ พวกเราก็ไปของพวกเรา และถ้าน้องชายผมจะมีใครสักคน รับรองว่าต้องไม่ใช่คุณ” ขันธ์พูดโดยยังคงรอยยิ้มเอาไว้

“ดูคุณจะแน่ใจเหลือเกินนะ ว่าคุณจะสามารถแยกฉันไปจากเขาได้ เขารักฉัน” แอบบี้พยายามพูดทั้งที่ไม่มั่นใจนัก

“ยิ่งกว่ามั่นใจเสียอีก คุณคิดว่าผมมีเงินแต่ไร้สมองอย่างนั้นเหรอ ผมให้คนสืบเรื่องคุณหมดแล้ว อืม ถ้าคุณอยากเรียนจนจบแล้วมีอนาคตสวยหรูในการทำงานละก็ ขอให้หยุดวุ่นวายกับครอบครัวผม ไม่ว่าจะเป็นคนรักของผม หรือน้องชายผม แล้วอนาคตของคุณจะเป็นอย่างที่ควรเป็น” ขันธ์ยิ้มเย็นแต่ขู่ขวัญคนได้ดี

“ถ้าคุณเห็นนี่แล้วคุณจะรู้ว่าฉันมีไพ่เด็ด” แอบบี้หยิบแผ่นดิสมาให้

ขันธ์กระแทกลมหายใจ ก่อนปฏิเสธที่จะมอง “เอาเลย คุณรู้ไหม ผมมีอำนาจในครอบครัวเต็มที่น่ะ ผมดูแลและบริหารงานมาเยอะ ถ้าผมกลัวเรื่องเสียหายแบบนี้ล่ะก็ ผมบอกได้เลยว่า คุณคงยังดูคลิปไม่หมดแน่”

แอบบี้มองเขาอย่างงุนงง “คุณไม่กลัวเสียชื่อเสียงเหรอไง”

“ไม่ พวกผมไม่เคยมีชื่อเสียงดีๆ อยู่แล้วเรื่องผู้หญิง รู้อะไรไหม พวกผมเที่ยวมามากเสียด้วยสิ ปาร์ตี้ก็ไปบ่อย มีรูปลงออกเยอะแยะ ก็แค่ช่วงนี้แหละที่ไม่มี เอาเถอะ ถ้าคุณอยากเอาไปเผยแพร่ก็ได้ตามใจคุณ แต่บอกไว้ก่อน ชีวิตคุณจะไม่เหลืออะไรเช่นกัน เพราะผมรู้ว่าคุณไม่หยุดแค่นี้” ขันธ์พูดก่อนลุกขึ้น เมื่อเขารู้สึกว่าจบการสนทนาแล้ว

“เดี๋ยวก่อน ถ้าฉันรับข้อเสนอคุณล่ะ” แอบบี้เริ่มลังเลใจ

“เอาเป็นว่าคุณจะได้สิ่งที่คุ้มค่าก็แล้วกัน แต่คุณคงรู้นะว่าถ้าคุณตุกติกกับผม จะเกิดอะไรขึ้น” ขันธ์ย้ำให้ชัดเจนอีกครั้ง หากเขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

เขาขอแก้ปัญหารายวันมากกว่า สัจจะของผู้หญิงแบบนี้เชื่อถือได้ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แล้วถ้ามีการขู่ซ้ำซาก เขาก็รู้ว่าจะทำให้ปัญหาหายไปได้อย่างไร

มันไม่ยากถ้าเพียงลงมือทำ...

เขตต์รออยู่ในรถ ก่อนมองคู่แฝดเดินมาขึ้นรถอย่างใจเย็น เขาก็ถามขึ้น “เธอว่าไงบ้าง”

“ก็ไม่มีอะไร ขอเงินตามระเบียบ กับความสะดวกสบายเล็กๆ น้อยๆ ช่างมันเถอะ นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า ถ้าวันหน้า เขาทำอะไรไม่ดี รับรองฉันไม่เอาไว้แน่ ที่เหลือก็อยู่ที่นายแล้วว่าจะก่อปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า” ขันธ์ตอบตามสบาย

“ไม่ล่ะ ฉันไม่เสี่ยงอีกแล้ว ฉันมีครอบครัวที่ต้องดูแล ฉันจะต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก” เขตต์ตอบอย่างชัดเจน คราวนี้เขาไม่หลงทางแน่นอน

ขันธ์พยักหน้าช้าๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเชื่อได้แค่ไหน แต่ขอให้เป็นไปตามนั้น และภาวนาให้ชีวิตของคนที่เขารักได้หยุดพักจากเรื่องร้ายๆ เสียที

*****************************************

อิอิ มีมือทวงถึงสอง ก็ต้องโพส ขอไม่ตอบเม้น
พอดีเก็บไฟล์เม้นไว้อีกเครื่องค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552
1 comments
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 23:34:11 น.
Counter : 432 Pageviews.

 

ง่าไม่น้า ตบลินเเล้วยังได้ตังอีก แต่ก็นะ แยยนี้ก็ดีอีกแบบ

 

โดย: fiona IP: 117.47.131.80 24 พฤศจิกายน 2552 13:18:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com