เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 สิงหาคม 2552
 
 
เราสามคน...หนทางเดียว 3…(แม่เขา...)

แสงไฟลอดออกมาจากห้องที่นลินกำลังนั่งกดแป้นพิมพ์บนโต๊ะทำงานของเธอ ขณะที่เขตต์กำลังกดล็อกรถและกำลังจะเดินเข้าบ้าน เสียงมือถือเขาดังขึ้นเขา จึงกดรับสายและรู้ได้ทันทีว่าเป็นพี่ชายเขาโทรมา

“อะไรอีกล่ะ ขันธ์” เขตต์เบื่อที่คู่แฝดตอแยเขากับหญิงสาวคนรักไม่เลิกจนตอนกลางวันนลินต้องเอาสายออกเพื่อให้ทำงานได้

“เอาล่ะๆ ฉันสืบข่าวนลิน กุมุทินีหมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแต่แปลกนะ หน้าตาแบบนี้ไม่ใช่สเปกนายนี่” ขันธ์แปลกใจที่ได้เห็นดวงหน้าของหญิงสาวครั้งแรกจากแฟ้มรายงาน

“ถ้านายได้เจอคนที่นายต้องการจริงๆ นายจะไม่สนใจเลยว่าเขาเป็นยังไง อีกอย่างลินก็ใช่ว่าจะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่นี่นา” เขตต์วิจารณ์ตามตรงโดยไม่อ้อมค้อมเพราะเขายังไม่เข้าบ้าน และอยู่ในรัศมีที่นลินต้องไม่ได้ยินแน่นอน

“แต่ก็ขี้เหร่ที่สุดเท่าที่นายเคยคบมาล่ะ” ขันธ์หมั่นไส้ที่คู่แฝดปกป้องคนรักอย่างออกหน้าออกตา

“นายจะโทรมาหาเรื่องใช่ไหม” เขตต์ชักไม่พอใจที่คู่แฝดว่าคนที่เขารัก

“เออๆ ไม่ได้โทรมาหาเรื่อง แค่จะบอกนายว่าแม่ไปเมืองไทยแล้วกำลังจะเข้ากรุงเทพฯ นายก็รู้นี่แล้วไม่คิดจะพาหล่อนไปหาแม่หน่อยเหรอ ไหนว่าจริงจังไง” ขันธ์หลอกล่อคู่แฝดให้พาหญิงสาวคนนี้ไปหาแม่เหมือนหลายครั้งที่เขาและพ่อแม่ดูแลเขตต์ด้วยวิธีนี้

เขตต์นิ่งคิด พิจารณาไปมาแล้วนลินไม่น่าจะยอมไปง่ายๆ เขาแน่ใจเพราะท่าทีเรื่องระหว่างเขาและเธอยังคลุมเครือ “อืม จะคิดดู”

“อะไรนึกว่าจริงจัง โธ่ ทีคนก่อนๆ ว่าจริงจังยังกล้าพาไปเจอแม่เลย อะไร คนนี้จริงจังมากไม่กล้าพาไปเหรอ” ขันธ์ให้อุบายหลอกล่อต่อไป

“ไม่ใช่ไม่อยากพาไป กลัวแต่ลินจะไม่ไป” เขตต์พูดตามตรง เขาย้ายจากที่หน้าบ้านมาคุยในรถ

“อะไร หล่อนไม่จริงจังกับนายหรือไง ถึงได้กลัวจะเจอแม่” ขันธ์ขมวดคิ้ว คิดจะจับลูกชายได้โอกาสก็น่าจะรีบประจบว่าที่แม่สามีไว้นี่

“ก็บอกแล้วว่าลินเขาไม่เหมือนใคร เขาพร้อมจะทิ้งฉันทุกเมื่อ นายไม่เข้าใจ” เขตต์ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คู่แฝดเขาเข้าใจดี

“อะไรวะ งง พร้อมจะทิ้งได้ทุกเมื่อ” ขันธ์นั่งงงกับคำพูดคู่แฝด

“พาไปก็ได้แต่พาไปยังไงไม่ให้ลินทิ้งฉันดีหว่า” เขตต์กลัวจับใจ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้นลินอยู่กับเขาให้นานที่สุด

“นายนี่เป็นเอามาก จะกลัวอะไรบ้านเรารวยจะตาย เขาไม่ทิ้งนายหรอกน่า” ขันธ์คิดง่ายๆ เทียบกับผู้หญิงที่เขากับน้องชายเจอมาตลอด

“ลินเขาสนก็ดีสิ ก็อย่างที่บอก นายไม่เข้าใจลินหรอก” เขตต์กำลังคิดว่าจะพานลินไปพบแม่เขาท่าไหนดี แต่คิดไปคิดมาถ้าบอกตรงๆ นลินคงไม่ไป แต่ถ้าไปแล้วคาดว่าก็คงไม่สนใจอีกนั่นล่ะว่าแม่เขาจะมองเธออย่างไร

“หนี้สินที่บ้านหล่อนก็มี เงินทองก็ไม่ได้มีเยอะอะไร ทำไมไม่สนใจเงินนาย เฮอะ พูดยังไงฉันก็ไม่เชื่อนายหรอก” ขันธ์พูดตามรายงานที่ได้มา

“เงินไม่สำคัญสำหรับลินหรอก เห็นลินบอกว่าพอพ่อลินเกษียณ หนี้ก็หมดแล้ว บ้านก็มีแล้ว ซ่อมหน่อยก็อยู่ได้ รถก็มีแล้วไม่ต้องใหญ่แต่ก็ใช้ได้ ท่าทางลินจะไม่สนใจเงินทองเลยล่ะ” เขตต์อธิบายตามที่นลินบอก เขาพอรู้ว่าเธอพูดจริงแต่ที่สงสัยถ้าเธอต้องจากเขาไปจริงๆ เธอจะคิดถึงเขาบ้างไหม

“โลกนี้หายากนะ ที่เงินจะซื้อผู้หญิงไม่ได้ ฉันยังไม่เจอเลยล่ะ” ขันธ์ประชดเล็กๆ

“บอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ นายซื้อไม่ได้แน่นอน” เขตต์ทบทวนตามคำพูดของตัวเอง และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น “ผู้หญิงดีๆ เงินที่ไหนก็ซื้อไม่ได้หรอก เอาล่ะ ฉันจะพาลินไปพบแม่ ฉันมั่นใจว่าแม่จะต้องชอบเพราะลินไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมาแน่นอน”

ขันธ์นิ่งอึ้ง ยิ่งพูดกลับยิ่งทำให้คู่แฝดเขามั่นใจมากขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้คู่แฝดเขาหลงใหลได้ปลื้มกับผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้ แต่เขารอได้เสมอและเชื่อว่าแม่เขาคงให้คำตอบเขาได้ดี

เขตต์ตัดสายคู่แฝดก่อนเดินเข้าบ้าน เขามองเธอกำลังกดแป้นพิมพ์อย่างมีสมาธิและไม่ทันได้ยินว่าเขาเข้ามาภายในห้องแล้ว เขาเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง จูบเบาๆ ที่แก้มให้เธอรู้สึกตัว

นลินตกใจเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือไปด้านมาแตะที่ไหล่เขา “กลับมาแล้วเหรอคะ”

“ครับ หิวไหม” เขตต์ไม่สนใจงานนิยายที่เธอทำ แต่สนใจที่เธออยู่ที่นี่กับเขาและเชื่อแน่ว่าตราบใดที่เขายังต้องการเธอ เธอจะไม่จากไปไหน

นลินเอียงคอนิดๆ ปิดโปรแกรมให้เขารู้ว่าเธอพร้อมที่จะทานอาหารเย็นกับเขาแล้ว “หิวนิดๆ แต่รอนานไปหน่อย ขนมเต็มโต๊ะเลยค่ะ”

เขตต์มองซองขนมในถังขยะ แล้วก็มองซากที่กระจัดกระจายทั่วโต๊ะ ถึงกับหัวเราะออกมา

“ก็ลินหิวนี่นา” นลินผลักแขนเขาออกอย่างแสนงอน ก่อนลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมาเกือบทั้งวัน ไปนั่งที่โซฟานิ่มๆ แทน

เขตต์ยังคงพ่นลมหายใจแรงๆ พยายามไม่หัวเราะ แล้วเข้าไปคุกเข่าบนโซฟาก่อนโถมลงกอดทำให้ล้มลงไปนอนที่โซฟาทั้งคู่ “สงสัยจะได้กินออเดิร์ฟก่อนแล้วล่ะมื้อนี้”

เขาจูบเธอโดยไม่ปล่อยให้เธอปฏิเสธ ขณะที่นลินพยายามผลักเขาออกให้พ้นตัวแต่เขาก็เบียดตัวเข้าใกล้เสียจนเธอทำไม่สำเร็จ จึงปล่อยให้เขากอดจูบจนเผลอไผล แต่พอเขาเลื่อนมือเข้าไปในเสื้อของเธอ นลินก็ตกใจ ผงะถอยแทบไม่ทัน

“พี่เขตต์” นลินดุเขาเสียงดัง แต่แทนที่เขาจะหงุดหงิดกลับหัวเราะพอใจที่เธอไม่ปล่อยตัวกับเขาจนเกินไปนัก

“ครับๆ” เขตต์ยกมือขึ้นยอมแพ้

ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา นลินไม่เคยยอมให้เขาทำอะไรเธอนอกห้องนอนเลยสักครั้ง เธอยังเขินอายและถือตัวเรื่องนี้มาก และไม่ชอบให้เขาทำอะไรประเจิดประเจ้อมากเกินไป

“พี่ยอมแพ้แล้ว แต่ไม่เป็นไร พี่รอได้” เขตต์ทำหน้าล้อเลียนชวนตีจึงโดนไปหนึ่งที

“ลินเอากับข้าวไปใส่จานดีกว่า” นลินถอยออกมาให้ห่าง

สายตาเขาเวลานี้น่ากลัวและเสี่ยงมากสำหรับเธอ การเดินหลบเข้าครัวจึงเป็นเรื่องที่ดี แต่เขตต์ไม่ปล่อยให้เธอเข้าครัวคนเดียว เขาเข้าไปช่วยและรู้สึกว่าการได้อยู่กับเธอแบบนี้ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่าย เพราะจริงๆ เขาก็ไม่ใช่คนชอบสังคมเท่าไร

เขตต์นั่งลงทานอาหารและมองดวงหน้าของเธอที่กำลังมีความสุขกับการกิน ถ้าเป็นแฟนคนก่อนๆ ของเขา เขาคงมองเพราะหล่อนสวย แต่นลินไม่มีความสวยแบบนั้น เธอมีความสุขกับการกิน ทำให้คนที่ทานด้วยมีความสุขที่ได้ทานอาหารกับเธอ

“มองลินทำไม กับข้าวไม่อร่อยเหรอคะ” นลินเงยหน้าขึ้นสบตาเขา

ระยะห่างไม่มากทำให้คุยกันได้ง่าย เขาซื้อกับข้าวสำเร็จเข้าบ้าน ขณะที่เธอหุงข้าวรอ และทานอาหารด้วยกันทุกเย็น ส่วนเรื่องเวลาก็แล้วแต่ว่าเขาทำงานเสร็จหรือเปล่า

“อร่อยสิ เวลามองลินทานทำให้พี่ทานอร่อยขึ้นเยอะเลย แปลกนะ เมื่อก่อนอาหารก็เดิมๆ แต่ไม่เห็นอร่อยอย่างนี้เลย” เขตต์พูดตามตรง แต่จะว่าไปส่วนมากเขาไปทานที่ร้านอาหาร แต่นี่เขาสั่งให้เลขาฯ สั่งจากครัวของโรงแรมมาให้เขาหิ้วกลับบ้านมาทานกับเธอ

นลินมองเขาตาขวาง เม้มริมฝีปากนิดๆ “ว่าลินตะกละเหรอคะ”

“อ้าว เปล่าๆ ลินก็ เวลาลินทาน ดูลินมีความสุขนี่นา เวลาพี่มองตอนลินทาน พี่ก็มีความสุข คือทำให้รู้สึกว่าอาหารอร่อยขึ้นไง” เขตต์แก้ตัวแต่ก็ยิ้มเอ็นดูเธอ

บางครั้งนลินก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่ แต่บางครั้งก็ดูเป็นเด็กเอาแต่ใจได้น่ารัก สลับกันไปมาทำให้เขามองได้ตลอดโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หากเขตต์คิดไปคิดมา พาเธอไปเจอแม่เขาก็ดีเหมือนกัน แม่เธอคงเอ็นดูเธอเหมือนเขาได้ไม่ยาก

“อืม อาหารที่โรงแรมพี่อร่อยนะ ลินไปทานกับพี่ไหม” เขตต์ชวนเพราะไม่ได้ออกไปไหนกับเธอมานานแล้ว แต่เธอก็ดูไม่เดือดร้อนอยากออกไปไหนนอกจากบางทีก็บ่นอยากไปเที่ยว แต่ขอเวลาปิดเล่มก่อน

นลินนิ่งคิด ถ้าไปโรงแรมที่บ้านเขาเป็นเจ้าของก็ต้องเจอคนรู้จักของเขา แล้วมันสมควรแล้วเหรอ เพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าจะมีอนาคตกับเขาอีกนานแค่ไหน

“นะ ไปเถอะ เชฟฝีมือดีนะ เราสองคนไปยังไงก็ไม่เสียเงิน” เขตต์ไม่กล้าบอกว่าจะพาไปหาแม่เขา ยังไงแม่เขาก็ไม่มาที่นี่ เพราะชอบพักที่โรงแรมมากกว่า เขาจึงต้องพาเธอไปพบแม่ที่โรงแรมแทน

“แต่ลินว่า ทานที่บ้านก็อร่อยดีนะคะ” นลินคิดว่าเลี่ยงได้น่าจะดีกว่า เธอยังไม่อยากคาดหวังหรือผูกมัดตัวเองกับเขา เพราะความแตกต่างระหว่างเธอกับเขามากเกินไป ที่เธอยังอยู่กับเขาเพราะเขายังต้องการเธอและเธอก็ต้องการเขาเช่นกัน

“ไปทานที่นั่นสักครั้ง ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีใครเลย พี่ดูแลอยู่คนเดียว พ่อแม่ แล้วก็ขันธ์ดูกิจการที่อื่น ลินไม่ต้องกลัวว่าจะยุ่งยาก” เขตต์พยายามหว่านล้อมเต็มที่

“แต่ลินไม่ค่อยได้ไปที่แบบนั้นเท่าไร โรงแรมพี่ก็เป็นโรงแรมห้าดาวไม่ใช่เหรอ ลินกลัวทำให้พี่ขายหน้าอ่ะ” นลินหาข้ออ้าง ถึงไม่มีคนที่เธอกลัวแต่ก็มีหูตาของครอบครัวอยู่เยอะแยะ

“ไม่เป็นไร แต่งตัวอย่างที่ลินชอบ สบายๆ ล่ะ นักท่องเที่ยวเขาก็แต่งตัวแบบนั้นกัน ร้านอาหารธรรมดาน่ะ บรรยากาศดีนะ ร้านอาหารอยู่ชั้นบน บรรยากาศดีด้วย พี่ว่าต้องทำให้ลินเจริญอาหารได้อีกเยอะแน่” เขตต์ยังหว่านล้อมต่อเรื่อยๆ

“ลินต้องไปให้ได้ใช่ไหมเนี่ย” นลินพูดตามตรง

“เอาเป็นว่าพี่อยากให้ลินไป ได้ไหมครับ” เขตต์เท้าคางแล้วยิ้มแป้นให้เธออย่างเต็มที่

นลินกรอกตาคิดไปคิดมา ก่อนยิ้มอย่างมีเลศนัย “ถ้าพี่ยอมแยกห้องนอนกับลิน ลินจะไป”

“หา” เขตต์ร้องเสียงหลง เมื่อเธอต่อรองในสิ่งที่เขาไม่อยากทำที่สุดแต่ต้องยอมและขอต่อรองบ้าง “นานแค่ไหน”

นลินนิ่งอึ้งเมื่อเขายอม เธอแปลกใจนิดๆ ที่การไปทานอาหารมื้อเดียวที่โรงแรมเขาเป็นสิ่งสำคัญ “เอ่อ ตกลง เราไปทานกันสองคนจริงๆ ใช่ไหมคะ”

เขตต์ว่าแล้วว่าเธอต้องไม่หัวอ่อนให้เขาหลอกล่อได้ง่ายๆ “ก็อาจจะมีคนมาทานด้วยบ้างบางคน ถ้าลินไม่ว่าอะไรนะ”

“เดือนนึงค่ะ” นลินบอกให้เขากลัวไปเลยจะได้ไม่ต้องไปพบญาติๆ เขา

“ก็ได้” เขตต์กัดฟันยอมตามที่เธอต้องการ เดือนนึงก็แค่แยกห้องนอนแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีสิทธิมีอะไรกับเธอในช่วงหนึ่งเดือนนี้นี่ แค่อดกอดเธอจนเช้าก็เท่านั้นเอง แต่พาเธอไปพบแม่เขาเป็นเรื่องสำคัญกว่า

นลินยิ่งนิ่งอึ้งไปใหญ่เมื่อเขายอมตามที่เธอต้องการ ต้องมีอะไรมากกว่าไปนั่งทานข้าวด้วยกันที่โรงแรมแน่ๆ แต่เอาเถอะ เขาคงไม่ถึงขั้นพาเธอไปพบพ่อแม่หรอก เขาคงไม่จริงจังกับเธอถึงขนาดนั้น

***********************************************************


ช่วงเช้าของวันนัด นลินเผลอทำงานเช้าเพราะเขตต์กวนใจจนต้องยอมตามใจเขา เมื่อเธอตื่นกลางดึกก็อาบน้ำและลงมาพิมพ์งานต่อ พอเขาลงมาจากห้องก็เห็นเธอกำลังง่วนอยู่ เขาเตรียมอาหารเช้าแล้วบอกให้เธอเข้านอน ก่อนออกไปทำงาน แต่วันนี้เขาใส่ชุดลำลองสีขาวสบายๆ

“โทรมาปลุกลินตอนใกล้เที่ยงด้วยนะคะ เดี๋ยวลินไปไม่ทัน” นลินหันมาบอกเขาก่อนเขาออกจากบ้าน

“ครับผม ไปทำงานก่อนนะครับ” เขตต์ย้อนกลับเข้ามา จูบเรือนผมเธอเบาๆ

“ขอบคุณค่ะ” นลินจัดการเก็บจานจนเสร็จ ล้างจนสะอาดก่อนขึ้นไปที่ห้องนอนแล้วมองสภาพมันแล้วถอนหายใจ

จะมีประโยชน์อะไรที่จะแยกห้องนอน ในเมื่อเขายังคงเข้ามาหาเธอในห้องทุกคืนแบบนี้ นลินอุตส่าห์หาข้ออ้างกันเขาให้ห่างจากเธอบ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเมื่อเขาก็มีข้ออ้างขอเข้ามาในห้องเธอได้แทบทุกคืน และทำแค่เพียงออกไปจากห้องเมื่อสะดุ้งตื่นตอนดึกแล้วกลับไปนอนที่ห้องนอนเขาจนเช้า

นลินยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของเขา แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเสน่ห์ของเขาที่เธอปฏิเสธไม่ลง นับวันการแยกจากเขาจะยิ่งทำให้เธอรู้สึกหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะคิดเรื่องนี้หรือเปลี่ยนเครื่องนอน เธอเพียงดึงให้ผ้าปูที่นอนตึงเหมือนเดิมแล้วหลับให้สบาย

พอเที่ยง นลินสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ตามสบายและไปโรงแรมตามที่เขาอธิบาย พอเธอไปถึงก็นิ่งอึ้งกับความยิ่งใหญ่อลังการของโรงแรมที่บ้านเขาแล้วก็ถอยออกไปก้าวหนึ่ง ก่อนตัดสินใจทำตามคำพูดที่เคยให้เขาไว้ ขึ้นไปยังชั้นเจ็ดที่มีสระว่ายน้ำและเป็นชั้นของร้านอาหาร

นลินมองผ่านไปที่เคาน์เตอร์คิดเงินเห็นผู้หญิงแต่งตัวดีคนหนึ่งนั่งอยู่ แต่เธอไม่คิดมากหลังจากสบตาผู้หญิงคนนั้นแวบหนึ่ง เธอเดินต่อไปและถามหาเขตต์และเห็นเขาใส่ชุดลำลองสีขาวนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของที่นั่งใต้ต้นไม้กลางแจ้ง ทันทีที่เขาเห็นเธอ เขาก็เดินมาจากโต๊ะและเข้ามาสวมกอดเธอ

“ลินมานั่งตรงนี้นะ” เขตต์พาเธอเดินไปที่โต๊ะ เลือกที่นั่งด้านในให้เธอ แล้วเขาก็นั่งด้านนอก อีกด้านเว้นที่ว่างไว้เหมือนมีใครจะมานั่ง

นลินมองชัยภูมิที่ตัวเองนั่งแล้วตกเป็นรองเขาเต็มๆ เหมือนกับป้องกันไม่ให้เธอหนีเสียอย่างนั้น “นี่มันมีอะไรมากกว่าอาหารมื้อเดียวหรือเปล่า”

เขตต์ทำหน้าลำบากใจ ก่อนอธิบาย “คือว่าวันนี้จะมีญาติผู้ใหญ่พี่มาทานกับเราด้วยจ๊ะ”

“คงไม่บังเอิญเป็นพ่อแม่พี่นะคะ” นลินรีบดักคอ แต่ยังหวังว่าพ่อแม่เขาจะไม่บังเอิญอยู่เมืองไทย

“เอ่อ บังเอิญเป็นคุณแม่พี่เอง” เขตต์ต้องยอมบอกความจริงกับเธอก่อนที่แม่เขาจะมาถึง

นลินถอนหายใจยาว เธอว่าแล้วต้องมีอะไรมากกว่ามาทานข้าว เพียงไม่รู้ว่าเขาจริงจังกับเธอถึงขั้นพามาพบแม่เขา แต่นลินยังไม่ได้พูดอะไรมากนัก ก็เห็นผู้หญิงสูงวัยที่เธอสะดุดตาคนนั้นเดินตรงมาที่โต๊ะ เธอภาวนาว่าคงไม่บังเอิญเป็นแม่เขาอีก

เขตต์ไม่ได้สนใจมอง หากเขาก้มลงแตะหน้าผากเขาลงที่หน้าผากของเธอ นึกอยากจูบเธอสักครั้งแต่ยั้งไว้ก่อนเพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อ นั่นทำให้นลินละสายตาจากผู้หญิงคนนั้น สบตาเขาและเพิ่งรู้สึกว่าเขาร่างสูงกว่าเธอมาก

เสียงกระแอมดังขึ้นทำให้เขตต์ตื่นจากโลกส่วนตัวของเขาและเธอ เขาหันไปมองแล้วสะกิดให้นลินยกมือไหว้แม่เขา ก่อนแนะนำ “เอ่อ แม่ครับ นี่นลิน กุมุทินี ลินนี่คุณแม่พี่ คุณขวัญฤดี นฤเมฆ เนลสัน”

นลินยกมือไหว้หากในใจนึกหวั่นๆ กับสายตาเข้มงวด ท่าทางลูกชายของผู้หญิงคนนี้จะก่อปัญหามากเสียจนทำให้คนในครอบครัวมองผู้หญิงทุกคนที่เขามาเกี่ยวข้องเป็นตัวปัญหาไปเสียหมด

ขวัญฤดีรับไหว้ ก่อนนึกถึงนามสกุลหญิงสาวคนนี้อีกครั้ง เพราะยังไม่ได้อ่านประวัติของหญิงสาวคนนี้ด้วยเชื่อในการมองคนของลูกชายอีกคนมาก “สวัสดี”

“สวัสดีค่ะ” นลินโดนบีบให้นั่งใกล้แม่เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าเธอไม่มีอะไรจะเสียเพราะฉะนั้นจึงเปลี่ยนจากนั่งพิงเป็นนั่งตัวตรง

“แม่มาเที่ยวนี้อยู่นานไหมฮะ” เขตต์เห็นว่าไม่มีใครคุยกันเขาจึงชวนคุย

“แม่ว่าเข้าเรื่องดีกว่าอย่ามาอ้อมค้อมเลยนะ เขตต์” ขวัญฤดีมองจนบริกรไปจากโต๊ะแล้วจึงพูดขึ้น

นลินหันไปมองเขตต์ก่อนถามขึ้น “เรื่องอะไรเหรอคะ พี่เขตต์”

“เอ่อ” เขตต์มองแม่ที่ไม่ยอมมองหน้าคนรักของเขาเลยและมองนลินอย่างจนปัญญา “นั่นสิครับแม่ เข้าเรื่องอะไรเหรอครับ”

“ก็คราวนี้ลูกจะหมั้นผู้หญิงคนนี้ด้วยอะไรไง” ขวัญฤดีเข้าประเด็นชัด

“ใครหมั้นใครคะ เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณป้า” นลินไม่สนใจท่าทางของแม่เขา เธอหันมาเล่นงานเขาทันที “พี่เขตต์ ลินเคยบอกตอนไหนว่าอยากหมั้นกับพี่น่ะ ไหนบอกว่ามาทานข้าวมื้อเดียวไง แต่มื้อเดียวหมายถึงการผูกมัดโดยที่ไม่ได้ถามความเห็นของลินก่อนละก็ ลินว่านิสัยเก่าๆ ของพี่คงยังรักษาไม่หายละมั๊ง”

“ลินใจเย็น เอ่อ พี่ไม่เคยพูดเรื่องหมั้นเลยนะ เอ่อ แม่ครับ แม่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ คือ ผมไม่รู้ว่าขันธ์บอกอะไรกับแม่ แต่ผมยังไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าแนะนำให้แม่รู้จักลินนะครับ” เขตต์พยายามอธิบายให้แม่เขาเข้าใจ

“จะเร็วหรือช้า เขตต์ก็ต้องพูดเรื่องนี้เหมือนกับอีกหลายรายที่เขตต์เคยพามาให้แม่รู้จักก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ แล้วเธอล่ะรออะไรอยู่อยากได้อะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะ” ขวัญฤดีจ้องสบตากับนลินที่กำลังโมโหและงุนงงอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษอีกครั้งนะคะ ถ้าคุณเข้าใจว่าครั้งนี้จะเหมือนครั้งที่แล้วๆ มา แต่ขอบอกเลยว่า คนอย่างนลิน กุมุลินี ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าก็ไม่ลำบากถึงกับต้องมาหลอกลูกชายคุณเพื่อหากิน เพราะถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับดิฉันสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงตระกูล แม้นามสกุลฉันจะไม่ยิ่งใหญ่แต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายฉันสอนไว้เสมอว่าคนเราต้องมีศักดิ์ศรี ขอตัวค่ะ” นลินโดนว่าดูถูกอย่างรุนแรงย่อมไม่พอใจ เธอมองให้เขตต์ลุกหนีแต่เขาไม่ยอม

“หลีกไป คุณเขตต์ เชิญคุณอยู่บนกองเงินกองทองของคุณให้สบายเถอะ ถึงฉันจะไม่มีกินก็ไม่แบมือขอเงินคุณใช้หรอก” นลินด่าว่าเขตต์ที่พาเธอมาให้แม่เขาดูถูก

“ลินใจเย็นๆ ก่อน” เขตต์ยกมือขึ้นพยายามให้นลินใจเย็นลงแต่ไม่เป็นผล

“หลีกไปนะ ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นซะแล้วไปหาผู้หญิงคนอื่นเอาข้างหน้า” นลินตอกใส่หน้าเขตต์ไม่ยั้งก่อนหันมองเผชิญหน้าแม่เขา “ไม่ต้องห่วงฉันจะไปจากชีวิตลูกชายคุณตั้งแต่วันนี้ แล้วไม่ต้องห่วงว่าคนนามสกุลกุมุลินีจะเรียกร้องเอาอะไรกับลูกชายคุณ”

ขวัญฤดีตกใจไม่น้อยที่เห็นปฏิกิริยาของหญิงสาวคนล่าสุดของลูกชาย ท่าทางร้ายไม่ใช่เล่นอย่างที่ลูกชายอีกคนว่าจริงๆ ทว่านามสกุลกุมุลินีทำให้นึกถึงคนรู้จัก

“คุณเขตต์หลีกสิ” นลินบอกย้ำให้เขาหลีกทางให้เธอ

“ใจเย็นๆ ก่อนลิน” เขตต์พยายามกอดเธอเอาไว้ไม่ให้ไปจากโต๊ะ เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ให้เธอนั่งด้านในเพราะกลัวเหมือนกันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทว่าเขาเพิ่งเข้าใจว่าการยอมให้กอดกับการต้องบังคับกอดเป็นยังไง

นลินดิ้นรนที่จะไปจากตรงนี้ที่ที่เธอโดนสบประมาท ทว่าเขากอดเธอแน่นมากเสียจนเธอต้องหยุดดิ้นหลังจากพยายามอยู่นาน “คุณจะเอายังไงกับฉันอีก ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ คุณก็ตามตื้อฉันอยู่ได้”

เขตต์ตกใจที่นลินร้องไห้ออกมาอย่างสุดทน “พี่ไม่ได้ตั้งใจเลยนะ แม่ฮะ ผมขอตัวก่อนนะฮะ”

ขวัญฤดียกมือขึ้นให้ทั้งสองหยุดความวุ่นวายก่อน ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามขึ้น “เธอเป็นอะไรกับผ.อ.เกษม”

ชื่อที่ขวัญฤดีพูดขึ้นมาได้ผลชะงัก นลินหยุดทันทีแต่กลับรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เมื่อชื่อที่ได้ยินเป็นชื่อพ่อของเธอ และโลกก็กลายเป็นสีดำ แสงสว่างดับวูบเพราะนอนน้อยและอารมณ์ขึ้นลงเร็วเกินกว่าจะรับได้

เขตต์ตกใจเมื่อนลินเป็นลมซบหน้าที่อกเขา “ลินๆ” เขาพยายามเรียกเธอแต่ไม่มีการตอบรับ “แม่ครับ ผมขอพาลินไปพักก่อนได้ไหมฮะ แล้วผมจะเล่าความจริงให้แม่ฟังทั้งหมด แล้วแม่จะเข้าใจก็ดีไม่เข้าใจก็แล้วแต่ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

ขวัญฤดีมองลูกชายเจ้าปัญหาแล้วสัมผัสความพิเศษของหญิงสาวคนนี้ในใจเขาได้ไม่ยากนัก แต่ก็พยักหน้าให้ลูกชายพาหล่อนไปพักก่อนที่ชั้นบน และโทรสั่งให้คนนำแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับนลินมาให้เธออ่าน

เขตต์อุ้มนลินไปยังห้องพิเศษสำหรับเขา วางเธอที่เตียงนั่งมองเธอแล้วรู้สึกหวาดหวั่น ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เขาหันไปมองก็รู้ว่าเป็นแม่ที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ จึงหันไปคุยด้วย “แม่ฮะ”

ขวัญฤดียกมือขึ้นห้ามลูกชายพูดก่อนถาม “ลูกรู้จักกับลูกสาว ผ.อ.เกษมได้ยังไง”

เขตต์ทำหน้างงสุดๆ เขาไม่รู้จักคนชื่อเกษมเลยด้วยซ้ำ จะไปรู้จักกับลูกสาวเขาได้ยังไง “ใครเหรอครับ”

“ก็นลินที่นอนอยู่ตรงนั้นไงล่ะ” ขวัญฤดีอ่านแฟ้มแล้วตกใจ สงสัยและงุนงง

“เอ่อ แม่ฮะ ผ.อ.เกษมเป็นใครเหรอฮะ” เขตต์ชักงงกับสีหน้าของแม่

“ลูกเล่ามาก่อนสิว่าไปเจอผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง” ขวัญฤดีเห็นลูกชายมีพิรุธจึงไม่ยอมพูดก่อน

เขตต์ตั้งสติและเรียบเรียงคำพูดก่อนเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด รวมถึงพฤติกรรมผลักไสของนลิน การใช้จ่าย การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เขาเล่าหมดทำเอาแม่เขาต้องถอยหลังพิงพนัก

“ลูกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขตต์ ลูกรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป” ขวัญฤดีถอนหายใจยาวและพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อตั้งสติก่อนอธิบายให้ลูกชายที่กำลังทำหน้างุนงงกับปฏิกิริยาเกินพอดีของแม่ “นลินเป็นลูกสาว ผ.อ.เกษม ซึ่งแม่รู้จักดีเสียด้วยสิ เพราะเมื่อก่อนเคยได้ท่านช่วยเหลือดูแลตอนมีปัญหากับคนในท้องที่ที่เราตั้งโรงแรมอยู่”

“เอ่อ แม่ฮะ ผมจริงจังกับลินนะฮะ ลินเป็นคนดี แต่ลินไม่ยอมแต่งงานกับผม ผมเคยขอลินแต่งงานแต่ลินบ่ายเบี่ยงตลอด ลินบอกว่าลินไม่ต้องการให้คนในครอบครัวเรามองลินเป็นพวกขุดทอง ลินพูดเสมอว่าถึงเวลาลินจะไปเอง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร” เขตต์อธิบาย

“ตลอดเวลาที่ลินอยู่กับผม ลินไม่เคยขอเงินผมเลยสักบาท ค่าใช้จ่ายอะไรลินก็ออกเองหมด ผมจะซื้ออะไรให้ลินก็ไม่เอา ไอ้นั้นก็ว่าสิ้นเปลือง ไอ้นี่ก็ว่าไม่จำเป็น ลินไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลยจริงๆ นะครับแม่”

“แม่เชื่อเรื่องนั้น ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ ผ.อ.เกษมก็ไม่เคยเรียกร้องเอาเงินจากใคร ท่านถือมากเรื่องศักดิ์ศรี แม่เข้าใจแล้วว่าทำไมหนูลินถึงเป็นลมตอนได้ยินชื่อท่าน โธ่ เรื่องที่ลูกทำ ยังไงครอบครัวหนูลินก็คงยอมรับไม่ได้หรอก” ขวัญฤดีปวดหัวแทนลูกชาย ถ้าเป็นคนอื่น เธอคงไม่ปวดหัวเท่านี้

“แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ ในเมื่อลินเขาไม่ยอม แม่ก็เห็นนี่พูดเรื่องหมั้น ลินก็โมโหจะแย่อยู่แล้วฮะ” เขตต์จนปัญญากับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนใจเด็ดเท่าเธอมาก่อน

“เฮ้อ แม่เข้าใจแล้วว่าทำไมหนูลินถึงไม่ยอมหมั้นกับลูก ก็เพราะเรื่องที่ลูกก่อนี่สิ ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะไปกล้าบอกพ่อแม่ว่าผู้ชายที่จะมาเป็นลูกเขยได้มาเพราะอย่างงี้ ตายๆ แม่ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ” ขวัญฤดีปวดหัว ก่อนตั้งสติ “ลูกมีวิธีเกลี่ยกล่อมให้หนูลินยอมแต่งงานกับลูกไหม”

“แม่ฮะ ขนาดหมั้นยังไม่ยอมเลย ผมไม่กล้าคิดถึงเรื่องแต่งงานหรอกครับ” เขตต์ก็ปวดหัวเช่นกัน

“งั้นเดี๋ยวแม่คุยเอง ยังไงแม่ก็ไม่ยอมนะ ลูกทำกับเธอถึงขนาดนี้แล้วไม่รับผิดชอบได้ยังไง นี่อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนๆ แล้วนี่” ขวัญฤดีเปลี่ยนท่าทีไปอย่างเห็นได้ชัด นึกพอใจคำพูดของหญิงสาวอยู่บ้าง บวกกับชื่อของคนรู้จักที่เคยช่วยเหลือในอดีต เธอย่อมต้องรีบจับลูกชายตัวปัญหาให้แต่งงานกับผู้หญิงดีๆ ก่อน

นลินค่อยๆ รู้สึกตัวก่อนมึนงงอยู่พักใหญ่ เห็นเขตต์และแม่เขากำลังคุยกันในห้อง เธอรีบลุกขึ้นนั่งทำให้รู้สึกวูบขึ้นมาอีกจนเขตต์ต้องเข้ามาพยุง “ใจเย็นๆ ลิน เพิ่งฟื้นรีบลุกจะเวียนหัวอีกนะ”

“อย่ามายุ่งกับลินนะ ลินจะกลับไปอยู่บ้านลิน” นลินยังโกรธอยู่เมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้

“เอ่อ หนู ใจเย็นๆ ก่อนแล้วฟังแม่นะ เอาเป็นว่าแม่ขอโทษที่พูดไม่ดีไป หนูก็คงรู้ว่าเมื่อก่อนเขตต์ก่อเรื่องไว้แค่ไหน” ขวัญฤดีพยายามเอาความเป็นผู้ใหญ่เข้าข่ม

นลินตั้งสติได้และไม่นึกโกรธหัวอกคนเป็นแม่ แต่โกรธเขตต์ที่ทำให้เธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ “ดิฉันไม่โกรธคุณหรอกค่ะ เป็นปกติที่แม่ทุกคนต้องปกป้องลูก ดิฉันโกรธลูกชายคุณต่างหาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าดิฉันไม่เคยต้องการเรื่องแบบนี้ เขาก็ยังทำลงไปได้”

ขวัญฤดีมองเขตต์ที่กำลังทำท่าจะพูด แต่เธอชิงพูดก่อน “อย่าโกรธเขาเลย เขาแค่ต้องการแสดงความจริงใจและก็อยากให้รู้ว่าเขาจริงจังกับหนูแค่ไหน เมื่อกี้เขาเล่าให้แม่ฟังหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แม่รู้จักกับพ่อหนูพอเข้าใจความรู้สึกหนู”

นลินหันขวับไปมองเขตต์และยิ่งโมโหกว่าเดิม ก่อนเค้นกระซิบออกมา “นี่คุณจะประจานฉันให้ใครต่อใครฟังหมดเลยใช่ไหม”

“เปล่า พี่เปล่า แต่ถ้าพี่ไม่เล่า แม่พี่ก็จะเข้าใจลินผิด พี่รับรองว่าแม่พี่จะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดหรอก” เขตต์จะแตะไหล่เธอ แต่นลินไม่ยอมให้แตะต้องตัวเธอง่ายๆ

“มันไม่ใช่ความผิดของหนูหรอก เป็นความผิดของตาเขตต์ที่ทำอะไรขาดสติ แม่อยากให้เราแก้ปัญหาตรงนี้จะได้ไหม” ขวัญฤดีพอจับใจความที่เด็กสองคนกระซิบกันได้

“ปัญหาจะหมดไปถ้าดิฉันไปจากชีวิตลูกชายคุณ และถ้าคุณจะกรุณา ดิฉันขอร้องคุณอย่าบอกเรื่องอัปยศนี้ให้พ่อของดิฉันฟัง ท่านคงรับไม่ได้หรอกค่ะ” นลินตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไปจากเขา

“อืม แม่คิดว่ามีทางอื่นแก้ไขได้ดีกว่านั้น ถ้าหนูจะยอมตั้งใจฟังคำพูดของแม่ให้ดี” ขวัญฤดีเกลี่ยกล่อมอย่างมีชั้นเชิงผิดกับลูกชายลิบลับที่ไม่สามารถเอานลินอยู่ได้เลย

นลินเริ่มมีสติทบทวนคำพูดของแม่เขาอีกครั้ง สรรพนามที่ใช้ก็เปลี่ยนไป ท่าทีก็เปลี่ยนด้วย เธอเริ่มสับสนแต่ก็ยอมนิ่งเงียบและฟังอย่างตั้งใจ “ค่ะ”

“สิ่งที่หนูพูดมาก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง” ขวัญฤดีพูดยังไม่ทันจบลูกชายตัวดีก็ขัดขึ้น

“แม่ฮะ” เขตต์ไม่ต้องการสูญเสียนลินไปจึงฟังไม่จบ

“เดี๋ยวสิเขตต์” ขวัญฤดีหยุดลูกชายก่อนหันมาคุยกับหญิงสาวที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง “แต่จะดีกับทุกฝ่ายถ้าหนูจะยอมแต่งงานกับลูกชายแม่ ให้เขาได้แก้ไขทุกอย่างให้ถูกต้อง แล้วถ้าหนูต้องการเวลาอีกสักนิด หมั้นกันไว้ก่อนก็ได้ ถ้าหนูคิดว่าลูกชายแม่ไม่ดีพอ จะถอนหมั้นก็ยังไม่สายจริงไหม”

“แต่หนูไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานกับลูกชายคุณเลยนะคะ หนูไม่แน่ใจว่าหนูกับเขาจะต้องการอย่างนั้นจริงๆ” นลินสารภาพความในใจออกมาเล็กน้อย

“พี่ต้องการ ต้องการมากด้วยถ้าลินไม่ขัดข้องแต่งงานกันเลยให้เร็วที่สุดก็ได้” เขตต์ดึงมือเธอมากุมไว้ และยิ่งทำให้ขวัญฤดีแน่ใจว่าลูกชายเธอรักหญิงสาวคนนี้มากแค่ไหน

“หนูอย่าคิดในแง่ร้ายสิ เอาอย่างนี้ละกัน หมั้นกันไว้ก่อน ค่อยๆ ศึกษาแล้วตัดสินใจเรื่องแต่งงานกันอีกทีดีไหม” ขวัญฤดีดูแล้วหญิงสาวตรงหน้าไม่มีจุดประสงค์เรื่องเงินอย่างคนอื่นๆ โดยเฉพาะลูกสาวคนที่เธอนับถือก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“นะ ลิน พี่ขอร้อง หมั้นกันก่อนก็ได้นะ” เขตต์พยายามขอร้องเธออีกที

“แต่ว่าลินไม่อยากให้มันเอิกเกริก คือว่าลินยังไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่เลย ท่านจะว่ายังไงก็ไม่รู้สิ” นลินลังเลใจเอง เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่ต้องตามใจ แต่เธอต่างหากที่ไม่แน่ใจ

“ลินต้องขอพ่อแม่ด้วยเหรอ แปลกนะพี่ไม่เคยเห็นลินขอเลยเวลาลินทำอะไร” เขตต์ตั้งข้อสังเกตง่ายๆ เหมือนรู้ทันทำให้นลินเผลอตีเข้าที่แขนเขาทีหนึ่ง

“หมั้นก็หมั้นสิ” นลินจึงตกลงรับหมั้นเขา

ขวัญฤดีเห็นเด็กทั้งสองตกลงกันได้แล้วก็โล่งใจ “เอาล่ะ งั้นหนูนัดให้ทีว่าเมื่อไร หนูต้องการงานหมั้นแบบไหนก็บอกมานะ แม่จะจัดการให้สมเกียรติเลย”

“เอ่อ คุณแม่คะ หนูขอหมั้นแบบไม่จัดงานได้ไหมคะ เรียบง่ายแค่ผู้ใหญ่คุยกันแล้วก็แลกแหวนกันไม่ต้องมีสินสอดอะไรก็ได้ค่ะ ขอเรียบๆ ไม่มีพิธีอะไรเลยค่ะ” นลินยื่นข้อเสนอ

“ได้ยังไงล่ะ ลิน พ่อแม่ลินจะยอมเหรอ” เขตต์ถามขึ้นอย่างสงสัย

“พ่อแม่ก็คงแล้วแต่ลิน ท่านไม่ค่อยคิดมากเรื่องเงินทองหรอก ท่านจะบอกดีเสียอีกไม่ต้องตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สิ้นเปลืองเปล่าๆ” นลินอธิบายตามจริง

“คุณแม่ว่าไงฮะ” เขตต์หันไปขอความคิดเห็นของแม่

“งั้นก็แล้วแต่หนู เรื่องงาน แต่เรื่องสินสอดทองหมั้น แม่คงยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องมี เรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่คุยกันจะสะดวกกว่านะ” ขวัญฤดียอมให้ครึ่งทาง คงไม่ดีแน่ถ้าหมั้นอย่างฝรั่งไปเสียหมด

“ค่ะ” นลินรับคำอย่างว่าง่าย อีกคนมาครึ่งทางเธอก็ต้องไปครึ่งทาง การจะเอาเปรียบใครคงไม่ใช่นิสัยเธอ

“งั้นแม่ขอตัวก่อน ถ้าจะกลับก็กลับกันได้เลยนะ เรื่องอาหารไว้คราวหน้าค่อยมาทานพร้อมกันละกัน” ขวัญฤดีเห็นว่าเด็กทั้งสองคนอยากคุยกันมากกว่าจึงไม่อยากอยู่ขัดคอ

“สวัสดีค่ะ/ครับ” เขตต์และนลินต่างยกมือขึ้นไหว้ลา

เมื่อเสียงประตูปิดลง เขตต์ก็เข้าไปสวมกอดนลินไว้และจูบเธออย่างดูดดื่ม ทว่าเขาไม่ยอมแค่นั้นยังเอื้อมไปสัมผัสสะโพกเธอก่อนเอื้อมต่ำลงอีก ทำให้นลินได้สติตีมือเขาและผลักเขาจากตัว “อย่าซนสิคะ”

“ลินรู้ไหม วันนี้เป็นวันที่พี่มีความสุขมาก และจะยิ่งมีความสุขมากกว่านี้เมื่อถึงวันที่เราได้แต่งงานกัน” เขตต์พูดขณะที่แตะหน้าผากกับเธออยู่ ไอร้อนจากลมหายใจสัมผัสกันใกล้ชิด

“ยังหรอกค่ะ ขอเวลาลินอีกสักพักนะคะ ให้ลินแน่ใจมากกว่านี้ เรารู้จักกันไม่นานด้วย ลินอยากแต่งงานครั้งเดียวหรือไม่ก็ไม่ต้องแต่งไปเลยค่ะ” นลินพยายามถอยออกมาให้ห่างจากเขา ทว่าอ้อมกอดเขาช่างอบอุ่นเหลือเกิน

“คนไทยสมัยก่อนไม่เคยเห็นหน้ายังแต่งงานกันแล้วอยู่กันได้ยาวนานเลย แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เคยทำอะไรให้ลินต้องผิดหวังไหม” เขตต์ถาม

หากมือเขาใช่จะหยุดอยู่กับที่ ยังคงลูบไล้ไปเรื่อยจนรุกเข้าไปสัมผัสผิวกายของเธอใต้เสื้อ เขาก้มลงสูดกลิ่นหอมจากแก้มจนกระทั่งไปถึงซอกคอ ส่วนมือเขากำลังปลดตะขอด้านหลัง แต่นลินได้สติจึงรวบรวมกำลังผลักเขาและถอยห่างจนสำเร็จ

“พอแล้วค่ะ” นลินตั้งท่าถอยกรูดไปที่กำลังแพง “ลินหิวแล้ว จะกลับไปกินที่บ้านหรือว่าจะทานที่ข้างล่างคะ”

เขตต์หัวเราะขำกับความเขินอายของหญิงสาวร่างอวบ แถมยังเปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉยทั้งที่เขากำลังจะปล่อยใจไปตามอารมณ์ เขานั่งเท้าแขนไปที่ด้านหลังก่อนบอก “สั่งมากินข้างบนก็ได้”

นลินส่ายหน้าไม่ยอม อะไรกัน...แม่เขาเพิ่งจะออกไปจากห้อง เขาก็ทำรุ่มร่ามกับเธอแล้วเหรอ

“เอาล่ะๆ เดี๋ยวสั่งไปกินที่บ้านก็ได้” เขตต์ยอมแพ้เธอเลยจริงๆ

เธอใช่จะยอมเขาง่ายๆ เสียเมื่อไร และเขาก็ไม่เคยหักหาญน้ำใจเธอโดยที่เธอไม่ยินยอม ทว่าเขารู้ว่าเมื่อไรเธอถึงจะพร้อมยอมให้เขาทำตามใจต้องการ แม้เธอจะขัดขืน ซึ่งไม่แปลกเป็นปกติอยู่แล้วที่เธอจะขัดขืนเขา หากเขารู้ว่าทำอย่างไรเธอจึงยอมให้เขาแต่โดยดี

เขตต์ไม่เคยต้องบังคับเธอ เขาไม่ต้องการสิ่งที่ได้มาด้วยการบังคับ โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ว่าจะทำอย่างไรให้เธอเต็มใจ...



*****************************************

^^ ไม่ได้โพสเสียหลายวัน รึเปล่าหนอ
มาสักทีดีกว่า เดี๋ยวรอฟังเสียงเพื่อนๆ เรื่องไหใบใหม่ไปด้วยค่า
อิอิ ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ

คุณ mimny --- เกือบค่ะ ^^" ตกลงกันได้แบบแปลกๆ ด้วยค่ะ


Create Date : 05 สิงหาคม 2552
Last Update : 5 สิงหาคม 2552 1:51:57 น. 1 comments
Counter : 498 Pageviews.

 
เรื่องนี้ก็ผู้หญิงเก่งอีกนั่นแหละ...ได้ใจๆๆๆ จริงๆค่ะ คุณเพลิงวารี ชอบอ่านงานของคุณก็ตรงที่นางเอกมีความเป็นตัวเองสูงนี่แหละค่ะ


โดย: tuk_ora วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:13:07:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com